ชาย-หญิง ตกลงเป็นแฟนกัน อยู่กินด้วยกันเป็นสามีภรรยา ต่อมาเลิกราต่อกัน แต่แบ่งสินทรัพย์กันไม่ได้

ชาย-หญิง ตกลงเป็นแฟนกัน อยู่กินด้วยกันเป็นสามีภรรยา มีงานหมั้นเล็กๆ ต่อมาเลิกราต่อกัน แต่แบ่งสินทรัพย์กันไม่ได้ แบ่งกันไม่ลงตัว ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มีกฎหมายข้อไหนอธิบายเกี่ยวกับเหตุการต่อไปนี้ไหมคะ
" ต้องกล่าวไปถึงสมัยเรียนของทั้งคู่ ประมาณ10กว่าปีมาแล้ว เขาทั้ง2คน เป็นนักศึกษาระดับ ปวส. (ชายไปอยู่บ้านหญิง) ทางบ้านฝ่ายชายจึงได้มีการนำทอง2บาท ไปหมั้นฝ่ายหญิงไว้ก่อนเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่มีต่อฝ่ายหญิง เพราะทั้งคู่ยังเรียนกันอยู่และหวังว่าทั้งคู่โตขึ้นมีงานการที่มั่นคงทำจะได้มาแต่งงานกันต่อไป เมื่อเรียนมหาวิทยาลัย (หญิงมาอยู่บ้านชาย) แต่เมื่อเวลาต่อมาทั้งคู่ได้มีรายได้ที่ถือว่าหามาด้วยกัน แม้จะให้หญิงเป็นคนถือเงินทั้งหมดก็ตาม ชายเลือกที่จะเป็นคนขอจากหญิง รายได้-รายจ่าย หญิงจะรับรู้ทั้งหมด มีเงินมากขึ้น ก็เลยซื้อรถ ซื้อบ้านดังนี้
1.รถเก๋ง ฮอนด้า  ชื่อชาย  ราคาประมาณ3แสน  
2.รถสปอร์ต บีเอ็มตับเบิ้ลยู  ชื่อหญิง   ราคาประมาณ4ล.  โดนยึดเพราะซื้อเงินสด
3.บ้านราคา 3ล.  ชื่อชาย  โดนยึดเพราะนำบ้านไปจำนอง
4.บ้าน+ที่ดิน ตจว. ประมาณ 6ล. ในต่างจังหวัด  ชื่อพ่อหญิง

5.ที่ดินในกทม. ประมาณ 7-10ล. (อันเป็นต้นเรื่อง) ของเหตุการณ์ทั้งหมด
 ****  ในปี 2557 ฝ่ายหญิงติดคุก นาน4ปี  ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์แบบนี้ (เนื่องจากเงินที่เข้าบัญชีและออกบัญชีนั้นกลายเป็นการฟอกเงิน)
และแม่ฝ่ายหญิง ก็ติดคุกด้วย เนื่องจากฝ่ายหญิงแอบโอนเงินให้แม่จำนวน 6ล. ซึ้งเป็นเงินที่หาได้กับฝ่ายชาย (เหมือนขโมยเงินผัวไปให้แม่ตัวเอง) ทำแม่ตัวเองเดือดร้อนเพราะความโลภนั้นแหละ  แต่ในเงินจำนวน6ล. นั้น บ้านฝ่ายชายไปยื่นเรื่องต่างๆ 

6.ได้เงินคืนกลับเข้าบัญชี แม่หญิงไป 1.2 ล.  และทางบ้านหญิงก็นำไปใช้ทั้งหมด

**** ต่อมาคือหญิงออกจากคุก ชายและหญิงตกลงกันว่าจะเลิกราต่อกัน ไม่เกี่ยวข้องกันอีก และบ้านชายขอส่วนแบ่งจากการขายที่ดิน (เมื่อขายได้) เป็นเงิน 1.5 ล. ฝ่ายหญิงยินยอม  ตกลงทำสัญญากัน เขียนด้วยกระดาษ ผู้ใหญ่บ้านทั้ง2บ้าน เซ็นเป็นพยานรับรู้  ***(ทั้งคู่ได้รับกระดาษที่ลงรายมือไว้ด้วยกัน)*** เหตุการณ์กลับวุ่นวาย เมื่อฝ่ายหญิงไปทราบมาว่าที่ดินกำลังโดนยึด เพราะเป็นหนี้บัตรเครดิต 6แสน ธนาคารจึงยึดไว้ ฝ่ายหญิงมีการไปไถ่ถอนมาและจะเรียกเงินจากฝ่ายชาย เป็นเงิน 1.5 ล.   ตกลงแล้วคือจะไม่ให้สักบาท โดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้ติดคุก นี้นั้น ฝ่ายชายก็ไม่ยอม อ้างเหมือนกันว่าฝ่ายหญิงเป็นผู้ถือเงิน ก่อนนั้นหยิบจ่ายเงินมากกว่ามาโดยตลอด 

***** อยากทราบว่าเหตุการณ์ที่เล่าดังกล่าง กระดาษใบนั้นพอจะมีค่าไหมคะ หรือทางฝ่ายชายพอจะสู้ได้ไหมคะ แต่เรื่องเคยไกล่เกลี่ยกันไปแล้วถึงกองปราบปราม นายตำรวจท่านนึงเอ่ย ให้รวมหนี้สิน และ ทรัพย์สินทั้งหมด แล้วหาร2   แน่นอนว่าฝ่ายหญิงต้องไม่ยอม  แล้วก็นัดไกล่เกลียกันไปมา คือไม่จบสักที  เพราะฝ่ายหญิงคือจะไม่ยอมให้สักบาท  ******

ใครรู้ช่วยแนะนำ หรืออธิบาย ตรงไหนเพิ่มเติมด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่