GoC32 Side Story “Pirates of the PlayStation” Part 2

Mod Chip นั้นเริ่มมีการพูดถึงและติดตั้งใช้งานในช่วงต้นปี 1996 บางแหล่งข้อมูลเล่าไว้ว่า Mod Chip นั้นถูกพบครั้งแรกที่ฮ่องกง บ้างก็ว่าเกิดจากฝีมือของวิศวกรชาวตะวันตกที่ไปทำงานในบริษัทของจีนแห่งหนึ่ง จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีใครทราบถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงว่าใครเป็นผู้สร้าง
 
ในตอนแรกตัว Mod Chip นั้นเป็นการนำชิป microcontroller รหัส PIC16C54 ที่มีการใส่โปรแกรมที่เขียนเป็นพิเศษลงไปมาใช้ โดยจะทำการติดตั้งลงไปในขา IC และแผงวงจรที่เป็นเส้นทางการส่งข้อมูลจากการอ่าน wobble groove(ร่องคลื่น) โดยชิปจะส่งข้อมูล Region หรือ Zone ป้อนให้แก่ระบบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องเมื่อได้รับข้อมูลจาก Mod Chip ก็จะเข้าใจว่านี่เป็นแผ่นเกมถูกลิขสิทธิ์และตรง Zone จากนั้นก็จะเริ่มโหลดข้อมูลเกมให้เล่น
 
วิธีนี้แก้ไขข้อเสียของวิธี Magic Swap ทั้งความยุ่งยาก, ความไม่แน่นอนในการโหลดเกมและความเสียหายต่อมอเตอร์หมุนแผ่นได้อย่างเด็ดขาดแต่ก็มาพร้อมข้อเสียในอีกมุมหนึ่งคือการติดตั้ง Mod Chip จำเป็นต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญและชิปนั้น “ราคาแพงมาก” ในช่วงปี 1996-1997 ที่ชิปพึ่งออกนั้น Mod Chip มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 80 USD หากรวมค่าติดตั้งแล้วคาดว่าราคาน่าจะประมาณ 1 ใน 3 ของราคาเครื่อง ps เลยทีเดียว
 

 
เมื่อ Mod Chip เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยืนยันว่าได้ผล จึงมีการซื้อ Mod Chip เพื่อนำไปวิศวกรรมย้อนกลับ ศึกษาการทำงานและสร้าง Mod Chip ของตนเอง ซึ่งทำให้ Mod Chip ที่ขายในตลาดมีหลากหลายเจ้ามากขึ้นและทำให้ราคาของชิปเริ่มถูกลง
 
นอกจากจุดประสงค์เพื่อการศึกษาแล้ว สิ่งที่ผู้เขียนคิดคือ ตอนนั้น ps เป็นเครื่องเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดและมีความต้องการที่จะติดตั้ง Mod Chip จำนวนมากแม้ว่าจะราคาแพงก็ตาม หากใครสามารถดัดแปลงเครื่องหรือสร้าง Mod Chip ได้ก็จะสามารถคว้าโอกาสทำเงินอย่างเป็นกอบเป็นกำได้
 
ทาง Sony เองก็รู้ถึงการมาของ Mod Chip จึงดำเนินมาตรการตอบโต้โดยโจมตีไปที่ต้นน้ำโดยตรงด้วยการไล่ตามฟ้องให้ยุติการทำธุรกิจ ในตอนนั้นผู้ผลิต, นำเข้าและจำหน่ายรวมถึงผู้ให้บริการติดตั้งมีเพียงไม่กี่รายจึงทำให้วิธีนี้ได้ผลชะงัด
แต่ที่สำคัญคือ ไม่มีใครอยากไปมีเรื่องกับบริษัทยักษ์ใหญ่พร้อมทีมทนายครบมืออย่าง Sony
 

 
จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของ Mod Chip คือการมาของอีกาเฒ่า (The Old Crow) ในปี 1997
ความจริงแล้วหัวใจของ Mod Chip นั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวชิปเพราะ PIC16C54 นั้นเป็น microcontroller ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในราคาที่ถูกมาก (ราคาปัจจุบันอยู่ที่ตัวละร้อยกว่าบาท) แต่อยู่ที่โปรแกรมที่ถูกใส่ลงไปในชิป
 
The Old Crow นั้นเป็นชื่อผู้ใช้งาน internet คนหนึ่งที่ศึกษาและวิศวกรรมย้อนกลับ Mod Chip ของ ps เพื่อเลียนแบบสร้าง โปรแกรม Mod Chip ขึ้นมาให้ได้ด้วยตนเอง แต่แทนที่จะเก็บข้อมูลไว้คนเดียว The Old Crow กลับอัพโหลดโปรแกรมขึ้น internet ให้ผู้ใช้นำโปรแกรมไปติดตั้งสร้าง Mod Chip กันเอาเองได้ ยิ่งไปกว่านั้น Source Code ยังถูกอัพโหลดขึ้นมาด้วยเช่นกัน เปิดโอกาสให้ใครก็ได้สามารถศึกษา, ปรับปรุงแก้ไข, ดัดแปลงโปรแกรมได้โดยสะดวก ทำให้ Mod chip นี้ถูกเรียกว่า The Old Crow ตามชื่อของผู้สร้าง
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ The Old Crow  นั้นอนุญาติให้สามารถใช้งานโปรแกรมดังกล่าวได้ “โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
 
บางแหล่งข้อมูลก็เล่าว่าเป็นฝีมือของหนึ่งในผู้ผลิต Mod Chip ที่ Sony ไปฟ้องปิดกิจการเลยเอาคืนโดยการปล่อยโค้ดโปรแกรมลง internet ซึ่งไม่ค่อยมีหลักหลักฐานรองรับเท่าไหร่นัก ไม่เหมือน The Old Crow ที่ยังคงมีการเก็บโพสของเค้าไว้เป็นหลักฐานอย่างดี
 
ผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านโพสของ The Old Crow ได้ที่ Link ข้างล่าง
https://web.archive.org/web/20010416233917/http://chip.aeug.org/why.html
 

 
นี่ทำให้ Source Code โปรแกรมการทำงานของ Mod Chip นอกจากจะกระจายไปทั่วโลกแล้วยังทำให้เกิดการปรับปรุงดัดแปลงโค้ดเป็นเวอร์ชั่นต่าง ๆ มากมายโดยการปรับปรุงที่สำคัญมากคือการแปลงโปรแกรมเพื่อติดตั้งใช้งานในชิปเลขรหัส PIC12C508 ที่ราคาถูกกว่า PIC16C54 หรือชิปรุ่นดั่งเดิมถึง 50% เลยทีเดียว
 
ต่อมาจึงมีผู้จำหน่าย Mod Chip หน้าใหม่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดสวนทางกับราคา Mod Chip ที่พุ่งลงเหวเพราะตอนนี้ใคร ๆ ก็สร้าง Mod Chip ได้เองแล้วขอเพียงมีคอมพิวเตอร์และเครื่องเขียนโปรแกรมลงชิปที่ราคาไม่กี่บาทและเหล่าผู้เล่นก็สามารถเอาเครื่อง ps ไปติดตั้ง Mod Chip ได้สะดวกขึ้นเพราะผู้ให้บริการติดตั้งนั้นหาได้ง่ายและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ราคาค่าติดตั้งถูกลงอย่างมากจากการแข่งขัน ทำให้การติดตั้ง Mod Chip ยิ่งแพร่หลายและเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้เล่นไม่ว่าจะเพื่อเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์หรือเล่นเกมที่ไม่มีจำหน่ายใน Zone ที่ตนเองอยู่ก็ตาม
 

 
ทาง Sony ที่ Oh Shit กับสิ่งนี้ได้พยายามที่จะแก้ปัญหา Mod Chip ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่นการผลิต ps โมเดล SCPH-5903 ที่มีการติดตั้งชิปตรวจสอบเกมละเมิดลิขสิทธิ์เสริมพิเศษสำหรับวางขายในตลาดเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นโซนที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์เกมสูงเป็นพิเศษโดยเฉพาะ (ไทยเองก็อยู่ในตลาดเอเซียตะวันออกเฉียงใต้) ซึ่งดูเหมือนจะได้ก็ผลอยู่ จำได้ว่าช่วงหนึ่งผู้เขียนได้ยินการพูดคุยในร้านเกมว่าให้ระวังในการเลือกซื้อเครื่องเพราะมีโมเดลหนึ่งที่แปลงเครื่องไม่ได้
 
โดยทั่วไปแล้ว Sony ใช้วิธีคล้าย ๆ กับ Nintendo ในการรับมือเกมละเมิดลิขสิทธิ์ นั้นคือให้ผู้สร้างเกมติดตั้งชุดคำสั่งเพื่อตรวจสอบ Mod Chip โดยอาศัยว่า Mod Chip นั้นจะมีการส่งข้อมูล Region หรือ Zone ของเกมออกมาตลอดเวลา ดังนั้นหากยังไม่ถึงขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้วมีการข้อมูลส่งเข้ามา หรือ เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วยังพบว่ายังมีการส่งข้อมูลดังกล่าวออกมาอีกอย่างต่อเนื่องก็อนุมานได้ว่าเครื่องนี้มีการดัดแปลงติดตั้ง Mod Chip โปรแกรมก็จะทำการล๊อกเครื่องไม่ให้ทำงาน
 

 
ทั้งสองวิธีนั้นได้ผล 

อยู่พักเดียว

Sony นั้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีโปรแกรมเมอร์และวิศกรระดับยอดฝีมืออยู่ในองค์กรมากมายก็จริงแต่ในกรณี Mod Chip ของ The Old Crow นั้นทำให้ Sony อยู่ในสภาพที่โดนโปรแกรมเมอร์, วิศกร, ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ จากทั้งโลกตั้งแต่มือสมัครเล่นจนถึงระดับเสือสุ่มมังกรซ่อนรุมสกรัม 
 
เพียงเวลาไม่นานก็มีการปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมของ Mod Chip ให้สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้สำเร็จด้วยวิธีง่าย ๆ คือเขียนโปรแกรมไม่ให้ชิปส่งข้อมูลทันทีเมื่อเปิดเครื่องแต่จะส่งข้อมูลเมื่อถึงขั้นตอนการตรวจสอบ wobble groove และจะปิดการทำงานของตนเองพ้นขั้นตอนดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งต่อมามีการเรียกชิปที่ทำงานแบบนี้ว่า stealth mod chip หรือในชื่อไทยคือ “ชิปล่องหน”  
 
สำหรับ Sony นี่คือ “Chipหาย”
 
เทคนิคหลบเลี่ยงการตรวจจับนี้และคาดว่ารวมถึง Source Code ที่ถูกปรับปรุงแล้วด้วย ถูกแพร่กระจายไปทั่ว internet มีผลให้ Mod Chip รุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าที่นำไปอัพเดทโปรแกรมแล้วจะไม่ถูกตรวจจับและทำให้ ps สามารถเล่นเกมละเมิดลิขสิทธิ์หรือข้ามโซนได้อีกครั้ง
 
และที่แย่ไปกว่านั้นคือ CD Writer ในช่วงเวลานั้นเป็นที่แพร่หลายและมีราคาที่ถูกพอที่จะซื้อมาใช้งานตามบ้านได้แล้ว ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กับสมัย Super Nintendo ที่ผู้เล่นมีการก็อปปี้เกมเพื่อแลกเปลี่ยนและแจกจ่ายกันในกลุ่มของตน ธุรกิจร้านเช่าเกมก็ซบเซาเพราะผู้เล่นเช่าเกมไปก๊อปปี้แล้วแจกจ่ายกันเอง ทำให้เกมใหม่ ๆ ไม่นานก็แทบไม่มีใครเช่าอีก
 

 
ต่อมาในช่วงปลายปี 1998 Sony ก็ได้นำวิธีการใหม่สำหรับต่อต้านเกมละเมิดลิขสิทธิ์มาใช้งาน โดยเกมแรกที่ใช้วิธีนี้คือ MediEvil ที่พัฒนาโดยสตูดิโอลูกของทาง Sony Computer Entertainment เอง เกมออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 1998 วิธีนี้ถูกเรียกว่า “libcrypt”
 
วิธีการคือ Sony จะใส่ข้อมูลรหัสขนาด 16bit ไว้ในส่วนที่เรียกว่า Sub channel data หรือในอีกชื่อว่า Subcode ซึ่งแผ่นเกมนั้นไม่ได้ใช้งานในพื้นที่ส่วนนี้และ CD Writer ตามท้องตลาดไม่สามารถเขียนข้อมูลในส่วนนี้ได้ เมื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบ Mod Chip แล้วระบบก็จะอ่านข้อมูลจาก Sub channel มาถอนรหัสเพื่อตรวจสอบ หากระบบไม่พบข้อมูลหรือข้อมูลที่ได้รับไม่ถูกต้องก็จะถือว่าเครื่องนี้มีการดัดแปลงจากนั้นก็จะล๊อกการทำงานของเครื่องไป

และเพื่อให้แน่ใจว่าวิธีการป้องกันนี้จะมีประสิทธิภาพเพียงพอ Sony จึงเตรียมกระบวนการเข้าและถอดรหัสไว้ถึง 4 แบบเพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกถอดรหัสได้ง่ายๆ
 

 
ผลที่ออกมาคือ “libcrypt” สิ้นฤทธิ์ภายในเวลาไม่นาน บางแหล่งข้อมูลบอกว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน เพราะ CD Writer ตามท้องตลาดแม้จะไม่สามารถเขียนข้อมูลในส่วน Sub channel data ได้แต่ CD Driver ทั่วไปยังสามารถอ่านข้อมูลจากส่วนนี้และก๊อปปี้ข้อมูลรหัสออกมาได้ จากนั้นก็ใช้วิธีแก้ไขดัดแปลงข้อมูลเกมหรือที่เรียกกันว่า Patch เพื่อให้โปรแกรมตรวจสอบข้อมูล Sub channel ไปอ่านข้อมูลรหัสจากไฟล์ที่อยู่ใน CD แทนซึ่งทำให้สามารถผ่านระบบป้องกันได้โดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับการถอดรหัสเลย
 
ซึ่งการ Patch เกมนั้นทำได้ง่ายมากเพราะไฟล์ข้อมูลเกมของ ps นั้นไม่มีการเข้ารหัสไว้ ทำให้สามารถเปิดอ่าน, ลบ, แก้ไขไฟล์เกมได้ด้วยคอมพิวเตอร์โดยตรง
 
แถมยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด internet เริ่มมีความเร็วที่สูงพอที่จะโหลดไฟล์ CD Image ของเกม ps ได้แล้ว ถึงจะใช้เวลาโหลดหลักชั่วโมงอยู่แต่ก็ถือว่ารับได้ ทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์เกมบน internet เป็นจำนวนมากและกระจายวงกว้างไปทั่วทั้งโลก โชคดีเดียวของ Sony คือ BitTorrent กว่าจะเกิดก็ล่วงเข้าปี 2000s ซึ่ง ps นั้นทยอยถูกแทนด้วยเครื่องรุ่นใหม่แล้ว
 
ส่วนทางผู้พัฒนาเกมเองก็มองว่าการติดตั้งและเขียนโปรแกรมเพื่อตรวจจับการละเมิดฯนั้นกลายเป็นว่าไปเพิ่มภาระในการพัฒนาเกมของบริษัทเองโดยไม่ได้ผลตอบรับอย่างเหมาะสม สุดท้ายเกมก็ถูกละเมิดได้อยู่ดี ผู้สร้างเกมหลายรายจึงเลิกติดตั้งโปรแกรมตรวจจับฯลงในเกมของตนเองในที่สุด
 
สุดท้ายแล้วเมื่อเข้าสู่ปี 1999 ทาง Sony ก็ยกธงขาวยอมแพ้แล้วโยกกำลังคน, ทรัพยากรพร้อมข้อมูลต่าง ๆ และประสบการณ์ต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์รวมถึง Mod Chip ที่ได้มาไปปรับใช้กับเครื่องเกมรุ่นถัดไปที่จะวางจำหน่ายในปี 2000 แทน พร้อมแบกชื่อเสียของการเป็นเจ้าของเครื่องเกมคอนโซลที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่ายที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน
 

 
สิ่งที่แย่ที่สุดจากสงครามต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ซึ่งต่อมากลายเป็นตราบาปของ Sony ไปก็คือ
การที่ ps มีส่วนทำให้เทคนิคการติดตั้ง Mod Chip กำเนิดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้เครื่องเกมคอนโซลในยุคต่อ ๆ มาต้องเจอปัญหาการติดตั้งตั้ง Mod Chip เพื่อละเมิดลิขสิทธิ์เกมของตนอย่างถ้วนหน้าและกลายเป็น Eternal War ระหว่างนักดัดแปลงและบริษัทเจ้าของเครื่องเกมในยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน 
 
ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีคนถามว่า Mod Chip ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการละเมิดลิขสิทธิ์ในทุกเครื่องเกมคอนโซลหลังจากนี้และทำให้ผู้พัฒนาเครื่องเกมคอนโซลทุกเจ้าต้องซวยกันถ้วนทั่วนั้นเกิดมาได้อย่างไร
ทุกคนจะส่งสายตาไปยังบริษัทเดียวกัน
 

 
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน” 
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่