[BR] เที่ยวอาคิตะ(秋田) ฤดูหนาวไปไหนดี มาฟังทางนี้ เรามีคำตอบ

กระทู้ผู้สนับสนุน

ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ต้องขอบอกเลยว่าไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ เพราะมีจุดท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจให้ค้นหาเรื่อยๆครั้งนี้เราจะพาทุกๆท่านไปเที่ยวจังหวัดอาคิตะที่หลายคนต้องนึกถึงน้องหมาขนฟูพันธุ์อาคิตะ แต่อยากจะบอกว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่นั้น เราอยากให้ทุกๆคนได้มาสัมผัสเพราะที่นี่มีธรรมชาติและวัฒนธรรมได้รังสรรค์มาอย่างลงตัว ที่พร้อมจะทำให้ทุกๆคนต้องหลงรักจังหวัดนี้เหมือนเราแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ


เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นเมืองที่หอวัฒนธรรมศิลปะพื้นบ้านเมืองอากิตะ มินคังเกโนเด็นโชคัง (เนบุริ นางาชิ คัง) 秋田市民族芸能伝承館

ก่อนจะออกเที่ยวเราขอพาทุกๆท่านมาเรียนรู้กับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นกันก่อน....
หอวัฒนธรรมศิลปะพื้นบ้านเมืองอากิตะ มินคังเกโนเด็นโชคังเป็นสถานที่จัดเเสดงสิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานเทศกาลคันโต ที่เป็นเทศกาลอันยิ่งใหญ่อันดับต้นๆของญี่ปุ่นอีกแห่ง และยังได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่สำคัญประจำชาติอีกด้วย ตัวงานเทศกาลจะจัดขึ้นในช่วง ช่วงวันที่ 3 - 6 สิงหาคมของทุกปี โคมไฟหลายสิบดวงจะถูกประดับบนเสาที่มีความสูงสูงสุด 12 เมตรและหนักราว 50 กิโลกรัม รวมเป็นโคมไฟกว่าหมื่นดวงที่ถูกแห่บนถนนใหญ่ไปกลับราว 1.6 กิโลเมตร ที่นี่เราสามารถเข้าชมการจัดแสดง และยังทดลองถือเสาคันโตเองได้ด้วย ทุกวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (13:30 ถึง 14:10 น.) จากเดือนเมษายนถึงตุลาคม จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านซาชิเตะจากสมาคมคันโตมาสาธิต โชว์ลีลาการถือคันโตให้เราได้ชมกันด้วยค่ะ

รายละเอียดสถานที่
พิกัด : https://goo.gl/maps/zYJrMzQvbQ8TPFm5A
การเดินทาง : เดินประมาณ 10 นาทีจากสถานี JR อากิตะ
วันทำการ : 9:30 - 16:30
URL : https://www.city.akita.lg.jp/kanko/kanrenshisetsu/1003644/index.html

++++++++++++++++++++++++++++++++++   


ชมการร่ายรำของหญิงงามแห่งอาคิตะ “อาคิตะไมโกะ” อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด เมื่อมาเยือนอาคิตะ
สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วเมื่อเอ่ยถึงจังหวัดอาคิตะแทบทุกคนจะนึกถึง "หญิงงาม" จังหวัดนี้เป็นที่เลื่องลือมาแต่เนิ่นนานเลยแหละค่ะ หลักๆแล้ว หากเราอยากพบไมโกะ อาจจะต้องไปที่เรียวกังหรือเรียวเท(ภัตคารญี่ปุ่นดั้งเดิม) และอาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ที่อาคารอุตสาหกรรมวัฒนธรรมอาคิตะ มัทสึชิตะ เราสามารถมาสัมผัสกับความอ่อนช้อยในการร่ายรำของไมโกะ และลิ้มรสอาหารมื้อกลางวันเซ็ตเบนโตะสุดอร่อยในงบประหยัดๆได้อย่างสบาย อีกจุดที่อยากแนะนำคือตัวอาคารค่ะ อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยปีไทโชตอนต้นเพื่อเป็นห้องอาหาร  ในตอนนี้ถือว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ที่ได้ถูกนำมารีโนเวทใหม่ใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง ตัวอาคารตกแต่งด้วยความเรียบง่าย แต่คงไว้ด้วยความเรียบหรูทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว หากคุณมองหาร้านอาหารอร่อยๆที่ไม่ได้มีแค่อาหาร เราอยากชวนลองมาสัมผัสกับจิตวิญญาณชาวญี่ปุ่นที่นี่ดูซักครั้งนะคะ รับรองเลยว่าจะประทับใจแน่นอน

รายละเอียดสถานที่
พิกัด : https://goo.gl/maps/2KRvkfxEZ9XbFkoPA
การเดินทาง : ประมาณ 5 นาทีโดยรถยนต์ จากสถานี JR อากิตะ
วันหยุดทำการ : วันจันทร์
URL : https://www.matsushita-akita.jp/


Kamakura Festival
ถ้าพูดถึง Kamakura หรือกระท่อมหิมะแล้ว ต้องยกให้เทศกาลโยโคเตะคามาคูระ(Yokote Kamakura Festival) เทศกาลที่มีประวัติความเป็นมายาวนานประมาณ 400 ปี จัดขึ้นในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์เป็นประจำทุกปีในเมืองโยโคเตะ จังหวัดอาคิตะโดยจะมีการสร้างกระท่อมที่ทำจากหิมะตามสถานที่ต่างๆทั่วเมือง ส่วนจุดพื้นที่งานใหญ่ๆจะอยู่ที่บริเวณทางทิศตะวันออกของสถานีรถไฟ Yokote Station ยาวตลอดไปจนถึงปราสาทโยโคเตะ ไฟแสงอ่อนๆจากกระท่อมหิมะที่มีฉากหลังเป็นปราสาท ขอบอกเลยว่าเป็นงานที่คึกคักและสวยงามมากๆเลย อยากให้ลองมาสัมผัสดูจริงๆ  ส่วนใครที่พลาดจากช่วงงานอย่าเพิ่งเสียใจไป พราะมีอีกที่ ที่สามารถไปดูกระท่อมหิมะได้


"อาคิตะ ฟุรุซาโตะมุระ" (Akita Furusato-mura : 秋田ふるさと村)
ที่นี่จะจัดแสดงกระท่อมหิมะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงจะไม่มีกระท่อมหิมะเยอะเหมือนในงานจริงแต่ก็ถือว่าสวยงามน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ และนอกจากจะชมกระท่อมหิมะได้แล้ว  "อาคิตะ ฟุรุซาโตะมุระ" ที่มีความกว้างถึง 4 เท่าของโตเกียวโดม (165 ㎡)มีร้านขายของที่ระลึก ของพื้นเมืองมากมายรวมไปถึงโซนเด็กเล่นกว้างๆ ท้องฟ้าจำลอง ห้องให้ถ่ายรูปกับภาพวาดสามมิติ ศูนย์แสดงหัตถกรรมที่รวบรวมงานหัตถกรรมแบบดั้งเดิมของอาคิตะ และพิพิธภัณฑ์ศิลปสมัยใหม่อาคิตะ เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกแห่งที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนเลยค่ะ

รายละเอียดสถานที่
พิกัด : https://goo.gl/maps/x1nGtVLNswMbJWAx7
การเดินทาง : ขับรถประมาณ 10 นาทีจากสถานี JR โยโคเตะ / นั่งรถบัสประมาณ 15 นาทีจากสถานี JR โยโคเตะ
เวลาทำการ 9:30-17:00
URL : http://www.akitafurusatomura.co.jp/


หอวัฒนธรรมเครื่องเขินคาวะสึระ เมืองยุซาวะ 川連漆器伝統工芸館
มีส่วนที่เป็นโซนจัดแสดง และโซนศูนย์จำหน่ายงานศิลปะ หัตถกรรมและเครื่องเขินคาวาสึระที่สืบทอดประวัติศาสตร์ยาวนาน 800 ปี หากใครที่มองหาของฝากติดไม้ติดมือดีๆอย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมกันนะคะ หรือหากใครสนใจอยากลองทำเครื่องเขินปิดทอง ก็สามารถทำได้ด้วยการจองล่วงหน้าเช่นกัน


แช่ออนเซ็นสีน้ำนมสุดฟินท่ามกลางหิมะโปรยปราย
เที่ยวอาคิตะฤดูหนาวแล้วไม่ได้แช่ออนเซ็นกลางหิมะถือว่าเป็นสิ่งที่พลาดมากๆ ครั้งนี้เราจะพาไปลุยแหล่งออนเซ็นเลืองชื่อ นิวโตะ ออนเซ็น เคียว (Nyuto-onsen-kyo) กันค่ะ นิวโตะออนเซ็นคือหมู่บ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของเขตอุทธยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai เมืองเซ็มโบะคุ (Semboku) จังหวัดอาคิตะ (Akita)ประกอบด้วยออนเซ็น จำนวน 7 แห่งได้แก่
1.  สึรุโนยุ ออนเซ็น Tsurunoyu Onsen
2.  ทาเอโนยุ ออนเซ็น Taenoyu Onsen
3.  คุโรยุ ออนเซ็น Kuroyu Onsen
4.  กานิบะ ออนเซ็น Ganiba Onsen
5.  มาโกโรคุ ออนเซ็น Magoroku Onsen
6.  โอกามะ ออนเซ็น Ogama Onsen
7.  คิวคามูระ ออนเซ็น Kyukamura Onsen


มาถึงแหล่งออนเซ็นชื่อดังอันดับต้นๆของญี่ปุ่นทั้งทีต้องแช่ให้คุ้ม สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสออนเซ็นแบบสะใจเหมือนเรา ขอแนะนำ Yumeguri บัตรโดยสารรถบัสสำหรับใช้บริการนิวโตออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง แช่กันให้สะใจไปเลย บัตรนี้สามารถหาซื้อได้ที่ฟรอนท์ของที่พักทั้ง 7 แห่งในนิวโตออนเซ็นเท่านั้น รถบัสจะวนไปมาทุกๆ 1-2 ชั่วโมง หากจะไปจุดไหนก็เล็งๆ เวลาให้ดีๆ กันก่อนจะได้ไม่พลาดเที่ยวรถและแช่ได้หลายๆ ที่นะคะ  

บัตร Yumeguri นี้จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ
1.  สำหรับคนที่จองที่พักในนิวโตออนเซ็น สามารถเข้าใช้บริการออนเซ็นทั้ง 7 ได้ฟรีตลอด 1 ปี แห่งละ 1 ครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
2.  สำหรับคนทั่วไปมาเที่ยวแบบไป-กลับ ที่ไม่ได้จองที่พักในนิวโตออนเซ็นต้องเสียค่าเข้าใช้บริการออนเซ็นแต่ละแห่ง บัตรมีอายุการใช้งาน 1 วัน

ด้วยเวลาที่จำกัดและอยากไปเที่ยวจุดอื่นด้วย ครั้งนี้เราจึงเลือกไปแค่ 3 แห่ง ดังนี้ค่ะ
สึรุโนยุ ออนเซ็น Tsurunoyu Onsen (รูปซ้าย) ออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ ก่อตั้งขึ้นในยุคเอโดะ ราวปี 1600 ซึ่งแต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อให้เหล่าข้าราชการหรือเชื้อพระวงศ์ได้มาพักผ่อน มีบ่อออนเซ็นกลางแจ้งซึ่งเป็นบ่อรวมสามารถลงไปแช่รวมกันได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย น้ำออนเซ็นสีนมขาวท่ามกลางหิมะฟูๆ ที่ตกลงมา ขอบอกเลยว่าเหมือนอยู่ในสวรรค์จริงๆ

ทาเอโนยุ ออนเซ็น (Taenoyu Onsen) (รูปขวาบน) ใครที่ชอบความ เป็นญี่ปุ่นแต่มีความ Luxuryในตัว เราขอแนะนำที่นี่ ที่พักขนาดกระทัดลัดที่ตกแต่งด้วยความเรียบหรู สื่อถึงความเอาใจใส่ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะมองไปที่มุมไหนก็ดูผ่อนคลายอย่างแท้จริง จุดเด่นของที่นี่คือมีออนเซ็น2แบบ ที่ทางเรียวกังเรียกว่า บ่อสีเงิน บ่อสีทอง ออนเซ็นที่นี่จะมีแร่กำมะถันผสมแคลเซียมและแมกนีเซียมมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนังและช่วยให้ระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น อีกไฮไลน์คือ บ่อออนเซ็นกลางแจ้งค่ะ  เป็นบ่อรวมชายหญิง สามารถมองเห็นน้ำตกอยู่เบื้องหน้า แค่ย่างเท้าไปก็จะสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยแหละ

คิวคามูระ ออนเซ็น Kyukamura Onsen (รูปขวาล่าง) ที่พักขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น และครั้งนี้เราเลือกพักกันที่โรงแรมนี้ค่ะ จุดพิเศษที่แตกต่างจากที่พักอื่นๆในย่านนี้ที่ส่วนมากจะเป็นที่พักเล็กๆทรงบ้านไม้ออกแนวญี่ปุ่นดั้งเดิมส่วนที่พักของเราคืนนี้จะออกแนวโมเดิร์น เน้นความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้าพักมีทั้งห้องพักแบบญี่ปุ่นที่ปูฟูกนุ่มๆให้เรานอน และห้องแบบตะวันตกที่มีเตียงอีกด้วย ในส่วนของออนเซ็นนั้นจะมีน้ำแร่ออนเซ็น2แบบ คือแร่จากนิวโตะออนเซ็น และ แร่จากที่ราบสูงทาซาวะ บ่อเอาท์ดอร์ด้านนอกที่รายล้อมด้วยป่าต้นบุนะ ก็ให้บรรยากาศที่ชวนผ่อนคลายไม่น้อยกว่าที่ใดๆ เลยค่ะ
ชื่อสินค้า:   Sendai
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่