สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ป้าเคยแต่งงานกับคนที่ไม่เป็นผู้นำ
เราต่างดึงดูดกันในครั้งแรก เพราะความบ้าพลังของป้า และความอ่อนโยน (ปนขี้เกียจ..ฮา) ของเขา
อดีตสามีบอกว่า เขาไม่นำใครนะ
เราก็นึกว่า ก็เดินไปด้วยกันสิ มีการศึกษา มีหน้าที่การงานกันทั้งคู่
แต่ชีวิตคู่ มีรายละเอียดมากกว่านั้น มันคือการสร้างครอบครัว สร้างฐานะ สร้างความมั่นคง
คำว่า สร้าง สร้าง สร้าง นั่นคือการลงมือคิด ลงมือทำ
เขาไม่พูด ไม่ว่า ปล่อยให้เราทำ แต่ลึก ๆ เขาเสียศักดิ์ศรี
เราไม่พูด ไม่ว่า แต่เราก็หมดความนับถือในตัวเขาไปเช่นกัน
เหมือนจะอยุ่ได้ เพราะเรายังบ้าพลัง
เหมือนจะอยู่ได้ เพราะเขายอมเรา
แต่วันหนึ่ง เมื่อครอบครัวเกิดปัญหาขึ้นมา
เขาพูดออกมาคำเดียว เขาไม่เคยอยากได้ ไม่เคยอยากมี
เสร็จเลย ไม่มีคู่ชีวิตช่วยคิดแก้ปัญหา แต่มีศัตรูข้างกาย ช่วยซ้ำ
จุดจบ คงไม่ต้องบอก
เราต่างดึงดูดกันในครั้งแรก เพราะความบ้าพลังของป้า และความอ่อนโยน (ปนขี้เกียจ..ฮา) ของเขา
อดีตสามีบอกว่า เขาไม่นำใครนะ
เราก็นึกว่า ก็เดินไปด้วยกันสิ มีการศึกษา มีหน้าที่การงานกันทั้งคู่
แต่ชีวิตคู่ มีรายละเอียดมากกว่านั้น มันคือการสร้างครอบครัว สร้างฐานะ สร้างความมั่นคง
คำว่า สร้าง สร้าง สร้าง นั่นคือการลงมือคิด ลงมือทำ
เขาไม่พูด ไม่ว่า ปล่อยให้เราทำ แต่ลึก ๆ เขาเสียศักดิ์ศรี
เราไม่พูด ไม่ว่า แต่เราก็หมดความนับถือในตัวเขาไปเช่นกัน
เหมือนจะอยุ่ได้ เพราะเรายังบ้าพลัง
เหมือนจะอยู่ได้ เพราะเขายอมเรา
แต่วันหนึ่ง เมื่อครอบครัวเกิดปัญหาขึ้นมา
เขาพูดออกมาคำเดียว เขาไม่เคยอยากได้ ไม่เคยอยากมี
เสร็จเลย ไม่มีคู่ชีวิตช่วยคิดแก้ปัญหา แต่มีศัตรูข้างกาย ช่วยซ้ำ
จุดจบ คงไม่ต้องบอก
ความคิดเห็นที่ 14
ขอตอบในฐานะคนที่เคยอยู่ในสถานการณ์คล้ายคุณค่ะ
เราเป็นหมอฟัน แฟนเก่าของเราอายุมากกว่าเรา 1 ปี ทำงานกึ่งๆธุรกิจส่วนตัว ข้อดีของเขาคือเขารักตัวเราที่เป็นเรา เขายอมรับข้อเสียของเราได้ เขาเอาใจใส่ดูแลเรา รักเดียวใจเดียว แต่ข้อเสียคือไม่เป็นผู้นำ ไม่เอาการเอางาน ขี้เกียจ ไม่รู้จักเก็บเงิน มักวางแผนอนาคตไว้ลอยๆแต่ขี้เกียจลงมือทำ มีแต่ความเพ้อฝัน จับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ค่อยได้
ตลอดหลายปีที่คบกัน เราพยายามบอกเขาเป็นสิบๆครั้ง ขอให้เขาตั้งใจทำงานจริงจัง ขยันหน่อยเถอะ อย่าเล่นเกมครึ่งวันแบบนี้ ขอให้เขาวางแผนอนาคต เขารับปากแต่ไม่เคยทำได้ เราอดทนเพราะรักเขาจนถึงวันนึงปลงและคิดว่า ไม่เป็นไร อนาคตเราจะเป็นผู้นำครอบครัวเอง เราจะให้เขาเป็นพ่อบ้านทำงานบ้านและดูแลลูก
แต่นานเข้า เราเริ่มกังวลใจว่าต่อให้เขาเป็นพ่อบ้านเฉยๆ เขาก็คงตื่นสาย ทำงานบ้านบ้างไม่ทำบ้าง ยังขี้เกียจเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ แล้วเราเองก็คงต้องเป็นฝ่ายที่ทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้านอย่างนั้นหรอ หรือถ้ามีลูก ด้วยนิสัยของเขาก็คงเป็นพ่อที่ดีไม่ได้ เขาเองยังไม่โตเลย จะสอนลูกยังไง
อีกอย่างนึงคือเรามีนิสัยเป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำ เราต้องการคนที่เราพึ่งพาได้ เป็นคนช่วยเราคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ แต่เขาทำให้ไม่ได้ ถ้าแต่งงานกันไปเราต้องเป็นผู้นำเขา รับผิดชอบเกือบทุกอย่างแทนเขา มันขัดกับนิสัยเรา เราเคยเล่าความกังวลนี้ให้เขาฟังตรงๆแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราเหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไง เหมือนพยายามอยู่ฝ่ายเดียวที่จะสร้างอนาคต เรานอนไม่หลับไม่ก็ฝันร้าย เรากลายเป็นคนกลัวอนาคต กลัวต้องแต่งงานกับเขา เราอดทนต่อมาอีกเป็นปีจนเมื่อความทุกข์มากกว่าความสุข ความปลงเข้ามาแทนที่ความรัก เราก็บอกเลิกเขา ทั้งเราและเขาต่างเจ็บปวด เราร้องไห้เป็นเดือน
ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป เรารู้สึกว่าเราคิดถูก เราสบายใจขึ้น ได้เจอคนที่เราไม่ต้องแบกเขาอยู่ฝ่ายเดียว ได้วางแผนอนาคตร่วมกันและพยายามไปด้วยกัน เรากลายเป็นคนยิ้มมากขึ้น มีความสุขขึ้น
ถ้าจขกท.ไม่เลิก และไม่ใช่คนที่มีนิสัยเป็นผู้นำ ก็มีแววว่าจขกท.จะต้องรู้สึกเหนื่อยไปเรื่อยๆ และถ้าแต่งงานไป มันจะกลายเป็นความทุกข์ทรมาณ ด้วยความหวังดีจริงๆค่ะ
เราเป็นหมอฟัน แฟนเก่าของเราอายุมากกว่าเรา 1 ปี ทำงานกึ่งๆธุรกิจส่วนตัว ข้อดีของเขาคือเขารักตัวเราที่เป็นเรา เขายอมรับข้อเสียของเราได้ เขาเอาใจใส่ดูแลเรา รักเดียวใจเดียว แต่ข้อเสียคือไม่เป็นผู้นำ ไม่เอาการเอางาน ขี้เกียจ ไม่รู้จักเก็บเงิน มักวางแผนอนาคตไว้ลอยๆแต่ขี้เกียจลงมือทำ มีแต่ความเพ้อฝัน จับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ค่อยได้
ตลอดหลายปีที่คบกัน เราพยายามบอกเขาเป็นสิบๆครั้ง ขอให้เขาตั้งใจทำงานจริงจัง ขยันหน่อยเถอะ อย่าเล่นเกมครึ่งวันแบบนี้ ขอให้เขาวางแผนอนาคต เขารับปากแต่ไม่เคยทำได้ เราอดทนเพราะรักเขาจนถึงวันนึงปลงและคิดว่า ไม่เป็นไร อนาคตเราจะเป็นผู้นำครอบครัวเอง เราจะให้เขาเป็นพ่อบ้านทำงานบ้านและดูแลลูก
แต่นานเข้า เราเริ่มกังวลใจว่าต่อให้เขาเป็นพ่อบ้านเฉยๆ เขาก็คงตื่นสาย ทำงานบ้านบ้างไม่ทำบ้าง ยังขี้เกียจเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ แล้วเราเองก็คงต้องเป็นฝ่ายที่ทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้านอย่างนั้นหรอ หรือถ้ามีลูก ด้วยนิสัยของเขาก็คงเป็นพ่อที่ดีไม่ได้ เขาเองยังไม่โตเลย จะสอนลูกยังไง
อีกอย่างนึงคือเรามีนิสัยเป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำ เราต้องการคนที่เราพึ่งพาได้ เป็นคนช่วยเราคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ แต่เขาทำให้ไม่ได้ ถ้าแต่งงานกันไปเราต้องเป็นผู้นำเขา รับผิดชอบเกือบทุกอย่างแทนเขา มันขัดกับนิสัยเรา เราเคยเล่าความกังวลนี้ให้เขาฟังตรงๆแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราเหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไง เหมือนพยายามอยู่ฝ่ายเดียวที่จะสร้างอนาคต เรานอนไม่หลับไม่ก็ฝันร้าย เรากลายเป็นคนกลัวอนาคต กลัวต้องแต่งงานกับเขา เราอดทนต่อมาอีกเป็นปีจนเมื่อความทุกข์มากกว่าความสุข ความปลงเข้ามาแทนที่ความรัก เราก็บอกเลิกเขา ทั้งเราและเขาต่างเจ็บปวด เราร้องไห้เป็นเดือน
ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป เรารู้สึกว่าเราคิดถูก เราสบายใจขึ้น ได้เจอคนที่เราไม่ต้องแบกเขาอยู่ฝ่ายเดียว ได้วางแผนอนาคตร่วมกันและพยายามไปด้วยกัน เรากลายเป็นคนยิ้มมากขึ้น มีความสุขขึ้น
ถ้าจขกท.ไม่เลิก และไม่ใช่คนที่มีนิสัยเป็นผู้นำ ก็มีแววว่าจขกท.จะต้องรู้สึกเหนื่อยไปเรื่อยๆ และถ้าแต่งงานไป มันจะกลายเป็นความทุกข์ทรมาณ ด้วยความหวังดีจริงๆค่ะ
ความคิดเห็นที่ 13
อยากบอกว่า กระทู้นี้มีแค่มุมมองฝ่าย จขกท ฝ่ายเดียว ถ้าเรายังไม่ได้ฟังมุมมองจากอีกฝ่าย คำแนะนำใดๆอาจคลาดเคลื่อนไปได้
ไม่ได้บอกว่า จขกท มองอะไรผิดนะครับ แต่ถ้ายังจะมีมุมมองอื่นใดที่ จขกท ยังมองไม่เห็น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนในกระทู้จะเห็นมุมมองอื่นใดนั้นได้
***
ผมขอเข้ามาเป็นทนายให้ฝั่งจำเลยละกัน(ในกระทู้คงจะมีผู้พิพากษาและทนายฝ่ายโจทย์อยู่เยอะแล้ว) แต่จำเลยผิดถูกหรือเปล่า ผมไม่ทราบนะครับ แค่ลองแก้ต่างให้ โจทย์ลองฟังดูก่อน ใช่ไม่ใช่ค่อยว่ากัน
***
1. ความผิดที่หนักที่สุด คือ ได้โอกาสมา 3 ครั้งแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นเลย ตรงนี้ต้องมีรายละเอียด คุณมีสิ่งที่คุณต้องการ ฝ่ายชายก็อาจจะมีสิ่งที่เค้าต้องการที่ต่างกันไปก็ได้ ธุรกิจคือสิ่งที่คุณต้องการ แต่มันใช่สิ่งที่เค้าต้องการหรือเปล่า และเค้ารู้ตัวหรือเปล่า และเค้ากล้าตัดสินใจหรือเปล่า / ถ้ามันไม่ใช่ มีโอกาสอีกพันครั้งก็ไม่ดีขึ้นครับ
2. จขกท บอกเองว่าฝ่ายชายลาออกจากบริษัทใหญ่ เพื่อออกมาค้นหาตัวเอง ธุรกิจนี้มันอาจจะไม่ใช่ตัวเค้าก็ได้ ป่วยการที่จะบ่นด่าในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเค้า ที่ควรทำ คือ ปล่อยเค้าไปค้นหาอย่างอื่นเถอะ / คำถามที่สำคัญ คือ จขกท คิดว่าถ้าเค้าเจองานหรือตัวตนที่แท้จริงแล้ว เค้าจะยังทำตัวอย่างนี้อยู่ไหม หรือว่าดูแล้วอีก 10 ปีก็ยังมองไม่เห็นว่าฝ่ายชายจะหาตัวเองเจอไหมเลย
3. จขกท เป็นคน perfectionist แต่ฝ่ายชาย ไม่ใช่ ซึ่งถ้าพูดถึงในมุมมองธุรกิจร่วมกัน ไปกันไม่ได้แน่ แต่มุมมองของคู่ชีวิตล่ะ? ลองนึกดูว่า ถ้าไม่ต้องยุ่งกันเรื่องงานใดๆเลย (แต่ฝ่ายชายต้องรับผิดชอบชีวิตครอบครัวได้นะ) ชีวิตคู่ยังจะพอไปได้ไหม และ จขกท ยอมรับชีวิตเรียบๆของฝ่ายชายได้ไหม
4. เรื่องรถญี่ปุ่น รถยุโรป อุบัติเหตุ เกี่ยวอะไรในกระทู้นี้หรือครับ? เหมือน จขกท กำลังสับสนแล้วเอาเรื่องต่างๆมา justify ในเรื่องอื่นๆที่ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกันเลย
5. อย่างน้อยฝ่ายชายต้องยอมรับและพยายามแก้ปัญหาก่อน(เค้ารู้ไหม หรือยังคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา) ถ้าไม่ ก็ไม่มีความหวังใดเหลือแล้วครับ ถ้าเค้าเห็น เค้ารู้ แต่แก้ไม่ได้ อาจจะยังพอหาทางอยู่กันได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหากันได้
สุดท้าย ขอให้มีสติ พูดคุย ตัดสินใจกันได้ด้วยดีครับ
ไม่ได้บอกว่า จขกท มองอะไรผิดนะครับ แต่ถ้ายังจะมีมุมมองอื่นใดที่ จขกท ยังมองไม่เห็น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนในกระทู้จะเห็นมุมมองอื่นใดนั้นได้
***
ผมขอเข้ามาเป็นทนายให้ฝั่งจำเลยละกัน(ในกระทู้คงจะมีผู้พิพากษาและทนายฝ่ายโจทย์อยู่เยอะแล้ว) แต่จำเลยผิดถูกหรือเปล่า ผมไม่ทราบนะครับ แค่ลองแก้ต่างให้ โจทย์ลองฟังดูก่อน ใช่ไม่ใช่ค่อยว่ากัน
***
1. ความผิดที่หนักที่สุด คือ ได้โอกาสมา 3 ครั้งแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นเลย ตรงนี้ต้องมีรายละเอียด คุณมีสิ่งที่คุณต้องการ ฝ่ายชายก็อาจจะมีสิ่งที่เค้าต้องการที่ต่างกันไปก็ได้ ธุรกิจคือสิ่งที่คุณต้องการ แต่มันใช่สิ่งที่เค้าต้องการหรือเปล่า และเค้ารู้ตัวหรือเปล่า และเค้ากล้าตัดสินใจหรือเปล่า / ถ้ามันไม่ใช่ มีโอกาสอีกพันครั้งก็ไม่ดีขึ้นครับ
2. จขกท บอกเองว่าฝ่ายชายลาออกจากบริษัทใหญ่ เพื่อออกมาค้นหาตัวเอง ธุรกิจนี้มันอาจจะไม่ใช่ตัวเค้าก็ได้ ป่วยการที่จะบ่นด่าในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเค้า ที่ควรทำ คือ ปล่อยเค้าไปค้นหาอย่างอื่นเถอะ / คำถามที่สำคัญ คือ จขกท คิดว่าถ้าเค้าเจองานหรือตัวตนที่แท้จริงแล้ว เค้าจะยังทำตัวอย่างนี้อยู่ไหม หรือว่าดูแล้วอีก 10 ปีก็ยังมองไม่เห็นว่าฝ่ายชายจะหาตัวเองเจอไหมเลย
3. จขกท เป็นคน perfectionist แต่ฝ่ายชาย ไม่ใช่ ซึ่งถ้าพูดถึงในมุมมองธุรกิจร่วมกัน ไปกันไม่ได้แน่ แต่มุมมองของคู่ชีวิตล่ะ? ลองนึกดูว่า ถ้าไม่ต้องยุ่งกันเรื่องงานใดๆเลย (แต่ฝ่ายชายต้องรับผิดชอบชีวิตครอบครัวได้นะ) ชีวิตคู่ยังจะพอไปได้ไหม และ จขกท ยอมรับชีวิตเรียบๆของฝ่ายชายได้ไหม
4. เรื่องรถญี่ปุ่น รถยุโรป อุบัติเหตุ เกี่ยวอะไรในกระทู้นี้หรือครับ? เหมือน จขกท กำลังสับสนแล้วเอาเรื่องต่างๆมา justify ในเรื่องอื่นๆที่ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกันเลย
5. อย่างน้อยฝ่ายชายต้องยอมรับและพยายามแก้ปัญหาก่อน(เค้ารู้ไหม หรือยังคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา) ถ้าไม่ ก็ไม่มีความหวังใดเหลือแล้วครับ ถ้าเค้าเห็น เค้ารู้ แต่แก้ไม่ได้ อาจจะยังพอหาทางอยู่กันได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหากันได้
สุดท้าย ขอให้มีสติ พูดคุย ตัดสินใจกันได้ด้วยดีครับ
ความคิดเห็นที่ 11
ประสบการณ์ไม่ได้เยอะกว่าแต่มาให้กำลังใจคุณหมอนะคะ
ส่วนตัวเราเองทำธุรกิจ สามีรับราชการ
เราทำงาน7วัน แรกวันหยุดก็ให้สามีมาช่วย เพราะทางเราอยากให้เค้าลาออกมาช่วยกันทำงาน แต่ตั้งแต่คบกันจนแต่งงาน เราเห็นว่าเค้าพยายามนะ แต่ก็ยังทำได้ไม่ดี ไม่คล่อง ไม่ชำนาญ ไม่มีทักษะ ใดๆ ส่วนตัวเค้าก็จะอ้างแต่ ไม่ได้ทำทุกวัน ลืม จำไม่ได้ ฯลฯ แต่เค้าทำงานที่ไดเรับมอบหมายในที่ทำงานได้ดีนะคะ เติบโตเร็ว
แต่บางทีขีดจำกัดของความสามารถ ความถนัดของคนเราคงไม่เท่ากัน ยิ่งนานวัน ยิ่งชวนทะเลาะกัน เพราะเราคาดหวังว่า ยิ่งทำมานาน ยิ่งต้องพัฒนา
หลังแต่งงานเราจึงแจ้งที่บ้านเราว่า เราจะไม่ให้สามีลาออก เราต้องการใช้สิทธิสวัสดิการของสามีและเราไม่อยากเจอกันทุกวันทะเลาะกันทุกวัน ต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด สบายใจกว่า
โชคดีที่ครอบครัวเราไม่ว่าอะไรมาก ส่วนสามีวันหยุดเค้าก็อยู่บ้าน ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ส่งข้าวส่งน้ำ แต่งสวน ตัดหญ้า ดูแลลูกๆ(แมว5ตัว) เราก็แทบไม่ต้องทำอะไรในส่วนนี้ ก็มีเวลาเต็มที่กับงานมากขึ้น
เราคิดว่า ใครจะนำหรือจะตามมันก็เหมือนกัน ถ้า2คนมาเติมเต็มซึ่งกันและกันได้
ชีวิตเราหารายได้ได้ค่อนข้างมาก เรามีแนวคิดว่าสามีเราไม่ต้องทำงานก็ได้ ขอแค่ดูแลเรา บ้านเรา ลูกเราได้ ไม่ขี้เกียจในส่วนนี้ เราโอเค รายจ่ายทุกอย่างเราซัพพอร์ตได้ ถ้ากลับกันเราเป็นผู้ชายแล้วสามีเป็นผู้หญิงคงเป็นเรื่องปกติ แต่สามีเราบอกว่าให้ผู้หญิงหาเลี้ยงอายคนเค้า ถึงเงินเดือนไม่มากก็ขอทำงานไปเรื่อยๆ สบายๆไปก่อน
คุณหมอลองคิดดูนะคะ บางใจเราก็คิดว่าถ้าเรามีสามีที่เก่งแบบพ่อเราก็คงดีกว่านี้ แบ่งเบาเราได้มากกว่านี้ แต่สามีที่เป็นสามีเราตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะพ่อเราก็ไม่ทำงานบ้าน ทำงานหาเงินเข้าบ้านอย่างเดียว งานบ้านก็เป็นหน้าที่ภรรยา/ลูกไป อยู่ที่เลือกมองค่ะ หญิง/ชายกลับหน้าที่กันเราว่าปกติ
ส่วนตัวเราเองทำธุรกิจ สามีรับราชการ
เราทำงาน7วัน แรกวันหยุดก็ให้สามีมาช่วย เพราะทางเราอยากให้เค้าลาออกมาช่วยกันทำงาน แต่ตั้งแต่คบกันจนแต่งงาน เราเห็นว่าเค้าพยายามนะ แต่ก็ยังทำได้ไม่ดี ไม่คล่อง ไม่ชำนาญ ไม่มีทักษะ ใดๆ ส่วนตัวเค้าก็จะอ้างแต่ ไม่ได้ทำทุกวัน ลืม จำไม่ได้ ฯลฯ แต่เค้าทำงานที่ไดเรับมอบหมายในที่ทำงานได้ดีนะคะ เติบโตเร็ว
แต่บางทีขีดจำกัดของความสามารถ ความถนัดของคนเราคงไม่เท่ากัน ยิ่งนานวัน ยิ่งชวนทะเลาะกัน เพราะเราคาดหวังว่า ยิ่งทำมานาน ยิ่งต้องพัฒนา
หลังแต่งงานเราจึงแจ้งที่บ้านเราว่า เราจะไม่ให้สามีลาออก เราต้องการใช้สิทธิสวัสดิการของสามีและเราไม่อยากเจอกันทุกวันทะเลาะกันทุกวัน ต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด สบายใจกว่า
โชคดีที่ครอบครัวเราไม่ว่าอะไรมาก ส่วนสามีวันหยุดเค้าก็อยู่บ้าน ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ส่งข้าวส่งน้ำ แต่งสวน ตัดหญ้า ดูแลลูกๆ(แมว5ตัว) เราก็แทบไม่ต้องทำอะไรในส่วนนี้ ก็มีเวลาเต็มที่กับงานมากขึ้น
เราคิดว่า ใครจะนำหรือจะตามมันก็เหมือนกัน ถ้า2คนมาเติมเต็มซึ่งกันและกันได้
ชีวิตเราหารายได้ได้ค่อนข้างมาก เรามีแนวคิดว่าสามีเราไม่ต้องทำงานก็ได้ ขอแค่ดูแลเรา บ้านเรา ลูกเราได้ ไม่ขี้เกียจในส่วนนี้ เราโอเค รายจ่ายทุกอย่างเราซัพพอร์ตได้ ถ้ากลับกันเราเป็นผู้ชายแล้วสามีเป็นผู้หญิงคงเป็นเรื่องปกติ แต่สามีเราบอกว่าให้ผู้หญิงหาเลี้ยงอายคนเค้า ถึงเงินเดือนไม่มากก็ขอทำงานไปเรื่อยๆ สบายๆไปก่อน
คุณหมอลองคิดดูนะคะ บางใจเราก็คิดว่าถ้าเรามีสามีที่เก่งแบบพ่อเราก็คงดีกว่านี้ แบ่งเบาเราได้มากกว่านี้ แต่สามีที่เป็นสามีเราตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะพ่อเราก็ไม่ทำงานบ้าน ทำงานหาเงินเข้าบ้านอย่างเดียว งานบ้านก็เป็นหน้าที่ภรรยา/ลูกไป อยู่ที่เลือกมองค่ะ หญิง/ชายกลับหน้าที่กันเราว่าปกติ
ความคิดเห็นที่ 7
อย่าเพิ่งรีบแต่งงาน จขกท อายุยังน้อย คุณมีวุฒิภาวะเป็นผู้นำมากกว่า ในขณะที่แฟนยังเป็นเหมือนเด็ก ๆ มุทะลุ ใช้อารมณ์ ไม่มีความรับผิดชอบ เขายังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบภาระการมีครอบครัว ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอดถ้าไม่มีคุณ
ถ้าแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ คุณจะเหนื่อยมาก ๆ ไหนจะต้องเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ไหนจะต้องรับภาระที่บ้าน ฯลฯ ถ้าคุณไม่มีเงินประเคนให้เขา รับรองว่าเขาไม่มาเสียเวลาปรนนิบัติคุณอยู่หรอก สิ่งที่คุณคิดว่าเขาทำดี ทำให้ ฯลฯ ผู้ชายหลาย ๆ คนเขาก็ทำกันนะ ไม่ใช่แค่คนนี้คนเดียว
ถอยหลังออกมาสักสองก้าว ให้เขาพิสูจน์ตัวเอง อย่าลงเงินไปอีก และอย่าประเคนของขวัญราคาแพง รถ ฯลฯ
และในขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนอื่นด้วย อย่ารีบตัดอนาคตตัวเอง ยังมีเวลาอีกเยอะ ขอให้หนูโชคดี หูตาสว่างนะคะ
ถ้าแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ คุณจะเหนื่อยมาก ๆ ไหนจะต้องเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ไหนจะต้องรับภาระที่บ้าน ฯลฯ ถ้าคุณไม่มีเงินประเคนให้เขา รับรองว่าเขาไม่มาเสียเวลาปรนนิบัติคุณอยู่หรอก สิ่งที่คุณคิดว่าเขาทำดี ทำให้ ฯลฯ ผู้ชายหลาย ๆ คนเขาก็ทำกันนะ ไม่ใช่แค่คนนี้คนเดียว
ถอยหลังออกมาสักสองก้าว ให้เขาพิสูจน์ตัวเอง อย่าลงเงินไปอีก และอย่าประเคนของขวัญราคาแพง รถ ฯลฯ
และในขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนอื่นด้วย อย่ารีบตัดอนาคตตัวเอง ยังมีเวลาอีกเยอะ ขอให้หนูโชคดี หูตาสว่างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำแนะนำจากผู้ใหญ่ที่ผ่านช่วงชีวิตมาทุกช่วง รบกวนช่วยอ่านจนจบและให้คำแนะนำที่เหมาะสมด้วยค่ะ
นอนไม่หลับติดต่อกันมาหลายวันจนถึงวันนี้ มีเรื่องไม่สบายในใจ และยังลังเลในการตัดสินใจ ไม่กล้าปรึกษาคนใกล้ตัว เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ ขอปรึกษาในนี้ได้ไหมคะ เพราะชีวิตจริงไม่กล้าปรึกษาคนรอบตัว
เป็นเรื่องความรัก และลำบากใจที่จะเดินต่อมากๆ
วันนี้ครบรอบ 1 ปีที่คบกันมาค่ะ ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆเมื่อคืนเถียงกับแฟน เรื่องธุรกิจ..เราทั้งสองทำธุรกิจร่วมกัน เราออก 70เปอร์เซ็นต์ แฟน 30เปอร์เซ็นต์และตกลงกันว่า แฟนจะดูแลธุรกิจนี้เป็นหลัก ส่วนตัวเราเองไม่ได้ดูแลประจำ แต่จะช่วยๆออกความคิด ตัวเรา มีงานประจำทำที่ได้เงินมั่นคงและรายได้ดีมากกว่าธุรกิจนี้ เราเลยจ้างคนอื่นมาอยู่ประจำที่นี่ และให้แฟนคอยเช็คสต็อกสินค้าบ่อยๆ และทำรายรับรายจ่ายทุกวัน เราต้องคอยเตือนแฟนบ่อยๆ เรื่องนี้ เพราะเราไม่สามารถไว้ใจคนที่มาอยู่แทนได้ เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร เราพยายามบอกแฟนด้วยถ้อยคำที่ดี และให้กำลังใจมาตลอด แต่สรุป.. แฟนไม่เคยเช็คสต็อกสินค้าเลยสักครั้งและ ไม่เคยทำรายรับรายจ่ายในแต่ละวันเลย ทำแต่รายเดือน ทุกเดือน ทางลูกน้องส่งยอดมาเท่าไหร่ก็ เอามาบวกเป็นรายเดือนเอง ไม่เช็คเลยว่า ที่ทางลูกน้องส่งมาตรงและข้อมูลจริงไหม เราเพิ่งมารู้เมื่อคืน.. และ แจ้งแฟนไปว่า เราผิดหวังและเสียใจมาก ที่เค้าไม่รอบคอบแบบนี้ ทั้งที่เราพยายามแจ้งเค้าตลอดว่า ให้เค้าทำนะ ต้องทำ มันสำคัญ แต่เค้าปล่อยมาตลอด.. เราเปิดร้านมา 4-5 เดือน เข้าทุนตัวเองมาตลอด จนเราต้องมานั้งย้อนดูว่าเพราะเหตุอะไรบ้าง จนเราเข้าใจว่า 1. Covid คนไม่อยากออกจากบ้าน 2. เราขาดความรอบคอบมาก 3. เราตั้งใจและไว้ใจแฟนมากเกินไป.......
สรุปได้ว่า เค้าไม่ได้อยากทำในสิ่งที่เราต้องการให้
ตัวเค้าเองไม่เหมาะกับการทำธุรกิจตัวเองตอนนี้
แฟนอายุ 30 เรา 25 แฟนเป็นหนุ่มหน้าตาดี ฐานะครอบครัวดี เรียนจบนอก ส่วนเราหน้าตากลางๆ ฐานะครอบครัวปานกลาง แต่เราไม่ได้หวังพึ่งครอบครัวเลย (เราสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง) เรียนจบแพทย์ ตัวเรา ขยันหาเงินมากๆหาเงินเก่ง มีเป้าหมายชีวิต สร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง*ย้ำว่า ด้วยตนเองจริงๆ ส่วนแฟนเรา คุณพ่อ,แม่ หาไว้ให้ เลย ขี้เกียจ ไม่ชอบทำงาน และ ไม่มีเป้าหมายชีวิต ตัวเราต้องคอยแนะนำคอยสอนว่าลองตั้งเป้าหมายดูสิ “ คนเราจะอยู่โดยรู้สึกมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีเป้าหมายชีวิต” เค้าบอกเราว่าเราทำให้ชีวิตเค้าดีขึ้นเค้าโชคดีมากๆ ที่เจอเรา ก่อนหน้านี้เค้าสูบบุหรี่ เราได้ช่วยให้เค้าเลิกได้สำเร็จ รถที่เค้าขับอยู่ก่อนหน้านี้เป็นรถญี่ปุ่น เราก็ช่วยเสนอแนะนำและเปลี่ยนใหม่เป็นรถยุโรปให้ เพราะความแข็งแรงของรถ เราเป็นห่วงและหวังดีกับเค้าและพูดเตือนเค้าเสมอว่า เราขับรถอะไรก็ตาม จะปลอดภัยต่อเมื่อมีสติตลอดเวลา. จนวันหนึ่งเราไปทานข้าวกันและกลับดึก เค้าขับ และเรา นั้งข้างๆ รัดเข็มขัดทั้งคู่ เราพูดถึงเรื่องแฟนเก่าเราให้เค้าฟัง (เราผิดเองที่พูดไม่คิด) เค้าโกรธ และขับรถเร็วมาก จนเราบอกให้ขับช้าๆ อันตราย แต่ไม่ทันรถแหกโค้ง รถพังทั้งคัน แต่เรา 2 คนปลอดภัยทั้งคู่ รถช่วยเซฟชีวิตเราสองคนมากๆ ข้อคิดนี้ที่ได้มาคือ แฟนเราประมาท และเราไม่ควรพูดจาไม่ดีกับเค้า รอดมาได้เป็นปาฏิหาริย์มาก เราไม่ว่าหรือดุอะไรแฟนเราสักคำ เพราะเท่านี้ เค้าก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว...
พอมาวันนี้ที่ เราคบกับเค้ามา ทำให้ได้รู้ว่า เค้ารักเรามากๆ ดูแลเราดีที่สุดในชีวิตเราเลย (ซักผ้า เก็บเสื้อผ้าเวลาไปต่างจังหวัด ทำกับข้าว นวด ) ทำทุกอย่างเลยจริงๆเป็นคนดี และจิตใจโอบอ้อมอารี เหมาะกับการเป็นสามีที่ดี แต่สิ่งที่ เรารับไม่ได้คือ ข้อเสีย คือ ขี้เกียจทำงานและ หาเงิน ไม่รอบคอบ ต้องให้คอยบอกซ้ำๆ และ ขี้หงุดหงิด ไม่รู้ว่าตัวเองผิดและไม่แก้ใข ชอบทำผิดซ้ำๆ ในสิ่งที่เราเตือนบ่อยๆ มีความเป็นเด็กมากกว่าเรา เหมือนเราเป็นผู้นำ ด้านการหาเงิน และการใช้ชีวิต..
เค้ารักเรามากๆ เรารู้จากหัวใจเรา เราเคยผ่านเหตุการณ์แปลกๆมาด้วยกันบ่อยมาก เค้าไม่รังเกียจและอายเลยสักนิด ที่จะทำให้ ซึ่งคนปรกติจะไม่ทำให้แน่นอน เรามั่นใจ แต่เค้าทำ และหาวิธีแก้ปัญหากันเราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากๆ ในเวลา 1 ปี เราทดลองอยู่ด้วยกันทุกวัน ใช้ชีวิตเป็นคู่ชีวิตกัน(เค้าขอเราแต่งงานแล้ว) มีแพลนจะแต่งงาน ปลายปี. เราก็รักเค้ามากๆ สุดหัวใจเช่นกัน
แต่มาถึงวันนี้ เรารู้สึกเราจะใช้ชีวิตไปกับคนที่ ไม่รอบคอบในทุกเรื่อง ขี้เกียจหาเงิน และให้เราเป็นผู้นำจริงหรอ เราจะอดทนไปได้นานอีกแค่ไหน เราว่าเราไม่เลิกกันวันนี้ อนาคตเราคงต้องเลิกแน่นอน เรารักเค้ามากๆ แต่เราอยากได้คู่ชีวิตที่ช่วยกันซับพอร์ทกันและกัน ในชีวิตเรา เราเหนื่อยเลี้ยงดูตัวเองมามากพอแล้ว
เราคุยกับเค้าในสิ่งที่เราต้องการ แต่เค้าก็ไม่ทำให้มันดีขึ้นเลยสักนิด ในเรื่องนี้...
(คุยกับแฟนเรื่องความรอบคอบหลายรอบมาก จนเหนื่อย ไม่อยากคุยแล้ว ให้โอกาส 3 ครั้งแล้ว)
- ควรให้โอกาสเค้าอีกครั้งไหมคะ หรือควรพอได้แล้ว
** ขอถามท่านที่มีประสบการณ์คู่ชีวิตคู่มายาวนานและมีความเป็นผู้ใหญ่ ว่าฉันควร ไปต่อยังไงกับคนนี้ดีคะ
ฝากข้อคิดที่ดีและช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นและสามารถมาใช้แก้ใขได้ในปัญหาตอนนี้ ช่วยสงสารหรือเอ็นดูก็ได้ค่ะ
ปล. หากพิมพ์ภาษาไทยผิดไปบางคำ หรือเรียบเรียงอ่านให้ฟังยากไป ขอโทษด้วยนะคะ
และขอบคุณมากค่ะที่เข้ามารับฟังจนจบ
#ขอบคุณสำหรับข้อคิดบางอย่างที่ทำให้คิดได้ ,อ่าน รับฟัง และคิดภาพตาม ทุก comment ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้คำแนะนำ ต่างๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
เขียนจบ 05:50