เดี่ยวมันก็ผ่านไปได้เหมือนเคย .... ใช่มั้ย

จากกระทู้เดิม .... เหนื่อยมั้ย ... กับความรักสีรุ้ง  https://pantip.com/topic/40330059

จากเหตุการณ์วันนั้น ถึงวันนี้ก็เข้าเดือนที่ 4 แล้ว แปลกที่ความรู้สึกนี้ มันยังฝังอยู่ในร่างกายและความคิดผมอยู่ทุกๆวัน ไม่มีวันไหนที่จะไม่คิดถึงเรื่องราวในครั้งนั้นเลย .... บางทีก็แอบย้อนคิดกลับไปว่า หรือเราเป็นคนผิดกันแน่กับเรื่องๆนี้นะ

ผมขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากวันนั้นจนถึงวันนี้ และบทสรุปที่ผมพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง บอกเล่าเป็นพลังให้กับคนที่เจอเหตุการณ์คล้ายๆกันนะครับ

แรกๆผมอยู่ไม่ได้เลย กระวนกระวายใจตลอด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าความรู้สึกอะไรมันจะมากมายขนาดนี้ ทำไมมันยัง Move On ไม่ได้เสียที มันควรจบไปได้แล้วเพราะท่านับเวลาดู เรื่องราวของผมมันสั้นมาก เรารู้จักกันแค่ไม่ถึง 3 อาทิตย์ แล้วก็ไปเที่ยวด้วยกัน 2 วัน 1 คืน มันเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากในการเริ่มความสัมพันธ์ของผม 

ผมไม่ได้ติดต่อกับเขาอีก แม้จะเจอกันที่ฟิสเนสบ้าง  แต่ก็เดินสวนกันเป็นอากาศ ไม่มีตัวตน ทุกครั้งที่เดินสวนหรือเห็นเขา ผมใจเต้นแรง เสียการควบคุมเสมอ
หลายครั้งมาก ที่อยากจะเดินเข้าไปปรับความเข้าใจ อยากขอโทษ แต่ก็ไม่ได้ทำจริงเลยซักครั้ง .....
การที่เราต้องทำเมิน ในขณะที่ความรู้สึกมันยังค้างอยู่ ยิ้มทรมานเน๊าะ ... ว่ามั้ย

ผมคิดเองเออเองไปทุกเรื่อง ว่าเขาจะรู้สึกแคร์ความรู้สึกเราบ้าง แต่เปล่าเลยเขากลับทำตัวได้ปกติที่สุด กลายเป็นเราต่างหากที่ไม่ปกติในการกระทำและสภาพจิตใจ .... ดำดิ่งลงทุกวันๆ

ช่วงธันวาคม ...ผมตัดสินใจไปอยู่บ้านเพื่อนที่ น่าน เกือบเดือน ตัดปัญหาที่จะได้เจอกัน เขาหนะคงไม่เป็นไร แต่ผมนี่จะตายให้ได้
... เป็นมั้ย ที่เรารู้ตัวเลยว่าเหม่อ ใจไม่อยู๋กับตัว ฟังเพลงเศร้าแล้วใจจะขาด มีเช้าวันนึง ตอนผมอยู่ที่ น่าน ผมตัดสินใจโทรหาเขา.... หาเรื่องคุย อยากลองเชิงดูว่าเขาจะคุยกับเราดีมั้ย เขารับสาย เพราะเขาคงไม่รู้ว่าเป็นผมที่โทรหา 

สรุปคำตอบที่ได้คือ ไม่ว่างคุย ไม่สะดวก ทำงานอยู่ ซึ่งตอนนั้นมันแค่ 8 โมงครึ่งเห็นจะได้..... ผมจึงตอบกลับไปว่า อืม ..เข้าใจทุกอย่างแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงเขากับผมมันจบแล้ว ไม่มีเหลือความสัมพันธ์ใดๆอีกเลย  วันนั้นก็เสียใจหละ....ทั้งวัน และตัดสินใจแน่วแน่ว่า ... Move On ได้แล้วหนะตัวเรา ....

ผมกลับมาอยู่กรุงเทพ... ก็เข้าปีใหม่ ช่วงมีการประกาศปิดฟิสเนสทั่วประเทศ เพราะโควิดระลอกใหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้ไปฟิสเนสและไม่ได้เจอกันอีกรวมถึงไม่ได้ติดต่อ หรือรับข่าวสารอะไรของเขา ทั้งยังแอบมีเปิดส่องเฟสเขาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เห็นอะไร เพราะโดนเขาบล๊อกไปแล้ว ต้องเอาเฟสคนอื่นดูซึ่งก็ไม่ได้เห็นอะไรอยู่ดี เพราะเขาไม่มีอะไรที่ตั้งค่าสาธารณะไว้เลย .....

เมื่อฟิสเนสเริ่มกลับมาเปิดปกติ วันที่ต้องเจอกันก็มาถึง ผมได้แต่บอกตัวเองว่า .... ต้องกล้าเผชิญหน้า และเดินหน้าต่อไป ( ทั้งที่ใจแทบจะร่วงลงทุกครั้งที่เจอกัน ) ทำไมไม่ย้ายฟิสเนสหรือ ผมเพิ่งย้ายจากที่อื่นมาเล่นที่นี่ และก็ไม่รู้จะต้องย้ายหนีไปไหนอีกทำไม แค่เผชิญหน้ากับมันให้ได้ก็น่าโอเคแล้ว

เป็นแบบนี้ทุกวัน ทุกวัน .... มันก็เริ่มที่จะวางลงได้ในระดับหนึ่ง ผมรู้เพียงว่า ไม่รู้จะต้องแสดง หรือประชดอะไร หรือแม้แต่ต้องทำอะไรอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ทำไป ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย มีแต่เราเองที่คิดว่าเขาต้องเจ็บ ต้องแคร์ ต้องเสียใจ แต่เปล่าเลย ..... คิดไปเองทั้งนั้น หากจะเป็นอย่างที่เราคิด มันคงกลับมาเริ่มใหม่ในสถานะเพื่อนได้แต่แรกแล้ว....

ผมเริ่มทำใจได้
ไม่กี่วันมานี้ .... เป็นวันเกิดของเขา ซึ่งผมตัดสินใจทักแชทไปอวยพรวันเกิดเขา คิดว่าไลน์ผมโดนเขาบล๊อกไปแล้ว เขาคงไม่ได้อ่าน
แต่กลายเป็นเขาตอบกลับมาว่า .... ขอบคุณครับ

เรายังคงเจอกันที่ฟิสเนสเหมือนเดิม ไม่ได้คุยหรือทักทายกันเหมือนเดิม เขามีเพื่อนของเขา มีสังคมของเขา มีโลกอีกใบของเขา

ผมพยายามเข้มแข็งขึ้นในทุกๆวัน  พยายามไม่มีความคาดหวังกับอะไรทั้งนั้น เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา กว่าจะผ่านความทรมานมาได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ปรึกษากับใคร ก็ไม่มีประโยชน์ สบายใจในช่วงแรกที่ได้ระบายมันออกมาให้เพื่อนฟัง แต่ซักพักก็กลับมาเศร้าเหมือนเดิม

กว่าจะผ่านมาได้ ใช้วิธีคุยกับตัวเองล้วนๆ อยู่กับตัวเองให้มาก นิ่งให้มาก ..... 
บทเรียนความรักข้างเดียวในครั้งนี้ เคยแอบไว้ด้วยความคาดหวัง ว่ามันจะไปได้ดี ทั้งที่จริงแล้ว.... มันก็แค่ความรู้สึกของเราฝ่ายเดียว

รักข้างเดียว ชอบฝ่ายเดียว .... ที่จะเดินยังไงก็ไม่ถึงซึ่ง ความหมายของคำว่า ค ว า ม รั ก และไม่ได้จบลงด้วยมิตรภาพ หรือแม้แต่คำว่า เ พื่ อ น

*** ขอเป็นบทเรียน เป็นกำลังใจให้กับคนอีกหลายๆคนที่อาจจะเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน และยังจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ขอให้เชื่อว่า เราจะผ่านมันไปได้ ในซักวัน รักตัวเองให้มาก อยู่กับตัวเองให้มาก จัดการกัลความรู้สึกตัวเองให้ได้ ..... และขอบใจนายมาก คนต้นเรื่อง ที่เข้ามาในความรู้สึกของเราในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทเรียน ทำเราจะต้องสอบผ่านให้ได้.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่