เหนื่อยมั้ย ... กับความรักสีรุ้ง

เคยมั้ย บ่อยมั้ย เหนื่อยมั้ยกับสิ่งที่เป็นอยู่และทำอยู่ในตอนนี้หลายครั้งเหลือเกินครับ กับการคาดหวังในเรื่องของความรัก เก่งเหลือเกิน ให้คำปรึกษาได้ทุกคน แต่เมื่อถึงคราวตัวเองแล้ว ... ไม่เคยรอดซักครั้ง

ไม่แน่ใจครับ ว่าทุกวันนี้ ความรู้สึกคือแค่เหงา แค่อยาก หรือว่าอะไร แต่จริงๆลึกๆก็พยายามตามหานะครับ ตามหาคนๆนึง ที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนทั้งที่ประสบการณ์ก็ไม่น้อย เจ็บแต่เรื่องซ้ำๆ กับความรัก " สีรุ้ง " เศร้าๆ
ผมเองก็อายุ 36 แล้วหละ มากพอตัวอยู่ ผ่านความรักในรูปแบบเจ็บปวดมาไม่น้อย เคยคิดว่า การอยู่คนเดียวดีที่สุด หรือใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ อยากก็หาที่ลง

กับความสัมพันธ์ระยะสั้นๆ น่าจะเหมาะที่สุด .... ไม่เจ็บ ไม่เหนื่อย
ผมเป็นคนที่ชอบคนที่อายุน้อยกว่า และแน่นอนว่า ไม่น้อยเลยที่ผิดหวัง และเสียเงินไปไม่น้อย เพราะพวกเขายังคงสนุกกับฃีวิต และยังคงไม่หยุดอยู่ที่เรา 

บ้างก็เข้ามาเพื่อเงิน เพื่อความสบาย แต่ลับหลังเราก็ไม่นอน ไปอยู่กับคนอื่น ช่วงหลังมาผมเลยไม่ค่อยศรัทธาความรักระหว่าง คนไทยกับคนไทยเท่าไหร่ ( เพราะรู้สึกด้วยสังคมที่ยังไม่เปิดกว้างเท่าต่างประเทศ และด้วยอะไรหลายๆอย่าง รู้สึกว่าความรักของชาวสีรุ้งของคนไทย มันก็แค่เรื่องของบนเตียง  จึงตั้งเป้าว่า ท่าจะมีขอมีแฟนเป็นต่างชาติน่าจะดีกว่า เพราะเพื่อนหลายๆคนก็ประสบความสำเร็จในการมีชีวิตคู่กับคนต่าชาติทั้งนั้น ) หรือจะขอเปิดใจกับคนที่อายุมากกว่า ซึ่งน่าจะเข้าใจมุมมอง หรือนิยามของการสร้างชีวิตไปด้วยกันมากกว่าคนที่อายุยังน้อย

จนไม่นานมานี้ ผมเจอคนคนนึง ด้วยความบังเอิญ อายุก็ยังคงน้อยกว่าอยู่ดี แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แหละ อายุก็ 30 กว่าแล้ว เจอกันในสถานที่ที่หนึ่งและบังเอิญด้วยความอยากมั้ง ก็เลยได้สนุกกันภายนอก ( ดูง่ายเน๊าะ แต่ชีวิตสีรุ้งมันก็แบบนี้ไม่ใช่หรือ ) เดิมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มีเรื่องให้ได้ไปต่อกันอีก คือเมื่อได้คุยก็รู้ว่าเราชอบอะไรที่คล้ายกัน และท้ายที่สุดเราก็ได้มีทริปเที่ยวกัน สำหรับผมผมตื่นเต้นมากกับทริปนี้ คิดว่ามันจะเป็นทริปเริ่มต้นที่ดี เพราะผมโสด และเขาก็โสดในความคิดของผมตอนนั้น ก่อนไปทริป เราไม่ได้คุยหรือติดต่อกันมาก ถามว่ารู้สึกอะไรมั้ย มันก็มีบ้างหละ ยิ่งคนเราเวลามันมีอะไรกันจะแค่ไหนก็ตาม ความรู้สึกและความคาดหวังมันมากขึ้น มันพุ่งกว่าปกติ เป็นมั้ย...

ความคาดหวังของผม คือหวังว่าเขาอาจเป็นคนที่ใช่หรือเปล่าวะ และขอให้การเดินทางในครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ จากที่ดูๆมา จากสไตล์การใช้ชีวิต ก็มีหน้าที่การงาน มีรถ มีมอร์ไซด์คันใหญ่ มีคอนโด มีไปเมืองนอก สไตล์การใช้ชีวิตก็ดีในระดับหนึ่ง เลยตัดความคิดเรื่องเงิน เรื่องอื่นๆออกไปได้เลย ว่าเขาจะมาเกาะแกะเราเมือนเด็กๆที่เราเคยคุย เด็กที่ต้องการคนเลี้ยงดูปูเสื่อ ... ผมก็ไม่ได้รวยมีเงินมีทองมาก ทุกสิ่งที่มีทุกวันนี้คือนำพักน้ำแรงที่สร้างมาด้วยมือของตัวเองทั้งนั้น มีคนในครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน

ผมมารู้วันเดินทางว่าเขามีแฟนแล้ว โดยที่เขาทักมาบอกว่า แฟนมาส่งที่นัดหมายที่นัดเจอกัน ( อืมก็ทำใจได้นะ ) ผมก็เลยไปช้า เพื่อตัดปัญหา และตัดสินใจว่า ทำหน้าที่เพื่อนที่ดี และให้เป็นการเดินทางที่สนุกที่สุด และมีความทรงจำที่ดีที่สุดก็พอสำหรับเรา 2 คน

ตลอดการเดินทาง ผมเฝ้าดูแล เอาใจใส่ ถามไถ่ ตลอด และมั่นใจว่าคนร่วมทริปก็คงมองว่าเราเป็นแฟนกัน ผมมีความสุขนะ ได้ดูแล ได้กอดเขา ได้จับมือ ซึ่งบ้างครั้งเขาก็ผลักมือผมออก ผมแบกเป้ใบใหญ่ ซึ่งข้างในมีแต่ของที่เตรียมไปเพื่อเขา.... ทั้งนั้น

ดูเหมือนมันจะเป็นการเดินทางที่ดี แต่ด้วยการกระทำ คำพูด กิริยาบางอย่างก็ทำให้ผมนอยไม่น้อย และดูเหมือนเขาหวังผลบางอย่างกับผม หรือผมรู้สึกไปเองก็ไม่แน่ใจ หลายครั้งที่เขาพยามพูดว่า ตังหมด ตังไม่พอ หาตู้เอทีเอ็มไม่เจอ แต่ผมสังเกตเห็นว่าเขามีเงินอยู่ หรือแม้แต่การซื้อของ การทานข้าว ที่คล้ายกับว่าผมจะต้องเลี้ยง แต่ทุกอย่างผมก็ไม่ได้ทำนะ แม้แต่น้ำแก้วเดียว มันเป็นความรู้สึกเดิมๆที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากการกระทำของคนที่เข้ามาในชีวิตของผมในหลายๆครั้ง นั่นอาจเป็นเหตุที่ทำให้ผม ... มีสร้างกำแพงขึ้นมาทันทีเมือเจอการการทำที่คล้ายๆกัน .....หรือผมอาจจะคิดไปเองก็ได้

ซึ่งด้วยความสัจจริงแล้ว ผมตั้งใจว่าทริปนี้ท่าเขาแฟร์ ผมก็แฟร์ และกดเงินไปไม่น้อย เตรียมนั่นนี่ใส่กระเป๋าไป เพื่อทำอะไรหลายๆอย่างให้เขาประทับใจผมมากที่สุด แต่มันมีหลายสิ่งที่ทำให้คิด และท่าสิ่งที่ผมคิดมันไม่ใช่ ผมคงเสียใจน่าดูที่คิดกับเขาแบบนี้ ...

ด้วยผมอยากลองใจ ผมทำตัวเงียบๆ ไม่ตามใจเขาในทุกเรื่อง แต่ก็ยังดูแลยังมองอยู่ห่างๆนะ ... ยิ่งผมทำตัวเงียบ ก็ยิ่งเหมือนมีกำแพงกั้น การกระทำ คำพูดประชดประชัน ความไม่สนใจมันแซกเข้ามาระหว่างเรา โดยเกิดขึ้นจากเขา.... ผมพยายามคิดในทางที่ดี... แต่ก็ข่มความคิดมืดๆที่มันแฝงมาไม่ได้เลย

เรามีรูปคู่ด้วยกันน้อยมาก ทุกครั้งที่อยากจะถ่ายเขาก็จะหลบ โพสรูปคู่ไม่ได้ โดนสั่งให้ลบ ทุกอย่างเหมือนต้องเป็นความลับ 
ผมอึดอัดกับความรู้สึกแบบนี้ ... แล้วมันก็เป็นเรื่องจนได้ หลังจากจบทริป  เรายังได้เจอกันที่ฟิสเนส แต่เหมือนต้องทำตัวเมินกัน ไม่สนใจ ไม่รู้จักกัน เพราะเขาบอกว่าแฟนเขาก็เล่นอยู๋ที่นี่ ท่าวันไหนแฟนเขาไม่มาเขาจะบอก 

ผมจับสังเกตบางอย่างได้ ชายสูงอายุคนหนึ่งมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ดึกของคืนนั้น เขาทักไลน์มาหาผม และสั่งผมให้ลบรูปทริปที่ไปเที่ยวออกจากเฟส  ให้หมด เขาว่าผมทำไปเพื่ออะไร ลงรูปคู่ทำไม ซึ่งจริง ในอัลบั้มมีรูปเพื่อน และคนอื่นๆมากมาย แน่นอนมันมีรูปคู่เราสองคน มีรูปเดี่ยว รูปวิว มันมีรูปเยอะแยะเพราะผมสร้างเป็นอัลบั้มภาพไว้ เขาว่าผม วุ่นวาย และเริ่มใช้คำพูดก้าวร้าวมากขึ้น ........ ผมเดาได้เลย เพราะมันรู้สึกแปลกๆกับสายตาบางสายตั้งแต่ฟิสเนสแล้ว สรุปคือชายสูงอายุคนนั้นเข้ามาส่องเฟสผม หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ผมย้อนถามไปว่า ลุงคนนั้นแฟนหรือ เขาบอกไม่ใช่ แต่เป็นคนรู้จัก ..... เขาบอกแบบนั้น

ข้อความที่พิมพ๋มาทางแชทไลน์ เริ่มแรงมากขึ้น ในทำนองต่อว่าผม ผมเลยย้อนกลับไปว่า พูดจาควรระวังความรู้สึกของคนฟังบ้าง พูดดีๆก็ได้  ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ อย่ามาวุ่นวาย ท่าไม่ลบจะบล๊อกเฟส แน่นอนเขาบล๊อกจริงๆ

ผมชา ..... ชาจนน้ำตาคลอกับสิ่งที่ได้อ่านจากแชทไลน์  ก่อนหน้าที่ผมจะรู้ว่าเขามีแฟนมันก็แอบมีหวังนะ แต่พอรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ผมก็ไม่ได้คาดหวังในความสัมพันธ์ครั้งนี้มากเท่าเดิม หวังเพียงว่าอย่างน้อย ความเป็นเพื่อนก็ยังดี ความมีน้ำจิตน้ำใจที่คนคนหนึ่งควรจะมีต่อกันซักนิดก็ยังดี

ผมเสียใจอยู่กับเรื่องนี้ วนไปวนมาในหัว เสียใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ .... เหมือนชีวิตมันเสียการทรงตัวไป....

ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ... ความปลอม ความไม่จริง ความลวงเรื่องราวเกิดวนไปวนมาซ้ำๆ ผมยังคงได้เจอเขา เพราะเราทำงานอยู่ใกล้กัน เดินผ่านกันเหมือนคนแปลกหน้า

ชีวิตมันเศร้าเน๊าะ ... ใครมีเรื่องราวคล้ายๆกันบ้างมั้ย แชร์กันหน่อยซิ ไม่ใช่ผมคนเดียวใช่มั้ย ที่เจอกับอะไรๆแบบนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่