https://pantip.com/topic/40602766
สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนได้นำเสนอเรื่องราว นางเหวินเจียง และ นางเสวียนเจียง สองกงจู๊ผู้เลอโฉมแห่งแคว้นฉีไปแล้ว แต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพวกนางยังไม่จบนะครับ มีเรื่องน่าสนใจที่เห็นควรนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไปดังนี้
อันนางเสวียนเจียงนั้น หลังจากถูกบังคับให้แต่งงานกับกงจื่อจาว แห่งแคว้นเหวย ผู้มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของนางแล้ว (แต่เข้าใจว่าอายุอานามคงไม่ได้ต่างกันนัก) ก็อยู่กินกันยืดยาวต่อมาและมีทายาทด้วยกันถึง 5 คน โดยเป็นชาย 3 คน และหญิง 2 คน
ในบรรดาลูกๆของ กงจื่อจาวกับนางเสวียนเจียง คนเล็กสุดเป็นบุตรีซึ่งไม่ทราบนามจริงของบุตรีนางนี้ เนื่องจากเป็นธรรมเนียมของจีนโบราณที่ชื่อจริงของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม มีแค่บิดามารดา พี่น้อง ญาติสนิท และสามีเท่านั้นที่รู้ และเมื่อนางแต่งงานไป บุคคลภายนอกตระกูลก็มักจะเรียกขานชื่อนางตามสามีบ้าง เช่น สมมติแต่งกับสามีแซ่จาง ก็เรียกว่า ฮูหยินตระกูลจาง บางทีก็เรียกแต่แซ่เดิมบ้างเช่น สมมติเดิมแซ่เจิ้ง ก็เป็นเจิ้งฮูหยิน เรียกตามถิ่นที่อยู่บ้าง เช่นมาจากแคว้นจ้าว ก็เรียกว่าจ้าวจี หรือ สตรีเมืองจ้าว เป็นต้น
แต่ในยุคชุนชิวนั้น แซ่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สามัญชนทั่วไปไม่มีแซ่ หรือมีก็ไม่นิยมใช้เพราะมันไม่สำคัญไม่มีใครสนใจ ส่วนชนชั้นสูงนั้นจะนับซื่อเป็นตัวบอกชาติตระกูลมากกว่า ดังนั้น บุตรีของกงจื่อจาวกับนางเสวียนเจียงจึงไม่ปรากฏชื่อจริงในประวัติศาสตร์ครับ แต่คนนิยมเรียกนางว่า สวีมู่ฮูหยิน 许穆夫人 เพราะในตอนหลังนางแต่งงานกับเจ้าแคว้นสวี ที่มีอารามนามว่า สวีมู่กงนั่นเอง
อันนางสวีมู่นี้ มีรูปโฉมงดงามไม่แพ้นางเสวียนเจียงผู้เป็นมารดาและนางเหวินเจียงผู้เป็นน้าเลย อีกทั้งสติปัญญาก็เฉลียวฉลาดทันคน ช่างเจรจาและอ่านออกเขียนได้ตามประสาบุตรีของชนชั้นสูงที่ควรได้รับการศึกษาที่ดี ซ้ำนางยังเป็นเลิศด้านการแต่งบทกวีกาพย์กลอนอีกด้วย นางจึงเป็นที่รักของกงจื่อจาวผู้บิดาเป็นยิ่งนัก
นางสวีมู่ วีรสตรีผู้เป็นยอดกวีหญิงคนแรกๆของจีน
สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนได้นำเสนอเรื่องราว นางเหวินเจียง และ นางเสวียนเจียง สองกงจู๊ผู้เลอโฉมแห่งแคว้นฉีไปแล้ว แต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพวกนางยังไม่จบนะครับ มีเรื่องน่าสนใจที่เห็นควรนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไปดังนี้
อันนางเสวียนเจียงนั้น หลังจากถูกบังคับให้แต่งงานกับกงจื่อจาว แห่งแคว้นเหวย ผู้มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของนางแล้ว (แต่เข้าใจว่าอายุอานามคงไม่ได้ต่างกันนัก) ก็อยู่กินกันยืดยาวต่อมาและมีทายาทด้วยกันถึง 5 คน โดยเป็นชาย 3 คน และหญิง 2 คน
ในบรรดาลูกๆของ กงจื่อจาวกับนางเสวียนเจียง คนเล็กสุดเป็นบุตรีซึ่งไม่ทราบนามจริงของบุตรีนางนี้ เนื่องจากเป็นธรรมเนียมของจีนโบราณที่ชื่อจริงของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม มีแค่บิดามารดา พี่น้อง ญาติสนิท และสามีเท่านั้นที่รู้ และเมื่อนางแต่งงานไป บุคคลภายนอกตระกูลก็มักจะเรียกขานชื่อนางตามสามีบ้าง เช่น สมมติแต่งกับสามีแซ่จาง ก็เรียกว่า ฮูหยินตระกูลจาง บางทีก็เรียกแต่แซ่เดิมบ้างเช่น สมมติเดิมแซ่เจิ้ง ก็เป็นเจิ้งฮูหยิน เรียกตามถิ่นที่อยู่บ้าง เช่นมาจากแคว้นจ้าว ก็เรียกว่าจ้าวจี หรือ สตรีเมืองจ้าว เป็นต้น
แต่ในยุคชุนชิวนั้น แซ่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สามัญชนทั่วไปไม่มีแซ่ หรือมีก็ไม่นิยมใช้เพราะมันไม่สำคัญไม่มีใครสนใจ ส่วนชนชั้นสูงนั้นจะนับซื่อเป็นตัวบอกชาติตระกูลมากกว่า ดังนั้น บุตรีของกงจื่อจาวกับนางเสวียนเจียงจึงไม่ปรากฏชื่อจริงในประวัติศาสตร์ครับ แต่คนนิยมเรียกนางว่า สวีมู่ฮูหยิน 许穆夫人 เพราะในตอนหลังนางแต่งงานกับเจ้าแคว้นสวี ที่มีอารามนามว่า สวีมู่กงนั่นเอง
อันนางสวีมู่นี้ มีรูปโฉมงดงามไม่แพ้นางเสวียนเจียงผู้เป็นมารดาและนางเหวินเจียงผู้เป็นน้าเลย อีกทั้งสติปัญญาก็เฉลียวฉลาดทันคน ช่างเจรจาและอ่านออกเขียนได้ตามประสาบุตรีของชนชั้นสูงที่ควรได้รับการศึกษาที่ดี ซ้ำนางยังเป็นเลิศด้านการแต่งบทกวีกาพย์กลอนอีกด้วย นางจึงเป็นที่รักของกงจื่อจาวผู้บิดาเป็นยิ่งนัก