เรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ของ Reynard Beck ที่ลอยอยู่ในอากาศได้




เรื่องราวของ Reynard Beck ไม่ค่อยมีใครรู้จัก มันเป็นเรื่องราวที่ดำเนินไปตามกาลเวลาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน และยืนอยู่บนพรมแดนระหว่างความจริงและจินตนาการ สำหรับ Reynard Beck นั้น เขาไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดา แต่เขาลอยอยู่กลางอากาศได้ 

เรื่องราวที่คลุมเครือและมืดมนของเขาที่เกี่ยวกับการลอยตัวนี้ เป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี 1800 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการแสดงแปลกประหลาดและเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นเต็มไปหมด แล้วท่านคิดว่าเรื่องราวของเขามีความเป็นไปได้หรือไม่

Dexter เป็นเมืองเล็ก ๆในมิสซูรีที่เงียบสงบเหมือนกับเมืองอื่น ๆ ในแถบ Midwest ของอเมริกา วันเวลาที่ผ่านมาของที่นี่ เป็นชีวิตประจำวันหนุ่มน้อย Reynard Beck  แต่ปีนี้คือปี 1884 ที่ Reynard มีอายุ 27 ปี เขามีความสุขและร่าเริง เป็นผู้ชายที่เติบโตขึ้นตามมาตรฐานของเวลานั้น โดยอาศัยอยู่กับครอบครัวในฟาร์ม

ในเวลานั้นเมือง Dexter อยู่ในชนบทและในแถบ Midwest ก็มีงานมากมายในฟาร์ม ซึ่ง Reynard กับพี่ชายของเขาทำงานหนักและมีจิตวิญญาณของชาวชนบทที่ดี อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งในเดือนมิถุนายนปี 1884 ชีวิตของ Reynard ก็เปลี่ยนไปในวิธีที่คาดไม่ถึงที่สุด


Reynard Beck มาจากเมือง Dexter ที่เงียบสงบในมิสซูรี ( muratart / Adobe Stock)


ตามเรื่องราวที่บันทึกไว้ เช้าวันหนึ่งที่โชคร้ายในเดือนมิถุนายนคือการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง โดย Reynard ที่เหนื่อยล้าจากงานประจำวันและนอนอยู่
ถูกแม่เรียกตัวในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อกินอาหารเช้าและรอทำงานในวันใหม่ แต่เมื่อตื่นขึ้นจากการนอนหลับ Reynard รู้ได้ทันทีว่า เขารู้สึกแตกต่างไปจากเดิม มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันด้วยอารมณ์กระฉับกระเฉงที่ท่วมท้น ทำให้เขาอยากจะลุกจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่

อย่างไรก็ตาม  Reynard Beck มีความรู้สึกแปลก ๆ ของน้ำหนักตัวที่เบาขึ้น ซึ่งเมื่อเขาเปิดผ้าห่มออกไปด้านข้างเพื่อลุกขึ้น เขาเห็นว่าตัวเขาลอยขึ้นไปบนเพดานได้ ด้วยความไม่เชื่อและความประหลาดใจ เขานึกว่าเป็นความฝันอันสดใส แต่ต่อมาเมื่อเห็นว่าตัวเขาลอยขึ้นได้จริงๆ ก็เกิดความกลัว จึงถามกับตัวเองว่า เขามีน้ำหนักมากกว่า 166 ปอนด์ (75 กก.) จะลอยได้ยังไง แต่ท้ายที่สุดเมื่อเขาก็ยังลอยอยู่  Reynard Beck จึงยอมรับพรสวรรค์ที่เพิ่งค้นพบนี้

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะให้คนอื่นได้เห็นปรากฏการณ์นี้ เขาจับหัวเตียงแล้วดึงตัวเองลง และแก้ปัญหาเบื้องต้น ด้วยการเขาคาดเข็มขัดที่ถ่วงน้ำหนักด้วยตะกั่ว ทำให้เขาอยู่บนพื้นเป็นปกติได้ หลังจากนั้น Reynard ก็ดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ

แต่ความลับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถซ่อนไว้ได้อย่างไม่มีกำหนด  ดังนั้น วันหนึ่ง Samuel น้องชายของเขาเกิดสะดุดเข้าไปในห้องขณะที่ Reynard
กำลังลอยอยู่ ทำให้ Samuel ตกใจอย่างมากที่เห็นพี่ชายของตัวเองลอยได้ ซึ่ง Reynard ขอร้องให้น้องชายของเขาปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ Samuel Beck เกิดความคิดที่ดีกว่า

เขาบอกกับ Reynard ว่า ปรากฏการณ์ทางกายภาพที่แปลกประหลาดนี้สามารถเปลี่ยนเป็นธุรกิจที่มีกำไรได้ ซึ่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 นั้น
การแสดงประหลาดๆล้วนเป็นความนิยม ยิ่งถ้าใครมีพรสวรรค์ที่แท้จริงและเหลือเชื่อเหมือน Reynard ยิ่งจะทำเงินได้มาก ในที่สุด พี่น้อง Beck ตัดสินใจเข้าสู่โลกแห่งความพิศวงและแสดงความสามารถให้ทุกคนได้เห็น และยืนยันว่าการแสดงของ Reynard สมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้านเนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า Reynard แกล้งทำ 

ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง พี่น้อง Beck เริ่มเดินทางไปตามลานแสดงสินค้าต่างๆในท้องถิ่น สุดท้ายก็จัดการแสดงของพวกเขาเองทั่วแถบ Midwest ของอเมริกา ไม่นานนัก การแสดงของพวกเขาก็มีชื่อเฉพาะของตัวเองและ Reynard Beck ก็ได้รับการโฆษณาว่า “ The Floating Wonder” กลายเป็นที่น่าสนใจอย่างแท้จริงของทุกคณะการแสดงที่แปลกประหลาดที่เกี่ยวข้องกับการลอยตัวอยู่ในอากาศ

การแสดงนั้นจะอยู่ในเต็นท์ ซึ่ง Reynard จะลอยขึ้นไปในอากาศและอ่านหนังสือ ผู้สังเกตการณ์ทุกคนมีอิสระในการตรวจสอบการกระทำ โดยมองหา
สายไฟที่ซ่อนอยู่หรือวิธีการหลอกลวงใด ๆได้  แต่โชคเหล่านี้มีเวลาไม่นานนัก  Reynard Beck โดนรุมประชาทัณฑ์โดยกลุ่มคริสตชนที่เกรงกลัวต่อบาป และโดนขู่ฆ่าหลายร้อยครั้ง  ส่วนความสามารถที่แปลกประหลาดของเขาในการต่อต้านแรงโน้มถ่วงเริ่มกระตุ้นจิตใจทางวิทยาศาสตร์  ทำให้เรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของเขามีข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่อยู่รอดมาจนวันนี้

เรื่องราวของ Reynard Beck ถูกรวมอยู่ในRipley's Believe It Or Not ฉบับปี 1978 ( Cr.Mythosphere )

ต่อมา พี่น้อง Beck ตัดสินใจเลิกงานแสดงหลังจากเดินทางไปแถบ Midwest เพียงหกปี แม้ในเวลานั้นจากความสามารถของ Reynard จะทำให้พวกเขาได้รับเงินประมาณ 1 ล้านเหรียญ (คิดเป็นเงินในปัจจุบัน) แต่พวกเขาก็ประกาศยุติการแสดง “ Floating Wonder” และการกลับไปใช้ชีวิตที่ฟาร์มของพวกเขาใน Dexter, Missouri อย่างเดิม ไม่นานข่าวลือก็เริ่มแพร่สะพัดว่าความสามารถในการลอยตัวของ Reynard ได้หายไปอย่างกะทันหัน

ต่อมา ฝูงชนที่อยากรู้อยากเห็นต่างก็เดินทางไปที่ฟาร์ม Beck ในเมือง Dexter โดยหวังว่าจะได้เห็น Reynard ลอยอยู่กลางอากาศ แต่เขาไม่เคยทำอีกเลย เขาหลีกเลี่ยงและปฏิเสธการปรากฏตัวใด ๆ โดยคำแถลงสุดท้ายของเขาได้รับการบันทึกไว้ในปี 1890 เมื่อเขาเลิกแสดง ด้วยคำพูดที่ค่อนข้างหม่นหมองว่า “ เมื่อชายคนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศเขาจะไม่สามารถเป็นผู้ชายคนเดิมได้อีกแล้ว ”

หลังจากนั้น เป็นระยะเวลานานที่ไม่เห็น Reynard จนทุกคนเริ่มสงสัย โดย Samuel Beck และแม่ของเขายอมรับว่า Reynard Beck ได้หายตัวไป มีเพียงเข็มขัดถ่วงตะกั่วของเขาเท่านั้นที่ถูกพบในทุ่งใกล้ชายแดนกับรัฐเทนเนสซี  หลายคนสงสัยว่า Reynard อาจปล่อยให้ตัวเองลอยขึ้นไปในอากาศ
แต่แหล่งข้อมูลอื่นอ้างว่า เขายังคงอยู่อยู่ในบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัวและยอมรับชีวิตสันโดษ

เรื่องราวของ Reynard Beck " The Floating Wonder " จบลงอย่างลึกลับ และนี่คือจุดเริ่มในการแสวงหาความจริง  โดยสิ่งแรกของการลอยได้ ตามกฎของฟิสิกส์และแรงโน้มถ่วงการที่มนุษย์จะลอยอยู่กลางอากาศนั้นเป็นไปไม่ได้เลย  และจากรายงานข่าวใน Kansas Star ตั้งแต่ปี 1887 หรือในปี 1890 ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นความพยายามที่ไร้ผล ในท้ายที่สุด เรื่องราวแปลก ๆ นี้ถูกส่งต่อกันโดยปากต่อปากและไม่มีข้อพิสูจน์ที่เป็นข้อสรุป

Reynard Beck "The Floating Wonder" เป็นหัวเรื่องของจดหมายฉบับนี้ที่ปรากฏใน "The Belleville Telescope" (Belleville, Kansas, 31 สิงหาคม 1972) 
จนในปี 1972 ชายคนหนึ่งชื่อ Dr. R. N. Van Cor นักฟิสิกส์ที่ทำงานด้านปรากฏการณ์ความโน้มถ่วง ได้เดินทางมาจาก Sacramento, แคลิฟอร์เนีย
และส่งจดหมายโดยละเอียดถึงหนังสือพิมพ์ Belleville Telescope จากเมือง Belleville ในแคนซัส พร้อมกับตีพิมพ์จดหมายฉบับเดียวกันนี้  โดยส่งไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม1972  ซึ่งในบรรดาข้อมูลอื่น ๆ จดหมายฉบับนี้เป็นหนึ่งในข้อมูลสมัยใหม่ฉบับแรกที่กล่าวถึงเรื่องแปลก ๆ นี้ 

ในจดหมายระบุว่า  “ Reynard Beck กลายเป็นนักแสดงที่น่าอัศจรรย์ และถูกโฆษณาภายใต้ชื่อ “ The Floating Wonder” ที่ซึ่งเขาได้ไปแสดงในงานแสดงสินค้าในแถบ Midwest ตั้งแต่ปี 1884 -1890  ซึ่งในปี 1890 พลังที่ลอยอยู่ในอากาศได้หายไปจากเขาอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็กลับไปอยู่ที่เมือง Dexter รัฐแคนซัส ซึ่งเขาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างปกติสุข ”

ไม่นานหลังจากจดหมายฉบับนี้ถูกตีพิมพ์ เรื่องราวของ Reynard Beck ได้แสดงให้เห็นในรูปแบบของหนังสือการ์ตูน comic book ที่ได้รับการตีพิมพ์ในการ์ตูนชื่อ Ripley's Believe It Or Not ในชุด Gold Key หมายเลข 79 ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนกรกฎาคมปี 1978 

ทั้งนี้ ในอดีตมีการแสดงที่แปลกประหลาดแบบนี้มากมายในธุรกิจ แต่รายละเอียดบางอย่างของเรื่องราว Reynard Beck ทำให้แน่ใจว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ โดยจะเป็นเคล็ดลับมายากลบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ความลึกลับในช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือการขาดแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
และข้อมูลเหล่านี้ที่ส่งผ่านปากต่อปากผ่านชาวพื้นเมือง Midwest มาหลายชั่วอายุคนนั้น ไม่เพียงพอที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องราวของ
Reynard Beck  ซึ่งมันเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่าจะเป็นเรื่องจริง

 




(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่