คิดถึง 2 บทที่ 49

กระทู้สนทนา

.

                รสชาติของการเป็นผู้ใหญ่มันขม
               ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนเด็กถึงใฝ่หา..

               14 เมษายน

               สาย ๆ ของวันนี้ สงกรานต์วันที่สองแล้ว อยากให้มีสักสิบวันไปเลย เพราะเล่นน้ำสนุกมาก เหมือนเดิม ฐานปฏิบัติการคือบ้านของพิมพ์กับแพรว แต่ว่ามันนี้พวกเธอมีแผนการช่วงบ่ายจะเข้าไปเล่นสงกรานต์ในเมือง ไปถนนสงกรานต์สนุกกว่าเป็นร้อยเท่า

                พ่อกับแม่ยายกับตาก็ไม่มีใครสนใจ เพราะเทศกาลทราบดีว่าเธอต้องไปเล่นน้ำ แค่ไปไหนขอให้ให้บอกก็พอ ยายกับตาไม่อยู่บ้านพากันไปบ้านเกิดของตาแต่เช้า ส่วนพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่บ้านเหมือนกัน สองคนผัวเมียไปรวมญาติอีกแล้ว คราวนี้ไปรวมกันที่บ้านของพ่อเอง ก็ที่บ้านของย่านั่นแหละ

               คนที่จะพาไปถนนสงกรานต์ในวันนี้คือลุงวิทย์ ถ้าลุงวิทย์เมานะเธองอนแน่นอน ไม่อยากให้พ่อพาไป ถ้าพ่อพาไปแม่ก็ต้องไปด้วย มันทำอะไรไม่ค่อยถนัด จึงไม่อยากให้พ่อพาไป ถ้าเป็นคนอื่นพาไปเธอไม่แคร์

                บอสอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปรวมกลุ่มเล่นสงกรานต์กับเพื่อน วันนี้บอสสวมกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำรัดรูป สวมเสื้อก้ามสีดำสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายดอกสีเหลือง สวมหมวกชาวนาที่สานด้วยตอกใบละยี่สิบบาท กระเป๋าโทรศัพท์กันน้ำ แว่นตากันน้ำ และใส่พวงมาลัยดอกรักปลอมคล้องคอ แต่งตัวให้เข้ากับเทศกาลสงกรานต์ที่สุด ที่สำคัญทุกคนต้องใส่เหมือนกันด้วย หรือไม่ก็ให้คล้ายกัน

               “พี่บอสไปเล่นไหนอ่ะ” น้องบีมถาม เธอพึ่งเห็นว่าน้องบีมยังไม่ได้ไปเล่นไหนเลยวันนี้ นั่งไกวเปลอยู่หน้าบ้าน เมื่อวานเห็นวิ่งแจ้นไปเล่นน้ำกับเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่เช้า ทำไมวันนี้ยังไม่ไปอีก “น้องบีมไปเล่นด้วยนะ อี่แจนไปหาดดอกเกดอ่ะ ไม่มีเพื่อนเล่นน้ำ เก๋ก็ไปเหมือนกัน ” แจนกับเก๋คือเพื่อนน้องบีมอยู่คุ้มเดียวกัน

                  บอสหัวเราะน้องสาว ทั้งสงสารก็มิปาน “เป็นตาลิโตนแถะสู ไปเล่นบ้านไอ้แฝด ไปด้วยมั้ยล่ะพรุ่งนี้น้องบีมก็บอกพ่อกับแม่พาไปดิ ”

                 ด้วยความที่พวกเธอไม่มีใครงอแงอยากไปหาดดอกเกดสักคน พ่อกับแม่จึงไม่สนใจจะพาไป เมื่อพวกเธอไม่อ้อนไปแม่ก็ไม่เสนอตัวเช่นกัน แม่ชอบพาไปหลังสงกรานต์รถโล่งกว่า คนอาจจะน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร ไปช่วงวันที่ 13-15 เมษายน ก็ไม่มีที่ให้นั่งอยู่ดี อีกอย่างแม่บอกไว้แล้วว่าหลังสงกรานต์วันที่ 16 จะพาไป น้องบีมถึงไม่งอแง

                “ไป ! “ น้องบีมตอบแบบไม่ลังเล ตอนนี้มีแค่พวกเธอสองคนที่อยู่บ้าน “บักพี่เม้าส์ก็มาด้วยใช่มั้ย” ด้วยความที่ชอบแกล้งกัน ทำให้น้องบีมไม่ค่อยถูกจริตกับพี่เม้าส์นัก บางครั้งแกล้งกันจนร้องไห้ก็มี

                  “ดูเรียก ! เหมือนเสี่ยวแถะ พี่เม้าส์ก็มา ถ้าพี่เม้าส์กวนน้องบีมก็สาดน้ำใส่เลย”

                “แน่นอน” สองพี่น้องคุยกัน เมื่อบอสแต่งตัวเสร็จพร้อมทุกอย่างแล้วก็ปิดบ้านไว้ พากันเดินไปบ้านพิมพ์กับแพรว ส่วนสองคนนั้นก็พร้อมมากเหมือนกัน พี่เม้าส์มาแล้ว จ๋อมก็มาแล้ว รวมน้องบีมด้วยอีกคนก็เป็นหกคนพอดี ส่วนคนอื่น ๆ ยังไม่มา

               เช้า ๆ แบบนี้พี่เม้าส์จัดการเปิดเพลงเบา ๆ ไปก่อนไม่แดนซ์ นำโอ่งมังกรใบขนาดกลาง ๆ สูงเท่าเอวมาตั้งเปิดน้ำให้น้องบีมสาด วันนี้สนุกกว่าเมื่อวานเพราะมีคนเล่นน้ำแล้วหนึ่งคน เมื่อวานแค่เอาถังใส่น้ำตั้งโชว์เฉย ๆ นาน ๆ เจอคนถูกใจผ่านมาทีถึงจะสาดและปะแป้ง ทว่าวันนี้มีน้องบีมบรรยากาศครึกครื้นกว่าเดิม

               ที่ฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ บ้านของสองฝาแฝดเป็นบ้านของย่า มองไปก็เห็นหมด พวกลุงป้าพ่อแม่พี่ ๆ มารวมญาติรดน้ำขอพรกับย่า เมื่อวานพวกเธอทำไปแล้ว วันนี้ก็เป็นทีลูกหลานคนอื่น ๆ  เห็นลูก ๆ ของย่าน้อยและย่าน้อยก็มาร่วมด้วย

                บอสเพียงมองเฉย ๆ ไม่คิดจะเดินไปรวมญาติด้วยหรอก ให้การรวมญาติเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไปเถอะ ส่วนเด็ก ๆ อย่างพวกเธอขอสนุกก็แล้วกัน เมื่อวานก็ขอพรไปแล้วกับพวกฝาแฝด แม่กับป้าแพงก็แอบมองมาเป็นระยะ ๆ เมื่อเห็นพวกเธอมารวมตัว แต่ก็ไม่ได้บ่นหรือว่าอะไร เพราะพวกเธอโตแล้ว

               เพลงหมอลำถูกเปิดขับกล่อมตลอดทั้งวัน พวกเธอเพียงนั่งเล่นคุยกันไปเรื่อยที่ม้าหินอ่อน ใต้ต้นดอกคูนหน้าบ้านของแพรว ร่มรื่นมาก ขณะนี้น้องบีมตัวเปียกทั้งตัว คอยสาดน้ำใส่รถที่วิ่งผ่านไปมา เล่นคนเดียวสนุกคนเดียว มีน้ำอัดลมคอยบริการ มีของกิน มียำ มีส้มตำ มีขนมคอยให้กินเวลาสาดน้ำเหนื่อย ๆ มีแอลกอฮอล์ของพี่เม้าส์ด้วย

                “บีม ! สาดเฉย ๆ อย่าวิ่งเข้าไปใส่รถ เดี๋ยวก็โดนเฉี่ยวล้มตายหรอก” แพรวดุน้องบีมเมื่อเห็นวิ่งเข้าไปสาดใกล้ ๆ “ยืนสาดตรงนี้ อย่าวิ่งเข้าไปใส่รถเข้าใจมั้ย รถเค้าขับมาเร็ว ๆ เบรกไม่ทันทำเค้าล้มหน้าแหกอีก”

               “ก็น้องบีมสาดไม่ถึงอ่ะ ฮ่วย” น้องบีมเถียงแพรวอย่างมีเหตุมีผล

                 “สาดไม่ถึงก็สาดแรง ๆ ให้มันถึง อย่าวิ่งไปใส่รถ” น้องบีมไม่สนใจที่แพรวดุ วางกระแป๋งทิ้งให้ลอยน้ำในโอ่งมังกร แล้วเดินไปเทน้ำส้มกินสบายใจในช่วงจังหวะที่ไม่มีรถ กินยำมาม่า กินขนมที่เธอทำไว้อย่างมีความสุข พอได้ยินเสียงรถวิ่งมาก็รีบวางแก้ววิ่งไปตักน้ำรอสาด ทว่ามันเป็นรถเก๋ง สาดไปทำไม !

               “บีมอย่าสาดรถเก๋งดิมันเปลืองน้ำ” บอสส่ายหัวให้น้องสาว สักแต่จะสาด สาดไม่ดูตาม้าตาเรือเลยจริง ๆ เปลืองน้ำชะมัด

                   “ฮ่วย ก็รถมาน้อ” พูดมีเหตุผลตลอด เถียงไม่ได้ ก็รถวิ่งมาจริง ๆ

                “ก็รถที่ผ่านมามันเป็นรถเก๋งอ่ะ ถึงสาดไปก็ไม่โดนเค้า เห็นมั้ยคนในรถเค้าหัวเราะเยาะอ่ะ ฮ่วย เถียงเด้อ” บอสยอมน้องสาวซะที่ไหน เกิดมาไม่เคยยอมหรอก ถ้าแม่ไม่เห็น “เปลืองน้ำ !”

                 “กะซาง !” พูดไปด้วยตักน้ำราดตัวเองไปด้วย

                “พุ้นเบิ่งมัน บ่มีคนสาดมันกะสาดจะของบาดหนิ “ บอสไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับน้องบีมแล้ว แล้วแต่จะทำอะไรเลย ไม่วิ่งใส่รถก็พอ

                น้องบีมก็เล่นสาดน้ำคนเดียวไป พวกเธอก็นั่งเม้าส์กันไป ประมาณสี่โมงเย็นก็จะพากันมูฟเข้าไปในตัวเมือง เพื่อไปเล่นสาดน้ำที่ถนนสงกรานต์ มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ถนนข้าวก่ำ”

                “พี่บีม ! พี่บีมชวนพี่โชกุนไปเล่นสาดน้ำด้วยหน่อย” ครูกิ๋วยืนตะโกนเรียกน้องบีมที่บ้านย่า มีเด็กชายตัวอ้วนผมแดงยืนอยู่ด้วย ใส่เสื้อกล้ามเบนเทนสีเขียว ที่หลังสะพายปืนฉีดน้ำอยู่

                   “บีม ชวนน้องไปเล่นด้วยหน่อยลูก” แม่ตะโกนเรียกน้องบีมอีกคน แล้วก็เดินจูงมือน้องโชกุนมาส่งให้พวกเธอ “เล่นสาดน้ำอยู่นี่กับพี่บีมนะ นู่นสาว ๆ เยอะเลย” เมื่อแม่พาน้องโชกุนข้ามถนนมาถึงบ้านแพรว ก็แนะนำให้ทุกคนรู้จัก เด็กชายก็ไม่มีท่าทีเคอะเขินอะไรเลย ดูทรงดื้อมากด้วย ตัวก็อ้วน ๆ ตัน ๆ ทำสีผมไปอีก

                 ผมด้านหน้าตัดสั้นเหมือนจะรองทรงส่วนด้านหลังไว้ยาว มันคือทรงอะไร บอสมองแล้วรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ

                แม่เดินข้ามถนนมาส่ง ยืนคุยกับพวกเธอสักพักก็เดินกลับไป ปล่อยให้น้องโชกุนเล่นอยู่ที่นี่ นี่ก็พึ่งสิบโมงเช้าเอง อีกนานหลายชั่วโมงกว่าพวกเธอจะเข้าไปในเมือง มีเวลาเล่นด้วยกันนานระหว่างพี่บีมกับน้องโชกุน

                 “ป๊าด ! คือตันแท้ !” พิมพ์ดูท่าจะหมั่นเขี้ยวน้องโชกุน เดินมาหยิกแขนเบา ๆ เด็กชายไม่เจ็บเหมือนอยากคุยด้วย ๆ ซ้ำ เหมือนชอบที่โดนแกล้ง

                  “โชกุนมาสาดน้ำ โชกุนพูดลาวเป็นมั้ย” น้องบีมชวนเพื่อนใหม่คุย และชวนเล่นน้ำกัน แพรวเดินไปหยิบกะละมังสีดำใบใหญ่มาใส่น้ำให้น้อง ๆ เล่นเพิ่มอีกอัน จากมีแค่โอ่งมังกรใบเดียว คราวนี้ชอบใจน้องโชกุนมาก กระโดดเข้าไปแช่ในกะละมังกันเลย ครูกิ๋วก็คอยมายืนมองเรื่อย ๆ ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย แล้วก็มีเด็กบางคนพวกหลาน ๆ ของย่าน้อยนั่นแหละยืนดูบ้างบางครั้ง แต่ว่าพวกเธอก็ไม่สนใจ ไม่เรียกมาเล่นด้วย ยกเว้นพี่อีฟ

                  “พี่บีมพี่โชกุนลงไปกะละมังได้ไหม” เด็กชายถาม “สงกรานต์ต้องปะแป้งสาวนะ”

               “เหร๊อ ! “ แพรวตอบน้องโชกุนด้วยความเอ็นดู “ไหนขอทาแป้งบ่าวนครพนมหน่อยซิ” ไม่พูดเฉยแพรวเทแป้งใส่มือแล้วทาที่ใบหน้าเด็กชายอย่างหมั่นเขี้ยว เนื้อแน่นจริง ๆ “อ่ะทาแป้งแพรวคืนด้วย” จากนั้นแพรวก็ย่อตัวลงให้น้องโชกุนปะแป้งตัวเอง “นี่แป้งทาแป้งสาวเลย” แพรวบอกน้องโชกุนให้ปะแป้งคนอื่น ๆ

                “พี่โชกุนขอปะแป้งหน่อย” เด็กชายถือป๋องแป้งเล็ก ๆ เดินมาหาเธอที่นั่งอยู่โต๊ะม้าหินอ่อน

               “เค้าจะทาแป้งผู้สาวน่ะ” แพรวพูดแทรก แพรวท่าจะชอบน้องโชกุนอีกคน

              “ครับ อ่ะทาแป้งบอส” บอสเอียงแก้มให้น้องโชกุนปะแป้ง มือน้อย ๆ เทแป้งใส่มือตัวเองแล้วนำมาทาที่ใบหน้าของเธอ “หื้ย !! สะออนบ่าวภูไทยน้อยเด้วะ” บอสเองก็หมั่นเขี้ยว หยิกน้องโชกุนเบา ๆ พ่อของน้องโชกุนเป็นคนภูไทยเรณูนคร “มาบอสปะแป้งคืนบ้าง”

                 “ไม่ได้ ! “ น้องโชกุนร้องห้ามแบบจริงจังมาก ๆ “เมื่อกี้ ๆ คนนี้ทาแป้งพี่โชกุนไปแล้วอ่ะ” ชี้ไปที่แพรว ทำให้พวกเธอทุกคนฮาลั่นบ้านกันเลย

               “คนละคนไง คนนั้นแพรวคนนี้บอสไง” เธอชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “บอสยังไม่ได้ปะแป้งพี่โชกุนเลยมาขอทาหน่อย” สุดท้ายน้องโชกุนก็ยอมให้ทาแป้งจนได้ “แล้วก็ไปปะแป้งพิมพ์ด้วยคนนู้น จ๋อมด้วยน่ะคนนั่งตรงนั้นน่ะ” น้องโชกุนเหมือนงง ๆ นิดหน่อยเมื่อเห็นพิมพ์ ด้วยความเป็นเด็กที่ไม่รู้จักคำว่าฝาแฝดคงจะคิดว่าทำไมคนนี้มีสองคนแน่เลย เพราะอาการงงงันชัดเจนมาก

                พอทาแป้งครบทุกคนแล้ว น้องโชกุนก็กลับมาเล่นน้ำต่อ ครูกิ๋วก็ปล่อยให้อยู่กับพวกเธอทั้งวัน ตอนเที่ยงครูกิ๋วมาตามก็ไม่ยอมกลับบ้านด้วย น้องบีมกับน้องโชกุนพากันลงแช่น้ำในกะละมังกันเลยมันสามารถบรรจุเด็กได้ถึงสองคน

               “คนนี้ก็พี่บีม คนนี้ก็พี่โชกุนตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง” พี่เม้าส์แซวแล้วก็หัวเราะ

               “เค้า เค้าเป็นพี่โชกุน แล้ว ๆ พี่บีมก็เป็นพี่บีม” เด็กชายไม่เขินอายพี่เม้าส์ พูดเหมือนสนิทกันมานานแล้ว

               “เม้าส์อย่ายุ่งกับบีม” น้องบีมไม่สนใจใครเมื่อได้เพื่อนใหม่เล่นน้ำ พอรถขับผ่านมาก็พากันรีบตักน้ำไปสาด

                “บีมอย่าเอาน้ำในกะละมังไปสาดเพิ่นแหมะล่ะ ! สกปรก ! ตักน้ำในโอ่งน่ะไปสาด “ จ๋อมเมื่อเห็นน้องบีมกับน้องโชกุนตักน้ำที่ตนเองเอาตัวลงแช่ไปสาดรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมา “น้องอี่บอสเอาน้ำแช่ตัวเองไปสาดเขา ฮา “ จ๋อมแค่ทักเฉย ๆ ไม่ได้ดุ

                   “บีมครั้งต่อไปตักในโอ่งนะ เพิ่นเห็นเพิ่นสิด่าเอาเด๊ะ มันสกปรก” บอสเอ็ดน้องไปที น้องบีมทำเป็นหูทวนลม แต่พอรถมาก็ตักเอาน้ำในโอ่งไปสาด ไม่ตักน้ำในกะละมังไปสาดอีก

                “พี่โชกุนไปเรียกอีฟมาให้บอสหน่อยได้ไหม” บอสมองเห็นพี่อีฟเดินอยู่ไกล ๆ ที่บ้านของย่า อยากชวนพี่สาวมาเล่นด้วยกัน

               “เรียกมานี่เหรอ” น้องโชกุนพูดง่ายมาก

                “ช่าย เรียกอีฟมานี่” ทว่าน้องโชกุนไม่ได้ข้ามถนนไปเรียก แต่ยืนเรียกที่บ้านของแพรวเลย เสียงของเด็กชายสามารถทำให้พี่อีฟได้ยินแล้วหันมามองที่บ้านแพรว บอสได้จังหวะพอดีจึงกวักมือเรียกพี่สาว “พี่อีฟมาเล่นนี่” ตะโกนเรียกให้จบ ๆ ซะเลย

               พี่อีฟยิ้มให้เธอ “เดี๋ยวพี่ข้ามไป” พี่อีฟตะโกนตอบกลับมา แล้วก็เดินหายไปเข้าในบ้านย่า ไม่นานก็ข้ามถนนมากับอีกคน ชื่อน้องแยมลูกแพทย์หนุ่ย สักพักพี่อ็อฟก็ตามมา พวกเธอให้ความเป็นกันเองกับพี่ ๆ มาก ไม่อยากให้เกร็ง อีกอย่างเพราะเคยเล่นด้วยกันตอนเป็นเด็กมาแล้ว จะมีก็แต่น้องแยมที่เหมือนจะอึดอัดจึงขอตัวกลับบ้านไปก่อน แล้วพี่โจพี่เจก็ตามมาสมทบด้วย กลายเป็นกลุ่มใหญ่ไปเลยทีนี้

                พวกเธอนั่งคุยกันไปเรื่อย รถกระบะบรรจุคนไปเที่ยวเต็มหลังกระบะขับผ่านมา ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่สนุกที่สุด เพราะโดนพวกเธอออกไปกวักมือเรียกรถให้จอดขอปะแป้งสาว ๆ รถกระบะก็จอดให้อย่างรู้งาน ไม่แน่ใจจอดทุกกลุ่มเลยหรือเปล่า เพราะใบหน้าคนที่นั่งบนกระบะรถเต็มไปด้วยคาบแป้งทั่วใบหน้ากันเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่