กรรมอะไรที่ทำให้ต้องใช้หนี้สินแทนพ่อแม่คะ

ตั้งเเต่จำความได้ก็ต้องช่วยงานครอบครัวมาตั้งเเต่เด็ก ช่วงที่ลำบากที่สุดคือช่วงวัยรุ่น แทบไม่มีข้าวกิน ช่วงนั้นที่บ้านขายขนมจีนกับของหวาน เเละเเกะสลักไม้เนื้ออ่อน เราต้องตื่นเช้ามาช่วยเเม่เเต่ตี 4 ทุกวัน เวลาว่างนอกเหนือจากการเรียน ก็ช่วยขายของทำกับข้าวเเละเเกะสลักไม้เนื้ออ่อน (ผลพวงจากการช่วยเเกะสลักไม้คือ กระดูกสันหลังเรางอ เป็นตัว C หลังค่อมไปเลย เพราะท่านั่งในการเเกะสลักมันส่งผลให้เป็นเเบบนี้ คือต้องนั่งใช้เท้าเหยียบไม้ไว้ เเละก้มตัวลงไปใช้ค้อนเเละสิ่วตอกเเกะสลักไม้ ซึ่งเราก็เริ่มทำตั้งเเต่อายุน้อย) ครอบครัวเรามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ป่วยบ่อย เริ่มจากแม่ป่วยเป็นเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัด หลังผ่าตัดก่อเดินไม่ได้อยู่ช่วงนึง พอเริ่มดีขึ้นก็ทำงานได้เเค่เล็กๆน้อย ทำงานหนักมากไม่ได้เพราะร่างกายไม่เเข็งเเรง ช่วงนั้นจำได้ว่าครอบครัวก็มีปัญหาเรื่องหนี้สินเเล้ว เราช่วยครอบครัวโดยการออกไปร้องเพลงเป็นนักร้องงานเลี้ยงตั้งเเเต่อยู่ ม.2 ได้เงินคืนละ 500 บาท จำได้ว่า ตอนกลางวันไปเรียนคือง่วงมาก เพราะกลางคืนนอนดึก กว่าจะได้นอนก็ตี 1 ตี 2 สิ่งที่เจ็บปวดสำหรับเราคือ การร้องเพลงต้องเเต่งตัวโป๊ ใส่สายเดี่ยวเกาะอก ใส่กระโปรงสั้นๆ โดนขี้เหล้าโลมเลียทางสายตา มันโคตรเจ็บเลย เเต่เราก็ทนทำอาชีพนี้เลี้ยงครอบครัวมาตลอด ครอบครัวเริ่มดีขึ้นเพราะมีเงินส่วนนี้มาหล่อเลี้ยง อาศัยเงินที่พ่อหามาจากการรับจ้างทั่วไปคือไม่ไหว บางวันก็มีงาน บางวันก็ไม่มี จนเราเรียนจบ ม.6 เราก็สอบได้มหาลัยรัฐเเห่งนึง เรียนมหาลัยได้สักพักพ่อป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ หลังรักษาคือคล้ายคนเป็นอัมพฤก คือซีกซ้ายใช้การไม่ได้พิการไปเลยค่ะ  (ครอบครัวเราล้มอีกรอบ) พ่อกับเเม่ป่วยกระเสาะกระเเสะทั้งคู่ ทำงานไม่ได้เลย เราต้องรับงานร้องเพลงเเละงานพิเศษเพิ่มขึ้น ส่งเงินไปเลี้ยงพ่อเเม่ ส่งค่าดอกเบี้ยหนี้สินที่บ้าน ส่งตัวเองเรียนคือเหนื่อยมาก กลางวันเรียน กลางคืนต้องขับมอเตอร์ไซค์ออกไปร้องเพลง ร้องตามงานเลี้ยงบางวันก็ต้องไปในที่ไกลเเละเปลี่ยวมาก เราเคยโดนถีบรถกระชากกระเป๋ามาเเล้ว มานั่งคิดตอนนี้คือ โชคดีมากที่เรายังรอดใช้ชีวิตมาได้ถึงทุกวันนี้ เราร้องเพลงเเบบนี้เรื่อยๆ จนจบ ป ตรี หางานได้เเล้วเราก็เลิกร้องเพลง ทำงานได้ไม่นานพ่อก็เสีย พอพ่อเสียปุ๊บ หนี้สินต่างๆ ที่พ่อกับเเม่เคยไปยืมไว้ มันก็เร่มทยอยผุดออกมาเรื่อยๆ เป็นหนี้เงินยืมกลุ่มต่างๆของหมู่บ้าน ซึ่งเราก็ต้องรับผิดชอบหนี้นี้มาตลอดระยะเวลาหลายปี หลายเเสน ถ้ารวมกับที่เราผ่อนบ้านด้วยก็ประมาณ ล้านกว่าบาท เงินจำนวนนี้คนอื่นอาจจะมองว่าเล็กน้อย เเต่เพราะหนี้ก้อนนี้มันตัดโอกาสในชีวิตเราไปหลายอย่าง ธุรกิจที่เราเคยฝันไว้ว่าอยากทำก็เพิ่งได้ทำ เพราะไม่มีเงินลงทุน ต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้สินก่อน(ไม่จ่ายก่อนไม่ได้เพราะเเม่อยู่ในหมู่บ้าน โดนทวงเยอะๆเเม่เครียด ก็จะชักอาการเเย่อีก ลืมเล่าว่าเเม่เราเคยกินยาตายมาเเล้วเเต่เราช่วยไว้ทัน กินยาค่าเเมลงค่ะ) สรุปคือตอนนี้หนี้เหลือ 150,000 บาท เเต่ตอนนี้เราเหนื่อยมาก เพราะสืบเนื่องจากโควิด ธุรกิจร้านเว้ดดิ้งเช่าชุดเเต่งงานเราก็เเย่ ตอนนี้มีรายได้หลักคือจากงานประจำ เเต่มันไม่พอใช้จ่ายเลย พอหมุนเงินไม่ทันมันเครียด ยิ่งเดือนนี้เราต้องจ่ายเงินต้นกลุ่มที่หมู่บ้าน 12000 บาท เรายิ่งเครียด คิดย้ำๆซ้ำๆมาตลอดว่าทำไมวะ มันกรรมอะไรวะ เราถึงต้องมานั่งใช้หนี้เเบบนี้ คือประเด็นคือ เราหาเงินให้พ่อกับเเม่มาตลอด เเต่หนี้สินมามาจากไหน เคยถามหาคำตอบจากเเม่ตอนที่พ่อเสียใหม่ๆคือ ไม่ได้คำตอบอะไรเลย ถามมากๆเเม่ก็ชัก เราก็คิดเดาไปว่าเออ อาจเป็นหนี้มาตั้งเเต่เเรกก่อนที่พ่อกับเเม่จะป่วย พอถึงกำหนดใช้คืนไม่รู้จะเอาที่ไหนไปใช้ ก็กู้อันใหม่มาปิดเพื่อให้มันหมุนไปก่อน หนี้เลบพอกพูน เฮ้อ สมองตื้อเครียด เหนื่อย ญาติพี่น้องเราทุกคนคือ ตอนเรียนพ่อเเม่เค้าส่งเรียน จบมาก็ทำงานใช้เงินใช้ชีวิตกันไปเเบบสบายๆไม่เครียด เเต่คือเราเหนื่อยมาตลอด เหนื่อยมาก เเต่จบมาเเล้วยังต้องใช้หนี้มาเรื่อยๆจนตอนนี้ สามสิบกว่าเเล้ว ครึ่งนึงของชีวิตเเล้ว ชีวิตเเทบไม่งอกเงยขึ้นมาได้เลย มันเพราะออะไร มันกรรมใช่ไหม ร้องไห้กับเรื่องนี้มาตลอด ที่ผ่านมาก็พยายามคิดเเง่ดี เเละโทษตัวเองว่า เพราะเรามันกระจอกเอง ที่ใช้หนี้สินครอบครัวเเค่นี้ก็ไม่หมดซักที่ คนอื่นเค้าเป็นหนี้เยอะกว่านี้ยังใช้หมดได้เลย เเต่ตอนนี้ไม่ไหวค่ะ มันท้อมันเหนื่อย ถ้าไม่มีเเม่ เราคงตายไปเเล้ว เเต่ตอนนี้เราตายไม่ได้เพราถ้าตายไม่มีใครเลี้ยงเเม่อีก เฮ้อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่