ต้องบอกก่อนว่าเราเหนื่อยกับความคิดคนอื่นมากค่ะ โดยเฉพาะพี่สาว เรื่องมันมีอยู่ว่า เราสนทนาแชทกับพี่สาว
พี่สาว : พี่ว่าอนาคตเราไปซื้อบ้านในกทม.ใกล้ๆบ้านน้ามั้ย พ่อแม่เราจะได้มีเพื่อนพี่เห็นเค้าเหงา
เรา :ก้ได้ค่ะ แต่ขอไม่ไปอยุ่ด้วย เพราะเราเบื่อญาติ ญาติแต่ละคนขี้เม้า ขี้นินทา ชอบจับตามองเราไม่ว่าเราจะทำอะไร ไม่มีความเป็นส่วนตัว
(เพราะเราไม่ชอบให้ใครมากดดันหรือจับตามอง มันเครียด อึดอัด เราเคยบอกหลายรอบแล้ว ต่อนะคะ)
พี่สาว : เธออ่ะมองแต่ตัวเอง พี่ไม่อยากทำบุญไปแค่ตอนแกไม่อยุ่ อยากดูแลตอนแกมีชีวิต
เราแบบ what มากค่ะ มันเหมือนพูดว่าเราเห็นแก่ตัวอ่ะ ใช่ค่ะเราอาจจะไม่ได้ดูแลท่านในขณะนี้ เพราะบ้านเราอยุ่ต่างจังหวัดต้องมาหางานทำที่กรุงเทพ แต่เราคิดว่าทุกวันนี้เงินเดือนเราแค่15000 แล้วพ่อแม่เราก้เกษียนแล้ว ครอบครัวอยุ่ในฐานะปานกลาง เราอยุ่คอนโด พี่สาว มีบ้านอีกหลัง พ่อแม่อยุ่ต่างจังหวัด แล้วอีกอย่างอยุ่ต่างจังหวัด พ่อแม่ราคนก้รุ้จักเยอะแยะ ถ้าว่างๆเราก้กลับไปหาท่านได้ มันอาจจะมีเส้นบางๆที่เราไม่ได้ดูแลท่าน ในตรงนี้มันก้รุ้สึกผิดเล็กน้อย แต่เรารุ้สึกว่าสถานะตอนนี้มันสะดวกแบบนี้มากกว่าอ่ะค่ะ แล้วจากที่คุยกับพ่อแม่ท่านก้ไม่ได้ซีเรื่องนี้ด้วย ท่านจะซีเรื่องเมื่อไหร่เราจะมีคู่ชีวิตที่ดูแลเราได้แค่นั้น แล้วอีกอย่างเงินเดือนเท่ามดจะให้เราไปก่อหนี้สินที่ไม่จำเป็นทำไมอ่ะ
มันมีหลายเหตุการณ์มากค่ะที่พี่สาวเรา ชอบเอาความดีความชอบเรื่องพ่อแม่มาว่าเราเห็นแก่ตัว แล้วก้พูดกับเราว่า ชีวิตนี้ทีมีไรเป็นของตัวเองบ้างนอกจากอาศัยอยุ่กับคนอื่น
เราแบบ what มาก ทำไมต้องพูดไรแบบนี้อ่ะ เราก้คิดในใจพ่อแม่เราก้มีให้อยุ่แล้ว แล้วเราก้เงินเดือนแค่นี้ เราจะมาสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นทำไม?
เรื่องงานเราก้เหนื่อยอยุ่แล้ว มาให้คิดเรื่องนี้อีก สำหรับเรื่องงาน เราเอาไปปรึกษาพี่สาว ก้เจอแต่คำกระแทกใจ เจอแต่เรื่องลบๆ จนเราพูดไปตรงๆว่าตัวเองเป็นคนยังไง ก้มาดราม่าเสียใจกับเราอีก เหอะๆๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เวลาเราเจอเรื่องแย่ๆเราไประบายกับเพื่อนสนิทแทนค่ะ พอไประบายกับเพื่อนแล้วรุ้สึกมองโลกในแง่บวก มีความคิดที่ดีที่จะพัฒนาตัวเองมากกว่าพี่สาวอีก
เรายอมรับค่ะว่าเรื่องบางเรื่องเราหันมาโฟกัสตัวเองมากขึ้น แต่กว่าจะมาถึงความคิดนี้ได้ เราก้เจ็บเพราะแคร์คนอื่นมาเยอะค่ะ เหนื่อยถึงขั้นเครียดที่ต้องไปพบจิตแพทย์ทุกเดือนค่ะ
ถามหน่อยค่ะว่า การที่เรามองแบบนี้ มันคือการมองแบบเห็นแก่ตัวหรอ?
เมื่อพี่สาวพูดกับเราว่าเรามองแต่ตัวเอง ไม่มองพ่อแม่
พี่สาว : พี่ว่าอนาคตเราไปซื้อบ้านในกทม.ใกล้ๆบ้านน้ามั้ย พ่อแม่เราจะได้มีเพื่อนพี่เห็นเค้าเหงา
เรา :ก้ได้ค่ะ แต่ขอไม่ไปอยุ่ด้วย เพราะเราเบื่อญาติ ญาติแต่ละคนขี้เม้า ขี้นินทา ชอบจับตามองเราไม่ว่าเราจะทำอะไร ไม่มีความเป็นส่วนตัว
(เพราะเราไม่ชอบให้ใครมากดดันหรือจับตามอง มันเครียด อึดอัด เราเคยบอกหลายรอบแล้ว ต่อนะคะ)
พี่สาว : เธออ่ะมองแต่ตัวเอง พี่ไม่อยากทำบุญไปแค่ตอนแกไม่อยุ่ อยากดูแลตอนแกมีชีวิต
เราแบบ what มากค่ะ มันเหมือนพูดว่าเราเห็นแก่ตัวอ่ะ ใช่ค่ะเราอาจจะไม่ได้ดูแลท่านในขณะนี้ เพราะบ้านเราอยุ่ต่างจังหวัดต้องมาหางานทำที่กรุงเทพ แต่เราคิดว่าทุกวันนี้เงินเดือนเราแค่15000 แล้วพ่อแม่เราก้เกษียนแล้ว ครอบครัวอยุ่ในฐานะปานกลาง เราอยุ่คอนโด พี่สาว มีบ้านอีกหลัง พ่อแม่อยุ่ต่างจังหวัด แล้วอีกอย่างอยุ่ต่างจังหวัด พ่อแม่ราคนก้รุ้จักเยอะแยะ ถ้าว่างๆเราก้กลับไปหาท่านได้ มันอาจจะมีเส้นบางๆที่เราไม่ได้ดูแลท่าน ในตรงนี้มันก้รุ้สึกผิดเล็กน้อย แต่เรารุ้สึกว่าสถานะตอนนี้มันสะดวกแบบนี้มากกว่าอ่ะค่ะ แล้วจากที่คุยกับพ่อแม่ท่านก้ไม่ได้ซีเรื่องนี้ด้วย ท่านจะซีเรื่องเมื่อไหร่เราจะมีคู่ชีวิตที่ดูแลเราได้แค่นั้น แล้วอีกอย่างเงินเดือนเท่ามดจะให้เราไปก่อหนี้สินที่ไม่จำเป็นทำไมอ่ะ
มันมีหลายเหตุการณ์มากค่ะที่พี่สาวเรา ชอบเอาความดีความชอบเรื่องพ่อแม่มาว่าเราเห็นแก่ตัว แล้วก้พูดกับเราว่า ชีวิตนี้ทีมีไรเป็นของตัวเองบ้างนอกจากอาศัยอยุ่กับคนอื่น
เราแบบ what มาก ทำไมต้องพูดไรแบบนี้อ่ะ เราก้คิดในใจพ่อแม่เราก้มีให้อยุ่แล้ว แล้วเราก้เงินเดือนแค่นี้ เราจะมาสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นทำไม?
เรื่องงานเราก้เหนื่อยอยุ่แล้ว มาให้คิดเรื่องนี้อีก สำหรับเรื่องงาน เราเอาไปปรึกษาพี่สาว ก้เจอแต่คำกระแทกใจ เจอแต่เรื่องลบๆ จนเราพูดไปตรงๆว่าตัวเองเป็นคนยังไง ก้มาดราม่าเสียใจกับเราอีก เหอะๆๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เวลาเราเจอเรื่องแย่ๆเราไประบายกับเพื่อนสนิทแทนค่ะ พอไประบายกับเพื่อนแล้วรุ้สึกมองโลกในแง่บวก มีความคิดที่ดีที่จะพัฒนาตัวเองมากกว่าพี่สาวอีก
เรายอมรับค่ะว่าเรื่องบางเรื่องเราหันมาโฟกัสตัวเองมากขึ้น แต่กว่าจะมาถึงความคิดนี้ได้ เราก้เจ็บเพราะแคร์คนอื่นมาเยอะค่ะ เหนื่อยถึงขั้นเครียดที่ต้องไปพบจิตแพทย์ทุกเดือนค่ะ
ถามหน่อยค่ะว่า การที่เรามองแบบนี้ มันคือการมองแบบเห็นแก่ตัวหรอ?