ถึงเวลาโชว์ฝีมือ! "บัตต์" ประกาศลาอคาเดมี่แมนยู
นิคกี้ บัตต์ อดีตแข้งดัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าอคาเดมี่ของสโมสรเรียบร้อย พร้อมเปิดใจแบบหมดเปลือก ด้านกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ระบุ เราทุกคนจะคิดถึงนาย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถลงการณ์ยืนยัน เมื่อวันพุธที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า นิคกี้ บัตต์ อดีตกองกลางชื่อดัง ได้ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะเยาวชนของสโมสรเรียบร้อย เนื่องจากต้องการพบความท้าทายใหม่
อดีตสตาร์ "ปีศาจแดง" วัย 46 ปี ซึ่งเคยเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงระหว่างปี 1992-2004 อยู่ในตำแหน่งนี้มานานถึง 9 ปี และมีส่วนช่วยผลักดันนักเตะอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, แอ็กเซล ทวนเซเบ้, ดีน เฮนเดอร์สัน และ เมสัน กรีนวู้ด ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
"ด้วยการที่ผมเองก็ผ่านอคาเดมี่ของสโมสร และลงเล่นให้สโมสรมาเกือบ 400 นัด มันจึงเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆ กับการได้กลับมาทำงานให้สโมสรอีกครั้ง และได้ร่วมงานกับพวกนักเตะรุ่นใหม่ที่เดินบนเส้นทางเดียวกับผม ผมภูมิใจมากๆ ที่มีส่วนช่วยเด็กๆ หลายคนเติมเต็มความสามารถ และได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่"
"ผมรู้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะแล้วว่า มันทำใจยากลำบากแค่ไหนกับการที่ต้องอำลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ผมมีความรู้สึกว่า ตอนนี้มันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วกับการออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งผมเองก็กำลังตั้งตารอโอกาสที่จะได้สานต่อประสบการณ์เก้าปีจากที่นี่" บัตต์ เปิดใจ
ด้าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" ซึ่งสนิทสนมกับ บัตต์ เป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะด้วยกัน กล่าวยกย่อง บัตต์ ว่า เป็นบุคคลระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง "นิคกี้ เป็นตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ ในฐานะที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หกสมัย และแน่นอนว่า เขาคือส่วนหนึ่งของทีมตอนได้ ทริปเปิ้ลแชมป์ ด้วย ซึ่งด้วยดีกรีระดับนี้ มันถือเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีของบรรดานักเตะที่อคาเดมี่ แน่นอน เราทุกคนจะคิดถึงเขา แต่ นิคกี้ เองก็รู้ว่า เราพร้อมต้อนรับเขากลับมาเสมอ"
cr : www.siamsport.co.th
เกาเหลากับใคร?เผยเบื้องหลังบัตต์โบกมือลาแมนยู
ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชื่อดัง ระบุ การที่จู่ๆ นิคกี้ บัตต์ บอกลาตำแหน่งสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันมีเบื้องลึกที่แอบดราม่าอยู่ อย่างเช่นเรื่องที่ บัตต์ กินเกาเหลากับ จอห์น เมอร์เท่อห์ ผอ.ฟุตบอลของทีมมาพักหนึ่ง ส่วน เดอะ ซัน สื่อชื่อก้องบอกว่า บัตต์ อาจจะไปร่วมงานกับ เวย์น รูนี่ย์ ที่ ดาร์บี้ ต่อไป
นิคกี้ บัตต์ อดีตกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลาออกจากการเป็นสตาฟฟ์ของ "ปีศาจแดง" เนื่องจากเขามีปัญหากับ จอห์น เมอร์เท่อห์ ผู้อำนวยการฟุตบอลคนใหม่ของทีมมานานแล้ว รวมถึงไม่พอใจที่สโมสรไม่มีการแจ้งให้เขารู้ล่วงหน้าว่าจะมีเรื่องใหญ่อย่างการแต่งตั้งผอ. ฟุตบอล รวมถึงการให้ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ได้เป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิค ตามรายงานของ ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาที่มีความน่าเชื่อถือสูง
บัตต์ เข้ามาทำงานในฐานะสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2012 โดยตอนนั้นรับหน้าที่โค้ชของทีมสำรอง ก่อนที่ในปี 2016 จะได้เป็นหัวหน้าฝ่ายอะคาเดมี่ และพอ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในปี 2019 เขาก็ถึงขั้นได้เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะในทีมชุดใหญ่ที่ขึ้นตรงต่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์เลย โดยเขายังได้รับเครดิตว่ามีส่วนในการปลุกปั้นนักเตะอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ดีน เฮนเดอร์สัน และ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา บัตต์ ก็ตัดสินใจอำลาตำแหน่งสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบกะทันหันทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณเลยว่าเขามีปัญหากับทีม โดยเจ้าตัวให้เหตุผลเพียงว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะหาความท้าทายใหม่ๆ ในอาชีพการงานของตัวเอง และหวังที่จะนำประสบการณ์ในการทำงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาใช้ให้เป็นประโยชน์
กระทั่งล่าสุด ดิ แอธเลติก ก็แฉว่าที่จริง บัตต์ กับ เมอร์เท่อห์ ไม่ถูกกันมาหลายเดือนแล้ว โดยพวกเขาต่างกันชนิดเหมือนเป็นแม่เหล็กคนละขั้ว และทำงานในแนวทางที่แตกต่างกัน เนื่องจาก บัตต์ ทำงานโดยที่เอาประสบการณ์ในสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่มาใช้เป็นแนวทางหลัก ขณะที่ เมอร์เท่อห์ ยึดหลักจากความรู้ที่เขาเคยสั่งสมมาในฐานะผู้บริหาร
ที่จริงก่อนหน้านี้ เมอร์เท่อห์ กับ บัตต์ ยังพอจะประนีประนอมกันเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของสโมสรได้หลังจากตำแหน่งของพวกเขามันทำให้ทั้งคู่มีอำนาจเท่าๆ กัน แต่พอ เมอร์เท่อห์ ได้เป็นผอ. ฟุตบอลแล้วนั้น มันก็เหมือนกับว่า เมอร์เท่อห์ มีศักดิ์เป็นหัวหน้าของ บัตต์ ในสายงานนี้ทันที ซึ่งอดีตแข้งชาวอังกฤษไม่สามารถยอมรับเรื่องดังกล่าวได้
นอกจากนี้ บัตต์ ยังใฝ่ฝันที่จะได้ทำงานในตำแหน่งแบบเดียวกับผอ. เทคนิคที่ เฟล็ทเชอร์ ได้รับอยู่ในตอนนี้มาพักหนึ่งแล้วด้วย แต่การที่โดนมองข้ามมันก็ทำให้เจ้าตัวผิดหวังไม่น้อย แถมเขายังไม่พอใจเท่าไหร่เช่นกันที่บอร์ดบริหารไม่ได้แจ้งให้เขารู้ล่วงหน้าว่ามันจะมีการแต่งตั้งผอ.ฟุตบอลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร กับการให้ เฟล็ทเชอร์ มาเป็นผอ. เทคนิค
ทั้งนี้ คนใหญ่คนโตของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยสัมภาษณ์งานใครแบบเป็นทางการเกี่ยวกับการให้มารับตำแหน่งเหล่านี้เลย โดยพวกเขาแค่คุยกับอดีตแข้งรวมถึงกับคนที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารทีมบางรายไปบ้างเท่านั้น
ขณะเดียวกัน เดอะ ซัน สื่อชื่อดังของอังกฤษก็บอกว่า บัตต์ อาจจะไปทำงานเป็นสตาฟฟ์โค้ชของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยที่ปัจจุบัน เวย์น รูนี่ย์ อดีตดาวเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นกุนซือของที่นั่นด้วย
cr : www.siamsport.co.th
ฝีมือผมเอง!5แข้งที่ "นิคกี้ บัตต์" ช่วยดันจนกลายเป็นสตาร์แมนยู
นิคกี้ บัตต์ อดีตมิดฟิลด์ขวัญใจแฟนบอล "ปีศาจแดง" ได้ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันพุธที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่อยู่ในบทบาทนี้มานานถึง 9 ปี โดยเจ้าตัวได้ให้เหตุผลว่า ต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นการคุมทีมที่ไหนสักแห่ง
ตลอดระยะเวลา 9 ปี ที่อคาเดมี่ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น บัตต์ มีส่วนช่วยผลักดันนักเตะเยาวชนหลายต่อหลายคน ซึ่งก็มีหลายรายที่ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งแกนหลักของ "ปีศาจแดง" ณ เวลานี้ ภายใต้การนำทัพของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และนี่คือ 5 นักเตะดังที่ บัตต์ มีส่วนช่วยโปรโมตจนกลายเป็นสตาร์ของทีมชุดใหญ่ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ mirror.co.uk)
- มาร์คัส แรชฟอร์ด
ถือเป็นเพชรเม็ดงามจากอคาเดมี่อย่างแท้จริง โดยจนถึงตอนนี้ แรชฟอร์ด ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 259 นัด ทำได้ 85 ประตู ทั้งที่อายุเพิ่ง 23 ปีเท่านั้น แถมเป็นแข้งคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษด้วย โดยเจ้าตัวกับ "ปีศาจแดง" เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ฤดูกาล 2015/16) ในแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะถูก หลุยส์ ฟาน กัล (กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนั้น) ใส่ชื่อเป็นตัวจริงในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดเจอกับ มิดทิลแลนด์ เนื่องจาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ดันเกิดบาดเจ็บตอนวอร์มอัพ ซึ่ง แรชฟอร์ด ในวัย 18 ปี ก็ตอบแทนความไว้วางใจอย่างสาสม ด้วยการทำคนเดียวสองตุงช่วงครึ่งหลังในชัยชนะ 5-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่งดงามมากๆ สำหรับเจ้า "แรชชี่"
- สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์
อาจไม่ได้พุ่งขึ้นมาเร็วและหวือหวาเหมือนกับ แรชฟอร์ด แต่ทุกวันนี้ แม็คโทมิเนย์ ถือเป็นนักเตะกำลังสำคัญในแดนกลางของ "ปีศาจแดง" โดยเจ้าตัวก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ยุคกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่อนาคตของเจ้าตัวกลับเริ่มไม่มีความแน่นอน เมื่อ โอเล กุนนาร์ โซลชา เข้ามาคุมทีมแทน "เฮียมู" และเคยเฉียดมากๆ ที่จะถูกปล่อยตัวให้ เซลติก ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2019/20 แต่ด้วยการที่ ปอล ป็อกบา มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน จน แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือผู้เล่นในแดนกลางไม่มาก ทำให้ แม็คโทมิเนย์ ได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าต่อเนื่อง และนับจากนั้น ดาวเตะเลือดวิสกี้วัย 24 ปี ก็ไม่มองย้อนกลับหลังอีกเลย จนกลายเป็นขุนพลเอกของ โซลชา ทุกวันนี้ แถมได้รับเลือกให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกม เอฟเอ คัพ รอบสาม ที่เจอกับ วัตฟอร์ด เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมด้วย ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนโหม่งทำประตูชัยให้กับทีมตั้งแต่นาทีที่ 5
- ดีน เฮนเดอร์สัน
เฮนเดอร์สัน ถือเป็นนักเตะ "ปีศาจแดง" อีกคนที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในทีมเยาวชน แต่ถึงกระนั้นเขาจำเป็นต้องถูกปล่อยตัวออกไปพิสูจน์ฝีมือกับสโมสรอื่นชั่วคราว และก็ผ่านการเล่นให้กับถึงสี่สโมสรเลยทีเดียว (สต็อคพอร์ท เค้าน์ตี้, กริมส์บี้ ทาวน์, ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์ และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด) กว่าจะได้หวนกลับมาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง โดยเฉพาะการเล่นให้กับ "ดาบคู่" เป็นเวลา 2 ฤดูกาล ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โชลชา เริ่มเชื่อมั่นในฝีมือ ถึงแม้ฤดูกาลนี้เริ่มต้นในฐานะมือสองต่อจาก ดาบิด เด เคอา แต่ เฮนเดอร์สัน ได้รับความไว้วางใจให้ครองตัวจริงยาว นับตั้งแต่ เด เคอา เดินทางกลับไป สเปน เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับภรรยาที่เพิ่งคลอดลูกสาว แถมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนมีแววที่จะได้เป็นตัวจริงยาวๆ จนกระทั่งจบฤดูกาล
- เมสัน กรีนวู้ด
พุ่งขึ้นมาได้อย่างร้อนแรงไม่แพ้ แรชฟอร์ด และเผลอแปบเดียว กรีนวู้ด ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 92 นัด ทำได้ 22 ประตู ทั้งที่อายุแค่ 19 ปีเท่านั้น โดย กรีนวู้ด ทีมชุดใหญ่ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเจอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ลงสำรองแทน แอชลี่ย์ ยัง นาทีที่ 87) เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ปี 2019 ก่อนที่จะมาแจ้งเกิดแบบเต็มๆ ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเจ้าตัวกระทุ้งไป 17 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 49 นัด และแน่นอนว่า "ปีศาจแดง" ได้มอง กรีนวู้ด เป็นอนาคตของทีม จึงจับขยายสัญญาออกไปจนถึงปี 2025 เมื่อกลางเดือนที่แล้ว
- แอ็กเซล ตวนเซเบ้
หลายๆ คนอาจลืมไปว่า ตวนเซเบ้ เพิ่งอายุแค่ 23 ปีเท่านั้น โดยเจ้าตัวก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2015 แต่ต้องรอคอยโอกาสถึง 2 ปี กว่าจะได้ลงเล่นนัดแรก ซึ่งเป็นเกม เอฟเอ คัพ นัดเจอกับ วีแกน แอธเลติก ด้วยการที่เจอปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า ทำให้ ตวนเซเบ้ มีสถิติลงเล่นให้ "ปีศาจแดง" แค่ 32 นัดเท่านั้น ถึงแม้ยังไม่ถึงขั้นเป็นนักเตะกำลังสำคัญของทีม แต่ ตวนเซเบ้ ถือเป็นอะไหล่ชั้นดี เพราะเล่นได้หลากหลายบทบาทในแนวรับ และเป็นนักเตะที่ โซลชา ชื่นชอบไม่น้อย
cr : www.siamsport.co.th
ถึงเวลาโชว์ฝีมือ! "บัตต์" ประกาศลาอคาเดมี่แมนยู & ฝีมือผมเอง! 5แข้งที่ "นิคกี้ บัตต์" ช่วยดันจนกลายเป็นสตาร์แมนยู
นิคกี้ บัตต์ อดีตแข้งดัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าอคาเดมี่ของสโมสรเรียบร้อย พร้อมเปิดใจแบบหมดเปลือก ด้านกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ระบุ เราทุกคนจะคิดถึงนาย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถลงการณ์ยืนยัน เมื่อวันพุธที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า นิคกี้ บัตต์ อดีตกองกลางชื่อดัง ได้ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะเยาวชนของสโมสรเรียบร้อย เนื่องจากต้องการพบความท้าทายใหม่
อดีตสตาร์ "ปีศาจแดง" วัย 46 ปี ซึ่งเคยเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงระหว่างปี 1992-2004 อยู่ในตำแหน่งนี้มานานถึง 9 ปี และมีส่วนช่วยผลักดันนักเตะอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, แอ็กเซล ทวนเซเบ้, ดีน เฮนเดอร์สัน และ เมสัน กรีนวู้ด ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
"ด้วยการที่ผมเองก็ผ่านอคาเดมี่ของสโมสร และลงเล่นให้สโมสรมาเกือบ 400 นัด มันจึงเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆ กับการได้กลับมาทำงานให้สโมสรอีกครั้ง และได้ร่วมงานกับพวกนักเตะรุ่นใหม่ที่เดินบนเส้นทางเดียวกับผม ผมภูมิใจมากๆ ที่มีส่วนช่วยเด็กๆ หลายคนเติมเต็มความสามารถ และได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่"
"ผมรู้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะแล้วว่า มันทำใจยากลำบากแค่ไหนกับการที่ต้องอำลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ผมมีความรู้สึกว่า ตอนนี้มันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วกับการออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งผมเองก็กำลังตั้งตารอโอกาสที่จะได้สานต่อประสบการณ์เก้าปีจากที่นี่" บัตต์ เปิดใจ
ด้าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" ซึ่งสนิทสนมกับ บัตต์ เป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะด้วยกัน กล่าวยกย่อง บัตต์ ว่า เป็นบุคคลระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง "นิคกี้ เป็นตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ ในฐานะที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หกสมัย และแน่นอนว่า เขาคือส่วนหนึ่งของทีมตอนได้ ทริปเปิ้ลแชมป์ ด้วย ซึ่งด้วยดีกรีระดับนี้ มันถือเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีของบรรดานักเตะที่อคาเดมี่ แน่นอน เราทุกคนจะคิดถึงเขา แต่ นิคกี้ เองก็รู้ว่า เราพร้อมต้อนรับเขากลับมาเสมอ"
cr : www.siamsport.co.th
เกาเหลากับใคร?เผยเบื้องหลังบัตต์โบกมือลาแมนยู
ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชื่อดัง ระบุ การที่จู่ๆ นิคกี้ บัตต์ บอกลาตำแหน่งสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มันมีเบื้องลึกที่แอบดราม่าอยู่ อย่างเช่นเรื่องที่ บัตต์ กินเกาเหลากับ จอห์น เมอร์เท่อห์ ผอ.ฟุตบอลของทีมมาพักหนึ่ง ส่วน เดอะ ซัน สื่อชื่อก้องบอกว่า บัตต์ อาจจะไปร่วมงานกับ เวย์น รูนี่ย์ ที่ ดาร์บี้ ต่อไป
นิคกี้ บัตต์ อดีตกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลาออกจากการเป็นสตาฟฟ์ของ "ปีศาจแดง" เนื่องจากเขามีปัญหากับ จอห์น เมอร์เท่อห์ ผู้อำนวยการฟุตบอลคนใหม่ของทีมมานานแล้ว รวมถึงไม่พอใจที่สโมสรไม่มีการแจ้งให้เขารู้ล่วงหน้าว่าจะมีเรื่องใหญ่อย่างการแต่งตั้งผอ. ฟุตบอล รวมถึงการให้ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ได้เป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิค ตามรายงานของ ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาที่มีความน่าเชื่อถือสูง
บัตต์ เข้ามาทำงานในฐานะสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2012 โดยตอนนั้นรับหน้าที่โค้ชของทีมสำรอง ก่อนที่ในปี 2016 จะได้เป็นหัวหน้าฝ่ายอะคาเดมี่ และพอ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในปี 2019 เขาก็ถึงขั้นได้เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะในทีมชุดใหญ่ที่ขึ้นตรงต่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์เลย โดยเขายังได้รับเครดิตว่ามีส่วนในการปลุกปั้นนักเตะอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ดีน เฮนเดอร์สัน และ อั๊กเซล ตวนเซเบ้ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา บัตต์ ก็ตัดสินใจอำลาตำแหน่งสตาฟฟ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบกะทันหันทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณเลยว่าเขามีปัญหากับทีม โดยเจ้าตัวให้เหตุผลเพียงว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะหาความท้าทายใหม่ๆ ในอาชีพการงานของตัวเอง และหวังที่จะนำประสบการณ์ในการทำงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาใช้ให้เป็นประโยชน์
กระทั่งล่าสุด ดิ แอธเลติก ก็แฉว่าที่จริง บัตต์ กับ เมอร์เท่อห์ ไม่ถูกกันมาหลายเดือนแล้ว โดยพวกเขาต่างกันชนิดเหมือนเป็นแม่เหล็กคนละขั้ว และทำงานในแนวทางที่แตกต่างกัน เนื่องจาก บัตต์ ทำงานโดยที่เอาประสบการณ์ในสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่มาใช้เป็นแนวทางหลัก ขณะที่ เมอร์เท่อห์ ยึดหลักจากความรู้ที่เขาเคยสั่งสมมาในฐานะผู้บริหาร
ที่จริงก่อนหน้านี้ เมอร์เท่อห์ กับ บัตต์ ยังพอจะประนีประนอมกันเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของสโมสรได้หลังจากตำแหน่งของพวกเขามันทำให้ทั้งคู่มีอำนาจเท่าๆ กัน แต่พอ เมอร์เท่อห์ ได้เป็นผอ. ฟุตบอลแล้วนั้น มันก็เหมือนกับว่า เมอร์เท่อห์ มีศักดิ์เป็นหัวหน้าของ บัตต์ ในสายงานนี้ทันที ซึ่งอดีตแข้งชาวอังกฤษไม่สามารถยอมรับเรื่องดังกล่าวได้
นอกจากนี้ บัตต์ ยังใฝ่ฝันที่จะได้ทำงานในตำแหน่งแบบเดียวกับผอ. เทคนิคที่ เฟล็ทเชอร์ ได้รับอยู่ในตอนนี้มาพักหนึ่งแล้วด้วย แต่การที่โดนมองข้ามมันก็ทำให้เจ้าตัวผิดหวังไม่น้อย แถมเขายังไม่พอใจเท่าไหร่เช่นกันที่บอร์ดบริหารไม่ได้แจ้งให้เขารู้ล่วงหน้าว่ามันจะมีการแต่งตั้งผอ.ฟุตบอลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร กับการให้ เฟล็ทเชอร์ มาเป็นผอ. เทคนิค
ทั้งนี้ คนใหญ่คนโตของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยสัมภาษณ์งานใครแบบเป็นทางการเกี่ยวกับการให้มารับตำแหน่งเหล่านี้เลย โดยพวกเขาแค่คุยกับอดีตแข้งรวมถึงกับคนที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารทีมบางรายไปบ้างเท่านั้น
ขณะเดียวกัน เดอะ ซัน สื่อชื่อดังของอังกฤษก็บอกว่า บัตต์ อาจจะไปทำงานเป็นสตาฟฟ์โค้ชของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยที่ปัจจุบัน เวย์น รูนี่ย์ อดีตดาวเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นกุนซือของที่นั่นด้วย
cr : www.siamsport.co.th
ฝีมือผมเอง!5แข้งที่ "นิคกี้ บัตต์" ช่วยดันจนกลายเป็นสตาร์แมนยู
นิคกี้ บัตต์ อดีตมิดฟิลด์ขวัญใจแฟนบอล "ปีศาจแดง" ได้ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันพุธที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่อยู่ในบทบาทนี้มานานถึง 9 ปี โดยเจ้าตัวได้ให้เหตุผลว่า ต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นการคุมทีมที่ไหนสักแห่ง
ตลอดระยะเวลา 9 ปี ที่อคาเดมี่ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น บัตต์ มีส่วนช่วยผลักดันนักเตะเยาวชนหลายต่อหลายคน ซึ่งก็มีหลายรายที่ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งแกนหลักของ "ปีศาจแดง" ณ เวลานี้ ภายใต้การนำทัพของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และนี่คือ 5 นักเตะดังที่ บัตต์ มีส่วนช่วยโปรโมตจนกลายเป็นสตาร์ของทีมชุดใหญ่ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ mirror.co.uk)
- มาร์คัส แรชฟอร์ด
ถือเป็นเพชรเม็ดงามจากอคาเดมี่อย่างแท้จริง โดยจนถึงตอนนี้ แรชฟอร์ด ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 259 นัด ทำได้ 85 ประตู ทั้งที่อายุเพิ่ง 23 ปีเท่านั้น แถมเป็นแข้งคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษด้วย โดยเจ้าตัวกับ "ปีศาจแดง" เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ฤดูกาล 2015/16) ในแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะถูก หลุยส์ ฟาน กัล (กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนั้น) ใส่ชื่อเป็นตัวจริงในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดเจอกับ มิดทิลแลนด์ เนื่องจาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ดันเกิดบาดเจ็บตอนวอร์มอัพ ซึ่ง แรชฟอร์ด ในวัย 18 ปี ก็ตอบแทนความไว้วางใจอย่างสาสม ด้วยการทำคนเดียวสองตุงช่วงครึ่งหลังในชัยชนะ 5-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่งดงามมากๆ สำหรับเจ้า "แรชชี่"
- สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์
อาจไม่ได้พุ่งขึ้นมาเร็วและหวือหวาเหมือนกับ แรชฟอร์ด แต่ทุกวันนี้ แม็คโทมิเนย์ ถือเป็นนักเตะกำลังสำคัญในแดนกลางของ "ปีศาจแดง" โดยเจ้าตัวก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ยุคกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่อนาคตของเจ้าตัวกลับเริ่มไม่มีความแน่นอน เมื่อ โอเล กุนนาร์ โซลชา เข้ามาคุมทีมแทน "เฮียมู" และเคยเฉียดมากๆ ที่จะถูกปล่อยตัวให้ เซลติก ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2019/20 แต่ด้วยการที่ ปอล ป็อกบา มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน จน แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือผู้เล่นในแดนกลางไม่มาก ทำให้ แม็คโทมิเนย์ ได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีเท้าต่อเนื่อง และนับจากนั้น ดาวเตะเลือดวิสกี้วัย 24 ปี ก็ไม่มองย้อนกลับหลังอีกเลย จนกลายเป็นขุนพลเอกของ โซลชา ทุกวันนี้ แถมได้รับเลือกให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกม เอฟเอ คัพ รอบสาม ที่เจอกับ วัตฟอร์ด เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมด้วย ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนโหม่งทำประตูชัยให้กับทีมตั้งแต่นาทีที่ 5
- ดีน เฮนเดอร์สัน
เฮนเดอร์สัน ถือเป็นนักเตะ "ปีศาจแดง" อีกคนที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในทีมเยาวชน แต่ถึงกระนั้นเขาจำเป็นต้องถูกปล่อยตัวออกไปพิสูจน์ฝีมือกับสโมสรอื่นชั่วคราว และก็ผ่านการเล่นให้กับถึงสี่สโมสรเลยทีเดียว (สต็อคพอร์ท เค้าน์ตี้, กริมส์บี้ ทาวน์, ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์ และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด) กว่าจะได้หวนกลับมาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง โดยเฉพาะการเล่นให้กับ "ดาบคู่" เป็นเวลา 2 ฤดูกาล ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โชลชา เริ่มเชื่อมั่นในฝีมือ ถึงแม้ฤดูกาลนี้เริ่มต้นในฐานะมือสองต่อจาก ดาบิด เด เคอา แต่ เฮนเดอร์สัน ได้รับความไว้วางใจให้ครองตัวจริงยาว นับตั้งแต่ เด เคอา เดินทางกลับไป สเปน เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับภรรยาที่เพิ่งคลอดลูกสาว แถมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนมีแววที่จะได้เป็นตัวจริงยาวๆ จนกระทั่งจบฤดูกาล
- เมสัน กรีนวู้ด
พุ่งขึ้นมาได้อย่างร้อนแรงไม่แพ้ แรชฟอร์ด และเผลอแปบเดียว กรีนวู้ด ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 92 นัด ทำได้ 22 ประตู ทั้งที่อายุแค่ 19 ปีเท่านั้น โดย กรีนวู้ด ทีมชุดใหญ่ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเจอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ลงสำรองแทน แอชลี่ย์ ยัง นาทีที่ 87) เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ปี 2019 ก่อนที่จะมาแจ้งเกิดแบบเต็มๆ ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเจ้าตัวกระทุ้งไป 17 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 49 นัด และแน่นอนว่า "ปีศาจแดง" ได้มอง กรีนวู้ด เป็นอนาคตของทีม จึงจับขยายสัญญาออกไปจนถึงปี 2025 เมื่อกลางเดือนที่แล้ว
- แอ็กเซล ตวนเซเบ้
หลายๆ คนอาจลืมไปว่า ตวนเซเบ้ เพิ่งอายุแค่ 23 ปีเท่านั้น โดยเจ้าตัวก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2015 แต่ต้องรอคอยโอกาสถึง 2 ปี กว่าจะได้ลงเล่นนัดแรก ซึ่งเป็นเกม เอฟเอ คัพ นัดเจอกับ วีแกน แอธเลติก ด้วยการที่เจอปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า ทำให้ ตวนเซเบ้ มีสถิติลงเล่นให้ "ปีศาจแดง" แค่ 32 นัดเท่านั้น ถึงแม้ยังไม่ถึงขั้นเป็นนักเตะกำลังสำคัญของทีม แต่ ตวนเซเบ้ ถือเป็นอะไหล่ชั้นดี เพราะเล่นได้หลากหลายบทบาทในแนวรับ และเป็นนักเตะที่ โซลชา ชื่นชอบไม่น้อย
cr : www.siamsport.co.th