บทที่ 3 แม่
.
“ผมขอน้ำได้ไหม ผมต้องทานยา”
เขาแหงนหน้าบอกพนักงานบริการสาวชาวไทยหน้าตาจิ้มลิ้มที่เดินเข้ามาหาหลังจากกดปุ่มเรียก เธอพยักหน้าตอบรับและเดินออกไปหยิบน้ำขวดพลาสติกเล็กมาบริการเขา ชายหนุ่มมียาเม็ดสีขาวสองเม็ดอยู่ในมือ บนเม็ดแป้งสีขาวนวลมีอักษรภาษาอังกฤษบ่งบอกว่ามันเป็นเพียงยาพาราเซตามอล เขากลืนกินลงคออย่างง่ายดายเมื่อน้ำที่ดื่มลื่นหล่อเปิดทางให้แล้ว
ดวงตะวันแผดรังสีร้อนผ่าวผ่านกระจกหนาเข้ากระทบใบหน้าที่แห้งผาก เก่งค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากภวังค์ที่หลับใหล มองดูใบหน้าหญิงสาวในชุดเครื่องแบบคนเดิมที่ยืนอยู่ข้างตัวเขา
“ครับ”
เขาตกปากรับเมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของเธอขอให้เลื่อนเปิดม่านบังแดดเพราะเครื่องบินกำลังเตรียมร่อนลงสู่สนามบินปลายทางแล้ว เขาจะถึงบ้านแล้ว เก่งหันมองดูพนักงานสาวให้หลังเมื่อเธอจากไปยังผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ยังไม่เปิดม่านบังแดด หน้าตาที่น่ารักจิ้มลิ้ม ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ แต่คนน่ารักยิ้มสวยเช่นนี้คงจะมีแฟนเสียแล้ว เขายังชำเลืองมองเธออยู่เนืองนิจจนเธอเดินกลับไปประจำที่ของตัวเอง
ฤทธิ์ของยาแก้ปวดศีรษะสองเม็ดนั้นทำให้เขารู้สึกโล่งศีรษะและสบายตัว เมื่อใกล้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก จะถึงบ้านแล้วนะ จะได้พบแม่แล้ว เขาพูดพร่ำคนเดียวในใจ เครื่องบินค่อยร่อนเปลี่ยนระดับลงเรื่อยๆ ตามระยะทางที่คงเหลือ ท้องฟ้าสว่างสดใส เวลาเช้า ณ เวลาท้องถิ่น แฟรงค์เฟิร์ตที่เขาจากมายังอยู่ผืนเงาแห่งราตรี แอนนาทำอะไรอยู่นะ ผมเส้นหนาเหลืองสว่างตาเหมือนรวงข้าวสีทองนั้น เขาเคยจับลูบเล่นและดมดอมหอมสูด
“ผมคุณหอมจัง”
เขาเคยเอ่ยชมหญิงคนนั้น คิดถึงกลิ่นกายเธอ มันผ่านไปแล้ว มันจบไปแล้ว เขาพูดพร่ำสอนตัวเองเพื่อให้เลิกคิดถึงนางบัดนี้เขารู้สึกตัวเหนียวเหนอะหนะ กลิ่นปากของเขาทำให้เขาไม่อยากพูดกับใครจนกว่าจะได้แปรงฟัน เขาเริ่มหงุดหงิดเมื่อคิดถึงการต้องไปยืนรอกระเป๋า และภาวนาไม่ให้เกิดปัญหาใดขึ้นกับกระเป๋าเหมือนกับทริปแคนาดาที่เพิ่งจะผ่านมา กระเป๋าหนึ่งใบถูกส่งผิดไปยังดูไบ ดินแดนทะเลทรายร้อนอีกฟากฝั่งของโลก คิดถึงคิวรอแท็กซี่สนามบินที่ยาวยืด เขาคิดถึงแม่ ทำไมมนุษย์ไม่มีพลังหายตัวได้เหมือนในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่บ้างนะ เขาอยากจะหายตัวจากเครื่องบินแออัดลำนี้และไปโผล่ในโรงพยาบาล หน้าห้องพักพิเศษของคนไข้ นั่งเคียงข้างลูบจับฝ่ามือของนางฟ้าผู้ล้มป่วย เธอจะยิ้มให้เขา รอยยิ้มล้ำค่าที่จะเยียวยาโรคาทั้งผองบนโลก
“ถึงแล้วนะ ได้กระเป๋าแล้วจะรีบไปโรงพยาบาล”
เก่งทิ้งข้อความส่งให้พี่สาวขณะเดินออกจากเกตเพื่อไปด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาเดินตามกลุ่มคนด้านหน้าเข้าซองแถว - ผู้ถือพาสปอร์ตสัญชาติไทย - ที่ยาวยืดได้เพียงครู่และหดสั้นลงเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อหน้าจอเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัติโนมัติขึ้นข้อความ -ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย- เป็นอันว่าเขาและคนอื่นๆ ยืนอยู่บนผืนแผ่นไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่สองเท้าเหยียบบนแผ่นดินนี้เมื่อไรกันนะ เก่งนึกย้อนไปเรื่อยระหว่างเดินย่ำไปยังจุดรอกระเป๋าเดินทาง เขาคงต้องกรอม้วนเทปยืดไปนานยังเมื่อสี่ปีก่อน ไม่ใช่วันที่มีพิธีการสำคัญใดๆ ที่เขาจำต้องบินกลับมาเหมือนคนอื่นๆ แต่กลับเป็นวันธรรมดาในช่วงปลายฤดูฝนของปีนั้น เมื่อตระหนักแล้วว่าตัวเองมีวันหยุดพักร้อนเหลือสิบกว่าวัน มันเพียงพอที่จะหาทริปเดินทางง่ายๆ ให้พักผ่อนก่อนจะถึงสิ้นปี ยังมีอีกหลายที่หลายถิ่นบนโลกนี้ที่เขาอยากจะไปแต่ยังไม่เคยไป จู่ๆ ลมหวนครวญคะนึงจากหนใดก็ปลิวเข้ากระทบใบหน้า เขายกหูโทรศัพท์โทรกลับหาแม่และบอกกับเธอว่าเขาจะกลับมาหาเธอ และพาเธอไปเที่ยวที่ใดก็ตามที่เธออยากไป สุดแล้วแต่ปรารถนาของเธอ
----------------------------------------------------------------------
Blue โลกสีฟ้า - บทที่ 3 แม่
เขาแหงนหน้าบอกพนักงานบริการสาวชาวไทยหน้าตาจิ้มลิ้มที่เดินเข้ามาหาหลังจากกดปุ่มเรียก เธอพยักหน้าตอบรับและเดินออกไปหยิบน้ำขวดพลาสติกเล็กมาบริการเขา ชายหนุ่มมียาเม็ดสีขาวสองเม็ดอยู่ในมือ บนเม็ดแป้งสีขาวนวลมีอักษรภาษาอังกฤษบ่งบอกว่ามันเป็นเพียงยาพาราเซตามอล เขากลืนกินลงคออย่างง่ายดายเมื่อน้ำที่ดื่มลื่นหล่อเปิดทางให้แล้ว
ดวงตะวันแผดรังสีร้อนผ่าวผ่านกระจกหนาเข้ากระทบใบหน้าที่แห้งผาก เก่งค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากภวังค์ที่หลับใหล มองดูใบหน้าหญิงสาวในชุดเครื่องแบบคนเดิมที่ยืนอยู่ข้างตัวเขา
“ครับ”
เขาตกปากรับเมื่อได้ยินเสียงนุ่มนวลของเธอขอให้เลื่อนเปิดม่านบังแดดเพราะเครื่องบินกำลังเตรียมร่อนลงสู่สนามบินปลายทางแล้ว เขาจะถึงบ้านแล้ว เก่งหันมองดูพนักงานสาวให้หลังเมื่อเธอจากไปยังผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ยังไม่เปิดม่านบังแดด หน้าตาที่น่ารักจิ้มลิ้ม ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ แต่คนน่ารักยิ้มสวยเช่นนี้คงจะมีแฟนเสียแล้ว เขายังชำเลืองมองเธออยู่เนืองนิจจนเธอเดินกลับไปประจำที่ของตัวเอง
ฤทธิ์ของยาแก้ปวดศีรษะสองเม็ดนั้นทำให้เขารู้สึกโล่งศีรษะและสบายตัว เมื่อใกล้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก จะถึงบ้านแล้วนะ จะได้พบแม่แล้ว เขาพูดพร่ำคนเดียวในใจ เครื่องบินค่อยร่อนเปลี่ยนระดับลงเรื่อยๆ ตามระยะทางที่คงเหลือ ท้องฟ้าสว่างสดใส เวลาเช้า ณ เวลาท้องถิ่น แฟรงค์เฟิร์ตที่เขาจากมายังอยู่ผืนเงาแห่งราตรี แอนนาทำอะไรอยู่นะ ผมเส้นหนาเหลืองสว่างตาเหมือนรวงข้าวสีทองนั้น เขาเคยจับลูบเล่นและดมดอมหอมสูด
“ผมคุณหอมจัง”
เขาเคยเอ่ยชมหญิงคนนั้น คิดถึงกลิ่นกายเธอ มันผ่านไปแล้ว มันจบไปแล้ว เขาพูดพร่ำสอนตัวเองเพื่อให้เลิกคิดถึงนางบัดนี้เขารู้สึกตัวเหนียวเหนอะหนะ กลิ่นปากของเขาทำให้เขาไม่อยากพูดกับใครจนกว่าจะได้แปรงฟัน เขาเริ่มหงุดหงิดเมื่อคิดถึงการต้องไปยืนรอกระเป๋า และภาวนาไม่ให้เกิดปัญหาใดขึ้นกับกระเป๋าเหมือนกับทริปแคนาดาที่เพิ่งจะผ่านมา กระเป๋าหนึ่งใบถูกส่งผิดไปยังดูไบ ดินแดนทะเลทรายร้อนอีกฟากฝั่งของโลก คิดถึงคิวรอแท็กซี่สนามบินที่ยาวยืด เขาคิดถึงแม่ ทำไมมนุษย์ไม่มีพลังหายตัวได้เหมือนในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่บ้างนะ เขาอยากจะหายตัวจากเครื่องบินแออัดลำนี้และไปโผล่ในโรงพยาบาล หน้าห้องพักพิเศษของคนไข้ นั่งเคียงข้างลูบจับฝ่ามือของนางฟ้าผู้ล้มป่วย เธอจะยิ้มให้เขา รอยยิ้มล้ำค่าที่จะเยียวยาโรคาทั้งผองบนโลก
“ถึงแล้วนะ ได้กระเป๋าแล้วจะรีบไปโรงพยาบาล”
เก่งทิ้งข้อความส่งให้พี่สาวขณะเดินออกจากเกตเพื่อไปด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาเดินตามกลุ่มคนด้านหน้าเข้าซองแถว - ผู้ถือพาสปอร์ตสัญชาติไทย - ที่ยาวยืดได้เพียงครู่และหดสั้นลงเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อหน้าจอเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัติโนมัติขึ้นข้อความ -ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย- เป็นอันว่าเขาและคนอื่นๆ ยืนอยู่บนผืนแผ่นไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่สองเท้าเหยียบบนแผ่นดินนี้เมื่อไรกันนะ เก่งนึกย้อนไปเรื่อยระหว่างเดินย่ำไปยังจุดรอกระเป๋าเดินทาง เขาคงต้องกรอม้วนเทปยืดไปนานยังเมื่อสี่ปีก่อน ไม่ใช่วันที่มีพิธีการสำคัญใดๆ ที่เขาจำต้องบินกลับมาเหมือนคนอื่นๆ แต่กลับเป็นวันธรรมดาในช่วงปลายฤดูฝนของปีนั้น เมื่อตระหนักแล้วว่าตัวเองมีวันหยุดพักร้อนเหลือสิบกว่าวัน มันเพียงพอที่จะหาทริปเดินทางง่ายๆ ให้พักผ่อนก่อนจะถึงสิ้นปี ยังมีอีกหลายที่หลายถิ่นบนโลกนี้ที่เขาอยากจะไปแต่ยังไม่เคยไป จู่ๆ ลมหวนครวญคะนึงจากหนใดก็ปลิวเข้ากระทบใบหน้า เขายกหูโทรศัพท์โทรกลับหาแม่และบอกกับเธอว่าเขาจะกลับมาหาเธอ และพาเธอไปเที่ยวที่ใดก็ตามที่เธออยากไป สุดแล้วแต่ปรารถนาของเธอ