เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 58)

กระทู้สนทนา
วันนี้เสี่ยว่างจากงาน เลยรีบปั่นตอนที่ 58 จนถึงตัวสุดท้าย (ของตอนนี้) เพราะเสี่ยว่าตอนนี้มันก็มีจุดเปลี่ยนที่จะได้เห็นความรักของตัวละครอีกตัว ซึ่งจะมีผลอย่างไรต่อเรื่องในตอนต่อไป มันเป็นความรู้สึกของความรักได้เป็นอย่างดี แม้ตัวตนของเขาจะมีอยู่เพียงน้อยนิด แต่รักของเขานั้นกลับยิ่งใหญ่กว่าตัวตนที่ฝังอยู่ในห้วงความคิดคำนึง

ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร เสี่ยไม่รู้ (เพราะเสี่ยยังไม่ได้เขียน) แต่ตอนที่แล้ว อยู่ตรงข้างล่างนี้นะจ้ะ

เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 57)
https://pantip.com/topic/38789875

บทที่  58  รักมั่น จนวันตาย

          ไกรเมื่อไปถึงบริเวณที่ตรงหน้าทางตัดลง เป็นทางลาดชัน มีแนวต้นไม้ขึ้นเป็นทางยาวทอดลง ดูเหมือนว่าทางจะลาดชันเอียงลงเกิน 45 องศา ในป่าเป็นไม้ที่เรียงเป็นระเบียบทอดยาวลงไป ลูกสมุนเห็นทางลาดลงมืดทึบก็บังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เพราะจากตรงจุดนี้ถึงพื้นน่าจะยาวเกือบสองกิโลเมตร หลายคนเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนมีคนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างติดขัด

          “ผมว่ามันอาจจะลวงเราว่าพานังมาริสามาทางนี้ แต่ความจริงมันน่าจะให้อีกคนพาไปทางรถจี๊บคันนั้นมากกว่านะครับ เพราะทางนี้มันน่าจะเสี่ยงเกินไปสำหรับนังมาริสา”

ไกรเหยียดยิ้ม ส่ายศีรษะไปมาแล้วเอ่ยออกมาอย่างเชื่อมั่น

          “เพราะคิดแบบนี้ไง ถึงได้มาเป็นแค่ลูกสมุน พวกเมริงลองใช้สมองคิดดูให้ดีสิ ว่าจะมีผู้หญิงที่ไหน ยอมแบกคนที่ไม่รู้จักหนีลงเขาเพื่อเป็นกลลวง จะมีคนเชื่อก็แค่พวกเมริงนั่นแหละ เมริงต้องใช้สมองให้เยอะๆนะ ไม่ใช่แค่ให้ผมขึ้นเฉยๆ”

ลูกสมุนอีกคนแม้จะรู้สึกโกรธที่อยู่ๆก็โดนด่าแต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

          “แล้วถ้ามันให้นังมาริสาไปกับรถจี๊บคันนั้นจริงๆ แค่รถมอเตอร์ไซค์คันเดียว มันจะจัดการอีสองคนนั่นได้หรือพี่ไกร”

ไกรนั้นรู้สึกว่ามันก็มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น แต่ในฐานะลูกพี่ที่คิดทำสิ่งใดแล้วต้องหนักแน่นในความคิดของตนเท่านั้น จึงตวาดกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

          “ไอ้โง่ ก็เห็นอยู่แล้วว่ากูให้รถติดปืนกลตามไป รถคันใหญ่เท่าช้าง เจอกับปืนกลรับรองว่าไอ้คนบนรถตาย ห่านหมดแน่นอน แต่มันไม่มีทางที่อีมาริสาอยู่บนรถจี๊บ มันต้องหนีไปทางนี้ เอางี้ถ้าเราตามลงไปแล้วไม่ใช่นังสาริสา กูจะให้พวกเมริงเหยียบหน้า แถมเงินให้อีกคนห้าแสน แต่ถ้านังมาริสาอยู่ข้างล่าง พวกเมริงจะเอาเงินที่ได้จากเจ้านายมาเดิมพันกับกูหรือเปล่า”

ลูกสมุนมองหน้ากันไปมาก่อนส่ายศีรษะไม่ยอมรับเดิมพัน แม้หลายคนคิดว่า มาริสาน่าจะไปทางรถจี๊บมากกว่า แต่เมื่อหัวหน้าทีมคิดแบบนี้ ก็ต้องทำตามคำสั่ง

          “พวกเมริงต้องคิดถึงเงินค่าหัวของอีสองคนนั่นให้มากๆ คนละห้าแสน ถ้างานมันง่ายๆ เจ้านายจะยอมจ่ายให้พวกเมริงหรือวะ นึกเอาไว้ แต่อย่าพยายามยิงมันจนเละล่ะ เพราะเจ้านายอยากได้ร่างของมันไปดูเล่นด้วย เข้าใจตรงกันนะ”

          “ครับลูกพี่”

จากนั้น ไกรก็สั่งให้ลูกสมุนอยู่ตรงปากทางลงสองคน ส่วนอีกหกคนให้กระโดดตามลงไปก่อน เมื่อชายทั้งหกได้กระโดดลงไปแล้วไกรพยายามเงี่ยหูฟังผล พร้อมเช็คปืนช็อตกันของตนเพื่อเตรียมปืนไปในตัว

ทันใดนั้น มีเสียงปืนที่ดังขึ้นมาจากเบื้องล่าง หลังจากที่สมุนทั้งหกกระโดดลงไปไม่เกินสองนาที เป็นเสียงปืนดังขึ้นจากข้างล่างดังแว่วขึ้นมา กระสุนปืนจากปืนไม่ต่ำกว่าสามกระบอก ไม่ต่ำกว่า  40 นัด ไกรแสยะยิ้ม ก่อนใช้มีดคมเคียว ตวัดตัดไม้ไผ่ออกอย่างรวดเร็ว จนได้ลำต้นได้ปล้องไม้ไผ่สีเขียวยาวหนึ่งเมตรขนาดเท้าของเขาเหยียบได้

เมื่อได้ไม้ไผ่เป็นปล้องก็กรีดตามทางยาว ใช้มือฉีกออกอย่างง่ายดายเป็นสองส่วน ไกรจึงทิ้งลงพื้นให้ส่วนโค้งลงสัมผัสพื้นดินก่อนนำปืนช็อตกันมาถือเอาไว้ ตวาดออกมา

          “เมริงสองคนรออยู่ตรงนี้ คอยฟังวิทยุจากกู”

          “ครับลูกพี่”

ทั้งสองรับคำพร้อมกัน จากนั้นไกรก็ชำเลืองมองทางลาดลงอีกครั้งด้วยสายตาเป็นประกายราวสัตว์ร้ายที่กำลังจะล่าเหยื่อ แล้วถีบตัวขึ้นไปเหยียบไม้ไผ่ผ่าครึ่งด้วยเท้าข้างละอัน ทิ้งตัวลงตามทางที่ลาดชัน หายไปในเงาไม้ที่หนาทึบด้วยความเร็วสูงสุด

…….สองนาทีก่อนหน้านั้น อาเหมยที่ลงมากับศพที่พรางให้เหมือนว่าเป็นนฤมลที่เธอแบกลงมา หลังจากสไลด์ลงมาถึงครึ่งทาง เธอก็ทิ้งศพที่แบกลงมาปล่อยให้ร่างนั้นกลิ้งตกลงมาตามทางลาด ส่วนเธอใช้มือซ้ายยึดกับต้นไม้แล้วร่างอันเบาบางก็หลบวูบหลังต้นไม้ใช้ปลายเท้าจิกขัดกับรากไม้ตวัดมือนำมีดคู่ออกมาถือทั้งสองมือซ้ายขวา เธอใช้ประสาทหูฟังเสียงการไถลลงของลูกสมุนของไกรที่ใกล้เข้ามา

          ‘มันมากันหกคน’

แล้วไม่นาน ลูกสมุนของไกรไถลผ่านไปสี่คน จนเหลือสองคนที่กำลังจะผ่านซ้ายขวา อาเหมยยกแขนใช้มีดในมือ กรีดเข้าลำคอของลูกสมุนทั้งสองจนหลอดลมขาดครึ่งลำคอ

ฉั่วะ! ฉั่วะ!

สมุนของไกรสองคนสิ้นใจในทันทีแล้วอาเหมยก็แผดเสียงร้องพุ่งตัวออกจากหลังต้นไม้สะบัดมือไขว้ มีดสองเล่มพุ่งวาบหายเข้าไปในขมับคนซ้ายมือที่กำลังหันกลับมายิงใส่แต่ก็ไม่ทันได้เหนี่ยวไก ร่างของมันนั้นหมุนคว้างตามแรงเหวี่ยงและแรงไถลขาดใจในทันใด

ส่วนอีกเล่มพุ่งเข้าปักแก้มคนทางขวาจนหน้าสะบัดตัวกลิ้งตกลงตามพื้นลาดอย่างแรง อาเหมยใช้มือทั้งสองข้างกระชากปืนพกแบบกึ่งอัตโนมัตออกมาสองกระบอก ลั่นไกยิงรัวใส่ลูกสมุนอีกสองคนที่เหลือที่ในขณะสไลด์ตัวลงในที่ลาดชัน โดยใช้ส้นเท้าบังคับทิศทางและเบรคความเร็วให้เคลื่อนช้ากว่าสมุนที่เหลืออีกสองคน แล้วทั้งคู่ก็ยกยกปืนอาก้าขึ้นยิงสวนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

กระสุนของอาเหมยพุ่งสวนเป็นลูกไฟลงไปเบื้องล่างอย่างถี่ยิบ ส่วนปืนอาก้าของสมุนที่เหลือทั้งสองก็พุ่งเป็นลูกไฟขึ้นมาราวห่าฝน หัวกระสุนเจาะตัดกิ่งไม้จนขาดกระจุย พื้นดินที่ถูกใบไม้ปกคลุมถูกแรงปะทะของลูกกระสุนจนเป็นหลุมตามทางที่เลื่อนไถล

แล้วกระสุนของอาเหมยก็พุ่งเจาะใส่ร่างของลูกสมุนที่เหลืออีกสองคนจนร่างพรุนในขณะที่กระสุนปืนในมือหมดพอดี แต่อาเหมยก็ถูกลูกกระสุนที่แฉลบเข้าเอวขวา ทะลุออกด้านหลัง จนเธอสะดุ้งเฮือกร่างสะบัดตามแรงปะทะของลูกกระสุนกลิ้งลงมาตามแรงจนถึงพื้น ร่างของเธอยังกลิ้งไปหลายตลบ เข้ากระแทกกับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง จนเธอกระอักเลือดออกมา

อาเหมยค่อยๆ คลานออกมาจากจุดนั้นทิ้งปืนทั้งสองลงพื้น อาการบาดเจ็บนั้นเข้าขั้นสาหัส แต่หญิงสาวก็มีความอดทนเป็นเลิศ เธอคลานไปได้เพียงครู่ ก็ทิ้งตัวลงบนพื้นใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดภายในโลหิตไหลออกมาจากจมูกอย่างช้าๆแต่เธอก็ใช้หลังมือปาดออกจนเปื้อนใบหน้า

ส่วนสมุนทั้งห้าในหกคนสิ้นใจทันทีเมื่อถึงพื้นเบื้องล่าง แต่เหลือชายร่างใหญ่ที่ถูกมีดปักเข้าแก้มที่ยังไม่ตาย มันลุกขึ้นมาอย่างมึนงงและเจ็บปวด ก่อนดึงมีดที่ปักแก้มของมันออกอย่างยากเย็น เลือดพุ่งออกมาจากปากแผลทะลักเป็นสาย ถือมีดเล่มนั้นในมือ จ้องมองไปที่ร่างอาเหมยที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา มันคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น

          “เมริงใช้มีดเล่มนี้ปาใส่กู กูก็จะใช้มีดเล่มนี้แทงเมริงให้ยับอีสารเลว”

อาเหมยกัดฟัน ค่อยๆ เขยิบถอยหลังราวคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงไปพิงหลังกับต้นไม้บ้วนเลือดในปากทิ้งอีกครั้ง ค่อยๆ กวาดมือของเธอไปด้านหลัง  ชายผู้นั้นพอเห็นอาเหมยเต็มตาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างชั่วช้า

เพราะถึงใบหน้าของอาเหมยจะถูกทาด้วยครีมสีดำเพื่อพรางตา ผมที่ยาวสลวยที่ผูกไว้ของอาเหมยหลุดออกมาปิดใบหน้าอันงดงามไว้ แต่ก็เห็นเค้าความงามที่ไม่อาจปกปิดได้ มันโยนมีดเล่มนั้นลงปักพื้น พูดไปเลียปากไปมา

          “ฮ่าๆๆๆๆ กูเปลี่ยนใจแล้ว กูจะเป็นผัวเมริงก่อน แล้วค่อยๆ ฆ่าเมริง หึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ”

มันเริ่มปลดกระดุมเสื้อยีนส์ออก ดวงตามีแต่ความหื่นกระหาย อาเหมยใช้สายตาที่ตื่นกลัวเพื่อให้ชายคนนี้เกิดความชะล่าใจ เธอใช้มือที่คล้ายยันกายให้ถอยหลังหนี แต่ความจริงมือของเธอค่อยเลื่อนไปด้านหลัง เมื่อมันถอดเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ลงพื้น เสียงปืนก็ดังขึ้น…

เปรี้ยง!

อาเหมยสะบัดมือกระชากปืนที่เหลือในเสื้อด้านหลังขึ้นยิงใส่ดั้งจมูก หัวกระสุนทะลุออกกระโหลกด้านหลังของชายผู้นั้น ตายคาที่ ในขณะที่แลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วหงายหลังตึงชักตาค้าง อาเหมยค่อยๆ ลุกคลานไปเก็บมีดที่ปักพื้น และมีดที่ปักบนศพ ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนักด้วยอาการกระปลกกระเปลี้ย

ในขณะที่อาเหมยกำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อเดินไปหาจุดซ่อนรถมอเตอร์ไซค์ที่นฤมลซ่อนไว้ เธอหยุดชะงักเพราะรับรู้ถึงความรู้สึกเย็นวูบจากรังสีอำมหิตที่พุ่งออก ก่อนที่มันผู้นั้นจะปรากฎตัว เป็นรังสีฆ่าฟันที่เธอไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน มันมาพร้อมเสียงครืดดดดดดด!ยาวจากบนเขาที่เธอไถลลงมา

อาเหมยกล้ำกลืนอาการบาดเจ็บไว้ ก่อนเก็บมีดทั้งสองเข้าซองใต้ข้อมือ กระชับปืนในมือแน่นเล็งไปที่เนินเขาที่หนาทึบ เท้าทั้งสองถอยออกตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นไม้ไผ่ครึ่งซีกพุ่งออกมาจากยอดไม้ ตรงมาที่เธออย่างรุนแรง อาเหมยใช้แรงเท่าที่มีหมุนตัวหลบไม้ไผ่ที่ผ่านชายโครงของเธอกรีดเอาเสื้อแจ็กเก็ตขาดเป็นทาง

อาเหมยล้มกลิ้งอย่างเสียหลัก แล้วไม้ไผ่อีกซีกก็พุ่งออกมาจากอีกที่ คราวนี้อาเหมยกลิ้งตัวหลบไม่ทัน เธอจึงใช้ปืนสั้นในมือยิงใส่ไม้ไผ่ซีกนั้น จนผ่าครึ่งวิ่งเข้าปักต้นไม้กับพื้นดิน ข้างๆ เธอทั้งสองซีก

ฉึกก!

ไม้ไผ่ปักตรึงสั่นไหวจากความแรงที่ถูกส่งมาจากคนที่ใช้มัน อาเหมยยิงจนกระสุนหมดลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมรับมือจากการโจมตีระลอกใหม่ แต่ไม่ทันตั้งตัว เงาดำที่หมุนตัวควงเป็นลูกข่างยักษ์ ถีบใส่ชายโครงของอาเหมยอย่างถนัดถนี่

ร่างของอาเหมยปลิวเหมือนว่าวที่เชือกขาด ลอยจากจุดนั้นไปกระแทกพื้นไถลไปเกือบยี่สิบเมตร ปืนที่กระสุนหมดหลุดมือเลือดพุ่งกระซ็นออกมาเป็นละอองสีแดง เธอกระอักเลือดออกมาอีกกอง บัดเดี๋ยวหน้าแดง บัดเดี๋ยวหน้าซีด ด้วยอาการจุกจนเอ่ยอะไรไม่ออก เลือดจากแผลที่โดนกระสุนทะลักไหลออกมามากมายกว่าเดิม

เพราะมันเป็นการซ้ำอาการบาดเจ็บของเธอตอนที่กระแทกต้นไม้จนกระดูกซี่โครงหักการถีบครั้งนี้คือการกระแทกให้กระดูกซี่โครงที่หักให้ทิ่มแทงปอดของเธออย่างบังเอิญ อาการที่สาหัสอยู่แล้วยิ่งทรุดหนักขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า

ไกรหมุนตัวหันมามองอาเหมยที่ยังยันกายขึ้นไม่ได้ เธอพยายามข่มอาการบาดเจ็บที่สาหัส ใช้สายตาจับจ้องขึ้นมาอย่างโกรธแค้นชิงชัง ส่วนไกรค่อยๆ ส่ายสายตามองไปยังร่างไร้วิญญาณของคนที่สวมเสื้อของนฤมล หงายหน้าขึ้น กลายเป็นลูกสมุนของตนที่บุกเข้ามาก่อน ไกรตบมือเน้นๆ สามสี่ครั้ง

          “สุดยอด สุดยอด เมริงนี่หลอกเก่งเหมือนกันนะ หึๆๆ เพราะคนที่จะหลอกกูได้ มันต้องเป็นคนฉลาด มากๆ และอ่านใจกูได้ ชักเสียดายความฉลาดของเมริงแล้วสิ เอางี้ ถ้าบอกว่าอีมาริสามันจะไปที่ไหน กูจะไว้ชีวิต รับรองว่าไอ้ไกรคนนี้เป็นคนมีสัจจะ รับปากใครแล้วไม่เคยกลับคำ ว่ายังไงจ้ะ น้องเหมยคนสวย”

อาเหมยบ้วนเลือดทิ้งอีกครั้ง เหยียดมุมปากกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกสมเพช

          “หลอกคนโง่อย่างเมริง ไม่ต้องเป็นคนที่อ่านใจใครเป็นหรอก เด็กอมมือมันยังหลอกยากกว่าเมริงเลย แล้วอีกอย่างมีคนเคยบอกว่า คนโง่ๆ อย่างเมริงส่วนใหญ่มันไม่เคยมีสัจจะ”

อาเหมยค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดมือทั้งสองข้างพร้อมกัน มีดสองเล่มปรากฎในมือของเธอ ไกรมองมีดในมือของหญิงสาวที่สั่นไหวจากอาการบาดเจ็บ เขาส่ายศีรษะไปมา

          “หึๆๆๆ แสบมากนะ ปากของเมริงนี่น่าตบให้ฟันร่วงจริงๆ น่าเสียดายนะ เวลาที่เรามอบความหวังดีให้ใคร แล้วมันไม่ยอมรับเนี่ย! เสียความรู้สึกหว่ะ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่