ทำตัวเสมือนเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด แล้วชีวิตจะสบาย

กระทู้คำถาม
ทุกวันนี้ บอกตรงๆ ผมคิดเสมอว่า...ผมเป็นผู้ติดเชื้อโควิด !!

การแช่งตัวเองแบบนี้มันมีอะไรดีหรอ ทำไม ผมถึงคิดแบบนั้น ??? และผมทำอะไรบ้าง หลังจากคิดแบบนั้น 

ก่อนอื่น ผมอยากจะบอกว่า โดยพื้นดวงเกิดของผม ผมมักจะป่วยเป็นอะไร แต่จะไม่รุนแรงเท่าไหร่ เมื่อผมรู้พื้นฐานตัวเองแบบนั้น ผมจึงมักไม่ค่อยบอกใครเวลาผมป่วยไม่สบาย เพราะเชื่อว่า ร่างกายเราจะแข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคได้ หากผมติดเชื้อโควิดขึ้นมา ผมเชื่อว่า ผมจะอยู่ในกลุ่มที่มีอาการน้อยมาก ถึงไม่มีเลย !!!

การที่เราแข็งแรงแบบนั้น มันเป็นข้อดีไม่ใช่หรอ แล้วยังห่วงอะไรอีกหละ !!!

ผมจะบอกว่า โควิดเป็นโรคติดเชื้อ เกิดจากเชื้อไวรัส ซาร์ส โค-2 ติดต่อกันทางลมหายใจ และการสัมผัส ผมจะเลี่ยงโดยไม่หายใจ หรือไม่สัมผัสกับสิ่งของรอบตัวเลย มันเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมทำได้ คือ การอยู่ห่างจากคนที่เรารัก และไม่นำเชื้อไปให้คนที่อ่อนแอกว่า 

ผมเป็นคนรักครอบครัวมาก แต่ผมก็ไม่ได้อยู่กับครอบครัวมานานหลายเดือนแล้ว ผมปลีกตัวเองออกมาอยู่คอนโด หลังจากรู้ว่าเชื้อติดต่อกันง่าย ในช่วงต้นของปี 2563 หลังจากการระบาดที่อู่ฮั่นนั้น ผมยังไปมาหาสู่ครอบครัวอยู่ แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มบานปลายและมีคนติดเชื้อทั่วโลก ผมก็ย้ายตัวเองออกมา เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นพาหะนำเชื้อโรคโควิดไปให้ครอบครัวผม

อาการผมในตอนนี้ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ หลังจากซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิแบบที่ตามร้านค้าใช้กันมาติดตั้งที่คอนโดที่พักผม และมีการบันทึกค่าอุณหภูมิทุกวันเวลาเข้าออกจากห้อง ทำให้ผมรู้ค่าอุณหภูมิเฉลี่ยของตัวเอง ว่ามันจะอยู่ในช่วง 35.5-36.2 องศาเซลเซียส วัดที่ตำแหน่งเดียวกันคือหน้าผาก และยังรู้ด้วยว่า หากวันไหน มีอุณหภูมิในระดับ 36.5 ขึ้นไป ผมจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย ทั้งที่ อุณหภูมินั้น ยังไม่ถือว่าเป็นไข้เลย

แม้ผมจะติดเชื้อหรือไม่ ผมก็ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะผมเชื่อว่าผมแข็งแรงพอ แต่ที่สำคัญ หากผมเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการเลย ผมจะไม่เป็นพาหะไปให้ครอบครัวผมเด็ดขาด เพราะครอบครัวมี พ่อแม่ ที่มีอายุมากแล้ว และท่านอาจไม่ได้มีภูมิคุ้มกันมากพอสำหรับเชื้อแรงๆ แบบนี้ 

ทุกวันนี้ ผมทำตามที่หมอทวีศิลป์แนะนำอย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ผมล้างมือวันละนับครั้งไม่ถ้วน เฉลี่ยแล้วน่าจะชั่วโมงละครั้งได้ ทั้งการล้างด้วยสบู่ การสเปรย์ด้วยแอลกอฮอล์ที่พกติดตัวตลอดเวลาเทียบเท่ากับมือถือ  ไม่ออกไปในที่ที่มีคนมากๆ รักษาระยะห่าง หลีกเลี่ยงการใช้บริการรถสาธารณะบ่อยๆ และใส่หน้ากากอนามัยแทบจะตลอดทั้งวัน ยกเว้นตอนอยู่ห้องคนเดียว 

คนจำนวนมาก ไม่ได้มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตมากขนาดผม ผมยอมรับว่าผมเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่การเจ้าระเบียบของผม ก็นำสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การเงิน และชีวิตครอบครัว จนบางครั้ง หลายคนก็พูดเสมอว่า ผมเป็นคนที่เพอร์เฟคชั่นนิสม์ เกินไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่