วันวาน 10

กระทู้สนทนา

.

               ปัจจุบันมีสาเหตุปัจจัยมากมายที่ทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงไป บ้างก็ในทางที่ดีขึ้น บ้างก็แย่ลง (เช่นโควิด 19) ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนวิถีไป ทำให้การดำรงชีวิตเปลี่ยนไป ทว่ามีบางอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย นั่นคือ อดีต!

              เราทุกคนย่อมเคยได้ยินคำว่า ‘เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้’ ถูกต้อง! นั่นแหละ วันวานที่ผ่านมาเราไม่สามารถแก้ไขได้ วันวาน ณ เรื่องนี้ก็เช่นกัน พูดถึงอดีตที่แก้ไขไม่ได้ เพียงแต่ว่าเป็นอดีตที่ดีก็พอ อะไรไม่ดีก็ไม่ควรไปยึดติดและนึกถึงมัน ปล่อยวางดีที่สุด

              โควิดทำให้หมดสนุกในเทศกาลสงกรานต์ใช่ไหมล่ะ ฉันก็อีกคนที่เป็นแบบนั้น แต่ว่าวันวานยังมีความสุข มีรอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะมากมายรอให้ฉันเข้าไปค้นหาความสุขในอดีตนั้น

             ยิ้มและนึกถึงเท่าที่ฉันจะนึกได้ล่ะนะ ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องไปจมอยู่กับอดีต แต่ว่าสำหรับฉันแล้ว เพียงมองย้อนกลับไปแว่บหนึ่งของช่วงชีวิตที่ผ่านมา ก็พบกับความสุขมากมาย ในช่วงชีวิตวัยเด็กว่า ฉันสนุกกับสงกรานต์มากแค่ไหน ฉันจำอดีตไม่ได้ทั้งหมดหรอก ก็แค่เสี้ยวหนึ่ง

             แล้วพวกคุณล่ะ มีภาพจำในช่วงวัยเด็กแห่งวันสงกรานต์บ้างไหม แล้วมากน้อยแค่ไหน จำได้ไหม สำหรับฉันน่ะหรือ…

             เรื่องมีอยู่ว่า….

            หน้าบ้านของพิมพ์กับแพรวเวลานี้เจิ่งนองไปด้วยน้ำที่พวกเธอเล่นสาดน้ำกันตั้งแต่เช้า บอสกับน้องบีมมาขลุกตัวอยู่ที่นี่ กะจะเล่นอยู่ที่บ้านพิมพ์กับแพรวตลอดทั้งวันไม่ไปไหน ทานมื้อเช้าเสร็จก็มากันเลย แม่ไม่ห้ามอนุญาตเต็มที่

             เนื่องจากบ้านของสองฝาแฝดติดถนน ทำเลเหมาะแก่การเล่นสาดน้ำเป็นอย่างยิ่ง วันนี้พวกเธอสี่คนพี่น้องแต่งตัวเหมือนกัน สวมชุดลายดอกไม้ เป็นของฝากจากพ่อกับแม่ของเธอที่ซื้อมาฝากจากกรุงเทพ

             พิมพ์กับแพรวได้ชุดลายดอกสีเขียวอ่อนสลับขาว เธอกับน้องบีมได้สีม่วงสลับขาว เป็นชุดลายเดียวกันทั้งเสื้อและกางเกง ใส่เล่นสาดน้ำในวันนี้กันเลย

             บอสกับน้องบีมนำกระบอกฉีดน้ำมาให้สองฝาแฝดเล่นด้วย ทว่าไป ๆ มา ๆ ก็ไม่มีใครสนใจกระบอกฉีดน้ำเลย วางทิ้งไว้บนแคร่อยู่อย่างนั้น อาวุธประจำกายที่ใช้สาดน้ำ เห็นจะเป็นกระแป๋งใบเล็ก ๆ และขันน้ำ มันสาดมันส์มือมากกว่า เสียงกรี๊ด หัวเราะของพวกเธอ ผสมผสานกับเสียงเพลงของข้างบ้าน มันสนุกที่สุด

             รถใครก็ตามที่วิ่งผ่านไปผ่านมาทางนี้ จะต้องโดนพวกเธอสาดน้ำกันหมด ไม่เว้นแม้แต่รถเก๋งก็ยังโดนสาด วันนี้ใครจะผ่านไปโดยง่าย ๆ ไม่ได้ ต้องโดนน้ำเสียก่อน แม้แต่คนที่เดินเท้ามา ก็ต้องรับชะตากรรมกับการตัวเปียกกลับบ้านไป ไม่มีการปรานีใด ๆ ทั้งสิ้น

               บอสกับน้องบีม และ สองฝาแฝดเวลานี้เนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำ เมื่อเวลาไม่มีรถ พวกเธอก็สาดกันเอง เล่นสนุกสาดน้ำใส่กันเอง ลุงวิทย์นำโอ่งมังกรมาวางที่หน้าบ้านให้เล่น ต่อสายยางเปิดน้ำให้สาดกันเต็มที่ไปเลย

             “เด็ก ๆ อย่าแล่นใส่รถเด้อ ได้ยินบ่! สาดอยู่ไกล ๆ” ป้าแพงคอยเตือนอยู่ตลอดเวลา ป้าแพงนั่งเฝ้าพวกเธอเล่นน้ำอยู่ไม่ห่างโดยไม่เบื่อเช่นกัน ห่วงพวกเธอจะวิ่งเข้าหารถที่วิ่งผ่านไปผ่านมา คอยมองคอยกำชับอยู่อย่างนั้น เกรงว่าพวกเธอจะโดนรถเฉี่ยวเวลาสาดน้ำไป

               “อย่าสาดน้ำใส่หน้าเพิ่นเด้อ รถเพิ่นสิล้มลูก” ป้าแพงบ่นไม่หยุด ใช่ว่าพวกเธอจะฟัง ได้แต่รับปากส่ง ๆ ไป เพราะความสนุกบดบังทุกอย่างไปแล้ว

             “เอื้อยพิมพ์รถมา ๆ” น้องบีมเห็นรถเก๋งขับมาแต่ไกล ๆ ร้องบอกพิมพ์ด้วยความตื่นเต้น พวกเธอไม่ทันคิดว่าสาดไปคนในรถก็ไม่เปียกอยู่ดี พอรถเก๋งขับผ่านมาพิมพ์ก็สาดน้ำเข้าใส่อย่างจัง ดังซ่า! เสียงดังไปทั่วบริเวณ คนในรถคงตกใจไม่น้อย หยดน้ำกระจายไปทั่วบริเวณนั้น กระเด็นใส่เธอด้วยเปียกไปตาม ๆ กัน

              “อี่พิมพ์มืงบ่ต้องสาดรถเก๋งหลาย มันเปลืองน้ำ มันบ่ถืกเพิ่นคือเก่า! เพิ่นอยู่ในรถพุ่นอี่ฮา” แพรวเอ็ดน้องสาว ไม่ว่ารถคันไหนผ่านมา พิมพ์เป็นต้องสาดน้ำใส่หมด ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหมดโอ่งมังกร เพราะลุงวิทย์ต่อสายยางเข้ากับก็อกน้ำเปิดให้เล่นได้ตลอดทั้งวัน

            “สาดเลยพิมพ์! โดน ๆ มีรถมาเทือ!” บอสเข้าข้างพิมพ์ ทว่าเป็นการพูดกันปกติ ไม่ได้ทะเลาะหรือขัดขวางคัดค้านกันเลย ขณะนี้น้องบีมไม่ได้สนใจใคร กำลังเทน้ำราดตัวเองอยู่เรื่อย ๆ พร้อมเสียงหัวเราะเสียงดังอย่างร่าเริง

              “มืงว่ากูสาดรถเก๋งเปลืองน้ำ มืงเบิ่งน้องอี่บอสเทน้ำหดจะของแน!” พิมพ์แซวน้องบีม พวกเธอหัวเราะกันใหญ่ ไม่ต่อว่าน้องบีมสักคำ

              “อี่แฝดเตรียมตัว บีม! รถมาแล้ว พวกบักเม้นปั่นจักรยานมาทางเฮา” ทันทีที่บอสมองเห็นเพื่อนผู้ชายรุ่นเดียวกันปั่นจักรยานมาเป็นกลุ่มสี่คน มีเม้น ทัด เบล และ เอี้ยง บอสร้องเตือนพี่ ๆ กับน้องสาวให้เตรียมตัวสาดน้ำ พร้อมจู่โจมเต็มที่

               ทุกคนรีบตักน้ำใส่กระแป๋งประจำตัว เดินไปยืนเรียงกันรอที่ขอบถนน ทุกคนยกกระแป๋งน้ำขึ้นตั้งท่าเตรียมสาด พวกเม้นเห็นพวกเธอจะสาดน้ำ ก็พากันหยุดจักรยานเอาดื้อ ๆ ไม่ยอมปั่นมา ทำให้พวกเธอยืนคอยอยู่นาน

             “เม้น! ปั่นมาเลยพวกกูบ่สาดดอก เบลมาเลย! ทัดเอี้ยงปั่นมา” แพรวตะโกนเรียกพวกเม้น แต่ว่าในมือยังถือกระแป๋งน้ำมีน้ำเต็มกระแป๋ง บอสเองก็กวักมือเรียกเพื่อน ๆ ให้ปั่นจักรยานผ่านมา พร้อมรอยยิ้มที่ซ่อนความเหี้ยมเกรียมเอาไว้ น้ำเต็มกระแป๋งพร้อมสาดทันที

              “สูพวกบักเบลบักเม้นล่ะบ่ปั่นมาจักเทือ จะแมนย่านตะพวกเฮาสาดเด้อ” พิมพ์บ่นแบบเซ็ง ๆ เพราะกะจะได้สาดน้ำอยู่แล้วเชียว เพื่อนก็ดันไม่ยอมปั่นจักรยานผ่านมาสักที

             “เม้น เบล ทัด เอี้ยงพวกกูบ่สาดมืงอิหลิ! อิหลิ! ปั่นมาเลย พวกกูวางกระแป๋งกะได้!” บอสเรียกเพื่อน ๆ บ้าง พวกเธอพร้อมใจกันวางกระแป๋งน้ำลงที่พื้นขอบถนน วางไว้ข้าง ๆ เท้าตัวเอง เผื่อเวลาหยิบขึ้นมาจะได้ง่าย ๆ วางเพื่อหลอกล่อให้พวกเพื่อนผู้ชายผ่านมาให้ได้

            “เฮ้ย! รถพ่อสังมา!” ทันใดนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์ขับผ่านมา พวกเธอจึงเบนความสนใจใหม่ หยิบกระแป๋งที่วางไว้ขอบถนนมาสาดน้ำ ทำให้พวกเพื่อนผู้ชายอาศัยช่วงชุลมุน รีบปั่นจักรยานผ่านไป ในจังหวะที่พวกเธอพากันสาดน้ำพ่อสังอยู่

               “กรี๊ด!!! พวกบักเม้นไปแล้ว!” บอสกรี๊ดบอกพี่ ๆ กับน้องบีมที่มัวแต่พากันตั้งใจสาดน้ำใส่พ่อสัง จนพ่อสังเปียกไปทั้งตัว พวกเธอทั้งสี่คนรีบวิ่งไปตักน้ำที่โอ่งวิ่งไล่ตามพวกเม้นไป แต่ไม่ทันแล้ว

              เมื่อไม่ทันพวกเธอก็แกว่งกระแป๋งสาดน้ำทางไกลไปเลย สายน้ำที่สาดไปไม่ถึงพวกเม้นสักนิด แถมโดนพวกเม้นหัวเราะเยาะไปอีก พวกเธอวิ่งไล่เพื่อน ๆ ผู้ชายไประยะหนึ่ง เลยบ้านย่าน้อยไปเท่านั้นเอง จากนั้นก็พากันเดินกลับมาด้วยความผิดหวังและเจ็บใจ

              “ฮ่า! ยี… พวกอี่แพรวบ่ได้สาดน้ำตุ๊กู ฮ่า!” เสียงของเอี้ยงดังลอยมาให้ได้ยิน พวกเม้นจอดจักรยานไว้ไกล ๆ บ้านของสองฝาแฝด จอดเลยบ้านย่าน้อยไป พวกเม้นตะโกนล้อพวกเธอไม่หยุด มันเจ็บใจยิ่งนัก

             “พวกมืงจำไว้เลย บักฮาเอ้ย! มืงห้ามผ่านหน้าเฮือนกู ถ้ามืงผ่านหน้าเฮือนกูอีกนะ มืงถืกหดแท้!” แพรวตะโกนชี้หน้า พูดขู่ที่ไม่ได้สาดน้ำเพื่อน ๆ ผู้ชายกลุ่มนี้ แถมยังโดนล้อไปอีก ไม่ใช่แค่แพรวเธอกับพิมพ์ด้วย ส่วนน้องบีมไม่สนใจ เมื่อไม่ได้สาดใครก็สาดตัวเองแทน

            “ว๊าย ๆ ฮ่า! กิ้ว ๆ พวกอี่บอสบ่ได้หดตุ๊กูล้าวะ ฮ่า อ่อฮ้อ ๆ! เงาะแงะ ๆ….” เม้นทำปากทำมือล้อพวกเธออย่างพอใจ ทำหน้าทำตาทะเล้นใส่ไม่เลิก พวกเธอมองด้วยความเจ็บใจยิ่งนัก

              พิมพ์ทนไม่ไหวรีบตักน้ำวิ่งไปสาดซ้ำอีกรอบ พวกเม้นไหวตัวทันรีบปั่นจักรยานหนีไปอีก เหตุการณ์นี้จึงเป็นอันจบไป แล้วพวกเธอก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เล่นน้ำสาดน้ำเหมือนเดิม เลิกสนใจกลุ่มของเม้นที่มากวน

            ที่หน้าบ้านเจิ่งนองไปด้วยสายน้ำและโคลนจากพวกเธอ ไหลเกลื่อนถนนไปหมด รถใครไปใครมาไม่มีพลาด พวกเธอสาดน้ำใส่ทุกคัน แม้แต่คนเดินผ่านมาพวกเธอก็ไม่อนุโลม บางจังหวะบอสก็นำปืนฉีดน้ำมาฉีด บางจังหวะก็ใช้กระแป๋งสาดน้ำสลับกันไปมา น้องบีมนำกะละมังมาใส่น้ำและเอาตัวเองลงไปนั่งแช่ในนั้น

            “น้องบีมอย่าเอาน้ำในกะละมังไปหดเพิ่นเด้อ เพิ่นสิฮ่าย เอาน้ำในโอ่งพุ่น” ป้าแพงกำชับ กลัวว่าน้องบีมจะตักน้ำในกะละมังที่ตนเองแช่ตัวอยู่ ไปสาดคนผ่านไปผ่านมา น้องบีมพยักหน้าตกลง ป้าแพงก็ยังนั่งเฝ้าพวกเธอเล่นสาดน้ำที่แคร่อยู่ไม่ห่าง ส่วนลุงวิทย์กับพี่เจไปไหนไม่รู้ เทศกาลแบบนี้ป้าแพงไม่ตามตัวอยู่แล้ว

             “หดลุงหนุ่ยเลย ลุงหนุ่ยย่างมาแล้วนั่น” พิมพ์ชี้เป้า เมื่อเห็นลุงหนุ่ยลูกชายย่าน้อยกับครอบครัวเดินมาทางนี้ มุ่งหน้ามายังบ้านของสองฝาแฝด

            น้องบีมลุกพรวดจากกะละมัง รีบนำกระแป๋งมาตักน้ำเตรียมสาด รวมทั้งพวกเธอด้วยที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมกันแล้ว รอเพียงลุงเดินมาถึงบ้านเท่านั้น

             “ฮ่วย… มาหดกันจังใดลุงสิมาหนิแหมะ” ลุงหนุ่ยออกตัวก่อน กลัวว่าจะโดนพวกเธอสาดน้ำ

           “อย่าไปหดลุงเด้อลูก ลุงสิเปียก” พวกเธอโดนป้าแพงห้ามเอาไว้ พอโดนห้ามก็ทำให้ลังเล ไม่กล้าทำอะไร พวกเธอยืนกันนิ่ง ๆ ยกกระแป๋งน้ำค้างกลางอากาศ ลังเลไม่มีใครกล้าเปิดศึกสาดน้ำก่อนเลย

           “สาดเลย อนุญาต! สงกรานต์น้อนาง” ป้าหอมภรรยาลุงหนุ่ยพูดกับพวกเธอ อนุญาตให้พวกเธอสาดได้ แม้กระทั่งตัวเองก็ให้สาดได้

                พอป้าหอมพูดจบ น้ำจากกระแป๋งพวกเธอก็เทกระหน่ำเข้าใส่ทั้งลุงและป้าสะใภ้และลูก ๆ ทั้งสองคนของลุงหนุ่ยที่ตามาด้วย เสียงกรี๊ดกร๊าดหัวเราะของน้อง ๆ ดังระงมไปทั่วบ้านของพิมพ์กับแพรว เป็นไปด้วยความสนุกสนาน

             “โอ้ย… มาสาดคนจังใดน้อบาดหนิ เปียกมอดยอดบาดหนิ!” ลุงหนุ่ยหรือแพทย์หนุ่ยที่คนในหมู่บ้านเรียกกันติดปากบ่นอุบอิบ แต่ปนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความใจดีที่สุด พวกเธอเองก็หัวเราะชอบใจกันที่ในที่สุดก็ได้สาดน้ำ “อาววิทย์ไปไสอา” ลุงหนุ่ยถามหาลุงวิทย์ ตามจริงลุงวิทย์แก่กว่า ทว่าครอบครัวของพวกเธอถือตามศักดิ์ ลูกพี่ลูกน้อง

             “เอ้า! บ่ได้อยู่เฮือนยายบ่?” ป้าแพงทำหน้าสงสัย หมายถึงที่บ้านของย่า

             “แนมไปบ่เห็นเด้!” ลุงหนุ่ยตอบ นั่งคุยกับป้าแพงอย่างคุ้นเคย แม้นาน ๆ จะกลับมาที่บ้านทีก็ตาม ส่วนป้าหอมกับลูก ๆ นั่งคุยกันต่างหาก น้อง ๆ ชอบมองมายังพวกเธอ แต่พวกเธอก็ไม่มีใครเอ่ยปากชวนให้มาเล่นด้วยกัน ไม่ได้หวงเลย เพียงไม่กล้าเรียกให้มาเล่นด้วย

             “มานำหากันซือ ๆ บ่ เบิ่งข่อยสิไปหาเอิ้นให้ บ่แมนไปหากินซอยจุ๊บ่ จักไปไสบุตะมื้อเช้าหนิ นึกว่าอยู่เฮือนยายนั่นแหล่ว มื้อเช้าแนมไปคือจังเห็นนั่งอยู่เฮือนยายอยู่” ป้าแพงบ่น

             “บ่ต้องอา!… ข่อยย่างมาหาเล่นนำเราซือ ๆ หนิแหล่ว อยู่เฮือนฮ้อนแฮง ไปหาอาววิทย์ก่อนน้าสั่นหรอก ชวนเมียย่างมาหาเล่น” ลุงหนุ่ยปฏิเสธ ลุงหนุ่ยกับป้าแพงก็สนทนากันไป และยังชอบมองมายังพวกเธอทั้งสี่คน ที่กำลังเล่นสาดน้ำกันอยู่ด้วยรอยยิ้ม

               “เอิ้นเอาน้องไปเล่นนำแนนาง ไปสาดน้ำกับพี่ ๆ ไปลูก” ป้าหอมหันมาพูดกับพวกเธอ บอกน้องแยมกับน้องแจมลูกสาวทั้งสองคน ทั้งที่บ้านย่าน้อยก็ติดถนนเหมือนกัน พวกเธอก็ไม่เห็นหลาน ๆ ของย่าน้อยจะมีใครนำโอ่งน้ำมาตั้งเล่นสาดน้ำสักคน

            “บ่มีกระแป๋งสาดเด้หั่น มันบ่ครบกัน” น้องบีมออกตัวก่อน ยืนขึ้นมองหน้าลูก ๆ ของลุงหนุ่ย เหมือนทั้งสองคนจะอยากเล่นน้ำด้วย และแววตาท่าทางรอยยิ้มของน้องบีมก็อยากเล่นกับสองคนนั้นด้วยเหมือนกัน  รวมทั้งพวกเธอก็อยากเล่นด้วยเหมือนกัน คนที่ออกอาการมากที่สุดเห็นจะเป็นน้องบีม

           “ขันนั่นเด้ลูก! บ่มีกระแป๋งกะเอาขันมาซูเอื้อยเล่นกะได้ น้องบีมไปเอาขันอยู่โอ่งหลังเฮือนป้ามาซูเอื้อยเล่นไป” ป้าแพงแนะนำ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่