เรื่องสั้นเรื่องที่สอง (วีคนี้ก็ 2 เรื่องครับ) นี้ อ่านสนุกครับ ^^
เรื่องของทรชนนายหนึ่งซึ่งหากินด้วยการเป็นมือปืน ทำมานานสองปี จนช่ำชองและชินชาเฉยกับการฆ่า
และคราวนี้เขาต้องจัดการกับ "เหยื่อ" รายที่แปด...
เป็น
"เหยื่อพิเศษสุด" สำหรับเขา ชนิดที่
ไม่มีทางปฏิเสธได้ ตลอดกาล!
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? ตามไปดูกันครับ ^^

“เปรี้ยง เปรี้ยง”
เสียงปืนดังกึกก้องในยามค่ำคืน แถวชานเมือง ร่างของชายร่างท้วมทรุดลงพื้น เลือดไหลนอง เขาถูกกระสุน ขณะกำลังลงจากรถเดินตรงไปเพื่อบ้านประตูบ้าน
เรือง กดเซฟ เก็บปืนเข้ากระเป๋าอย่างใจเย็น หลังจากลั่นไกปืน คร่อมควบจักรยานยนต์ 150 ซีซี กลางเก่ากลางใหม่ ติดป้ายทะเบียนปลอม พุ่งออกจากที่เกิดเหตุทันทีอย่างชำนาญเส้นทาง
ก่อนลงมือ เรือง ใช้เวลาสองสัปดาห์ ศึกษาทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี รวมทั้งพฤติกรรมซ้ำซากของเหยื่อ เพื่อการทำงานไม่ให้ผิดพลาด และเป็นตามนั้น เขาไม่สนใจหรอกว่า เหยื่อจะเป็นใคร เงินค่าจ้างคือสิ่งที่เขาต้องการ
สองปีกับเหยื่อจำนวนเจ็ดราย ไม่มีพลาดสักครั้ง ค่าจ้างก็คุ้ม ไม่ต้องลงทุนลงแรง อาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานเช้าจดเย็น
เพียงแต่ตัดคำว่า
“สงสาร ใจอ่อน” ออกจากพจนานุกรม เขียนคำว่า
“เด็ดขาด ต้องตาย” ลงไปแทน
การฆ่าคน มันทำใจยากช่วงแรก แต่หลังจากนั้น ยิ่งมากครั้ง มันก็ไม่ยาก ถ้าไม่คิดมาก แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ งานที่ต้องใช้ฝีมือ สมอง และความอำมหิต เรืองพยายามคิดว่าคนเราเกิดมาทุกคนต้องตาย เขาเพียงเร่งเวลาตายให้เร็วขึ้นเท่านั้น เรืองไม่เคยเลือกเหยื่อ ถ้าเงินถึง ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว ต่อให้เป็นพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น
แสงไฟรถส่องสว่างบนถนนดิน เงาดำของป่าหญ้าด้านข้างผ่านไปอย่างรวดเร็ว คืนนี้มีจันทร์เสี้ยว ทำให้บรรยากาศไม่ถึงกับมืดสนิท เงาตะคุ่มสุมทุมพุ่มไม้มองเห็นตามข้างทาง เรืองใช้มือซ้ายปลดหน้ากากไอ้โม่งออก โยนทิ้งข้างทาง รับลมเย็น เต็มที่ วางแผนจะใช้เงินเลขหกหลักในวันพรุ่งนี้ ด้วยวัยสามสิบสองปีของนักฆ่า ผู้มีความคล่องแคล่ว และแข็งแรง รูปร่างสูงได้สัดส่วน หน้าท้องแบนเรียบ โลดแล่นในวงการมานานพอดู เรืองคิดว่าเขายังมีโอกาสทำเงินอีกนาน กับการลั่นไกปืนแลกเงิน
เสียงลมที่พัดผ่านหู ผสมกับเสียงท่อไอเสียที่ดังก้องสองข้างทาง ถนนสายนี้จะพาเขาตัดออกนอกเมือง ข้ามเขตไปยังอีกจังหวัด ไม่ต้องกลัวด่านตรวจ เพราะเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยใช้กัน ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องการใช้ชีวิตอยู่กับ
พลอย นักร้องสาวที่เขากำลังติดพัน
เรืองรู้ว่าพลอยมีคนมาติดพันหลายคน แต่เขาไม่เคยกังวล คนพวกนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร แค่เจอปืนจี้หัว ก็คร้านแต่จะพากันหลบหาย
พอคิดถึงพลอย เรืองเผลอยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว
เงาร่างของใครบางคนโผล่พรวดมาจากข้างทาง วิ่งตัดหน้ารถไปแบบกระชั้นชิด
เรืองสบถลั่น หักรถจักรยานยนต์หลบแบบไม่ต้องคิด เป็นไปตามสัญชาตญาณ ซึ่งถ้าเป็นรถยนตร์ เขาต้องขับรถพุ่งเข้าชนไปแล้ว
เสียงล้อบดพื้นถนน รถเสียหลักล้มโครมคราม ร่างของมือปืนหนุ่มกลิ้งไปตามไหล่ถนน เสียงวัตถุหนักตกลงในน้ำ
พอได้สติ เรืองพบว่าตัวเองจมอยู่ในน้ำขุ่นข้น ทำให้ต้องรีบตะกายขึ้นมาก่อนจะจมน้ำตาย ในที่สุดก็ขึ้นมานั่งตัวเปียกอยู่ริมฝั่ง เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน
ตรวจความเสียหายของร่างกาย ไม่เป็นอะไรมาก มีอาการบาดเจ็บตามเข่าและข้อศอก แต่ไม่มีปัญหาขนาดทำให้เดินไม่ได้ ยังพอไหว
ไอ้บ้าที่ไหนกัน มาวิ่งตัดหน้า เรืองคิดพลางขบกรามกรอด มือควานหาปืนคู่ใจ ยังอยู่ ทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้ เจอหน้าจะต้องจัดการทรมานให้หนัก ก่อนยิงมันเสียให้ตาย
ค่อยพยุงตัวลุกขึ้น มองหาขอบถนนที่พลัดตกลงมา ในความเลือนรางของแสงจันทร์ มองเห็นพื้นลาดชันสูงขึ้นไปด้านบน เขามองอย่างแปลกใจ พื้นผิวถนนอยู่สูงกว่าที่คิด
เรืองไม่มีทางเลือก ต้องเดินกึ่งตะกายขึ้นไปกับความลาดชันสี่สิบห้าองศา พื้นดินพื้นหญ้าเปืยกชื้นน่ารำคาญ ทำให้ลื่นล้มหลายครั้ง กระทบกระเทือนอาการบาดเจ็บพอสมควร แต่เขาก็ขึ้นมาอยู่บนถนนจนได้
ไม่ ---ไม่ใช่ถนน
เรืองพบตัวเองอยู่บนพื้นดินสภาพเป็นลานกว้างครึ่งวงกลม ถัดไปเป็นเงาของไม้พุ่มใหญ่น้อยรายรอบ ด้านหลังคือความมืดดำ เขาเริ่มนึกสงสัยว่าตัวเองอาจขึ้นผิดทาง ถนนอาจอยู่อีกด้านของคลอง
ใช้มือป้องหน้า มองฝ่าความมืดสลัวไปยังฝั่งตรงกันข้าม พอมองเห็นว่าสภาพอีกฝั่งเป็นทางลาดชันขึ้นไป มีสุมทุมพุ่มไม้เรียงราย เหมือนด้านนี้ไม่มีผิด มองเลยขึ้นไป ไม่เห็นถนน นอกจากสุมทุมพุ่มไม้ในความมืด ฝูงแมลงเริ่มบินตอมอย่างน่ารำคาญ
เรืองรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง ถ้าด้านนี้ไม่ใช่ถนน อีกฝั่งก็ควรเป็นถนน เพราะเขาเพิ่งกลิ้งตกลงมา คลองมีสองด้าน ถนนต้องอยู่อีกด้าน เหคุผลง่ายๆ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถึงจะหงุดหงิดโมโห แต่ไม่มีทางเลือก เรืองจำเป็นต้องลงไปในคลองอีกครั้ง
แต่ยังไม่ได้ขยับตัวลงไป สายตาพลันมองเห็นเงาตะคุ่มของอะไร หรือใครบางคน กำลังค่อยๆ ตะกายขึ้นมาจากริมคลอง ร่างนั้นเริ่มต้นตะกายพื้นลาดชันขึ้นมา มีเสียงหอบหายใจหนักๆ ให้ได้ยิน
เรืองทรุดตัวลงนั่งเข้าข้างหนึ่งอย่างระแวดระวัง สายตาจับจ้องแทบไม่กะพริบ เสียงตะกายพื้นดังชัดเจนในความสงัด
คนธรรมดาที่ไหนจะลงไปเล่นในคลองยามวิกาล
คนหรือผีก็ช่างหัวมัน จะทนลูกปืนได้ก็ให้รู้ไป เขาดึงปืนออกจากกระเป๋า ปลดเซฟ กำปืนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายรองด้ามปืนไว้ เหยียดแขนตรง เล็งปืนไปยังร่างประหลาดที่กำลังตะกายขึ้นมาอย่างไม่ตื่นตกใจจนเกินเหตุ ความเป็นฆาตกรทำให้จิตใจและประสาทแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
เขาใจเย็นพอที่จะรอให้ร่างนั้นเข้ามาใกล้ ในระยะห่างออกไปไม่ถึงสองเมตร
ดวงจันทร์เคลื่อนออกจากหมู่เมฆพอดีจังหวะนั้น ทำให้เริ่มมองเห็นร่างประหลาดชัดเจนขึ้นจากเดิม
ถ้าจะดูรูปร่าง ก็เหมือนมนุษย์เรานี่เอง มีแขนมีขามีหัวมีตัวตน
แต่มันดำมะเมื่อมเหมือนอาบด้วยน้ำมันดินเลาะเทอะ มือของมันยื่นไขว่คว้าออกมา เหมือนพยายามสื่อสารบางอย่าง ดวงตาของมันเบิกโพลง
เรืองรู้สึกตัวชาดิก ทั้งร่างกายหมดความรู้สึกไปชั่วขณะ แม้แต่เสียงแมลงรอบข้างก็ไม่ได้ยิน
พอได้สติ เรืองเหนี่ยวไกปืนทันที
เสียงระเบิด
“เปรี้ยง เปรี้ยง” ก้องสะท้อนทั้งราวป่า สองนัดเพื่อความแน่ใจ ร่างประหลาดผงะหงายตามแรงกระสุน เสียงร้องอย่างเจ็บปวด เสียหลักร่วงหล่นตูมลงไปในน้ำคลอง แล้วเงียบหายไป โดยไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ขึ้นมาอีก
ไม่ว่าผีหรือคน เจอลูกปืน ทนได้ ก็ให้รู้ไป
เรืองลุกขึ้น มองลงไปในลำคลอง
มันน่าจะเป็นคน เรืองพยายามหาคำอธิบาย บางทีอาจเป็นคน ที่วิ่งตัดหน้ารถของเขาก็เป็นได้ มันอาจจะโดนชนบาดเจ็บ กระเด็นร่วงลงไปในคลอง เขาให้น้ำหนักตรงนี้มากกว่าจะคิดว่าเป็นผีสาง เพราะเกิดมาก็ไม่เคยเจอผี มือปืนไม่เคยกลัวผีและเชื่อสิ่งโง่งมงาย
เรืองรอดูสถานการณ์พักหนึ่ง แน่ใจว่าไม่มีอะไรโผล่ขึ้นมาอีก จึงเริ่มหาทางวางแผนเดินหน้าต่อไป
เขาต้องลงไปในคลอง อีกครั้งสินะ
ถ้าฝั่งนี้ไม่ใช่ถนน มันก็ต้องฝั่งโน้น ถ้าจะไปฝั่งโน้น ก็ต้องลงคลองอีกรอบ เป็นเรื่องที่ไม่อยากทำ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
เรืองจำใจปีนฝั่งลาดชันลงไปอีกครั้ง อย่างระมัดระวังตัว คราวนี้ถือปืนติดมือแน่น มันทำให้อุ่นใจ ไม่ว่าอะไรโผล่มา เห็นท่าไม่ดี ก็ เปรี้ยง เปรี้ยง เข้าไป เป็นไงเป็นกัน
ว่ายน้ำข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ด้วยระยะทางประมาณสิบเมตร มันก็ไม่เท่าไร น้ำไม่ได้เยือกเย็นอะไรมากมาย คงเพราะเก็บความร้อนจากพื้นดินช่วงกลางวันพอหลงเหลือ ความขุ่นดำของน้ำต่างหากทำให้รำคาญใจ รวมทั้งกลิ่นอับของซากพืชพรรณที่น่าจะอยู่ในน้ำ
ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองต้องลงมาในคลองสกปรกถึงสองครั้ง แต่ครั้งที่สามจะไม่เกิดขึ้น เพราะเขากำลังมุ่งหน้าขึ้นไปยังพื้นผิวถนน ก่อนพาตัวเองกับยานพาหนะ มุ่งหน้าออกไปจากสถานที่บ้า ๆ
การลงน้ำคลองครั้งที่สอง ดูท่าลำบากกว่าครั้งแรก น้ำคลองดูขุ่นข้นขึ้น มีกลิ่นเหม็นมากขึ้น คงเป็นเพราะว่าครั้งแรกไม่ได้สังเกตอะไรมาก เขาคิดในใจ ขณะว่ายน้ำไปอย่างทำความเร็วไม่ได้ดั่งใจ มือขวาต้องถือปืน และต้องคอยระวังไม่ให้ปืนจมลงไปในน้ำ ด้วยความเป็นห่วงอาวุธคู่ใจ กลัวมันจะทำงานผิดพลาดเวลาจำเป็น
รอบด้านดูมืดดำเหมือนหลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง ยังดีว่าพอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ยังมองเห็นดวงจันทร์ผลุบโผล่ในกลุ่มปุยเมฆลอยต่ำมองดูแปลกตา นึกระแวงเจ้าร่างประหลาดเหมือนกัน ว่ามันอาจโผล่มาตอนไหน แต่เขาก็มั่นใจว่า ได้ส่งมันลงไปในนรกแล้วแน่นอน ไอ้คนต้นเหตุ ที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งปราด มาสัมผัสบริเวณน่อง สัมผัสแผ่วแต่ทำให้สะดุ้งได้เหมือนกัน หรือจะเป็นงู แต่ถ้าเป็นงู มันจะอยู่ในระดับน้ำลึกขนาดนั้นได้ยังไง ไม่น่าเป็นไปได้
เรืองประคองตัวลอยคอดูท่าที ถ้าเป็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า เขาไม่เคยกลัว แต่นี่มันอยู่ลึกลงไปในสายน้ำดำมืด ถ้ามันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่มุ่งร้าย จะใช้ปืนยิงลงไป ย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่แล้ว เขาก็เกิดความว่า ลอยคออยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ ว่ายน้ำเข้าหาฝั่งเป็นการดีที่สุด
แต่อะไรบางอย่างพุ่งปราด พาดผ่านหน้าท้องไปอย่างรวดเร็วทำให้สะดุ้ง สัมผัสเหมือนวัตถุเป็นเส้นยาว
งู หรืออะไร ครั้งนี้ทำให้เขาตกใจ รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ ตัดสินใจว่ายน้ำเข้าหาฝั่งอย่างรวดเร็ว
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไล่ตามมาติด ๆ หัวใจของเรืองเต้นแรง เขารู้ว่านั่นหมายถึงความกลัว ...กลัวกับสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ความมืดดำเหมือนจะดึงดูดให้จมลงไปเบื้องล่าง สภาพน้ำมีความหนืดมากขึ้นอย่างผิดปกติทำให้แหวกว่ายอย่างลำบาก
แตในที่สุดเรืองมาถึงฝั่งจนได้ในสภาพเหนื่อยหอบ ในสภาพไม่ต่างจากลูกหมาตกบ่อน้ำครำ ความหนาวเย็นเริ่มเข้ามาเกาะกุมร่างกาย กระแสลมเย็นแรงพัดผ่าน พร้อมกลุ่มหมอกสีขาวหนาทึบ
ต้องขึ้นไปบนถนนให้ได้เสียก่อน ท้ายรถมีเสื้อผ้าสำรองสำหรับการเปลี่ยนอำพรางตัวตน ยามจำเป็นในการหลบหนี แต่เวลานี้ความจำเป็นยิ่งกว่า คือใช้มันเพื่อให้รอดพ้นจากอาการหนาวสั่น
เขาพบว่าปืนคู่ใจหลุดมือหายไปเสียแล้ว
เรืองสบถอย่างหัวเสีย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเผลอทำปืนหลุดหล่นมือ
ทางลาดชันทำให้เรืองปีนบ่ายอย่างลำบาก เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนดินสกปรก เสียงตะกายพื้นลากตัวเองขึ้นไป ผสมเสียงหายใจเหนื่อยหอบ
มีบางอย่างรออยู่ด้านบน ความรู้สึกบอกกับตัวเอง อาวุธก็ไม่มี ถ้าเป็นศัตรู จะเอาอะไรไปบวกกันมัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เรืองถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
นั่นมัน……เป็นไปไม่ได้!!!
เรืองเหนี่ยวไกปืนทันที
(มีต่อครับ) ^^
❔♾️🌌 ถุงมือเรื่องสั้น สมัยสุดท้าย Week#2 เรื่องที่ 6 "วังวน" - ถุงมือ .347 🌌♾️❔
เรื่องของทรชนนายหนึ่งซึ่งหากินด้วยการเป็นมือปืน ทำมานานสองปี จนช่ำชองและชินชาเฉยกับการฆ่า
และคราวนี้เขาต้องจัดการกับ "เหยื่อ" รายที่แปด...
เป็น "เหยื่อพิเศษสุด" สำหรับเขา ชนิดที่ ไม่มีทางปฏิเสธได้ ตลอดกาล!
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? ตามไปดูกันครับ ^^
เสียงปืนดังกึกก้องในยามค่ำคืน แถวชานเมือง ร่างของชายร่างท้วมทรุดลงพื้น เลือดไหลนอง เขาถูกกระสุน ขณะกำลังลงจากรถเดินตรงไปเพื่อบ้านประตูบ้าน
เรือง กดเซฟ เก็บปืนเข้ากระเป๋าอย่างใจเย็น หลังจากลั่นไกปืน คร่อมควบจักรยานยนต์ 150 ซีซี กลางเก่ากลางใหม่ ติดป้ายทะเบียนปลอม พุ่งออกจากที่เกิดเหตุทันทีอย่างชำนาญเส้นทาง
ก่อนลงมือ เรือง ใช้เวลาสองสัปดาห์ ศึกษาทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี รวมทั้งพฤติกรรมซ้ำซากของเหยื่อ เพื่อการทำงานไม่ให้ผิดพลาด และเป็นตามนั้น เขาไม่สนใจหรอกว่า เหยื่อจะเป็นใคร เงินค่าจ้างคือสิ่งที่เขาต้องการ
สองปีกับเหยื่อจำนวนเจ็ดราย ไม่มีพลาดสักครั้ง ค่าจ้างก็คุ้ม ไม่ต้องลงทุนลงแรง อาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานเช้าจดเย็น
เพียงแต่ตัดคำว่า “สงสาร ใจอ่อน” ออกจากพจนานุกรม เขียนคำว่า “เด็ดขาด ต้องตาย” ลงไปแทน
การฆ่าคน มันทำใจยากช่วงแรก แต่หลังจากนั้น ยิ่งมากครั้ง มันก็ไม่ยาก ถ้าไม่คิดมาก แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ งานที่ต้องใช้ฝีมือ สมอง และความอำมหิต เรืองพยายามคิดว่าคนเราเกิดมาทุกคนต้องตาย เขาเพียงเร่งเวลาตายให้เร็วขึ้นเท่านั้น เรืองไม่เคยเลือกเหยื่อ ถ้าเงินถึง ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว ต่อให้เป็นพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น
แสงไฟรถส่องสว่างบนถนนดิน เงาดำของป่าหญ้าด้านข้างผ่านไปอย่างรวดเร็ว คืนนี้มีจันทร์เสี้ยว ทำให้บรรยากาศไม่ถึงกับมืดสนิท เงาตะคุ่มสุมทุมพุ่มไม้มองเห็นตามข้างทาง เรืองใช้มือซ้ายปลดหน้ากากไอ้โม่งออก โยนทิ้งข้างทาง รับลมเย็น เต็มที่ วางแผนจะใช้เงินเลขหกหลักในวันพรุ่งนี้ ด้วยวัยสามสิบสองปีของนักฆ่า ผู้มีความคล่องแคล่ว และแข็งแรง รูปร่างสูงได้สัดส่วน หน้าท้องแบนเรียบ โลดแล่นในวงการมานานพอดู เรืองคิดว่าเขายังมีโอกาสทำเงินอีกนาน กับการลั่นไกปืนแลกเงิน
เสียงลมที่พัดผ่านหู ผสมกับเสียงท่อไอเสียที่ดังก้องสองข้างทาง ถนนสายนี้จะพาเขาตัดออกนอกเมือง ข้ามเขตไปยังอีกจังหวัด ไม่ต้องกลัวด่านตรวจ เพราะเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยใช้กัน ในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องการใช้ชีวิตอยู่กับพลอย นักร้องสาวที่เขากำลังติดพัน
เรืองรู้ว่าพลอยมีคนมาติดพันหลายคน แต่เขาไม่เคยกังวล คนพวกนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร แค่เจอปืนจี้หัว ก็คร้านแต่จะพากันหลบหาย
พอคิดถึงพลอย เรืองเผลอยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว
เงาร่างของใครบางคนโผล่พรวดมาจากข้างทาง วิ่งตัดหน้ารถไปแบบกระชั้นชิด
เรืองสบถลั่น หักรถจักรยานยนต์หลบแบบไม่ต้องคิด เป็นไปตามสัญชาตญาณ ซึ่งถ้าเป็นรถยนตร์ เขาต้องขับรถพุ่งเข้าชนไปแล้ว
เสียงล้อบดพื้นถนน รถเสียหลักล้มโครมคราม ร่างของมือปืนหนุ่มกลิ้งไปตามไหล่ถนน เสียงวัตถุหนักตกลงในน้ำ
พอได้สติ เรืองพบว่าตัวเองจมอยู่ในน้ำขุ่นข้น ทำให้ต้องรีบตะกายขึ้นมาก่อนจะจมน้ำตาย ในที่สุดก็ขึ้นมานั่งตัวเปียกอยู่ริมฝั่ง เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน
ตรวจความเสียหายของร่างกาย ไม่เป็นอะไรมาก มีอาการบาดเจ็บตามเข่าและข้อศอก แต่ไม่มีปัญหาขนาดทำให้เดินไม่ได้ ยังพอไหว
ไอ้บ้าที่ไหนกัน มาวิ่งตัดหน้า เรืองคิดพลางขบกรามกรอด มือควานหาปืนคู่ใจ ยังอยู่ ทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้ เจอหน้าจะต้องจัดการทรมานให้หนัก ก่อนยิงมันเสียให้ตาย
ค่อยพยุงตัวลุกขึ้น มองหาขอบถนนที่พลัดตกลงมา ในความเลือนรางของแสงจันทร์ มองเห็นพื้นลาดชันสูงขึ้นไปด้านบน เขามองอย่างแปลกใจ พื้นผิวถนนอยู่สูงกว่าที่คิด
เรืองไม่มีทางเลือก ต้องเดินกึ่งตะกายขึ้นไปกับความลาดชันสี่สิบห้าองศา พื้นดินพื้นหญ้าเปืยกชื้นน่ารำคาญ ทำให้ลื่นล้มหลายครั้ง กระทบกระเทือนอาการบาดเจ็บพอสมควร แต่เขาก็ขึ้นมาอยู่บนถนนจนได้
ไม่ ---ไม่ใช่ถนน
เรืองพบตัวเองอยู่บนพื้นดินสภาพเป็นลานกว้างครึ่งวงกลม ถัดไปเป็นเงาของไม้พุ่มใหญ่น้อยรายรอบ ด้านหลังคือความมืดดำ เขาเริ่มนึกสงสัยว่าตัวเองอาจขึ้นผิดทาง ถนนอาจอยู่อีกด้านของคลอง
ใช้มือป้องหน้า มองฝ่าความมืดสลัวไปยังฝั่งตรงกันข้าม พอมองเห็นว่าสภาพอีกฝั่งเป็นทางลาดชันขึ้นไป มีสุมทุมพุ่มไม้เรียงราย เหมือนด้านนี้ไม่มีผิด มองเลยขึ้นไป ไม่เห็นถนน นอกจากสุมทุมพุ่มไม้ในความมืด ฝูงแมลงเริ่มบินตอมอย่างน่ารำคาญ
เรืองรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง ถ้าด้านนี้ไม่ใช่ถนน อีกฝั่งก็ควรเป็นถนน เพราะเขาเพิ่งกลิ้งตกลงมา คลองมีสองด้าน ถนนต้องอยู่อีกด้าน เหคุผลง่ายๆ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถึงจะหงุดหงิดโมโห แต่ไม่มีทางเลือก เรืองจำเป็นต้องลงไปในคลองอีกครั้ง
แต่ยังไม่ได้ขยับตัวลงไป สายตาพลันมองเห็นเงาตะคุ่มของอะไร หรือใครบางคน กำลังค่อยๆ ตะกายขึ้นมาจากริมคลอง ร่างนั้นเริ่มต้นตะกายพื้นลาดชันขึ้นมา มีเสียงหอบหายใจหนักๆ ให้ได้ยิน
เรืองทรุดตัวลงนั่งเข้าข้างหนึ่งอย่างระแวดระวัง สายตาจับจ้องแทบไม่กะพริบ เสียงตะกายพื้นดังชัดเจนในความสงัด คนธรรมดาที่ไหนจะลงไปเล่นในคลองยามวิกาล
คนหรือผีก็ช่างหัวมัน จะทนลูกปืนได้ก็ให้รู้ไป เขาดึงปืนออกจากกระเป๋า ปลดเซฟ กำปืนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายรองด้ามปืนไว้ เหยียดแขนตรง เล็งปืนไปยังร่างประหลาดที่กำลังตะกายขึ้นมาอย่างไม่ตื่นตกใจจนเกินเหตุ ความเป็นฆาตกรทำให้จิตใจและประสาทแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
เขาใจเย็นพอที่จะรอให้ร่างนั้นเข้ามาใกล้ ในระยะห่างออกไปไม่ถึงสองเมตร
ดวงจันทร์เคลื่อนออกจากหมู่เมฆพอดีจังหวะนั้น ทำให้เริ่มมองเห็นร่างประหลาดชัดเจนขึ้นจากเดิม
ถ้าจะดูรูปร่าง ก็เหมือนมนุษย์เรานี่เอง มีแขนมีขามีหัวมีตัวตน แต่มันดำมะเมื่อมเหมือนอาบด้วยน้ำมันดินเลาะเทอะ มือของมันยื่นไขว่คว้าออกมา เหมือนพยายามสื่อสารบางอย่าง ดวงตาของมันเบิกโพลง
เรืองรู้สึกตัวชาดิก ทั้งร่างกายหมดความรู้สึกไปชั่วขณะ แม้แต่เสียงแมลงรอบข้างก็ไม่ได้ยิน
พอได้สติ เรืองเหนี่ยวไกปืนทันที
เสียงระเบิด “เปรี้ยง เปรี้ยง” ก้องสะท้อนทั้งราวป่า สองนัดเพื่อความแน่ใจ ร่างประหลาดผงะหงายตามแรงกระสุน เสียงร้องอย่างเจ็บปวด เสียหลักร่วงหล่นตูมลงไปในน้ำคลอง แล้วเงียบหายไป โดยไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ขึ้นมาอีก
ไม่ว่าผีหรือคน เจอลูกปืน ทนได้ ก็ให้รู้ไป
เรืองลุกขึ้น มองลงไปในลำคลอง
มันน่าจะเป็นคน เรืองพยายามหาคำอธิบาย บางทีอาจเป็นคน ที่วิ่งตัดหน้ารถของเขาก็เป็นได้ มันอาจจะโดนชนบาดเจ็บ กระเด็นร่วงลงไปในคลอง เขาให้น้ำหนักตรงนี้มากกว่าจะคิดว่าเป็นผีสาง เพราะเกิดมาก็ไม่เคยเจอผี มือปืนไม่เคยกลัวผีและเชื่อสิ่งโง่งมงาย
เรืองรอดูสถานการณ์พักหนึ่ง แน่ใจว่าไม่มีอะไรโผล่ขึ้นมาอีก จึงเริ่มหาทางวางแผนเดินหน้าต่อไป
เขาต้องลงไปในคลอง อีกครั้งสินะ
ถ้าฝั่งนี้ไม่ใช่ถนน มันก็ต้องฝั่งโน้น ถ้าจะไปฝั่งโน้น ก็ต้องลงคลองอีกรอบ เป็นเรื่องที่ไม่อยากทำ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
เรืองจำใจปีนฝั่งลาดชันลงไปอีกครั้ง อย่างระมัดระวังตัว คราวนี้ถือปืนติดมือแน่น มันทำให้อุ่นใจ ไม่ว่าอะไรโผล่มา เห็นท่าไม่ดี ก็ เปรี้ยง เปรี้ยง เข้าไป เป็นไงเป็นกัน
ว่ายน้ำข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ด้วยระยะทางประมาณสิบเมตร มันก็ไม่เท่าไร น้ำไม่ได้เยือกเย็นอะไรมากมาย คงเพราะเก็บความร้อนจากพื้นดินช่วงกลางวันพอหลงเหลือ ความขุ่นดำของน้ำต่างหากทำให้รำคาญใจ รวมทั้งกลิ่นอับของซากพืชพรรณที่น่าจะอยู่ในน้ำ
ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองต้องลงมาในคลองสกปรกถึงสองครั้ง แต่ครั้งที่สามจะไม่เกิดขึ้น เพราะเขากำลังมุ่งหน้าขึ้นไปยังพื้นผิวถนน ก่อนพาตัวเองกับยานพาหนะ มุ่งหน้าออกไปจากสถานที่บ้า ๆ
การลงน้ำคลองครั้งที่สอง ดูท่าลำบากกว่าครั้งแรก น้ำคลองดูขุ่นข้นขึ้น มีกลิ่นเหม็นมากขึ้น คงเป็นเพราะว่าครั้งแรกไม่ได้สังเกตอะไรมาก เขาคิดในใจ ขณะว่ายน้ำไปอย่างทำความเร็วไม่ได้ดั่งใจ มือขวาต้องถือปืน และต้องคอยระวังไม่ให้ปืนจมลงไปในน้ำ ด้วยความเป็นห่วงอาวุธคู่ใจ กลัวมันจะทำงานผิดพลาดเวลาจำเป็น
รอบด้านดูมืดดำเหมือนหลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง ยังดีว่าพอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ยังมองเห็นดวงจันทร์ผลุบโผล่ในกลุ่มปุยเมฆลอยต่ำมองดูแปลกตา นึกระแวงเจ้าร่างประหลาดเหมือนกัน ว่ามันอาจโผล่มาตอนไหน แต่เขาก็มั่นใจว่า ได้ส่งมันลงไปในนรกแล้วแน่นอน ไอ้คนต้นเหตุ ที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งปราด มาสัมผัสบริเวณน่อง สัมผัสแผ่วแต่ทำให้สะดุ้งได้เหมือนกัน หรือจะเป็นงู แต่ถ้าเป็นงู มันจะอยู่ในระดับน้ำลึกขนาดนั้นได้ยังไง ไม่น่าเป็นไปได้
เรืองประคองตัวลอยคอดูท่าที ถ้าเป็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า เขาไม่เคยกลัว แต่นี่มันอยู่ลึกลงไปในสายน้ำดำมืด ถ้ามันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่มุ่งร้าย จะใช้ปืนยิงลงไป ย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่แล้ว เขาก็เกิดความว่า ลอยคออยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ ว่ายน้ำเข้าหาฝั่งเป็นการดีที่สุด แต่อะไรบางอย่างพุ่งปราด พาดผ่านหน้าท้องไปอย่างรวดเร็วทำให้สะดุ้ง สัมผัสเหมือนวัตถุเป็นเส้นยาว
งู หรืออะไร ครั้งนี้ทำให้เขาตกใจ รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ ตัดสินใจว่ายน้ำเข้าหาฝั่งอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไล่ตามมาติด ๆ หัวใจของเรืองเต้นแรง เขารู้ว่านั่นหมายถึงความกลัว ...กลัวกับสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ความมืดดำเหมือนจะดึงดูดให้จมลงไปเบื้องล่าง สภาพน้ำมีความหนืดมากขึ้นอย่างผิดปกติทำให้แหวกว่ายอย่างลำบาก
แตในที่สุดเรืองมาถึงฝั่งจนได้ในสภาพเหนื่อยหอบ ในสภาพไม่ต่างจากลูกหมาตกบ่อน้ำครำ ความหนาวเย็นเริ่มเข้ามาเกาะกุมร่างกาย กระแสลมเย็นแรงพัดผ่าน พร้อมกลุ่มหมอกสีขาวหนาทึบ
ต้องขึ้นไปบนถนนให้ได้เสียก่อน ท้ายรถมีเสื้อผ้าสำรองสำหรับการเปลี่ยนอำพรางตัวตน ยามจำเป็นในการหลบหนี แต่เวลานี้ความจำเป็นยิ่งกว่า คือใช้มันเพื่อให้รอดพ้นจากอาการหนาวสั่น
เขาพบว่าปืนคู่ใจหลุดมือหายไปเสียแล้ว
เรืองสบถอย่างหัวเสีย ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเผลอทำปืนหลุดหล่นมือ
ทางลาดชันทำให้เรืองปีนบ่ายอย่างลำบาก เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนดินสกปรก เสียงตะกายพื้นลากตัวเองขึ้นไป ผสมเสียงหายใจเหนื่อยหอบ
มีบางอย่างรออยู่ด้านบน ความรู้สึกบอกกับตัวเอง อาวุธก็ไม่มี ถ้าเป็นศัตรู จะเอาอะไรไปบวกกันมัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เรืองถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
นั่นมัน……เป็นไปไม่ได้!!!
เรืองเหนี่ยวไกปืนทันที