จอห์น เมอร์เท่อห์ ชายผู้จริงจังกับการทำงานสู่ภารกิจคืนชีพ แมนยู & เผย "เมอร์ทัฟ"บอกปัด"ทีมพี่เบ็คส์"ก่อนนั่งผอ.ฟุตบอลผี

จอห์น เมอร์เท่อห์ ชายผู้จริงจังกับการทำงานสู่ภารกิจคืนชีพ แมนยู

ถึงแม้ว่า อเล็กซ์ เตลลิส แบ็กซ้ายชาวบราซิเลียนจะโดนมองว่าถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงมาอยู่กับทีมเพียงเพื่อเป็นอะไหล่ของ ลุค ชอว์ และเป็นการกระตุ้น ชอว์ ว่าอาจจะโดนแย่งตำแหน่งได้หากไม่พัฒนาฝีเท้า แต่มันก็ทำให้ "เร้ด อาร์มี่" รู้สึกพอใจนิดหน่อย เพราะเขาถือเป็นการเสริมทัพรายที่ 2 ของทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มาร่วมทัพแค่คนเดียว



ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ เตลลิส เดินทางมาถึง แคร์ริงตัน ศูนย์ฝึกซ้อมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น เหล่าแฟนบอลบางส่วนของทีมก็ตื่นเต้นมากๆ และให้ความสนใจเขาเต็มที่ โดยที่ไม่ได้สนคนที่ขับรถมาส่งเขาที่สนามซ้อมเลย ซึ่งที่จริงมันก็ไม่แปลกอะไรที่หลายคนจะเมินคนขับรถคนนั้น เพราะคงนึกว่าเขาเป็นคนขับรถทั่วไป



อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วคนขับรถคนนั้นคือคนที่กลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเขาคือ จอห์น เมอร์เท่อห์ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฟุตบอลคนแรกของสโมสรเมื่อวันพุธที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา

แมนฯ ยูไนเต็ด คิดที่จะหาคนมาเป็นผอ.ฟุตบอลมานานแล้ว เพราะมองว่าที่ผ่านมาการประสานงานระหว่างฝ่ายฟุตบอลกับฝ่ายบริหารมันไม่ราบรื่นเท่าไหร่ แถมการเสริมทัพก็เคยดูน่าผิดหวังในช่วงหลายฤดูกาลก่อน ซึ่งผอ.ฟุตบอลที่ดีจะสามารถช่วยทีมในด้านนี้ได้ เหมือนที่เกิดขึ้นกับหลายสโมสรในทวีปยุโรป เพียงแต่กระบวนการหาคนที่เหมาะสมของ แมนฯ ยูไนเต็ด กินเวลานานมากจนทำให้บางคนถึงขั้นเคยคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ล้มแผนในเรื่องนี้ไปแล้ว

ที่จริง แมนฯ ยูไนเต็ด เคยมีข่าวว่าเล็งคนชื่อดังเอาไว้หลายคนสำหรับการให้มาเป็นผอ.ฟุตบอลของทีมด้วย อย่างเช่น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ราล์ฟ รังนิค, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ปาทริซ เอวร่า เป็นต้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็เลือก เมอร์เท่อห์ โดยหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อของเขา แต่ที่จริงเจ้าตัวอยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2013 และถึงขั้นเคยได้รับการเลื่อนขั้นไปเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการด้านฟุตบอลในปี 2016 ด้วย ก่อนที่ล่าสุดจะได้เป็นผอ.ฟุตบอลของทีม
 


ใช่ นั่นหมายความว่าเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเขาลงทุนขับรถไปรับ เตลลิส มาที่สนามซ้อมด้วยตัวเอง ทั้งที่เขามีตำแหน่งใหญ่มากๆ จนที่จริงไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้

หากถามว่าทำไม เมอร์เท่อห์ ถึงลงทุนทำขนาดนั้น ส่วนหนึ่งก็คงจะตอบได้ว่ามันเป็นเพราะเขาจริงจังกับการทำงานสุดๆ และให้ความสำคัญในการสร้างความประทับใจกับนักเตะที่ดึงมาร่วมทีม เหมือนอย่างที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยลงทุนไปรับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ถึงสนามบินมาแล้ว

นอกจากกรณีของ เตลลิส นั้น หากย้อนกลับไปในปี 2014 เมอร์ทัฟ ก็เคยเดินทางไปยังโรงพยาบาลบริดจ์วอเตอร์พร้อมกับ ดาเล่ย์ บลินด์ และ มาร์กอส โรโฮ เพื่อเป็นเพื่อนของทั้งคู่ในตอนที่พวกเขาไปทำการตรวจร่างกายก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกัน และเมื่อปี 2018 เขาก็ลงทุนไปรับ อเล็กซิส ซานเชซ ถึงสนามบินของเมืองแมนเชสเตอร์ในตอนกลางคืนด้วยตัวเองเลยหลังจากที่อีกฝ่ายย้ายมาจาก อาร์เซน่อล



ความจริงจังของ เมอร์เท่อห์ ไม่ได้มีแค่กับนักเตะระดับทีมชุดใหญ่ เขาเคยหนีบ มาติเยอ แซคิงเกอร์ แมวมองระดับเยาวชนชาวฝรั่งเศสไปกับเขาเพื่อที่จะไปดูฟอร์มของ ฮานนิบาล เมจบรี้ ด้วยตาของตัวเองมาแล้ว ก่อนที่จะตามจีบเจ้าหนูวัย 16 ปีอย่างหนักจนสุดท้ายก็ได้เด็กคนนั้นมาร่วมทัพ ก่อนที่ตอนนี้ เมจบรี้ จะเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ทำผลงานได้โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งในทีมเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด

ส่วนในด้านการเสริมทัพนั้น หนึ่งในตัวอย่างที่บอกได้ว่า เมอร์เท่อห์ มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ก็คือเขาเป็นคนเสาะหานักเตะแต่ละคนที่จะมาเล่นให้ทีมหญิงของ แมนฯ ยูไนเต็ด และมันก็มีส่วนทำให้ทีมหญิงของสโมสรขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้ในปี 2019 หลังจากที่เพิ่งก่อตั้งทีมในปีเดียว และในซีซั่นนี้พวกเธอก็กำลังเป็นที่ 3 ของลีกสูงสุดด้วย

นอกจากนี้ ว่ากันว่า เมอร์เท่อห์ ยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำโปรเจ็กต์แบบพิเศษ อย่างเช่นการสร้างยุทธศาสตร์ด้านข้อมูลแบบวิทยาศาสตร์คล้ายๆ กับที่ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังใช้อยู่ในตอนนี้ด้วย แถมเขายังสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีจนทำให้คนในสโมสรตั้งฉายาให้เขาเล่นๆ ว่า "ฟิกเซอร์" (Fixer) ซึ่งแปลเป็นไทยได้ประมาณว่า "ช่างซ่อม" เลย



ขณะเดียวกัน เมอร์เท่อห์ เป็นคนที่วางแนวทางการเสาะหาแข้งเยาวชนอย่างเป็นระบบด้วย โดยเมื่อปี 2019 เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "เราจะเริ่มเสาะหานักเตะเยาวชนตั้งแต่รุ่นอายุ 7 ขวบ โดยสำหรับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 9 ขวบนั้น เราจะเน้นไปที่การเสาะหาเฉพาะนักเตะที่อยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษเป็นหลัก (แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษเช่นกัน)"

"ในรุ่นที่อายุสูงขึ้นนั้นเราก็จะขยายขอบเขตออกไป เราจะเริ่มเสาะหานักเตะเยาวชนฝีเท้าดีแบบทั่วทั้งสหราชอาณาจักร ไม่ใช่แค่เฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนืออีกต่อไป และในรุ่นอายุ 16-17 ปีเราก็จะเริ่มมองหานักเตะชั้นยอดจากทั่วทวีปยุโรป"

"ผมคิดว่าพรสวรรค์มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากปราศจากการทำงานอย่างขยันขันแข็ง เวลาที่เราพัฒนานักเตะดาวรุ่งน่ะเราจะพยายามมองหาคุณสมบัติที่เหมาะสม ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่เก่งจนเข้าขั้นแก้ปัญหาต่างๆ ได้ หรือเป็นคนที่ชอบเข้าสกัดอย่างหนักหน่วง เราก็จะลองดูว่าคนไหนที่มีคุณภาพหรือศักยภาพดีพอที่เราจะสามารถทำงานด้วยได้ในการพัฒนาระบบของเรา"



น่าจับตาดูว่าความขยันของเขาจะสามารถชุบชีวิตให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามที่บอร์ดบริหารตั้งความคาดหวังเอาไว้ได้หรือไม่
    
credit : www.siamsport.co.th โดย   - เด็กเกร็ดบอล -

เผย "เมอร์ทัฟ" บอกปัด "ทีมพี่เบ็คส์" ก่อนนั่งผอ.ฟุตบอลผี

มีรายงานเผยว่า จอห์น เมอร์ทัฟ ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปฏิเสธข้อเสนอของ เดวิด เบ็คแฮม กับ อินเตอร์ ไมอามี่ เพื่อรับงานในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด
 
เมอร์ทัฟ กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ของ "ปีศาจแดง" หลังถูกแต่งตั้งเมื่อวันพุธ พร้อมกับ ดาร์เรน เฟลตเชอร์ ที่ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค

ยูไนเต็ด มองหาคนที่จะรับตำแหน่งนี้มาร่วม 3 ปี ก่อนจะพบว่าคนที่ใช่อยู่กับสโมสรเรียบร้อยแล้ว โดย เมอร์ทัฟ ย้ายมาอยู่โรงละครแห่งฝันในสมัยที่ เดวิด มอยส์ ยังเป็นกุนซือของทีม

อย่างไรก็ดี มีการเปิดเผยว่า เมอร์ทัฟ เคยเจรจากับ เบ็คแฮม ถึงเรื่องตำแหน่งในแดนลุงแซม ก่อนตกลงรับหน้าที่กับ ยูไนเต็ด

รายงานของ The Sun ระบุว่า เบ็คแฮม เสนอตำแหน่งในฝ่ายบริหารของ อินเตอร์ ไมอามี่ ให้ เมอร์ทัฟ พิจารณา โดยเขาจะรับหน้าที่ดูแลสโมสรกับฤดูกาลที่ 2 บนเมเจอร์ลีกซ็อคเกอร์

แม้ว่าข้อเสนอที่ฟลอริด้าจะถูกใจ เมอร์ทัฟ เป็นอย่างมาก แต่เขารู้สึกว่าการสร้างประวัติศาสตร์กับ ยูไนเต็ด เป็นข้อเสนอที่ดีเกินกว่าจะปฏิเสธ
แฟนบอล ยูไนเต็ด เรียกร้องให้ทีมปรับปรุงระบบบริหารให้ทันสมัยมาอย่างยาวนาน หลังจากต้องทนดูสโมสรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกับการทุ่มเงินซื้อนักเตะตามใจผู้จัดการทีมโดยไร้แนวทางที่ชัดเจน

ความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับนายใหญ่คนปัจจุบันอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะทำให้ เมอร์ทัฟ ทำงานร่วมกับกุนซือชาวนอร์วีเจี้ยนได้ง่ายขึ้น



cr : www.soccersuck.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่