แชร์ประสบการณ์(คนอื่น) ทำไมพ่อแม่ชอบรักลูกที่ไม่รู้จักโต ความสำคัญของการเงินครอบครัว

ขอแชร์เรื่องของคนรู้จักที่เค้ามาปรึกษา ให้ฟังเป็น case study ครับเจ้าของเรื่องอนุญาตแล้ว (ตราบใดที่ไม่ tag) 

ปูพื้นก่อนเลย คือครอบครัวนี้มีห้าคน พ่อแม่+ลูกสาวคนโต +ลูกสาวคนกลาง +ลูกชายคนเล็ก
ทั้งสามพี่น้องรักกันมากกกก เลี้ยงมาด้วยกัน-ผูกพันรักใคร (ยกเว้นพี่สาวคนโตไม่สนิทกับน้องชาย)
พอพี่สาวคนโตได้ทำงาน (รายได้ดีมาก) ก็ส่งเงินให้ที่บ้านตลอดมา แต่ไม่ค่อยมีเวลาพาพ่อแม่ไปไหน (นานๆ กลับบ้านที, แต่ก็โทรคุยกันบ่อย)
ส่วน น้องชายคนเล็ก มีลูกตอนกำลังเรียนมหาวิทยาลัย เลยออกมากลางคันและไม่ไปเรียนต่อให้จบ อาศัยอยู่กับพ่อแม่ (+เมียและลูก) อาชีพขายของตามตลาดนัด สัปดาห์ละ 3 วัน ด้วยอาศัยอยู่กับพ่อแม่เลยสนิทกับพ่อแม่มากกว่าลูกคนอื่น พ่อแม่ก็หลงหลานด้วย

น้องสาวคนกลาง เพิ่งเริ่มทำงานได้ 2ปี ตอนแรกอยู่ที่อื่น แต่ก็ต้องย้ายกลับมาหางานทำอยู่ที่บ้านเกิดเพื่อมาดูแลการเงินของครอบครัว

ครอบครัวนี้อยู่ดีไม่ปัญหาดราม่าใดๆ ทุกคนสุขสบาย จนกระทั่งพิษโควิด ทำให้พี่คนโต ตกงานกระทันหัน ผันตัวมาทำอาหารขายในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้
(งานประจำเป็นงานเฉพาะ ซึ่งหางานใหม่ไม่ได้ในช่วงนี้)
ทำไปได้สักสองเดือน กระแสเงินสดไม่ได้ดีเหมือนเดิม เลยขอลดเงินที่ส่งให้ทางบ้านจาก 18,000 เหลือ 8000 บวกกับ น้องคนกลางเริ่มทำงานได้เงินแล้วและช่วยส่งเพิ่มให้ที่บ้านอีกเดือนละ 5000 ด้วย

ตัวพี่คนโตเองก็ต้องแบกภาระผ่อนคอนโด ผ่อนรถ ร่วมกับคู่ชีวิต (ยังไม่ได้แต่ง)

พอพ่อแม่ได้ฟังก็เสียความรู้สึกมาก มีการด่าทอ มีการใช้คำว่าลูกอักตัญญู ขึ้นกู จะตัดพ่อตัดลูก ซึ่งที่จริงก็เป็นเพราะลูกเล่าให้ฟังหมดตั้งนานแล้วว่ามีเงินเก็บเท่าไหร่, มีหุ้น, มีทองคำที่เก็บไว้ยังไงบ้าง สินทรัพย์ทั้งหมด รวมประมาณ 3 ล้านบาท
แล้วพอมาบอกพ่อแม่ว่าไม่มีเงิน พ่อแม่เลยเสียใจ รู้สึกว่าลูกคนโตเห็นแก่ตัว

คือพ่อแม่ไม่เข้าใจเรื่องการแบ่งเงินใดๆ โดยพ่อแม่เห็นเงินนี้เหมือนเป็นเงินของครอบครัว
แต่ถึงกระนั้นพี่สาวก็ยังส่งให้เดือนละ 8000 บาทต่อมาอีก 3เดือน

จุดพีคที่ 1 คือ ช่วงต้นเดือนที่ 4 เนี่ย น้องชายคนเล็กใช้เงินส่วนตัวจองที่พักโรงแรมไว้สามคืน (คืนละพันสองร้อยบาท) แล้วพาพ่อแม่(+ลูกเมียตัวเอง) ไปเที่ยว ซึ่งแน่นอน พ่อแม่ออกเงินทั้งหมด ตั้งแค่ค่าน้ำมันและค่าอาหาร ค่ากินอยู่ตลอดสี่วัน มากกว่าเงิน สามพันนั่นอีก

พอพี่สาวรู้เข้าเลยโทรมาเตือนน้องว่าไม่ควรใช้จ่ายอะไรแบบนั้นช่วงนี้ ทำให้พ่อกับแม่โกรธ เนื่องจากพี่ต่อว่าลูกชายสุดที่รัก ที่อุตส่าห์พาพ่อแม่(และเมียกับลูกตัวเอง) ไปเที่ยว พ่อกับพี่สาวคนโตเลยทะเลาะกันพูดจาไม่ดี ในที่สุดลูกคนโตเลยตัดขาดตัวเอง หายจากครอบครัวไป
ในความรู้สึกของพ่อแม่ คือ ลูกชายเป็นคนกตัญญูดูแลพ่อแม่ พาไปเที่ยว พาไปกินข้าวนอกบ้าน (ใช้เงินพ่อแม่ออก)

แต่หลังจากพี่สาวคนโตไม่ได้ส่งเงินแล้ว ลูกสาวคนกลางก็โชคดีได้งานและย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ตั้งใจจะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในบ้าน เงินเดือนตัวเองที่ได้มาก็แบ่งเก็บส่วนนึง ที่เหลือก็เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านหมด (เงินเดือน 30K) 
พอมาอยู่ที่บ้านเลยรู้ว่าน้องชาย ใช้ชีวิตสบายตัวมาก กินข้าวนอกบ้านกันบ่อย ช็อปออนไลน์ กินแต่ของดีๆ ทั้งๆ ที่รายได้ตัวเองไม่พอค่านมลูกด้วยซ้ำ

จุดพีคที่สองคือ ตั้งแต่พี่สาวไม่ส่งเงินมาให้ แต่ก็เห็นพ่อกับแม่และลูกคนเล็กก็ยังใช้ชีวิตได้สุขสบายยิ่งกว่าเดิม กินข้าวนอกบ้านบ่อย ไปเที่ยวกันบ่อย ลูกคนเล็กก็พาพ่อแม่ไปซื้อทองมาใส่กัน ลูกสาวคนกลางมารู้เอาทีหลังว่า น้องชายนำพาพ่อแม่ให้เอาฉโนดบ้านที่อยู่กันไปฝากกับคนรู้จัก และเอาเงินออกมาสามแสนบาท ความมาแตกตอนไม่มีเงินจ่ายดอกแล้ว+ถึงเวลาไปไถ่บ้านออกมาแต่ไม่มีเงิน

แม่เลยมาบอกลูกคนกลางว่า จะโอนบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อเค้า เพื่อให้ลูกสาวไปยื่นทำเรื่องกู้เงินธนาคารเอาออกมาเป็นเงินทุนให้ครอบครัวแล้วค่อยผ่อนเอา....บ้าน+ที่ดิน มูลค่าน่าจะได้สัก 2,500,000 พ่อแม่จะให้กู้ 2,000,000 ใช้หนี้เค้าสามแสน ที่เหลือล้านเจ็ดให้เก็บไว้ใช้กันในครอบครัว 

ลูกสาวคนกลางเลยมาปรึกษาผมว่าเอาดีไหม?  ด้วยความที่ครอบครัวนี้รักกันมากจริงๆ พี่สาวเค้าก็รักน้องและหลาน แต่ปัญหาคือ น้องชายไม่ยอมโต คือจะไม่รับผิดชอบอะไรเลย เดี๋ยวลูกก็ต้องเข้าโรงเรียน ไม่ต้องสืบว่าเอาเงินจากไหน (แต่ลูกสาวคนกลางนี่ก็เอ็นดูหลานและพร้อมจะส่งเสีย แต่ก็อยากให้คนที่เป็นน้องลุกขึ้นมาจริงจังกับชีวิตบ้าง)

สงสารแต่พี่คนโตเป็นห่วงพ่อแม่คอยโทรถามน้องคนกลางเป็นระยะๆ แต่ตัวเองก็ไม่ไหวกับน้องชายที่เกาะพ่อกันแม่แบบนี้
(คนโตไม่ได้สนิทกับน้องชายเพราะอายุห่างกัน) 

พี่สาวทั้งสองเคยช่วยกันบิ้วให้น้องทำมาค้าขาย ลงทุนให้ สามสี่รอบแล้วก็ไปไม่รอด เพราะคนน้องคือไม่ทำงานอะไรจริงจัง ไม่ยอมเหนื่อยเลย

พีคสุดท้าย คือ ญาติแถวบ้านและเพื่อนบ้าน ต่างเข้าใจว่าน้องชายเป็นลูกแสนดี คอยพาแม่ไปหาหมอ (เดือนละครั้ง) ซื้อทองให้พ่อกับแม่ใส่ (แม่เอาไปเล่า)
ลูกสาวคนกลางนี่ไปซื้อของที่ร้านขายของชำแม่ค้ายังบอกว่าให้ช่วยเหลือพ่อกับแม่ด้วย อย่าอักตัญู  น้องชายเหนื่อยมาเยอะแล้ว เราเป็นพี่ต้องช่วยบ้าง (ทั้งหมดเนื่องจากเรื่องที่แม่ไปเล่า ไม่รู้เอาอะไรไปเล่าบ้าง)

ลูกสาวคนกลางถึงกับน้ำตาตกใน เสียใจ แต่ก็ไม่สามารถตัดใจทิ้งครอบครัวไปได้ 

จริงๆ ผมก็ให้คำแนะนำไปแล้ว แต่อยากเอามาเล่าดูเผื่อฟังความเห็นคนอื่นบ้าง

*คำแนะนำที่ให้ไปคือ ต้องคุยซีเรียสกับพ่อแม่ และไม่ต้องกู้เยอะ เอาให้แค่พอใช้หนี้และสำรองเงินสดสำหรับ 6-8 เดือน + เงินลงทุน ซึ่งต้องคุยจริงจังกับน้อง รีบหาอาชีพให้เค้าตั้งตัวให้ได้ภายใน 6-8 เดือนนี้ คือกู้มาแล้วต้องไม่ให้เป็นก้อนไป คอยแบ่งเป็นเงินเดือน 
ต้องทำให้ทุกคนพึ่งตัวเองให้ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่