คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมว่ามันไม่ใช่ Panic หรอกครับ น่าจะเรียกว่า ไม่เข้าใจตัวเอง/ไม่ยอมรับตัวเอง มากกว่า
เพราะอาการ Panic ความหมายคือ ตื่นตกใจจากภาวะที่ถูกตัวกระตุ้น (ส่วนใหญ่เป็นตัวกระตุ้นภายนอก) เช่น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่คนอื่นทำขึ้น มาทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ข้อสำคัญคือ อาการ Panic เมื่อเกิดขึ้นแล้วผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวขณะเกิดอาการ หรือถ้ารู้ตัวก็มักจากหลังเกิดอาการไปแล้วสักพัก แต่ดูเหมือนที่ จขกท. เป็นนั้น มันไม่เข้าข่ายนี้นะครับ เพราะตัวกระตุ้นที่เกิดขึ้น เป็นตัวกระตุ้นภายใน (คือเกิดจากการวิตกกังวลภายในความคิดของตนเอง) และมีสติรู้ตัวดีขณะที่เกิดอาการ จนสามารถยิ้มรับแก้สถานการณ์ได้
ฉะนั้น ตามข้อบ่งชี้เดังกล่าว ประเด็นที่ จขกท. ควรให้ความสำคัญ จึงไม่ใช่เรื่องการ Panic แต่เป็นภาวะการไม่ยอมรับสถานะ ความรู้สึกนึกคิด และความเป็นไปของตนเองครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักเกิดขึ้นบ่อยๆกับคนที่ ไม่ได้คุยกับตัวเองบ่อยๆ/คุยกับตัวเองไม่เป็น การคุยกับตัวเอง ผมหมายถึงการทบทวนตัวเองในแต่ละวัน ว่าวันนี้เรารู้สึกอย่างไร เราทำอะไรลงไปบ้าง ตลอดจนเราตกผลึกความคิดในตัวเองได้บ้างรึป่าว การทำเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้เราเป็นคนที่เข้าใจนิสัยตัวเองดียื่งขึ้น เข้าใจว่าตัวเองมีศักยภาพมากแค่ไหน และไม่ดูถูกตัวเอง ทำให้เกิดการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นในที่สุด
การที่ จขกท. มีอาการดังกล่าว ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะ จขกท. ทำงานและใช้ชีวิตภายนอกมากเกินไป จนไม่มีเวลาดูแลชีวิตภายในของตัวเอง พอรู้สึกตัวอีกที คุณก็พบว่าสิ่งที่คุณกลัว มันใหญ่กว่าสิ่งที่คุณเป็นเสียแล้ว ที่มันใหญ่กว่าก็เพราะความกลัวคือความไม่รู้ ยิ่งความกลัวนั่นใหญ่ แปลว่าคุณรู้จักตัวเองน้อยเกินไป ไม่เชื่อคุณลองถามตัวเองสิว่า จำได้มั๊ยว่า เช้าเมื่อวานกินข้าวกับอะไร แล้วเช้าวันนี้ล่ะ ? ถ้าคุณตอบไม่ได้ นั่นแสดงว่าคุณแทบไม่เหลือเวลาในชีวิตให้ตัวเองเลย ทางแก้ก็คือ ลองตัดบางกิจกรรมที่มัน กินพลังงานเกินจำเป็น ออกไปบ้าง แล้วเอาเวลาว่างที่ได้ มาทำความรู้จักตัวเองให้มากขึ้น ถ้าคุณทำถูกวิธี อาการที่คุณบอกว่ากลัวไปซะทุกอย่างมันจะค่อยๆลดลงไปเอง เพราะคุณจะเริ่มจัดการพวกมันได้ แล้วความกลัวนั้นก็จะหายไปเองครับ
เพราะอาการ Panic ความหมายคือ ตื่นตกใจจากภาวะที่ถูกตัวกระตุ้น (ส่วนใหญ่เป็นตัวกระตุ้นภายนอก) เช่น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่คนอื่นทำขึ้น มาทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ข้อสำคัญคือ อาการ Panic เมื่อเกิดขึ้นแล้วผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวขณะเกิดอาการ หรือถ้ารู้ตัวก็มักจากหลังเกิดอาการไปแล้วสักพัก แต่ดูเหมือนที่ จขกท. เป็นนั้น มันไม่เข้าข่ายนี้นะครับ เพราะตัวกระตุ้นที่เกิดขึ้น เป็นตัวกระตุ้นภายใน (คือเกิดจากการวิตกกังวลภายในความคิดของตนเอง) และมีสติรู้ตัวดีขณะที่เกิดอาการ จนสามารถยิ้มรับแก้สถานการณ์ได้
ฉะนั้น ตามข้อบ่งชี้เดังกล่าว ประเด็นที่ จขกท. ควรให้ความสำคัญ จึงไม่ใช่เรื่องการ Panic แต่เป็นภาวะการไม่ยอมรับสถานะ ความรู้สึกนึกคิด และความเป็นไปของตนเองครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักเกิดขึ้นบ่อยๆกับคนที่ ไม่ได้คุยกับตัวเองบ่อยๆ/คุยกับตัวเองไม่เป็น การคุยกับตัวเอง ผมหมายถึงการทบทวนตัวเองในแต่ละวัน ว่าวันนี้เรารู้สึกอย่างไร เราทำอะไรลงไปบ้าง ตลอดจนเราตกผลึกความคิดในตัวเองได้บ้างรึป่าว การทำเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้เราเป็นคนที่เข้าใจนิสัยตัวเองดียื่งขึ้น เข้าใจว่าตัวเองมีศักยภาพมากแค่ไหน และไม่ดูถูกตัวเอง ทำให้เกิดการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นในที่สุด
การที่ จขกท. มีอาการดังกล่าว ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะ จขกท. ทำงานและใช้ชีวิตภายนอกมากเกินไป จนไม่มีเวลาดูแลชีวิตภายในของตัวเอง พอรู้สึกตัวอีกที คุณก็พบว่าสิ่งที่คุณกลัว มันใหญ่กว่าสิ่งที่คุณเป็นเสียแล้ว ที่มันใหญ่กว่าก็เพราะความกลัวคือความไม่รู้ ยิ่งความกลัวนั่นใหญ่ แปลว่าคุณรู้จักตัวเองน้อยเกินไป ไม่เชื่อคุณลองถามตัวเองสิว่า จำได้มั๊ยว่า เช้าเมื่อวานกินข้าวกับอะไร แล้วเช้าวันนี้ล่ะ ? ถ้าคุณตอบไม่ได้ นั่นแสดงว่าคุณแทบไม่เหลือเวลาในชีวิตให้ตัวเองเลย ทางแก้ก็คือ ลองตัดบางกิจกรรมที่มัน กินพลังงานเกินจำเป็น ออกไปบ้าง แล้วเอาเวลาว่างที่ได้ มาทำความรู้จักตัวเองให้มากขึ้น ถ้าคุณทำถูกวิธี อาการที่คุณบอกว่ากลัวไปซะทุกอย่างมันจะค่อยๆลดลงไปเอง เพราะคุณจะเริ่มจัดการพวกมันได้ แล้วความกลัวนั้นก็จะหายไปเองครับ
แสดงความคิดเห็น
เราจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตไหมคะหรือเราแพนิคไปเองหรอคะ