ใครเคยน้อยใจแม่หรือเคยเจอแม่แบบนี้บ้างไหมครับ

ขอเล่าเรื่องหน่อยนะครับ เราเป็นคนนึงที่บ้านมีฐานะที่ไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่เป็นลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการสังกัดสภากาชาดไทย ย่านศาลาแดง บ้านเราค่อนข้างขัดสนเรื่องเงินทอง เช่าบ้านอยู่ตั้งแต่เราจำความได้ จนเราอายุ12 แม่ทำเรื่องซื้อบ้านถึงได้มีบ้านหลังเล็กๆอยู่ด้วยกัน เราถูกแม่สอนมาเสมอว่าอยากได้อะไรต้องหาเอาเอง เราจึงทำงานตั้งแต่13 ปิดเทอมเราก็ไปทำงานตกแต่งภายในกับพี่ชายแม่(อากู๋)เราได้ค่าแรงวันละ150 มารู้ทีหลังว่าโดนกู๋หักไปครึ่งนึงเพราะจริงๆต้องได้300 แต่เราก็ภูมิใจที่ได้มา ซึ่งเราก็ให้แม่ส่วนนึง อีกส่วนก็เอาไปซื้อเสื้อเชิ้ตที่อยากได้ จนอายุ14 เราได้รู้จักกับเพื่อนคนนึงชวนเราไปแจกใบปลิวได้งานละ250 วันนึงมี2งานก็ได้500 เราก็ไปทำได้เงินมาเราก็ให้แม่รีบหยอดตู้โทรศัพท์โทรมาถามแม่เลยว่าอยากกินอะไรไหม เราก็ซื้อกับข้าวที่แม่อยากกินเข้ามาให้ จนวันนึงบริษัทแจกใบปลิวปิดตัวลงเราก็เลยไปทำงานที่ร้านไก่ทอดผู้พัน เงินออกมาเราก็แบ่งให้แม่ทุกครั้ง เรา16 เข้าปวช ตอนนั้นเราเรียนถึง13.00น เราก็ไปทำงานที่โรงแรมแผนกจัดเลี้ยง ซึ่งทำสลับไปหลายๆโรงแรมแบบที่ไหนมีงานก็ไปซึ่งก็ทำเกือบทั้ง7วัน ค่าเทอมกับค่ากินในตอนนั้นเราก็ออกเองแล้วเพราะเรามีเงินและเราก็แบ่งให้แม่เหมทอนเดิม จนชีวิตพลิกสุดตอนอายุ17 เราได้ไปเข้าวงการธุรกิจสีเทา(พวกปลอมแปลงเอกสาร) เรามีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เอกสารใบละ2-8หมื่นแล้วแต่งาน เราดีใจมากๆจากงานชิ้นแรกเราได้เงินมา2หมื่น เป็นเงินหมื่นก้อนแรกที่เราได้ให้แม่เราให้แม่หมดเลย หลังจากนั้นเราก็ให้แม่ตลอด แม่อยากกินอะไรอยากได้อะไรเราจัดให้หมด ทองหยองเราก็ซื้อให้บ่อยๆ จนวันนึงเราตัดสินใจบวชตอนอายุ21 เราเลยคิดเลิกธุรกิจสีเทาที่เราทำ หลังจากสึกเราเลยได้เริ่มเข้าวงการเซลล์ขายอะไหล่วิ่งลงใต้ ช่วงนั้นเงินเริ่มขาดมือเพราะเลิกธุรกิจที่ทำ แต่แม่เราก็ยังติดสบายอยู่และเริ่มบ่นที่เราไม่มีเงินให้เหมือนเดิม ชอบมาบ่นกรอกหูว่าเงินไม่พอใช้ จนหลังๆหนักขึ้นเริ่มไปหยิบยืมกู้เงินจากทั้งในและนอกระบบ รายได้เราตอนนั้นหักลบกลบหนี้แล้วเหลือไม่ถึง5พัน เราเลยรู้สึกว่าไม่ไหว ออกมาเป็นการ์ดคุ้มกันรถขนเงินเงินเดือนหมื่นเดียว+ค่าโอทีอีกเกือบหมื่นห้า เราก็ดีใจที่จะได้มีเงินให้แม่ แต่ก็ต้องแลกกับเวลาพักผ่อนที่แทบไม่มี หน้าแฟนแทบไม่เคยได้เจอ ทำแต่งานกับงาน จนร่างกายรับไม่ไหว เพื่อนที่เคยเป็นเซลล์ด้วยกันรู้ข่าว เลยแนะนำเราว่ามีบริษัทหมวกกันน็อครับเซลล์อยู่ เราไปสมัครและได้ทำงานที่นี่ รายได้อยู่ประมา3-4หมื่นต่อเดือนเราก็ให้แม่ได้เดือนละหมื่นกว่าทำมาได้สองปีเราอยากออกมาทำกิจการของตัวเองออกมาเปิดร้านเสื้อผ้า แต่สุดท้ายด้วยภาวะเศรษฐกิจตอนนั้นทำให้ไปไม่รอด เราก็มาขับแกรบคาร์เพื่อรอหาสมัครงานผ่านมา3เดือนจนได้งานบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงตกต่ำอีกช่วงนึงคือบางวันแทบไม่มีเงินกอนข้าว แต่แม่ก็ชอบมาย้ำเราเสมอว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยให้เงินแม่เลย เราก็ไม่รู้จะเอาเงินตรงไหนมาให้เหมือนกัน แต่พอสิ้นเดือนเงินออกเราก็ให้แม่ประมาณ5พันน่าจะได้ แม่ก็ดูไม่ค่อยพอใจ ทำมาสักพักบริษัทหมวกกันน็อคอีกที่ที่เราเคยสมัครไว้ก็มาตามไปทำเราเลยออก มาอยู่ที่นี่ช่วงแรกบูมมากรายได้เราอยู่ประมาณ6-7หมื่นต่อเดือน เราให้แม่เราสองหมื่นกว่าทุกเดือน พาไปกินไปเที่ยวไปช็อป แม่อยากได้อะไรไม่เคยขัดใจ จนมาวันนึง บริษัทเราปรับราคาขึ้นแบบก้าวกระโดดทำลูกค้าหนีหายหมดค่าคอมเราก็ตกฮวบเหลือเดือนนึงประมาณ4หมื่นกว่า แต่เราก็ยังให้แม่เท่าเดิมแต่อาจไม่ได้พากินเที่ยวเหมือนเดิม จนปีที่แล้วเศรษฐกิจดิ่งเหวลูกค้าลดจำนวนการซื้อ ค่าคอมเราก็เหลือประมาณ3หมื่น เราก็ให้แม่ประมาณ1หมื่น  แม่ก็ทำท่าทีไม่ค่อยพอใจที่เราให้เงินลดลง จนมาช่วงปลายปีที่ผ่านมา ค่าคอมเราไม่ได้เพราะขายไม่ถึงเป้า เหลือแค่เงินเดือน1หมื่นกับค่าน้ำมัน5พัน ซึ่งมันไม่พอกับค่าใช้จ่าย แม่ก็หงุดหงิดไม่พอใจมาเหวี่ยงใส่เราหงุดหงิดใส่เราไม่คุยกับเราเยอะๆอหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ให้เรารับผิดชอบค่าไฟ ประมาณ3-4พันบาทต่อเดือน ซึ่งเงินขะกินเรายังแทบไม่เหลือ เราอาศัยไปกินข้าวบ้านลูกพี่ลูกน้องที่โตมาด้วยกันสนิทเหมือนพี่แท้ๆกินข้าวที่บ้านเค้าทุกวัน เสาร์อาทิตย์ แฟนเรามาหาเค้าก็เป็นคนออกค่าข้าวทุกมื้อที่เรากินเค้าเข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร จนมาเดือนมกราบริษัทตัดค่าน้ำมันเราและให้ใช้ฟลีทการ์ดแทน แต่เราก็ใส่เลขทะเบียนรถแม่ไปแทนเราะว่ามอเตอร์ไซค์เราใช้จริงเดือนนึงพันกว่าบาทเองแม่จะได้ไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน ประหยัดไปได้อีกหลายพัน แต่เวลาแต่ละครั้งที่เราเอารถไปใช้ ต่อให้ไปแค่หน้าปากซอยแม่ก็ชอบย้ำตลอดว่าเติมน้ำมันให้ด้วยนะ แต่แม่เหมือนไม่รับรู้ว่าเราไม่มีจะกินแล้ว มีเรื่องให้เราเครียดและน้อยใจสุดๆ ว่าหลังๆแม่เอาเรื่องเราไปเม้าท์ให้ญาติให้คนอื่นฟังว่าเราไม่ดีอย่างงั้นอย่างนี้ ไม่สนใจพ่อแม่ ทำตัวเละเทะไม่กลับบ้าน (คือเราไปขับแกรบไบค์กับไลน์แมนหาเงินใช้ในแต่ละวัน)ซึ่งบางทีมันมีงานต่อเนื่องกันกว่าเราจะกลับก็เที่ยงคืนตีหนึ่ง แต่ที่ทำให้เราน้อยใจจริงๆคือล่าสุด ลูกพี่ลูกน้องเราชวนย่างหมูกินคอหมูย่าง ประมาณโลกว่า บ้านพี่เราอยู่ประมาณ7คนเราก็เห็นว่าทำไรกินกันแล้วเราเลยซื้อไข่นกกระทามาแผงนึงประมาณ80กว่าบาทไปกินกับเค้าด้วย(ซึ่งค่าไข่แฟนเราจ่าย)มาถึงบ้านปม่เห็นเราซื้อไข่มาแม่ก็ถามจะทำไข่หลุมหรอเราบอกใช่ เอาไปกินกับบ้านพี่เรา เค้าก็ให้เราเอาไปให้เค้าด้วย เราก็โอเค พอเราแบ่งมาให้แล้วพี่เราเป็นคนเอามาให้ (บ้านเรากับบ้านพี่ห่างกันประมาณ10หลัง )เค้ารู้ว่าย่างหมูกินกัน ก็โทรมาบอกให้เราเอาไปให้ ซึ่งเราก็ลืม เลยทำให้เค้าหงุดหงิดและไม่พอใจมากๆ (ซึ่งหมูโลกว่ากินกัน7-8คนมันก็แทบไม่เหลือแล้ว) ทำให้วันต่อมาเค้าไประเบิดใส่พี่เรา และบอกว่าหมูแค่นี้ก็ไม่แบ่งให้เค้า ทั้งที่เค้ามีอะไรก็เอามาให้ตลอด (แต่ของที่เค้าให้ก็เป็นของเหลือๆจากโรงพยาบาลของที่คนไข้เอามาฝาก) และคำพูดที่เราเจ็บใจที่สุดคือเราไม่เคยเห็นหัวพ่อแม่ ไม่เคยคิดจะให้อะไรเค้ากิน ตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยจะให้อะไรเค้า ตอนตายจะไปหวังอะไร ซึ่งเราเจ็บมากเพราะเราให้เค้าไม่เคยขาด จนบางทีแฟนเรายังบอกว่าเราให้มากไปด้วยซ้ำ เราอายุ28ทำไมต้องเสียสละอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่พอใจแฟนนะที่พูดอะไรอย่างนี้ แต่พอมาตอนนี้มานึกย้อน เราก็คิดแบบนั้น เราให้เค้ามาทั้งชีวิตเค้าไม่นึกถึงเลยหรอ นึกแค่ครั้งที่เราไม่ให้ เราโคตรเข็บและเหนื่อยมาก เราไม่รู้จะระบายที่ไหน ไม่อยากให้ใครรับรู้ด้านไม่ดีของแม่เรา แต่ในโลกออนไลน์ไม่มีใครรู้จักเรา เราแค่อยากมาระบาย และเผื่อใครอาจจะให้คำปรึกษาและช่วยเรากับปัญหาที่เราต้องเจออยู่ได้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามา ขอบคุณจริงๆครับ 😭😭😭
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่