คดีวัดดังๆ ยังอยู่ใช่ไหม?

ผมเห็นข่าว เมื่อวันที่ ๒ มีนาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนวนหมายเลขดำ อท.๒๕๔/๒๕๖๑ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ๑ เป็นโจทก์ พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นจำเลยที่ ๕ โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คงจำคุก ๘ เดือนและปรับ ๘,๐๐๐  บาท โดยโทษจำคุกนั้น ให้รอลงอาญาไว้  มีกำหนด ๑  ปี

แต่ผลคำตัดสินของศาลก็ย้อนแย้งกับอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเป็นเงินจำนวนเดียวกัน กล่าวคือ

เมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีข่าวที่ศาลเดียวกันนี้  ได้มีใบสำคัญคดีถึงที่สุด ระบุว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.๑๙๖/๒๕๖๑ หมายเลขแดงที่ อก ๑๒๒/๕๖๒  ระหว่าง พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์, พระพรหมดิลก (เอื้อน กลิ่นสาลี) ที่ ๑ กับพวกรวม ๒ คน จำเลย เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติชอบกลางได้ถอนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ ๒๓  กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ คดีจึงถึงที่สุด เท่ากับว่า พระพรหมดิลกไม่มีความผิด....โดยศาลให้เหตุผลว่า พระสามารถใช้เงินที่สำนักงานพระพุทธศาสนาให้มาเป็นประโยชน์กับวัดได้ และพระไม่สามารถที่จะรู้ขั้นตอนของทางราชการได้

ผมมีข้อสงสัยและรบกวนสอบถามท่านผู้รู้ทั้งหลายอยู่ ๒ ข้อ ข้อแรก คำพิพากษาที่ว่า “ให้รอลงอาญาพระ” นั้น มีผลทางกฎหมายอย่างไรกับพระ เพราะคำพิพากษาดังกล่าวน่าจะมีนัยสำคัญที่แตกต่างกันระหว่างบุคคลธรรมดาทั่วไป-หนึ่ง กับพระภิกษุ-อีกหนึ่ง

ข้อ ๒ คดีความที่เกี่ยวกับวัดอื่นๆ ที่เป็นพระอารามหลวง (ที่รับเงินหมวดเดียวกับวัดสามพระยา) อาทิเช่น วัดเทพศิรินทราวาส วัดสุทัศนเทพวราราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดอรุณราชวราราม วัดตรีทศเทพ วัดยานนาวา วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นต้น มีความคืบหน้าในคดีความอย่างไร....ทำไมหายเงียบไปแล้ว?

 ด้วยเป็นหนึ่งในผู้รักศาสนา ทุกครั้งที่เห็นข่าวเช่นนี้ รู้สึกหดหู่ใจมิใช่น้อยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่