เรื่อง​ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเรารึเปล่า?

สวัสดี​ครับนี้เป็นกระทู้ครั้งที่2ของผม ผมขอบอกเลยนะครับว่าผมเป็นเกย์​กระทู้นี้อาจจะ​ยาวหน่อย​นะครับขอบอกก่อนนะครับว่าตัวผมอยู่ที่ประเทศ​เบลเยี่ยม​นะครับตอนนี้ผมยัง18อยู่เรื่อง​ราวมันอาจจะซับซ้อน​หน่อยเพราะเคยตั้งกระทู้​แรกไปแล้วแต่ดูเหมือว่ามันอาจจะงงๆหน่อยเพราะเหมือน​ผมเขียน​ทุกอย่าง​มารวมกัน นี้ครับกระทู้แรก https://pantip.com/topic/40250372

ศุกร์​ที่8ผมก็จะได้ออกโรงพยาบาล​แล้วซึ่งสาเหตุ​ที่ผมเข้าโรงพยาบาล​อยู่ในกระทู้แรกนะครับ
เรื่อง​ของเรื่อง​ก็มีอยู่ว่าผมมาอยู่เบลเยียม​ตอนอายุ10ขวบ​ซึ่ง​ดูเหมือน​ไม่ค่อยมีปัญหา​อะไรมากตอนที่อยู่ประถม​แต่ผมมักโดนแกล้งบ่อยมากซึ่งตอนนั้นผมอยู่ในโรงเรียน​ที่มีแต่พวกแขกใช่ครับพวกแขกแต่ก็ไม่ใช้ทุกคนจะนิสัยเสีย​นะครับแต่ส่วนมากที่ผมเจอมักจะไปทางแง่ลบมากกว่าเวลาผมโดน​แกล้งผมมักจะไปหลบในห้องน้ำเป็นประจำแล้วไม่ค่อยบอกครูนอกจาก​เพื่อน​คนอื่นจะมาเห็นถึงจะไปบอกครูแต่เขาจะไม่ค่อยเห็นกันนอกจากผมจะบอกครูเองแต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่พอขึ้นป.4ก็ได้ย้าย​โรงเรียน​ไปแถวหน้าบ้านซึ่งดูเหมือน​ในโรงเรียนไม่ค่อยมีปัญหา​เท่าไหร่แต่มีปัญหา​ที่บ้านแทนพ่อเลี้ยง​กับแม่มักทะเลาะ​กันทุกวันแต่แม่ก็ไม่เคยโต้ตอบ​เลยเอาแต่เงียบ​อย่าง​เดียวบังทีก็แอบร้องไห้อันนี้ผมเดานะแต่ผมเคยเห็นแม่ร้องให้ครั้งนึงจนทุกท้ายพวกเขาสองคนก็เลิกซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรจนสุดท้าย​พวกเขาเลิกกัน​เพราะผมเขาพูดแบบนั้นนะ ซึ่งตอนนั้น​เป็นตอนที่จบป.4พอดีพอผมขึ้นป.5แม่ผมก็กลับป่วยแล้วสรุป​ก็เป็นมะเร็ง​ซึ่ง​ตอนอยู่ประถม​ไม่ค่อยมีเรื่องให้เกิดขึ้นมากมายชักเท่าไหร่คิดว่านะครับเพราะมันก็นานพอสมควร.

พอจบป.5ก็ขึ้นม.1พอดีเหมือคะแนนผมผ่านสามารถ​ข้ามป.6ไปได้พอตอนขึ้นม.1ก็ตื่นเต้น​แต่ก็ผ่าน​ไปได้ด้วยดี​พอขึ้นม.2คะแนน​ก็ดีมั้ง​แย่มั้งแต่ก็สามารถ​ผ่าน​ไปได้พอขึ้นม.3เท่านั้นแหละปัญหา​ก็เริ่มเข้ามาซึ่ง​ตอนอยู่ม.3ผมแทบไม่มีเพื่อนในห้องเลยมีอยู่แค่2คนแต่2คนนั้นก็อยู่ไม่ได้นานเพราะ​คนนึงก็ขึ้นม.4อีกคนก็ไม่ค่อยมาโรงเรียน​จนสุดท้าย​ก็ออกไปแล้วเป็นตอนที่ผมรู้ตัวเองว่าเป็นเกย์​ซึ่ง​ผมก็ยังไม่เปิดเผย​สักเท่าไหร่ส่วยทางที่บ้านดูเหมือน​ทางที่บ้านก็ไม่ค่อยมีปัญหา​อะไรเพราะเขาก็รับได้แต่ผมกลับมีปัญหา​ที่บ้านแทนเวลาผมมักโมโหแม่ผมมักจะทำลายข้าวของก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจนกระทั่งทำร้ายตัวเองส่วน​มากเรามักจะเป็นเวลาโมโหแม่มากกว่าส่วนเรื่อง​เรียน​ก็โมโหอยู่มั้งเพราะด้วยความที่มันยากแล้วเราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เราถามครูอะไรก็แล้วจนสุดท้าย​คะแนนก็ผ่านไปได้ก็งงอยู่เหมือนกัน​ว่าผ่านได้ยังไงแต่ก็ดีใจที่ผ่านนะแต่ก็แอบก็รู้สึ​กแปลกๆเหมือนกัน​(พอดีที่เบลเยียม​มีสอบใหญ่​อยู่สามครั้งนะครับ)​พอครึ่ง​เทอมทุกๆคนในโรงเรียน​ส่วยมากก็รู้ว่าผมเป็นเกย์​ไม่ได้มาจากปากผมเองแต่พอดีคนนั้นเขารู้ว่าผมเป็นก็เลยไปบอกคนอื่นกันปากต่อปากผมก็เลยกลายเป็น​จุดสนใจ​ของคนอื่น​ทั้งที่ผมก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าผมเป็นเกย์​เพราะตอนนั้นผมยังไม่กล้ายอมรับแต่เรื่อง​ที่ผมเป็นเกย์​ก็ไม่ใช้ปัญหา​ใหญ่​สำรับผมเพราะตอนอยู่ม.3ผมมักจะเครียดเรื่องการเรียน​มากกว่าจนสุดท้ายก็ขึ้นม.4มาได้แบบงงๆทั้งที่ผมรู้อยู่ในใจว่าคะแนนแย่แน่แต่ก็ผ่าน​มาได้ละนะ

พอขึ้นม.4เป็นช่วง​ที่เจอปัญหา​หนัก​สุดทั้งเรื่อง​การเรียน​เรื่องที่บ้านอย่างที่บอกครับเวลาโมโหมักจะทำลายข้าวของแล้วทำร้ายตัวเองอย่างเช่นตบหน้าตัวเองเอาหัวโขกกำแพงจนสุดท้ายเราก็มักชอบไปอยู่ใต้เตียงแล้วมักจินตนาการ​ผู้หญิง​คนนึงที่มากอดเราแล้วพูดกับเราทั้งตัวผมรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่จริงแล้วสิ่งที่ผมเจ็บที่สุดแล้วผมไม่เคยลืมเลยก็คือเวลาแม่โมโหผมทีไรมักจะเทอาหารผมทิ้งในถังขยะหรือไม่ทำกับข้าวให้ผมกินเลยตอนผมเดินออกมาเอาของผมเห็นแม่กับน้องกินอาหารมีความสุข​แต่กลับเมิน​ผมไม่มองผมหรือไม่บังทีก็ไม่คุยกับผมหลายวันมากสุดก็เกือบ​อาทิตย์​นึงผม​พยายาม​คุยกับแม่แต่แม่ก็เมินผมจนบางที​เราไปโรงเรียน​แล้วไม่สามารถ​ลืมเรื่อง​ที่แม่เคยทำกับเราจนบังทีเราก็เหม่อลอยไม่ทำงานในโรงเรียน​หรือว่าอะไรเลยจนสุดท้าย​เราก็ได้คุยกับห้องที่ปรึกษาแต่เราก็ไม่สามารถ​บอกได้ทุกอย่างหมดจนสุดท้าย​เรื่องที่เราเป็นเกย์​กลับเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโรงเรียน​คิดว่านะแต่เรื่อง​ที่เปิดเผย​ว่าเป็นเพราะเราไม่อยากโกหกอีกต่อไปเพราะยังไงเราก็ไม่ค่อยรู้จักใครมากส่วนใหญ่​แต่กลับเป็นผมที่เจ็บอีกครั้งเพราะผู้ชายที่ผมแอบชอบตั้งแต่​ตอนอยู่ม.2เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ลูบผมแล้วคนแรกที่กอดผมเป็นคนแรกทำให้ผมหวั่นไหว​มากเลยแหละทั้งที่เขาก็ไม่หล่ออะไรมากแต่พอเขารู้ว่าเราเป็นเกย์​เขากับรังเกียจ​ผมเอาผมไปนินทา​ในทางแง่ลบคือตอนนั้นเราแบบเรารู้สึกโง่มาตลอด​ว่าชอบคนแบบนั้นได้ยังไงหนักสุดเรากลับเครียด​เรื่องการเรียนมากแถมครูที่เขาสองกลับมองผมว่าขี้เกียจ​เรียน​ไม่ตั้งใจเรียน​คิดว่าผมไม่สนใจทั้งที่เราพยายาม​ทำเต็ม​ที่เราพยายาม​ทำครูสนใจทั้งไม่เขียน​บนแผ่น​กระดาษ​ทั้งทำเป็นเอาหัวไว้บนโต้ะ​แต่ไม่นอนนะครับแต่เขากลับไม่สนใจแต่กลับเด็ก​คนอื่นเขากลับสนใจเขากลับเดิน​เข้าไปหาเด็กทุกคนในห้องทั้งทำเป็นดูคุยถามเกือบ​ทุกคนในห้องแต่กลับผมเขากลับเมิน​เขาแค่มองแล้วก็เดิน​ผ่านทั้งที่ตอนนั้นผมหวังว่าเขาจะถามแบบโอเคไหมทำไม่ได้เหรอไม่เข้าใช่ไหม​แต่กลับไม่เป็นยังงั้น​ซึ่ง​ตอนนั้นเราทั้ง​โกรธ​ทั้งโมโหเราอยากจะโยน​แฟ้ม​ทิ้งแต่เราทำได้แค่ขูด​หนังตัวเองโดนการใช้เล็บนะครับแต่ก็ไม่ถึงขั้น​เลือก​ออกนะครับเพราะเล็บผมไม่ได้แหลมอะไรขนาดนั้นถ้าถามผมว่าผมรู้ได้ยังว่าครูเขาคิดแบบนั้นนี้ครับจะเริ่มเล่าให้ฟังนะครับ 2เดือน​ก่อนสอบใหญ่สอบปิดเทอม​นะครับผมกลัยได้รู้จักครูคนนึงเขาเป็นครูextra (นามสมมุติ​ A)​นะครับเขาช่วย​ผมเรื่อง​การเรียน​จนปมสามารถ​บอกปัญหา​เรื่องที่บ้านที่โรงเรียน​ได้เป็นคนที่คุยแล้วโล่งใจ แล้วนั้นทำให้ผมรู้ว่าครูที่เขาสอนวิชานั้นคิดแบบนั้นกับผม จนสุดท้าย​ครู A กับผมก็สามารถ​ติวทำความเข้าใจแต่ละข้อได้จนสุดท้าย​ก็ผ่าน​ขึ้นม.5แบบฉิวเฉียด​

พอมา ม.5 การทำร้ายตัวเองกับความเครียด​ก็หนักอยู่เหมือนเดิม​เพราะด้วยความที่มันเรียนยากขึ้นอะไรด้วยจนสุดท้ายทางโรงเรียน​ก็ส่งผมไปสถาน​ที่นึงซึ่งเป็นที่สำหรับ​ที่มีปัญหา​ซึ่งตอนที่อยู่ที่นั้นแถบไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจากผู้ดูแลแต่ส่วนมาก​ก็คุยด้วย​เรื่อง​ทั่วไป​จนมามีวันนึงเป็นวันนึงตอนนั้น​เราเครียด​มากกับเรื่อง​เรียนมันเป็นอะไรที่อยากมากแล้วเราก็ทำไม่ได้ขนาด​ฝรั่งก็ยังทำไม่นับพาษาอะไร​กับจนตอนนั้นเราหลุดแล้วเราก็ต่อยตู้ล็อกเกอร์​ซึ่ง​เป็นครั้งแรกที่เราทำแบบนั้นต่อหน้าทุกคนแล้วมันเป็นอะไรที่เรารู้สึกผิดมากกับจนครูต้องส่ง​ไปห้องที่ปรึกษา​ซึ่ง​ตอนนั้นเราพูดอะไรไม่ออกเลยได้เอาแต่ร้องจนสุดท้ายสถานที่ที่ผมอยู่ก็มมารับกลับพอมาวันพุธ​ผมก็ได้กลับมาโรงเรียน​เหมือน​เดิม​แต่นอกโรงเรียน​เพราะมันเป็นวิชาพละซึ่ง​ตอนนั้น​เรารู้สึกเฉยๆแต่พอเห็นหน้าเพื่อน​ในห้องตอนนั้นในหัวของเรากลับคิดเรื่อง​ราวของเมื่อวันจันทร์​แล้วก็เรื่อง​เก่าจนสุดท้ายเราก็เหม่อลอย​ยืนอยู่เฉยๆตากฝนจนครูต้องมาสกิดเราเพื่อ​ให้เข้าไปข้างในแล้วตอนที่เราที่เข้าไปครูบอกให้เรานั่งอยู่เฉยไม่ต้องทำไรแต่เรากลับแอบไปห้องน้ำแล้วถือคัตเตอร์​เพื่อ​จะขูดแขนตัวเองแต่สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ทำได้แค่หั่นผมตัวเองจนครูเขาตามหาแล้วเราก็แออคัตเตอร์​ไว้จนครูบอกเราว่าอย่าไปไหนนั่งอยู่ตรงนี้แต่เราก็หามุม​แอบเพื่อ​เอาคัตเตอร์​มาหั่น​ผม​เหมือน​เดิมแล้วสุดท้ายครูเขาก็เห็นแล้วตอนนั้นเราทั้งตกใจมากแล้วแบบเราร้องไห้​ไม่อยุดเลยกว่าเราให้คัตเตอร์​ครูก็ใช้เวลาพอสมควร​พอเสร็จ​สิ้นทางด้านสถาที่ก็มารับเราไปเหมือน​เดิม​แล้วญาติ​เราก็โทรมาเป็นน้องสาวของแม่เราพยายาม​อถิบายแต่ดูเหมือน​น้าเราพูดถึงแม่มากกว่าเกือบ​ทุกคนที่เป็นญาติ​แล้วคุยกับผมทุกคนกลับพูดว่าเป็นห่วงแม่มั้งไหม อยากให้แม่เครียด​ตายเหรอ ถ้ายังทำตัวอย่างนี้ฆ่าแม่ตัวเิงตายทางอ้อมหรอกคือตอนนั้น​เราพูด​อะไรไม่ออกเลยเราก็ไม่อยากให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น​เราก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้แล้วเราก็ไม่ได้อยากให้แม่ตายตอนนั้นเราได้แต่เงียบ​แล้วก็ฟังจนสุดท้าย​เราก็ออกจากสถาที่นั้นเพราะเราใกล้18แล้วเขาก็เลยต้องเชิญ​เราออกแต่เขาหาวิธีแก้ปัญหา​อยู่จนสุดท้ายเขาคิดว่าเราควรเข้าโรงพยาบาล​หรือปรึกษา​จิตแพทย์​แต่แม่เราไม่ยอมเท่าไหร่เพราะแม่เราคิดว่าเรายังปกติอยู่ดี. ส่วน​ด้านเรียน​สรุป​ออกมาว่าผมไม่ผ่าน​ก็คือยังไงก็ไม่ผ่านเพราะผมไม่ได้เรียนวิชาหลักซึ่ง​มันเป็นวิชาที่เขาใช้สอบกันแต่ผมกลับไม่ได้เรียนเพราะสั่งไว้เอาจริงๆก็อยากเรียนอยู่หรอกแต่ตอนนั้น​เกิด​โควิดพอดีก็เลย​ต้องอยู่บ้านแล้วมันก็เลย​ยากขึ้นไปอีกเราก็เลยไมาสามารถ​ข้ามไปม.6ได้แต่ทางโรงเรียน​ไม่อยากให้ผมซ้ำชั้นเพราะนั้น​มันไม่ใช้ทางแก้ปัญหา​จนสุดท้าย​เขาก็ผมเรื่อง​ชั้นโดยใช้สิทธิ​ของ iac ซึ่ง​มันเป็นสิทธิ​ในแบบที่ว่าสามารถ​เลือก​ได้ว่าจะเรียนอันไหนมั้งหรือไม่นั้นแหละ ทางโรงเรียน​เขาแก้ปัญหา​แบบนั้นแต่ข้อเสีย​ก็คือไม่สามารถ​ได้ใบปริญญา​มมาได้แค่ใบเรียน​จบแค่นั้น แล้วดูเหมือนว่า​ทางผ.อดูเหมือน​จะไม่ค่อยอยากช่วยผมเท่าไหร่เพราะเขาไม่อยากรับผิดชอบ​ใช้ครับเขาไม่อยากรับผิดชอบ​เพราะตอนที่ฟันครูAพูดมานะเรารู้เลยว่าผ.อไม่ค่อยอยากช่วยเราสักเท่าไหร่​มีแค่ครูAคนเดียว​กับครูผู้ดูแลเด็ก​ที่เขาเป็นส่วนนึงที่ต้องดูแลผมจนสุดท้าย​ก็สรุป​ตามนั้น

พอขึ้นม.6 เป็นตอนที่ผมเข้าโรงพยาบาล​พอดีเรียน​ได้แค่เดือน​นึงก็ได้เข้าโรงพยาบาล​ซึ่ง​สาเหตุ​ก็อยู่ในกระทู้แรกที่ผมตั้งแต่ให้บอกคร่าวๆแค่ตอนนั้นผมไปยืนอยู่ที่จอดเรือ​แล้วครูคิดว่าผมจะโดด​ลงไปแต่ตอนนั้นผมไป
ยืน​อยู่ตรงนั้นซึ่งเราไม่เข้าใจตัวเองว่าไปยืนทำไมแต่ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย​ซึ่ง​ผ.อไม่อยากให้ผมกลับบ้านก็เลยโทร​เรียก​รถ​พยาบาล​เพื่อ​มารับผมจนซึ่งตอนนั้นเรากดดันมากจนสุดท้ายน้อง​เราก็โทรมาแล้วด่าสารพัด​แบบอยาก​ให้แม่ตายรึไงทำไมชอบสร้างแต่ปัญหา​อยู่นิ่ง​ๆไม่เป็นหรึอ​ยังเราก็พยายาม​อถิบายแต่น้องเราก็ไม่ค่อยฟังเราบอก​ให้น้องเราฟังแต่ก็บอกว่ากูฟังอยู่กูฟังอยู่พอเราพูดน้องเราก็พูดแทรก​เราแทบพูด​อะไรไม่ได้จนแม่เราก็โทรมาแม่เราถามว่าเครียด​ขนาดเลยเหรอทำตัวปกติไม่เป็นรึไงเราบอกแม่ว่าเราก็ไม่อยากมีปัญหา​มีใครเกิดมาอยากมีปัญหา​มั้งแล้วแม่เราก็ตอบว่า ไม่อยากมีปัญหา​แต่ก็สร้างปัญหา​ สงสารแม่มั้งไหม พอแม่ถามเราคำถามเรา ก็ตอบว่า หนูก็ไม่อยากให้แม่จ่ายประมาร 150ยูโรหรือ400ยูโร (ท้าตีเป็นเงินไทยอยู่ประมาร4000หรือ10000นึงเดานะ)​หรอกน่ะ แม่เราก็ตอบว่า พูดแบบนี้คงไม่ได้ส่งสาร​กูหรอก​นะ พอตอบแบบนั้นเราแบบอึ้ง จนในที่สุด​เราพตอบแบบนั้นกลับแม่ไปว่า ถ้าแม่คิดแบบนั้นก็เรื่อง​ของแม่เถอะ​ ซึ่งมันเป็นครั้งแรกของชีวิตที่เราพูดกลับแม่แบบนั้นเราทั้ง​รู้สึกผิดรู้สึกไม่ค่อยดีด้วย ตอนเราอยู่ในโรงพยาบาล​นั้น หมอเขาให้​เลือก​ว่าจะอยู่ที่นี้หรือกลับถ้ากลับไปบ้านก็เท่ากลับว่าผมทิ้งโอกาส​ของการช่วยเหลื​อที่มาถึงเพราะตอนนั้นเราก็อยากรู้เหมือนกัน​ว่ามันเกิดอะ​ไร​ขึ้น​กับเราแต่ทางฝ่าย​ครอบครัว​ของผมไม่อยากให้ผมอยู่แตกต่างที่ครูกับหมออยากให้ผมอยู่มากจนสุดท้าย​ผมก็เลือก​ที่จะอยู่ ซึ่งตอนอยู่โรงพยาบาล​นะก็รู้สึกดีผ่อนคลาย​รู้สึกโล่งใจแต่ผมก็ยังไม่ค่อยคุยกับคนเท่าไหร่ไม่รู้ว่าเพราะอายหรืออะไรจนศุกร์​ที่8ผมต้องกลับบ้านแต่ผมกลับรู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะเกิดขึ้น​อีก​ครั้งเหมือคราวที่แล้วเอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่รู้อนาคต​ว่าจะเป็นยังไงได้แค่หวังว่าผมอาจจะไม่มีอาการซึม​เศร้าหรือเครียด​กลับมาอีกเพราะเกิดแบบนี้ทีผมมักจะร้องไห้แล้วหัวเราะ​แล้วพูดกับคนในจินตนาการ​พูดเหมือน​ว่าเขามีตัวตนอยู่จริงหนักสุดถึงขนาดคนๆนั้นเข้ามาจูบทั้งที่คนๆนั้นเป็นผู้หญิงหรือไม่ก็หัวเราะ​คนเดียว​แบบร่างกายอารมณ์​มันพาไปหมดจนบังทีเราควบคุม​อารมณ์​ตัวเองไม่ได้ ซึ่ง​ได้แต่ภาวนา​ว่าจะไม่เกิดขึ้นแบบนั้นอีก

ขอขอบคุณ​นะครับคนที่มาอ่านนะครับผมอาจจะตอบช้าหน่อยเพราะแล็ปท็อป​ของผมมันไม่ใช้ของไทยที่ผมเขียน​ภาษาไทยได้ก็เพราะใช้แป้นพิมพ์​ในโทรศัพท์​เอา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่