การทำสมาธิ ไม่ว่าจะทำวิธีไหน อานาปานสติ กสิณ หรือกรรมฐาน 40
เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิจะแสดงอาการเหมือนกัน ประกอบด้วย 1.วิตก 2.วิจารณ์ 3.ปีติ 4.สุข 5.เอกัคตา เรียกว่า ปฐมฌาน ถ้ายังไม่ครบทั้ง 5 องค์นี้ จิตท่านยังไม่เป็นอัปนาสมาธิ แล้วจิตจะค่อยๆทิ้งไปทีละองค์ จนสุดท้าย เหลือแต่ เอกัคตาและอุเบกขา คือ จิตตั้งมั่นท่ามกลางความว่าง ว่างนั้นว่างจริงๆ ไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีเสียง ไม่มีความคิด ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ มีแต่สภาวะรู้ บางครั้งจะเห็นเป็นดวงแก้วใสประกายพฤกษ์ ส่องสว่างทุกทิศทุกทางดุจดวงอาทิตย์ ท่ามกลางความว่างนั้น บางครั้งก็รู้สึกเพียงดวงขาวตั้งมั่นท่ามกลางความว่างนั้น แล้วแต่ความละเอียดของจิต นี่คือที่สุดของสภาวะรูปฌาน เรียกว่า จตุตถฌาน
แต่เมื่อจิตตั้งมั่น เอกัคตาและอุเบกขานั้น แผ่ขยายผสมกลมกลืนกับอากาศที่เวิ้งว้าง กว้างใหญ่ไม่มีประมาณ เหมือนจิตเราครอบทั้งจักรวาล เรียกว่า จิตยกระดับเข้าสู่ อรูปฌาน คือ อากาสานัญจายตนะ จิตจะรู้สึกถึงความละเอียดมากกว่ารูปฌานมาก เพราะเป็นอิสรภาพจากรูป
แล้วในที่สุดจิตจะกลมกลืนไปกับความว่างที่ว่างจริงๆ จะเข้าไปสู่สภาวะเงียบ เหมือนหายไปในสภาวะนั้น มีแต่ความว่างไม่มีอะไรเลย สัญญาความจำต่างๆ ไม่มีหายไปจนหมดสิ้น เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เป็นที่สุดแห่งอรูปฌาน
สำหรับผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร แต่หลงติดกับสภาวะนี้ไม่เอามาเดินวิปัสสนา ทำลายกิเลส เรียกว่าที่สุดของความ

เพราะจิตผสมผสานไปกับความว่าง เรียกว่า อรูปพรหม มีอายุยืนนานมาก จักรวาลแตกดับไปหลายรอบยังไม่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเพื่อบรรลุธรรมได้...
ปล เขียนจากประสบการณ์ปฏิบัติส่วนตัวทั้งหมด ไม่ตรงตำราที่ท่านอ่านขออภัยด้วยครับ ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ปฏิบัติ
การทำสมาธิ ไม่ว่าจะทำวิธีไหน อานาปานสติ กสิณ หรือกรรมฐาน 40 เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิจะแสดงอาการเหมือนกัน
เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิจะแสดงอาการเหมือนกัน ประกอบด้วย 1.วิตก 2.วิจารณ์ 3.ปีติ 4.สุข 5.เอกัคตา เรียกว่า ปฐมฌาน ถ้ายังไม่ครบทั้ง 5 องค์นี้ จิตท่านยังไม่เป็นอัปนาสมาธิ แล้วจิตจะค่อยๆทิ้งไปทีละองค์ จนสุดท้าย เหลือแต่ เอกัคตาและอุเบกขา คือ จิตตั้งมั่นท่ามกลางความว่าง ว่างนั้นว่างจริงๆ ไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีเสียง ไม่มีความคิด ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ มีแต่สภาวะรู้ บางครั้งจะเห็นเป็นดวงแก้วใสประกายพฤกษ์ ส่องสว่างทุกทิศทุกทางดุจดวงอาทิตย์ ท่ามกลางความว่างนั้น บางครั้งก็รู้สึกเพียงดวงขาวตั้งมั่นท่ามกลางความว่างนั้น แล้วแต่ความละเอียดของจิต นี่คือที่สุดของสภาวะรูปฌาน เรียกว่า จตุตถฌาน
แต่เมื่อจิตตั้งมั่น เอกัคตาและอุเบกขานั้น แผ่ขยายผสมกลมกลืนกับอากาศที่เวิ้งว้าง กว้างใหญ่ไม่มีประมาณ เหมือนจิตเราครอบทั้งจักรวาล เรียกว่า จิตยกระดับเข้าสู่ อรูปฌาน คือ อากาสานัญจายตนะ จิตจะรู้สึกถึงความละเอียดมากกว่ารูปฌานมาก เพราะเป็นอิสรภาพจากรูป
แล้วในที่สุดจิตจะกลมกลืนไปกับความว่างที่ว่างจริงๆ จะเข้าไปสู่สภาวะเงียบ เหมือนหายไปในสภาวะนั้น มีแต่ความว่างไม่มีอะไรเลย สัญญาความจำต่างๆ ไม่มีหายไปจนหมดสิ้น เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เป็นที่สุดแห่งอรูปฌาน
สำหรับผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร แต่หลงติดกับสภาวะนี้ไม่เอามาเดินวิปัสสนา ทำลายกิเลส เรียกว่าที่สุดของความ
ปล เขียนจากประสบการณ์ปฏิบัติส่วนตัวทั้งหมด ไม่ตรงตำราที่ท่านอ่านขออภัยด้วยครับ ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ปฏิบัติ