.
เสียงประกาศตามสาย สนั่นไปทั่วตึก ช่วงเปลี่ยนคาบเรียน ทำให้ ‘ธม’ เด็กชายวัยมัธยมศึกษาที่สาม มีสีหน้าเซ็งจิตชีวิตสุดหน่ายทันที เมื่อได้ยินชื่อของเขาให้ไปรายงานตัวห้องปกครอง เพื่อนร่วมก๊วนในห้องพากันส่งเสียง เฮ ไม่รู้ว่าเฮทำไม แต่ที่รู้คือ ทุกครั้งที่มีใครในกลุ่มถูก ‘เชิญ’ ไปห้องปกครอง ในความรู้สึกของเพื่อนร่วมก๊วน ไม่ต่างจากการไปรับเหรียญกล้าหาญจากผลงานสร้างวีรกรรมปานทหารกล้าผ่านศึก
ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเรื่องอะไร ผู้ปกครองที่รออยู่ในห้องปกครองเพื่อลงนามรับรู้พฤติกรรมของเขา ก็เป็นไม่ได้มากกว่ายายแก่ ๆ อายุเกือบปั้นปลายชีวิตคนหนึ่ง เท่านั้น - เท่านั้นเอง... และหญิงชราก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่า เป็นแม่ของแม่ ที่งุ่มง่าม แต่งตัวเชย มาโรงเรียนทีไรก็ให้รู้สึกอับอายขายหน้าทุกครั้ง
ไม่เหมือนผู้ปกครองของยอดชาย เพื่อนร่วมก๊วน พ่อของเขาแต่งชุดทำงานตำแหน่งใหญ่โตมาเต็มยศ เสียงดังวางอำนาจ มีสง่าราศรี จนคุณครูหลายคนต้องเกรงใจ ต่อให้ยอดชายทำผิดร้ายแรงขนาดไหนโทษก็จะเข้าโครงการหารสี่ ไม่เหมือนเด็กชายธม ที่ถูกทำทัณฑ์บนไม่รู้กี่ครั้ง แต่ทางโรงเรียนก็ยังไม่เชิญออก เพราะหาโรงเรียนใหม่ให้ไม่ได้
ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางวงการศึกษา ที่รู้แจ้งเห็นจริงว่า เด็กนักเรียนต่อให้ทำผิดอย่างไร ทางโรงเรียนก็ต้องปกป้อง เพราะกลัวเสียชื่อ อย่างดีก็พักการเรียน สบายไป ไม่ต้องมาเรียน สอบตกถึงเวลาก็มาขอซ่อม ครูก็ปล่อยให้ผ่านเอง เพราะถ้าให้ผู้เรียนไม่ผ่าน ครูนั่นละจะเป็นฝ่ายผิดในสายตาของฝ่ายบริหาร ข้อหาสอนไม่ดี ผิดในสายตาผู้ปกครองที่สอนลูกเขาไม่ดี อบรมเด็กให้ดีไม่ได้ ลดขั้นหักเงินเดือนมันเสียเลย สมน้ำหน้าครู
ธม ไม่ได้โง่ พอที่จะไม่รับรู้สิ่งเหล่านี้ เขาจึงไม่ค่อยกลัวอะไร ไม้เรียวก็ไม่มีแล้วยุคนี้ มีคนมองว่ามันป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม ทารุณจิตใจร่างกาย แต่ที่เขาไม่พอใจ ก็คือคุณยายเชย ๆ นี่เอง
“มาทำไม” เขาพูดเสียงห้วนโหดใส่หน้าคุณยาย ใส่ทั้งหน้าและหัวใจ ให้มันรู้กันไปว่าธมคนนี้ไม่สนใจยายแสนเชย จอมจุ้นจ้านกับชีวิตคนอื่น มาก็มาแบบยายเพิ้งเฉิ่ม
“ทางโรงเรียนเขาเชิญมานะลูก” คุณยายตอบเสียงแบบฟังก็รู้ว่าเอาใจหลานชายเต็มที่ ไม่ได้ดุด่าออกอาการอะไร แต่กลับทำให้ธมหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก เขาไม่ใช่ลูกยายสักหน่อย
ก็แค่โดดเรียนสิบสองครั้งในรอบหนึ่งเดือน ออกไปซิ่งมอเตอร์ไซด์มีเรื่องชกต่อยกับคู่อริต่างสถาบันหกครั้ง ไม่นับการสูบบุหรี่บูรณาการกับยาบ้าพอหอมปากหอมคอ ที่หลายคนก็ทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา มันจะอะไรกันนักกันหนา ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้ เขาคิดอย่างขุ่นเคือง ธมยืนกร่างในห้องปกครอง อย่างไม่กลัวใคร อาศัยว่าตัวโตกว่าวัย ทำให้รู้สึกถึงพลังมารเดือดพล่านในเลือด
อยากพักการเรียนเหลือเกิน จะได้มีเวลาส่วนตัวมาก ๆ
ดูยายสิ ไปอ่อนน้อมไหว้ปละหลก ๆ ขอโทษขอโพยกับครูห้องปกครอง ที่อายุคราวลูก น่าอายเหลือเกิน...หมดศักดิ์ศรีคนแก่ เสียชื่อเด็กชายธมจนต้องเบือนหน้าหนี ไม่ใส่ใจคำพูดของครูและคุณยายพร่ำบ่นเรื่องคุณงามความดี ไร้สาระสิ้นดีเด็กยุคนี้ต้องเกรียน แสบ เจ็บ ไม่ใช่หรือ
“เด็กไม่ได้อยู่กับพ่อแม่” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายในห้องปกครองที่เขารับรู้ หลังจากนั้นหัวใจพองโตด้วยความย่ามใจ ใช่แล้ว ข้าไม่มีพ่อแม่ดูแล ต้องอยู่กับยาย ข้าเลยได้โอกาสทำตัวมีปมด้อยมีปัญหา เพื่อที่จะหาเหตุผลอันชอบธรรมในการไม่เรียน จะได้ทำตัวแบบเด็กมีปัญหา ให้สะใจ ข้าไม่ผิด ทุกคนที่อยู่รอบข้างนั่นละผิด ธมผิวปากออกจากห้องปกครองอย่างสะใจ ไม่อยากคุยกับยายแก่ที่เดินตามมาพยายามปลอบใจ แบบโง่งมงายกับเรื่องบาปกรรม เอาไปเสวนากับหลวงพ่อที่วัดเถอะ
นึกถึงเพื่อนอีกคน เจ้าแว่นรองหัวหน้าชั้น หมอนี่ก็โคตรอัครบรมโง่ วัน ๆ เอาแต่ดูตำราท่องหนังสือ ไม่รู้ว่าสนุกตรงไหน ทั้งที่พ่อแม่ก็ลงนรกไปหมดแล้ว ไม่รู้มันจะขยันไปหาพระแสงอะไรตัวแค่นี้ ดูอย่างเขาสิ แค่พ่อแม่แยกทางกัน ยังไม่มีใครตาย ยังส่งพากันงเงินทองมาให้อีกต่างหาก เขายังโยงไปยังการเป็นเด็กเกเรได้
แล้วธมก็ได้พักการเรียนสมใจ เพื่อนร่วมก๊วนต่างพากันอิจฉาตาร้อนไปตามกัน ต่างแข่งกันทำผลงานเรื่องความเลวอย่างไม่ย่อท้อ ไม่ต้องสนใจอนาคต เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนให้เงินใช้จ่าย ไม่มีใครมีปัญหาชีวิตอย่างแท้จริงโตอย่างไรก้ยังดูเป็นเด็กในสายตาของพ่อแม่ เพียงแต่ทุกคนทำตัวให้มีปัญหาเข้าไว้เท่านั้น อีกหน่อยพวกนักสิทธิมนุษยชน ก็ออกโรงมาปกป้องเอง รวมทั้งพวกตำรวจ กฏหมาย ต่างคุ้มครองเขาและพรรคพวก เพราะอายุยังน้อย
หลังจากพักการเรียน ธมก็เหมือนปีศาจติดปีก มอเตอร์ไซด์ที่ยายซื้อให้กลายเป็นพาหนะคู่ใจ เพราะอยากให้หลานรักใช้เดินทางมาโรงเรียน ทั้งที่อายุไม่ถึงเกณฑำใบขับขี่ แต่ธมใช้ ซิ่งวิ่งราว เสริมความมั่นคงให้ชีวิต เขามีเพื่อนมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพื่อนนักเรียน รู้จักกันก็เพราะการผันตัวเองมาเป็นเด็กแว้น มากับเสียงแตกสนั่นซอยของรถแต่งซิ่ง ให้หนวกหูชาวบ้านเข้าไว้เป็นเท่ รู้ว่าไม่ได้เกิดผลดีกับตัวเอง แต่บรมสะใจ เวลาได้ทำอะไรให้ชาวบ้านเดือดร้อนเล่นเย็นใจ เสียงท่อไอเสียของมอเตอร์ไซด์แผดสนั่น ชวนให้อยากบิดคันเร่งให้หัวใจและสติกระเจิดกระเจิงสุดขอบนรก การวิ่งแข่งกันบนถนนหลวงกลายเป็นสิ่งโปรดปรานท้าทาย ธมถูกจัดเป็นมือวางอันดับหนึ่งของหมู่คณะ เพราะความใจถึง กล้าขับกล้าเสีย นี่ละชีวิตที่เขาต้องการ ยายเดินเข้าออกโรงพักเป็นว่าเล่นกับวีรเวรของหลานชาย
จากผู้เสพมาเป็นผู้ส่ง ธมเริ่มเป็นผู้แทนจำหน่าย เพราะมองเห็นช่องทางหารายได้มาเที่ยวมากินให้สะใจวัยโจ๋ ก็อาศัยมอเตอร์ไซด์ที่ยายซื้อให้นั่นละเป็นมือเป็นเท้าหากิน อาศัยความชำนาญในพื้นที่ทำให้หลบรอดการตรวจจับของตำรวจได้ทุกครั้ง
ธมเริ่มฝันไกลเพื่อไปให้ถึง อนาคตจะต้องเป็นสุดยอดแห่งปิรามิดห่วงโซ่อาหาร จะต้องเป็นยอดนักค้ายาค้าของเถื่อนค้าทุกอย่างที่ผิดกฏหมาย เป็นพ่อของพ่อของพ่อแห่งวงการมืดดำ
“เฮ้ย ธม มีงานให้ทำ” เสียงเรียกของเจ้าทอง เพื่อนรุ่นพี่คู่หู ปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ขณะที่กำลังนั่งเสพยาอยู่ร้านเหล้าในตรอกแหล่งประจำในเวลาโพล้เพล้ ที่เป็นจุดรับงานรองานของผู้จ้างวาน เพื่อนของเขาเดินคอเอียงเซพองาม หมายถึงกำลังได้ที่ เห็นหน้าเจ้าทองก็คือเห็นเงิน เพราะเป็นตัวกลางติดต่องาน
“วันนี้ไปส่งของกลางสภา เงินดีนะโว้ย” เจ้าทองบอกหน้าระรื่น แค่ธมฟังแล้วสะดุ้ง ร้องเสียงลั่น
“จะบ้าเหรอพี่ทอง ระยะนี้เขาไม่ได้ประชุมสภา อย่าทะลึ่ง เดี๋ยวปลิว มีงานอะไรก็ว่ามา”
“ไม่ใช่สภาผู้แทนราษฏร สภากาแฟของลุงบุญมีเจ้าเก่า แกขับ ฉันส่ง โอเค”
มันก็ต้องโอเคอยู่แล้ว ก็เงินที่ได้จากการ ‘ซิ่งราว’ หลายวันก่อนกำลังจะหมด ธมนึกถึงเหยื่อรายสุดท้าย หล่อนเป็นนักศึกษา สะพายกระเป๋าเดินตามทางเดินเท้าข้างมหาวิทยาลัยดัง ผู้คนก็พลุกพล่าน แต่ธมไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหา ใช้เวลาเล็กน้อยในการลงจากรถอย่างสง่างาม แย่งกระชากกระเป๋าสะพายไหล่ของเหยื่อ โง่นัก อยากเกิดมาเป็นผู้หญิง นั่นเป็นความรู้สึกนึกคิดของเขา มันก็ต้องเจอแบบนี้ละ เธอคนนั้นตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่พอธมดึงปืนปลอมออกมาจากเอว พลเมืองดีก็ชะงัก ไม่เห็นมีใครทำแบบพระเอกหนังเข้ามาช่วยเหลือสักคน เปิดโอกาสให้เขาเผ่นขึ้นพาหนะ ขับหนีอย่างรวดเร็ว ง่ายเหลือเกินกับการหาเงิน ไม่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำแบบกรรมกรแบกหามใช้แรงงานให้เสียสุขภาพ
เขากับทองออกเดินทางไปรับสินค้าจากคนส่งของ รอยต่อของกลางวันกลางคืน เป็นช่วงเวลาพิเศษ เหมาะสมกับการทำงาน ฤกษ์ดีของธม จุดรับสินค้าอยู่ในซอยเล็กค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีกล้องวงจรปิดให้เสียอารมณ์ คนส่งของเป็นชายวัยกลางคน ผอมสูงสีหน้าท่าทางซ่อนเล่ห์เหลี่ยมมองแล้วนึกถึงสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในการ์ตูน แต่ธมไม่ใส่ใจว่าหน้าคนส่งของจะเหมือนหน้าหมาหรือหน้าคน ที่สำคัญคือเงินต่างหาก
“เงิน...” ธมพูดพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่าย ขณะที่รับสินค้า แต่ครั้งนี้ไม่มีซองบรรจุเงินมาให้อย่างที่เคย
“ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี” ชายร่างผอมบอกด้วยใบหน้าเฉยเมย “ตำรวจเหมือนได้กลิ่นพวกเรา สงสัยมีหนอนบ่อนไส้ นายใหญ่เลยเปลี่ยนกฏใหม่ จ่ายเมื่อจบงานในวันพรุ่งนี้”
“ไรวะ...” ธมสบถอย่างเสียความรู้สึก เขากับเพื่อนควรจะได้เงินใช้จ่ายขณะปฏิบัติงาน จะมาให้รอทำไม รู้ว่านายใหญ่ไม่โกง แต่ความอยากใช้เงินมันทำให้รู้สึกไม่ดีกับงานครั้งนี้
ชายร่างผอมไม่พูดอะไรอีก หน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เดินดุ่มหายลับไปในความสลัวของสนธยาของซอยเปลี่ยว
“รอหน่อยก็ไม่เป็นไร” เสียงของทองบอกมาจากด้านหลังขณะรับสินค้าไปตรวจดูตามความเคยชิน “เดี๋ยวพวกเราไป ซิ่งราว เอาข้างหน้า แก้ขัดไปก่อน”
ธมไม่มีทางเลือก เด็กชายบึ่งรถไปยังเป้าหมายทันทีสภากาแฟอยู่ในอีกเขต ระยะห่างประมาณยี่สิบกว่ากิโลกับการลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย เวลามีปัญหาจะได้อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนี วูบนั้นเขาคิดถึงคำพูดของยายที่บอกให้กลับบ้านไปทานเข้าที่บ้าน เมื่อห้าวันที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กลับบ้านอีก เพราะลางสังหรณ์บอกว่า เริ่มไม่ปลอดภัยจากตำรวจ
มีจ่าแก่ ๆ คนหนึ่งที่ทำให้ธมรู้สึกกลัวแบบไม่มีสาเหตุ จ่าคนนั้นเดินมาหน้าห้องขังขณะรอยายมาประกัน ร่างสูงใหญ่แข็งแรงผิดวัยทำให้รู้สึกประหวั่นเป็นครั้งแรกกับพวกตำรวจ
“อย่าให้ฉันเจอหน้าแกอีก ไม่งั้นฉันจะเชือดแกให้ตาย ได้เด็กนรก” คำพูดจริงจัง แววตาดุเดือด ทำให้ถึงกับพูดไม่ออก ตำรวจคนนี้มาแปลก ต่างจากคนอื่น รู้สึกเหมือนเจอของจริงเข้าให้แล้ว
ขณะขับรถคู่ใจออกมาได้สักครู่ ก็มีจักรยานยนต์สีขาวคันเล็กวิ่งตามหลังมาและเริ่มแซงทางขวามือขึ้นไป ทั้งที่สภาพถนนในซอยไม่เอื้อให้ใช้ความเร็วเพราะเต็มไปด้วยทางแยก เกิดมีรถสักคนโผล่ออกมากะทันหัน คงเป็นเรื่องขัดขวางการส่งของเป็นแน่แท้ แล้วไอ้บ้าที่ไหนเร่งความเร็วแซงในเส้นทางแบบนี้
.
สนธยามาเยือน
.
เสียงประกาศตามสาย สนั่นไปทั่วตึก ช่วงเปลี่ยนคาบเรียน ทำให้ ‘ธม’ เด็กชายวัยมัธยมศึกษาที่สาม มีสีหน้าเซ็งจิตชีวิตสุดหน่ายทันที เมื่อได้ยินชื่อของเขาให้ไปรายงานตัวห้องปกครอง เพื่อนร่วมก๊วนในห้องพากันส่งเสียง เฮ ไม่รู้ว่าเฮทำไม แต่ที่รู้คือ ทุกครั้งที่มีใครในกลุ่มถูก ‘เชิญ’ ไปห้องปกครอง ในความรู้สึกของเพื่อนร่วมก๊วน ไม่ต่างจากการไปรับเหรียญกล้าหาญจากผลงานสร้างวีรกรรมปานทหารกล้าผ่านศึก
ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเรื่องอะไร ผู้ปกครองที่รออยู่ในห้องปกครองเพื่อลงนามรับรู้พฤติกรรมของเขา ก็เป็นไม่ได้มากกว่ายายแก่ ๆ อายุเกือบปั้นปลายชีวิตคนหนึ่ง เท่านั้น - เท่านั้นเอง... และหญิงชราก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่า เป็นแม่ของแม่ ที่งุ่มง่าม แต่งตัวเชย มาโรงเรียนทีไรก็ให้รู้สึกอับอายขายหน้าทุกครั้ง
ไม่เหมือนผู้ปกครองของยอดชาย เพื่อนร่วมก๊วน พ่อของเขาแต่งชุดทำงานตำแหน่งใหญ่โตมาเต็มยศ เสียงดังวางอำนาจ มีสง่าราศรี จนคุณครูหลายคนต้องเกรงใจ ต่อให้ยอดชายทำผิดร้ายแรงขนาดไหนโทษก็จะเข้าโครงการหารสี่ ไม่เหมือนเด็กชายธม ที่ถูกทำทัณฑ์บนไม่รู้กี่ครั้ง แต่ทางโรงเรียนก็ยังไม่เชิญออก เพราะหาโรงเรียนใหม่ให้ไม่ได้
ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางวงการศึกษา ที่รู้แจ้งเห็นจริงว่า เด็กนักเรียนต่อให้ทำผิดอย่างไร ทางโรงเรียนก็ต้องปกป้อง เพราะกลัวเสียชื่อ อย่างดีก็พักการเรียน สบายไป ไม่ต้องมาเรียน สอบตกถึงเวลาก็มาขอซ่อม ครูก็ปล่อยให้ผ่านเอง เพราะถ้าให้ผู้เรียนไม่ผ่าน ครูนั่นละจะเป็นฝ่ายผิดในสายตาของฝ่ายบริหาร ข้อหาสอนไม่ดี ผิดในสายตาผู้ปกครองที่สอนลูกเขาไม่ดี อบรมเด็กให้ดีไม่ได้ ลดขั้นหักเงินเดือนมันเสียเลย สมน้ำหน้าครู
ธม ไม่ได้โง่ พอที่จะไม่รับรู้สิ่งเหล่านี้ เขาจึงไม่ค่อยกลัวอะไร ไม้เรียวก็ไม่มีแล้วยุคนี้ มีคนมองว่ามันป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม ทารุณจิตใจร่างกาย แต่ที่เขาไม่พอใจ ก็คือคุณยายเชย ๆ นี่เอง
“มาทำไม” เขาพูดเสียงห้วนโหดใส่หน้าคุณยาย ใส่ทั้งหน้าและหัวใจ ให้มันรู้กันไปว่าธมคนนี้ไม่สนใจยายแสนเชย จอมจุ้นจ้านกับชีวิตคนอื่น มาก็มาแบบยายเพิ้งเฉิ่ม
“ทางโรงเรียนเขาเชิญมานะลูก” คุณยายตอบเสียงแบบฟังก็รู้ว่าเอาใจหลานชายเต็มที่ ไม่ได้ดุด่าออกอาการอะไร แต่กลับทำให้ธมหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก เขาไม่ใช่ลูกยายสักหน่อย
ก็แค่โดดเรียนสิบสองครั้งในรอบหนึ่งเดือน ออกไปซิ่งมอเตอร์ไซด์มีเรื่องชกต่อยกับคู่อริต่างสถาบันหกครั้ง ไม่นับการสูบบุหรี่บูรณาการกับยาบ้าพอหอมปากหอมคอ ที่หลายคนก็ทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดา มันจะอะไรกันนักกันหนา ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้ เขาคิดอย่างขุ่นเคือง ธมยืนกร่างในห้องปกครอง อย่างไม่กลัวใคร อาศัยว่าตัวโตกว่าวัย ทำให้รู้สึกถึงพลังมารเดือดพล่านในเลือด
อยากพักการเรียนเหลือเกิน จะได้มีเวลาส่วนตัวมาก ๆ
ดูยายสิ ไปอ่อนน้อมไหว้ปละหลก ๆ ขอโทษขอโพยกับครูห้องปกครอง ที่อายุคราวลูก น่าอายเหลือเกิน...หมดศักดิ์ศรีคนแก่ เสียชื่อเด็กชายธมจนต้องเบือนหน้าหนี ไม่ใส่ใจคำพูดของครูและคุณยายพร่ำบ่นเรื่องคุณงามความดี ไร้สาระสิ้นดีเด็กยุคนี้ต้องเกรียน แสบ เจ็บ ไม่ใช่หรือ
“เด็กไม่ได้อยู่กับพ่อแม่” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายในห้องปกครองที่เขารับรู้ หลังจากนั้นหัวใจพองโตด้วยความย่ามใจ ใช่แล้ว ข้าไม่มีพ่อแม่ดูแล ต้องอยู่กับยาย ข้าเลยได้โอกาสทำตัวมีปมด้อยมีปัญหา เพื่อที่จะหาเหตุผลอันชอบธรรมในการไม่เรียน จะได้ทำตัวแบบเด็กมีปัญหา ให้สะใจ ข้าไม่ผิด ทุกคนที่อยู่รอบข้างนั่นละผิด ธมผิวปากออกจากห้องปกครองอย่างสะใจ ไม่อยากคุยกับยายแก่ที่เดินตามมาพยายามปลอบใจ แบบโง่งมงายกับเรื่องบาปกรรม เอาไปเสวนากับหลวงพ่อที่วัดเถอะ
นึกถึงเพื่อนอีกคน เจ้าแว่นรองหัวหน้าชั้น หมอนี่ก็โคตรอัครบรมโง่ วัน ๆ เอาแต่ดูตำราท่องหนังสือ ไม่รู้ว่าสนุกตรงไหน ทั้งที่พ่อแม่ก็ลงนรกไปหมดแล้ว ไม่รู้มันจะขยันไปหาพระแสงอะไรตัวแค่นี้ ดูอย่างเขาสิ แค่พ่อแม่แยกทางกัน ยังไม่มีใครตาย ยังส่งพากันงเงินทองมาให้อีกต่างหาก เขายังโยงไปยังการเป็นเด็กเกเรได้
แล้วธมก็ได้พักการเรียนสมใจ เพื่อนร่วมก๊วนต่างพากันอิจฉาตาร้อนไปตามกัน ต่างแข่งกันทำผลงานเรื่องความเลวอย่างไม่ย่อท้อ ไม่ต้องสนใจอนาคต เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนให้เงินใช้จ่าย ไม่มีใครมีปัญหาชีวิตอย่างแท้จริงโตอย่างไรก้ยังดูเป็นเด็กในสายตาของพ่อแม่ เพียงแต่ทุกคนทำตัวให้มีปัญหาเข้าไว้เท่านั้น อีกหน่อยพวกนักสิทธิมนุษยชน ก็ออกโรงมาปกป้องเอง รวมทั้งพวกตำรวจ กฏหมาย ต่างคุ้มครองเขาและพรรคพวก เพราะอายุยังน้อย
หลังจากพักการเรียน ธมก็เหมือนปีศาจติดปีก มอเตอร์ไซด์ที่ยายซื้อให้กลายเป็นพาหนะคู่ใจ เพราะอยากให้หลานรักใช้เดินทางมาโรงเรียน ทั้งที่อายุไม่ถึงเกณฑำใบขับขี่ แต่ธมใช้ ซิ่งวิ่งราว เสริมความมั่นคงให้ชีวิต เขามีเพื่อนมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพื่อนนักเรียน รู้จักกันก็เพราะการผันตัวเองมาเป็นเด็กแว้น มากับเสียงแตกสนั่นซอยของรถแต่งซิ่ง ให้หนวกหูชาวบ้านเข้าไว้เป็นเท่ รู้ว่าไม่ได้เกิดผลดีกับตัวเอง แต่บรมสะใจ เวลาได้ทำอะไรให้ชาวบ้านเดือดร้อนเล่นเย็นใจ เสียงท่อไอเสียของมอเตอร์ไซด์แผดสนั่น ชวนให้อยากบิดคันเร่งให้หัวใจและสติกระเจิดกระเจิงสุดขอบนรก การวิ่งแข่งกันบนถนนหลวงกลายเป็นสิ่งโปรดปรานท้าทาย ธมถูกจัดเป็นมือวางอันดับหนึ่งของหมู่คณะ เพราะความใจถึง กล้าขับกล้าเสีย นี่ละชีวิตที่เขาต้องการ ยายเดินเข้าออกโรงพักเป็นว่าเล่นกับวีรเวรของหลานชาย
จากผู้เสพมาเป็นผู้ส่ง ธมเริ่มเป็นผู้แทนจำหน่าย เพราะมองเห็นช่องทางหารายได้มาเที่ยวมากินให้สะใจวัยโจ๋ ก็อาศัยมอเตอร์ไซด์ที่ยายซื้อให้นั่นละเป็นมือเป็นเท้าหากิน อาศัยความชำนาญในพื้นที่ทำให้หลบรอดการตรวจจับของตำรวจได้ทุกครั้ง
ธมเริ่มฝันไกลเพื่อไปให้ถึง อนาคตจะต้องเป็นสุดยอดแห่งปิรามิดห่วงโซ่อาหาร จะต้องเป็นยอดนักค้ายาค้าของเถื่อนค้าทุกอย่างที่ผิดกฏหมาย เป็นพ่อของพ่อของพ่อแห่งวงการมืดดำ
“เฮ้ย ธม มีงานให้ทำ” เสียงเรียกของเจ้าทอง เพื่อนรุ่นพี่คู่หู ปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ขณะที่กำลังนั่งเสพยาอยู่ร้านเหล้าในตรอกแหล่งประจำในเวลาโพล้เพล้ ที่เป็นจุดรับงานรองานของผู้จ้างวาน เพื่อนของเขาเดินคอเอียงเซพองาม หมายถึงกำลังได้ที่ เห็นหน้าเจ้าทองก็คือเห็นเงิน เพราะเป็นตัวกลางติดต่องาน
“วันนี้ไปส่งของกลางสภา เงินดีนะโว้ย” เจ้าทองบอกหน้าระรื่น แค่ธมฟังแล้วสะดุ้ง ร้องเสียงลั่น
“จะบ้าเหรอพี่ทอง ระยะนี้เขาไม่ได้ประชุมสภา อย่าทะลึ่ง เดี๋ยวปลิว มีงานอะไรก็ว่ามา”
“ไม่ใช่สภาผู้แทนราษฏร สภากาแฟของลุงบุญมีเจ้าเก่า แกขับ ฉันส่ง โอเค”
มันก็ต้องโอเคอยู่แล้ว ก็เงินที่ได้จากการ ‘ซิ่งราว’ หลายวันก่อนกำลังจะหมด ธมนึกถึงเหยื่อรายสุดท้าย หล่อนเป็นนักศึกษา สะพายกระเป๋าเดินตามทางเดินเท้าข้างมหาวิทยาลัยดัง ผู้คนก็พลุกพล่าน แต่ธมไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหา ใช้เวลาเล็กน้อยในการลงจากรถอย่างสง่างาม แย่งกระชากกระเป๋าสะพายไหล่ของเหยื่อ โง่นัก อยากเกิดมาเป็นผู้หญิง นั่นเป็นความรู้สึกนึกคิดของเขา มันก็ต้องเจอแบบนี้ละ เธอคนนั้นตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่พอธมดึงปืนปลอมออกมาจากเอว พลเมืองดีก็ชะงัก ไม่เห็นมีใครทำแบบพระเอกหนังเข้ามาช่วยเหลือสักคน เปิดโอกาสให้เขาเผ่นขึ้นพาหนะ ขับหนีอย่างรวดเร็ว ง่ายเหลือเกินกับการหาเงิน ไม่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำแบบกรรมกรแบกหามใช้แรงงานให้เสียสุขภาพ
เขากับทองออกเดินทางไปรับสินค้าจากคนส่งของ รอยต่อของกลางวันกลางคืน เป็นช่วงเวลาพิเศษ เหมาะสมกับการทำงาน ฤกษ์ดีของธม จุดรับสินค้าอยู่ในซอยเล็กค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีกล้องวงจรปิดให้เสียอารมณ์ คนส่งของเป็นชายวัยกลางคน ผอมสูงสีหน้าท่าทางซ่อนเล่ห์เหลี่ยมมองแล้วนึกถึงสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในการ์ตูน แต่ธมไม่ใส่ใจว่าหน้าคนส่งของจะเหมือนหน้าหมาหรือหน้าคน ที่สำคัญคือเงินต่างหาก
“เงิน...” ธมพูดพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่าย ขณะที่รับสินค้า แต่ครั้งนี้ไม่มีซองบรรจุเงินมาให้อย่างที่เคย
“ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี” ชายร่างผอมบอกด้วยใบหน้าเฉยเมย “ตำรวจเหมือนได้กลิ่นพวกเรา สงสัยมีหนอนบ่อนไส้ นายใหญ่เลยเปลี่ยนกฏใหม่ จ่ายเมื่อจบงานในวันพรุ่งนี้”
“ไรวะ...” ธมสบถอย่างเสียความรู้สึก เขากับเพื่อนควรจะได้เงินใช้จ่ายขณะปฏิบัติงาน จะมาให้รอทำไม รู้ว่านายใหญ่ไม่โกง แต่ความอยากใช้เงินมันทำให้รู้สึกไม่ดีกับงานครั้งนี้
ชายร่างผอมไม่พูดอะไรอีก หน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นแล้ว เดินดุ่มหายลับไปในความสลัวของสนธยาของซอยเปลี่ยว
“รอหน่อยก็ไม่เป็นไร” เสียงของทองบอกมาจากด้านหลังขณะรับสินค้าไปตรวจดูตามความเคยชิน “เดี๋ยวพวกเราไป ซิ่งราว เอาข้างหน้า แก้ขัดไปก่อน”
ธมไม่มีทางเลือก เด็กชายบึ่งรถไปยังเป้าหมายทันทีสภากาแฟอยู่ในอีกเขต ระยะห่างประมาณยี่สิบกว่ากิโลกับการลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย เวลามีปัญหาจะได้อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนี วูบนั้นเขาคิดถึงคำพูดของยายที่บอกให้กลับบ้านไปทานเข้าที่บ้าน เมื่อห้าวันที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กลับบ้านอีก เพราะลางสังหรณ์บอกว่า เริ่มไม่ปลอดภัยจากตำรวจ
มีจ่าแก่ ๆ คนหนึ่งที่ทำให้ธมรู้สึกกลัวแบบไม่มีสาเหตุ จ่าคนนั้นเดินมาหน้าห้องขังขณะรอยายมาประกัน ร่างสูงใหญ่แข็งแรงผิดวัยทำให้รู้สึกประหวั่นเป็นครั้งแรกกับพวกตำรวจ
“อย่าให้ฉันเจอหน้าแกอีก ไม่งั้นฉันจะเชือดแกให้ตาย ได้เด็กนรก” คำพูดจริงจัง แววตาดุเดือด ทำให้ถึงกับพูดไม่ออก ตำรวจคนนี้มาแปลก ต่างจากคนอื่น รู้สึกเหมือนเจอของจริงเข้าให้แล้ว
ขณะขับรถคู่ใจออกมาได้สักครู่ ก็มีจักรยานยนต์สีขาวคันเล็กวิ่งตามหลังมาและเริ่มแซงทางขวามือขึ้นไป ทั้งที่สภาพถนนในซอยไม่เอื้อให้ใช้ความเร็วเพราะเต็มไปด้วยทางแยก เกิดมีรถสักคนโผล่ออกมากะทันหัน คงเป็นเรื่องขัดขวางการส่งของเป็นแน่แท้ แล้วไอ้บ้าที่ไหนเร่งความเร็วแซงในเส้นทางแบบนี้
.