สารไบโอ แก้ไขกับคุณหมออรรถพันธ์ ณพลักษณ์คลีนิค (ตอนที่ 2 )

สวัสดีค่ะ หายไป 2 เดือนหลังจากที่เอาสารไบโอออกจากจมูก ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เสริมนะคะ เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการดูแลตัวเองไม่ดีพอหลังจากการผ่าตัดประมาณ 10 วัน  สำหรับท่านใดที่ยังไม่ทราบเรื่องราวตั้งแต่ต้น สามารถ Click link  หรือ  Copy link  นี้อ่านในกระทู้แรกได้นะคะ 
https://pantip.com/topic/40481585

มาเริ่มกันเลยนะคะ หลังจากเอาสารไบโอออกได้ประมาณ 10 วัน ความบวมของใบหน้าก็ค่อยๆเริ่มลดบวมอย่างเห็นได้ชัด และมายก็มีความหวังที่จะได้ผ่าตัดไขมันหน้าท้องเอาไปเสริมเพื่อทำการซ่อมแซม เนื้อที่เสียหายของจมูก จากการฉีดสารไบโอไปเกือบ 15 ปีที่แล้ว  วันที่คุณเฟียตเปิดแผลบนจมูกพบว่า มีตุ่มใส เป็นเม็ดขาวๆ 3-4 ตุ่ม เกิดขึ้นบริเวณข้างจมูก  โดยคุณหมออรรถพันธ์และคุณเฟียตสันนิษฐานว่า น่าจะเป็น โรคเริม  เนื่องด้วยมายเองมีประวัติการเป็นงูสวัดเมื่อต้นเดือนธค 63 และมีอาการนอนไม่หลับก่อนที่เริมจะขึ้น 1-2 วัน  คุณหมอทั้ง 2 ท่าน จึงเป็นห่วงความปลอดภัยจึงระงับการผ่าตัดออกไปก่อนและรักษาตัวให้หายก่อน แล้วนัดวันผ่าตัดอีกครั้ง

หลังจากนั้นมายก็ทำการรักษาโดยการไปหาแพทย์ที่เปาโลเพื่อรักษาโรคเริม 1 สัปาดาห์ และทานยาเกี่ยวกับงูสวัดอีก 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นเข้าไปพบคุณเฟียตอีก แต่ปรากฎว่า หน้าขึ้นผื่นแดง รอบๆ บริเวณแผลผ่าตัด ตั้งแต่หัวคิ้วลามไปถึงกลางคิ้วและเป็นพดผื่นแดงบนหน้าผาก  คุณหมอจึงให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเผื่อหาสาเหตุของการเกิดผื่น   หลังจากนั้นมายก็เข้าพบแพทย์ด้านผิวหนังอีกครั้งที่รพ.เปาโล หมอขูดเอาสเก็ดบนหน้าผากไปตรวจหา "ภาวะติดเชื้อ"
หรือโรคที่เกิดจากการผ่าตัดหัตถกรรม  แต่ผลออกมาก็ไม่พบภาวะแทรกซ้อนใดๆค่ะ แต่หมอที่เปาโลก็ไม่นิ่งนอนใจ ยังส่งตัวของมายไปที่สถาบันแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยต่ออีก  เพราะกลัวจะเป็นโรคพุ่มพวงผิวหนังหรือ โรคเซ็บเดิร์ม หรือวัณโรคผิวหนัง หรือโรคเชื้อราที่จะเกิดหลังจากการทำหัตถกรรม 

ถึงพารากราฟนี้แล้ว ขอแอบบ่นหน่อยนะคะ ว่าเรื่องราวจะบานปลายไปใหญ่แล้ว แอบโทษตัวเองลึกๆว่าทำไมไม่พักผ่อนให้เพียงพอ ทำไมปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอ พอร่างกายอ่อนแอแล้ว ภูมิคุ้มกันในตัวก้อจะต่ำลง ทีนี้  ร้อยแปดพันโรคที่เรียงคิวจ่อจะเล่นงานเรา ก้อวิ่งถาโถมมาจนรับแทบไม่ทัน 

ได้ใบส่งตัวจากรพ.เปาโลไปสถาบันแพทย์ผิวหนัง มายก็ไปนั่งรอตรวจเปิดหน้าให้หมอดู หมอก็ซักประวัติเหมือนเริ่มนับ 0 ใหม่ เสร็จก็ขูดหน้ามายไปตรวจหาเชื้อ  ผลออกมาคือ ปกติ หลังจากนั้นได้พบกับอาจารย์หมอที่สถาบัน เบื้องต้นวินิจฉัยว่า อาจจะเป็นโรคเซ็บเดิร์ม หรืออาจจะเป็นผื่นแพ้ผิวหนัง ยังไม่มีอะไรอันตราย ให้ยาเกี่ยวกับเสตรอยด์ไปทา 1 สัปดาห์ แล้วกลับมาพบแพทย์อีกครั้ง

ผ่านไป 1 สัปดาห์ กลับไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้หน้าขึ้นผื่นแดง ไม่แน่ใจว่า เกิดจาก ก่อนหน้า 1 วันทานพิซซ่าที่มีส่วนผสมชีส หรือ ใช้น้ำตบยี่ห้อใหม่บำรุงผิวหน้า หรือเป็นเพราะอากาศร้อนในการเดินทางจาก MKT to BTS และเดินเท้าต่อเข้ารพ. ผ่านอากาศร้อนทำให้หน้าแดง  หมอจึงให้ไปขูดหน้าหาเชื้อราบนใบหน้าอีกครั้ง ผลออกมา ปกติ  มายจึงทำการคุยกับหมอว่า หากผลเป็นปกติ อยากขอใบรับรองแพทย์จากทางรพ. เพื่อนำไปใช้ในการผ่าตัดรอบ 2  (เนื่องจากเป็นเริมแล้วกลัวว่าหากผ่าตัดแล้วจะมีผลข้างเคียง)

ทางสถาบันโรคผิวหนังแจ้งว่า ไม่สามารถออกให้ได้ หากอยากให้ทางรพ. ออกใบรับรองแพทย์ ต้องนำชิ้นเนื้อบนจมูกตรงที่ผ่าตัดเอาสารไบโอออก ออกไปเพาะเชื้อ 5 สัปดาห์ หากผลออกมาไม่พบเชื้อใดๆ จะออกใบรับรองแพทย์ให้

อ่านมาถึงตรงนี้รู้สึกท้อไหมค่ะ  มายท้อมากเลย แต่ไม่ถอย ก็ไปทำเรื่องคิวผ่าตัด ได้คิววันที่ 26 เมษายน 2564   แต่ในใจอยากโทรไปหาคุณหมออรรถพันธ์มากว่า หนูไม่อยากเอาชิ้นเนื้อไปตรวจแล้ว ไม่ผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจได้ไหมค่ะ  แต่ก็เข้าใจว่าคุณหมออรรถพันธ์และคุณเฟี้ยตอยากเซฟความปลอดภัยของเราให้ได้เต็มร้อยที่สุด   หลังจากหาหมอเสร็จก้อไลน์ไปเล่ารายละเอียดให้ฟัง  ทางคุณหมอออรรถพันธ์ก็แจ้งว่า ให้เข้าไปคุยที่คลีนิค 

ขอย้อนนิดนึงว่า  หลังจากถูกเลื่อนผ่าตัดมาประมาณ 2 รอบ มายร้องไห้หนักมากในห้องทำแผล แต่ความน่ารักของคุณเฟี้ยตคือบอกว่าให้ร้องให้เต็มที่ แล้วจะบอกว่าทำไมต้องเลื่อนผ่าตัด  ที่หมอเลื่อนผ่าตัดเพราะหมอห่วงชีวิตของคนไข้มากกว่า ความสวยของคนไข้  การเลื่อนผ่าตัดคือการขยายระยะเวลาออกไป ไม่ใช่การยกเลิกผ่าตัด  หมออยากให้มายทำใจให้สบาย รักษาตัวก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกันเรื่องผ่าตัดอีกครั้งเมื่อหายดี ระหว่าง 2 เดือนที่ผ่านมา มายเข้าไปคลีนิคณพลักษณ์ทุกสัปดาห์ หมอทำแผลให้อย่างปราณีต และไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มขึ้นเลย หมอทำให้ฟรี จนมายเกรงใจว่า คุณหมอคิดค่ายา ค่าอุปกรณ์ได้นะคะ แต่หมอบอกว่า คุณมาเป็นคนไข้ของหมอแล้ว ก็เหมือนคนในครอบครัว หมอจะดูแลคุณให้ดีที่สุด เพราะอะไรรู้ไหม เพราะชีวิตคุณมีค่า มีราคา 

เล่าต่อนะคะ ... พอไปคลีนิค ก็นั่งรอจนเป็นคนไข้คนสุดท้าย เพราะคนไข้ของคุณหมอเยอะมาก และแต่ละคนไข้ของคุณหมอ ไม่ได้ใช้เวลา 5-10 นาที ในการพูดคุย หรือในขั้นตอนการรักษาแผล  ไม่ต่ำกว่า 30 นาทีที่เข้าไปพบคุณหมอและทุกคนก้อเดินออกมายิ้มทุกคน มายไม่แปลกใจเลยเพราะมายก็เป็น 1 ในนั้นเหมือนกันที่ได้ทั้งกำลังใจและรอยยิ้มออกมาทุกครั้ง  ครั้งนี้ก็เช่นกัน  หลังจากได้พบหมอเป็นเคสสุดท้ายของวัน หมอก็อธิบายรายละเอียดว่าทำไมสถาบันโรคผิวหนังต้องนำชิ้นเนื้อไปตรวจ  มันเป็นจรรยาบรรณของแพทย์ที่ต้องดูแลคนไข้ทุกคนให้ดีที่สุด  เราคุยกันจนหาข้อสรุปได้ว่า 
"มายขอไม่ผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจกับสถาบันโรคผิวหนังเนื่องจากเกรงว่าจะมีผลข้างเคียงต่อการรักษาการผ่าตัดรอบที่ 2  แต่มายต้องเขียนหนังสือ 1 ฉบับเพื่อยินยอมเข้ารับการผ่าตัด  และจากวันที่ 23 มกราคม 2564 จนถึงวันนี้ 1 เมษายน 2564 ระยะเวลาเกินกว่า 2 เดือน ในการทิ้งระยะห่างจาก โรคเริมแล้ว และมายเองก็ดูแลร่างกายอย่างดี พักผ่อนเพียงพอ นอนเต็ม 8 ชม. ทุกวัน สุขภาพแข็งแรง ตอนนี้ร่างกายพร้อมที่จะผ่าตัดอีกครั้งแล้วค่ะ 

คุณหมออรรถพันธ์ให้เข้าไปพบอีกทีวันที่ 3 เมษายน 64 เพื่อดูความแข็งแรงของผิวบนจมูก และเนื้อที่ขึ้นตรงจมูกว่าแข็งแรงพอที่จะนัดวันผ่าตัดหรือไม่ มายก็ภาวนา ว่าขอให้ได้ผ่าตัดรอบ 2 ไวๆ จากความกลัวผ่าตัด ตอนนี้ไม่หลงเหลือแล้ว กลัวแต่จะไม่ได้ผ่ามากกว่าา 

มายจะมาอัพเดตความคืบหน้าอีกทีหลังจากที่ได้ผ่าตัดรอบ 2 แล้วนะคะ สุดท้ายในกระทู้นี้อยากให้ทุกคนดูแลร่างกายตัวเองให้เต็มที่ อย่าคิดว่าผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ไม่สำคัญ เพราะบางทีแค่เรื่องนอนไม่หลับก็เป็นปัญหาใหญ่ได้เหมอืนกับมาย  จากโรคเริม จน จะต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ เป็นกำลังให้ทุกคนนะคะ สำหรับท่านใดที่กำลังคิดอยู่ว่า จะเอาสารไบโอ หรือฟิลเลอร์ที่อยู่กับร่างกายออกดีไหม เอาออกแล้ว หน้าตา หรือ อวัยวะเราจะเปลี่ยนไป หรือผิดรูปหรือเปล่า  อยากบอกทุกคนว่า เอาออกเถอะคะ่ อย่างน้อยชีวิตเราก้อปลอดภัย เพราะชีวิตเรา มีค่า มีราคา เหมือนที่คุณหมออรรถพันธ์กล่าวไว้

ถ้าอยากรู้ว่าคุณหมออรรถพันธ์กับคุณเฟี้ยตดีจริงไหม หรือหากยังไม่กล้าตัดสินใจ แนะนำมาปรึกษาท่านทั้ง 2 ก่อนก็ได้นะคะ ค่าปรึกษา 1,000 บาทค่ะ หากตัดสินใจให้ทางคุณหมอดูแล ท่านจะคืนค่าใช้จ่ายในการปรึกษาให้ ที่มายมาโพสก็ไม่ได้ถูกจ้างมานะคะ มายเป็นคนไข้จริง ที่ฉีดสารไบโอจริง และคุณหมอก็เอาออกได้จริง ทั้งๆที่ คลีนิคดังๆ หลายที่ ปฎิเสธและบอกให้มายอยู่กับจมูกเน่าๆ ต่อไป 

อยากเป็น 1 กระบอกบุญให้คนที่กำลังคิดว่าจะตัดสินใจทำหรือไม่ทำ  จะทำที่ไหนดี  อ่านรีวิวเยอะๆนะคะ แล้วจะรู้ว่าที่ไหนทำได้จริง 
แต่สำหรับมาย ที่นี่ค่ะ  ณพลักษณ์คลีนิคยิ้ม

รอติดตาม กระทู้ถัดไป หลังผ่าตัดปลูกถ่ายไขมันหน้าท้องมาที่จมูกนะคะ เป็นกำลังให้มายหน่อยนะ ทำช้า แต่หวังว่าจะได้ทำนะคะ 
รูปที่ใส่ไปตั้งแต่วันเอาออก จนวันนี้ ใบหน้าดีขึ้นในทุกๆวัน รอเวลากลับมาสวยอีกครั้งค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่