สถิติเลิกกิจการ พ.ย.ปี’63 พุ่ง
https://www.prachachat.net/local-economy/news-587584
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลจดทะเบียนนิติบุคคลประจำเดือนพฤศจิกายนปี’63 พบว่า มีผู้ประกอบการเลิกกิจการ รวมทุกภูมิภาคและกรุงเทพฯทั้งหมด 2,457 ล้านบาท เงินทุนรวม 19,442.98 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหม่ 4,479 ราย
เงินจดทะเบียนรวม 15,559.85 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี’63 พบว่า มีผู้ประกอบการประกาศเลิกกิจการ รวมทุกภูมิภาคและกรุงเทพฯทั้งหมด 2,057 เงินทุนรวม 7,788.42 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งหมด 5,396 ราย เงินจดทะเบียนรวม 43,746.31 ล้านบาท
ทั้งนี้ นิติบุคคลการจดทะเบียนเลิกกิจการในเดือนตุลาคม 63 พบว่า กรุงเทพมหานคร 848 ราย มูลค่า 3,710.92 ล้านบาท ภาคกลาง 412 ราย มูลค่า 1,227.15 ล้านบาท ภาคตะวันออก 222 ราย มูลค่า 1,377.61 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 175 ราย 585.44 ล้านบาท ภาคใต้ 162 ราย มูลค่า 351.75 ล้านบาท
ภาคเหนือ 188 ราย มูลค่า 433.21 ล้านบาท และภาคตะวันตก50 ราย มูลค่า 102.35 ล้านบาท เมื่อจัดอันดับพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่มีเลิกกิจการในช่วงเดือนตุลาคม 63 ประกอบด้วย
1. ชลบุรี 147 ราย มูลค่า 987.58 ล้านบาท
2. นนทบุรี 117 ราย มูลค่า 345.59 ล้านบาท
3. สมุทรปราการ 102 ราย มูลค่า 460.05 ล้านบาท
4. ปทุมธานี 74 ราย มูลค่า 136.29 ล้านบาท
5. เชียงใหม่ 58 ราย มูลค่า 94.67 ล้านบาท และจังหวัดอื่น 1,559 ราย มูลค่า 5,764.22 ล้านบาท
และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เดือนตุลาคม 63 พบว่า กรุงเทพมหานคร 1,873 ราย มูลค่า 36,924.33 ล้านบาท ภาคตะวันออก 547 ราย มูลค่า 940.85 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 587 ราย 916.48 ล้านบาท ภาคใต้ 449 ราย มูลค่า 1,032.55 ล้านบาท
ภาคเหนือ 563 ราย มูลค่า 940.50 ล้านบาท และภาคตะวันตก 149 ราย มูลค่า 229.39 ล้านบาท เมื่อจัดอันดับแล้วพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่มียอดจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ประกอบด้วย 1.นนทบุรี 371 ราย มูลค่า 653.55 ล้านบาท 2.ชลบุรี 318 ราย มูลค่า 570.80 ล้านบาท
3.สมุทรปราการ 290 ราย มูลค่า 1,278.32 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 272 ราย มูลค่า 337.16 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 198 ราย มูลค่า 345.20 ล้านบาท และจังหวัดอื่น ๆ 3,947 ราย มูลค่า 3,185.03 ล้านบาท
ในส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการในเดือนพฤศจิกายน แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1,112 ราย มูลค่า 12,436.46 ล้านบาท ภาคกลาง 477 ราย มูลค่า 1,359.96 ล้านบาท ภาคตะวันออก 211 ราย มูลค่า 4,389.20 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 205 ราย 375.70 ล้านบาท
ภาคใต้ 193 ราย มูลค่า 428.40 ล้านบาท ภาคเหนือ 183 ราย มูลค่า 289.18 ล้านบาท และภาคตะวันตก 76 ราย มูลค่า 164.08 ล้านบาท จัดอันดับพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่เลิกกิจการเดือนพฤศจิกายน 63 ประกอบด้วย 1.ชลบุรี 145 ราย มูลค่า 762 ล้านบาท
2.นนทบุรี 133 ราย มูลค่า 333.09 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ 111 ราย มูลค่า 272.41 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 95 ราย มูลค่า 397.07 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 60 ราย มูลค่า 91.40 ล้านบาท และจังหวัดอื่น 1,913 ราย มูลค่า 13,703.88 ล้านบาท
และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เดือนพฤศจิกายน 63 พบว่า กรุงเทพมหานคร 1,410 ราย มูลค่า 6,215.99 ล้านบาท ภาคตะวันออก 484 ราย มูลค่า 2.080.46 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 609 ราย 1,087.36 ล้านบาท
ภาคใต้ 351 ราย มูลค่า 2,057.28 ล้านบาท ภาคเหนือ 474 ราย มูลค่า 754.79 ล้านบาท และภาคตะวันตก 132 ราย มูลค่า 198.29 ล้านบาท เมื่อจัดอันดับแล้วพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่มียอดจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เดือนพฤศจิกายน 63 ประกอบด้วย
1.นนทบุรี 298 ราย มูลค่า 1,433.88 ล้านบาท 2.ชลบุรี 285 ราย มูลค่า 837.76 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ 238 ราย มูลค่า 844.57 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 211 ราย มูลค่า 342.72 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 182 ราย มูลค่า 322.32 ล้านบาท และจังหวัดอื่น ๆ 3,265 ราย มูลค่า 11,778.6 ล้านบาท
หากเทียบการเลิกกิจการ และการจดทะเบียนนิติบุคคลเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนทั้งในกรุงเทพฯกับจังหวัดอื่น ในภูมิภาคพบว่า ยอดการเลิกกิจการของเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นประมาณ 400 ราย และยอดจดทะเบียนนิติบุคคลในเดือนพฤศจิกายนลดลง 917 ราย
อาจจะเป็นไปได้ว่าเริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้นักธุรกิจ หรือนักลงทุนชะลอการลงทุน และยกเลิกกิจการบางส่วน
เทียบมะกัน-ไทย!'นักวิชาการ'ชี้ สุดท้ายยึดระบบ-ไร้รถถัง
https://www.dailynews.co.th/politics/817575
“สฤณี อาชวานันทกุล” นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ยกเหตุการณ์รุนแรงในสหรัฐเปรียบเทียบไทย ชี้วุ่นวายขนาดไหน สุดท้ายระบบเดินหน้าต่อ ไม่มีรถถังออกมาล้างไพ่
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. น.ส.
สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปลชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก
Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่กลุ่มผู้สนับสนุน “
โดนัลด์ ทรัมป์” บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ กรุงวอชิงตัน ขัดขวางการรับรองให้ “
โจ ไบเดน” เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ แต่ท้ายที่สุดรัฐสภาของสหรัฐ ก็เดินหน้าพิจารณารับรองจนเสร็จสิ้น โดยเขียนข้อความระบุว่า
เนี่ยค่ะ วุ่นวายขนาดไหนสุดท้ายระบบก็เดินต่อ ไม่มีรถถังออกมาล้างไพ่โยนกติกาทิ้ง ใครชอบเปรียบเทียบม็อบไทยกับเมกา เทียบให้ตลอดรอดฝั่งไปถึงตอนหลังจบม็อบด้วย เสียใจกับทรัมป์ด้วยนะ เส้นนายไม่ใหญ่พอไม่งั้นได้แก้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจตัวเองไปละ #ByeByeTrump
เพื่อไทย แจง กรณีส.ส.พรรค ถอนชื่อ ทำ 'สิระ' หลุด ยันจะร่วมฝ่ายค้านเสนอคำร้องใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2518922
เพื่อไทย แจง กรณีสมาชิกพรรคถอนชื่อ ทำ ‘สิระ’ หลุด ยันจะร่วมฝ่ายค้านเสนอคำร้องใหม่
เมื่อวันที่ 7 มกราคม นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊ก
พรรคเพื่อไทย ว่า จากกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้อง กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนาย
สิระ เจนจาคะ สิ้นสุดลงหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่า ญัตติดังกล่าวมีสมาชิกร่วมลงชื่อไม่ถึงหนึ่งในสิบของสมาชิกที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
พรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วได้ความว่า คำร้องดังกล่าวเป็นของพรรคเสรีรวมไทย และได้ขอความร่วมมือให้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมลงชื่อเพื่อให้ได้ลายมือชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ ตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด พรรคจึงได้ขอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบคำร้อง ระหว่างนั้นได้มีการนำเวียนเพื่อขอลายมือชื่อจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างการประชุมสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยได้ร่วมลงชื่อจนมีรายชื่อครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยยังไม่มีมติพรรคหรือหนังสือสั่งการใดๆ จากผู้บริหารของพรรค
ต่อมาทราบว่ามีการให้สัมภาษณ์ ในทำนองจะดำเนินคดีกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ร่วมลงชื่อ ด้วยความสับสนดังกล่าวจึงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้ขอถอนชื่อจากคำร้องดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องดังที่ทราบ
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคำร้องของพรรคเสรีรวมไทยที่ให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนาย
สิระ เจนจาคะ นั้นมีข้อเท็จจริงและมีประเด็นสาระ ควรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัย
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาในเรื่องการประสานและทำความเข้าใจร่วมกันในการเสนอเรื่องต่างๆ
พรรคเพื่อไทยจึงขอยืนยันและแสดงเจตจำนงว่า จะร่วมกับพรรคเสรีรวมไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ในการร่วมลงชื่อเพื่อเสนอคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญใหม่ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยเร็วต่อไป
JJNY : เลิกกิจการพ.ย.63พุ่ง/เทียบมะกัน-ไทย! ชี้สุดท้ายยึดระบบ-ไร้รถถัง/พท.แจงถอนชื่อ/ส.ผู้ปกครองบุคคลออทิซึมไม่ทนปารีณา
https://www.prachachat.net/local-economy/news-587584
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลจดทะเบียนนิติบุคคลประจำเดือนพฤศจิกายนปี’63 พบว่า มีผู้ประกอบการเลิกกิจการ รวมทุกภูมิภาคและกรุงเทพฯทั้งหมด 2,457 ล้านบาท เงินทุนรวม 19,442.98 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหม่ 4,479 ราย
เงินจดทะเบียนรวม 15,559.85 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี’63 พบว่า มีผู้ประกอบการประกาศเลิกกิจการ รวมทุกภูมิภาคและกรุงเทพฯทั้งหมด 2,057 เงินทุนรวม 7,788.42 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งหมด 5,396 ราย เงินจดทะเบียนรวม 43,746.31 ล้านบาท
ทั้งนี้ นิติบุคคลการจดทะเบียนเลิกกิจการในเดือนตุลาคม 63 พบว่า กรุงเทพมหานคร 848 ราย มูลค่า 3,710.92 ล้านบาท ภาคกลาง 412 ราย มูลค่า 1,227.15 ล้านบาท ภาคตะวันออก 222 ราย มูลค่า 1,377.61 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 175 ราย 585.44 ล้านบาท ภาคใต้ 162 ราย มูลค่า 351.75 ล้านบาท
ภาคเหนือ 188 ราย มูลค่า 433.21 ล้านบาท และภาคตะวันตก50 ราย มูลค่า 102.35 ล้านบาท เมื่อจัดอันดับพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่มีเลิกกิจการในช่วงเดือนตุลาคม 63 ประกอบด้วย
1. ชลบุรี 147 ราย มูลค่า 987.58 ล้านบาท
2. นนทบุรี 117 ราย มูลค่า 345.59 ล้านบาท
3. สมุทรปราการ 102 ราย มูลค่า 460.05 ล้านบาท
4. ปทุมธานี 74 ราย มูลค่า 136.29 ล้านบาท
5. เชียงใหม่ 58 ราย มูลค่า 94.67 ล้านบาท และจังหวัดอื่น 1,559 ราย มูลค่า 5,764.22 ล้านบาท
และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เดือนตุลาคม 63 พบว่า กรุงเทพมหานคร 1,873 ราย มูลค่า 36,924.33 ล้านบาท ภาคตะวันออก 547 ราย มูลค่า 940.85 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 587 ราย 916.48 ล้านบาท ภาคใต้ 449 ราย มูลค่า 1,032.55 ล้านบาท
ภาคเหนือ 563 ราย มูลค่า 940.50 ล้านบาท และภาคตะวันตก 149 ราย มูลค่า 229.39 ล้านบาท เมื่อจัดอันดับแล้วพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่มียอดจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ประกอบด้วย 1.นนทบุรี 371 ราย มูลค่า 653.55 ล้านบาท 2.ชลบุรี 318 ราย มูลค่า 570.80 ล้านบาท
3.สมุทรปราการ 290 ราย มูลค่า 1,278.32 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 272 ราย มูลค่า 337.16 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 198 ราย มูลค่า 345.20 ล้านบาท และจังหวัดอื่น ๆ 3,947 ราย มูลค่า 3,185.03 ล้านบาท
ในส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการในเดือนพฤศจิกายน แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1,112 ราย มูลค่า 12,436.46 ล้านบาท ภาคกลาง 477 ราย มูลค่า 1,359.96 ล้านบาท ภาคตะวันออก 211 ราย มูลค่า 4,389.20 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 205 ราย 375.70 ล้านบาท
ภาคใต้ 193 ราย มูลค่า 428.40 ล้านบาท ภาคเหนือ 183 ราย มูลค่า 289.18 ล้านบาท และภาคตะวันตก 76 ราย มูลค่า 164.08 ล้านบาท จัดอันดับพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่เลิกกิจการเดือนพฤศจิกายน 63 ประกอบด้วย 1.ชลบุรี 145 ราย มูลค่า 762 ล้านบาท
2.นนทบุรี 133 ราย มูลค่า 333.09 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ 111 ราย มูลค่า 272.41 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 95 ราย มูลค่า 397.07 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 60 ราย มูลค่า 91.40 ล้านบาท และจังหวัดอื่น 1,913 ราย มูลค่า 13,703.88 ล้านบาท
และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เดือนพฤศจิกายน 63 พบว่า กรุงเทพมหานคร 1,410 ราย มูลค่า 6,215.99 ล้านบาท ภาคตะวันออก 484 ราย มูลค่า 2.080.46 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 609 ราย 1,087.36 ล้านบาท
ภาคใต้ 351 ราย มูลค่า 2,057.28 ล้านบาท ภาคเหนือ 474 ราย มูลค่า 754.79 ล้านบาท และภาคตะวันตก 132 ราย มูลค่า 198.29 ล้านบาท เมื่อจัดอันดับแล้วพบว่า 5 จังหวัดแรก ไม่รวมกรุงเทพฯที่มียอดจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เดือนพฤศจิกายน 63 ประกอบด้วย
1.นนทบุรี 298 ราย มูลค่า 1,433.88 ล้านบาท 2.ชลบุรี 285 ราย มูลค่า 837.76 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ 238 ราย มูลค่า 844.57 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 211 ราย มูลค่า 342.72 ล้านบาท 5.เชียงใหม่ 182 ราย มูลค่า 322.32 ล้านบาท และจังหวัดอื่น ๆ 3,265 ราย มูลค่า 11,778.6 ล้านบาท
หากเทียบการเลิกกิจการ และการจดทะเบียนนิติบุคคลเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนทั้งในกรุงเทพฯกับจังหวัดอื่น ในภูมิภาคพบว่า ยอดการเลิกกิจการของเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นประมาณ 400 ราย และยอดจดทะเบียนนิติบุคคลในเดือนพฤศจิกายนลดลง 917 ราย
อาจจะเป็นไปได้ว่าเริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้นักธุรกิจ หรือนักลงทุนชะลอการลงทุน และยกเลิกกิจการบางส่วน
เทียบมะกัน-ไทย!'นักวิชาการ'ชี้ สุดท้ายยึดระบบ-ไร้รถถัง
https://www.dailynews.co.th/politics/817575
“สฤณี อาชวานันทกุล” นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ยกเหตุการณ์รุนแรงในสหรัฐเปรียบเทียบไทย ชี้วุ่นวายขนาดไหน สุดท้ายระบบเดินหน้าต่อ ไม่มีรถถังออกมาล้างไพ่
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปลชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่กลุ่มผู้สนับสนุน “โดนัลด์ ทรัมป์” บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ กรุงวอชิงตัน ขัดขวางการรับรองให้ “โจ ไบเดน” เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ แต่ท้ายที่สุดรัฐสภาของสหรัฐ ก็เดินหน้าพิจารณารับรองจนเสร็จสิ้น โดยเขียนข้อความระบุว่า
เนี่ยค่ะ วุ่นวายขนาดไหนสุดท้ายระบบก็เดินต่อ ไม่มีรถถังออกมาล้างไพ่โยนกติกาทิ้ง ใครชอบเปรียบเทียบม็อบไทยกับเมกา เทียบให้ตลอดรอดฝั่งไปถึงตอนหลังจบม็อบด้วย เสียใจกับทรัมป์ด้วยนะ เส้นนายไม่ใหญ่พอไม่งั้นได้แก้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจตัวเองไปละ #ByeByeTrump
เพื่อไทย แจง กรณีส.ส.พรรค ถอนชื่อ ทำ 'สิระ' หลุด ยันจะร่วมฝ่ายค้านเสนอคำร้องใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2518922
เพื่อไทย แจง กรณีสมาชิกพรรคถอนชื่อ ทำ ‘สิระ’ หลุด ยันจะร่วมฝ่ายค้านเสนอคำร้องใหม่
เมื่อวันที่ 7 มกราคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย ว่า จากกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้อง กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายสิระ เจนจาคะ สิ้นสุดลงหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่า ญัตติดังกล่าวมีสมาชิกร่วมลงชื่อไม่ถึงหนึ่งในสิบของสมาชิกที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
พรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วได้ความว่า คำร้องดังกล่าวเป็นของพรรคเสรีรวมไทย และได้ขอความร่วมมือให้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมลงชื่อเพื่อให้ได้ลายมือชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ ตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด พรรคจึงได้ขอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบคำร้อง ระหว่างนั้นได้มีการนำเวียนเพื่อขอลายมือชื่อจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างการประชุมสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยได้ร่วมลงชื่อจนมีรายชื่อครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยยังไม่มีมติพรรคหรือหนังสือสั่งการใดๆ จากผู้บริหารของพรรค
ต่อมาทราบว่ามีการให้สัมภาษณ์ ในทำนองจะดำเนินคดีกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ร่วมลงชื่อ ด้วยความสับสนดังกล่าวจึงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้ขอถอนชื่อจากคำร้องดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องดังที่ทราบ
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคำร้องของพรรคเสรีรวมไทยที่ให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายสิระ เจนจาคะ นั้นมีข้อเท็จจริงและมีประเด็นสาระ ควรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัย
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาในเรื่องการประสานและทำความเข้าใจร่วมกันในการเสนอเรื่องต่างๆ
พรรคเพื่อไทยจึงขอยืนยันและแสดงเจตจำนงว่า จะร่วมกับพรรคเสรีรวมไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ในการร่วมลงชื่อเพื่อเสนอคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญใหม่ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยเร็วต่อไป