คิดถูกไหมที่เลือกเข้ารักษาอาการทางจิตหรือบันบัด

สวัสดีครับตอนนี้ผมอายุ18ปีแล้วปีหน้าก็ผมก็19แล้วผมเรียนอยู่ที่ต่างประเทศซึ่งก็คือประเทศเบลเยียมครับผมจะเล่าเรื่องโดยการแบ่งส่วนนะครับเพื่อไม่ให้พวกคุณสับสนหรืองงนะครับซึ่งตอนนี้ผมเรียนม.6สายอาชีพหรือBSOนะครับเผื่อใครไม่เข้าใจเดี๋อวทิ้งลิ้งค์ไว้ให้ 
ลิ้งค์ http://nevadatan1997.blog.fc2.com/blog-entry-23.html
การสอบของการศึกษาของเบลเยียมมีการสอบสามครั้งซึ่งก็คือการสอบช่วงคริสมาสช่วงเทศการใข่และปิดเทิมใหญ่

 ป.3 จนถึง ม.2 : ช่วงมาเบลเยียมใหม่ๆหรือตอนที่เรียนป.3จนถึงม.2ก็ปกติอาจจะโดนเพื่อนแกล้งมั้งอะไรมั้งแต่มีอยู่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมครูแกไม่สนใจผมเลยคือแบบว่าตอนนั้นอยู่ป.3อายุ10ขวบครูแกสอนเด็กนักเรียนทุกคนในห้องได้เรียนหมดแต่ผมนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้เรียนกับเขาด้วยก็งงกับ
ตัวเองเหมือนกัน​ว่าทำไมถึงไม่ได้เรียน​เหมือนกัน​ก็คือนั่ง​อยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลยก็งงอยู้เหมือนกัน​แต่ตอนนั้นยังเด็กพึ่งมาคิดได้ตอนโตนั้นแหละ​ส่วนหลังจากป.3ทุกอย่างก็ปกติดี
ม.3 : ช่วงม.3เนี่ย​ทุกอย่างดูปกติดีแต่ทุกอย่างกลับพลิกเวลาโมโหทีไร​ก็มักจะทำร้ายตัวเองตลอด​เป็นแบบนี้บ่อย
ม.4 : พออยู่ม.4อาการมันก็เริ่ม​แย่ลงจนผมได้บอกครูไปว่าปทอยากจะหลับไปตลอด​ชีวิต​แล้วไม่อยากตื่นอีกเลยจนครูเขาบอกว่าผมเป็นโรค​ซึมเศร้า​รึเปล่า​เขาคิดอย่างนั้นแต่ครูที่ว่านี้ก็คือ​ครูผู้ดูแลเด็กหรือฝ่าย​ปรกครองนั้นเอง
เอาจริงช่วง​ม.3กับม.4นี้ผมจำไม่ค่อยได้ว่าเกิด​อะไรขึ้น​มั้งอยู่รู้อย่างเดียวว่าเพื่อน​ในห้องยังไม่เห็นอาการของผม
ม.5 : ม.5 เนี่ย​คือจุด​พีค​ของเรื่อง​ทั้งหมดเกิดขึ้น​กับตัวผม ตอนนั้น​ผมเครียด​มสกเรื่องการเรียน​จนในที่สุด​ผมก็ต่อยตู้ล็อกเกอร์​จนทุกคนในห้องตกใจหมดรวมถึง​ครูด้วยจนสุดท้าย​ครูเขาก็เลยสงผมไปคุยกัยครูที่ดูแลเด็กตอนนั้น​ผมร้องให้ตลอด​ร้องมันแบบที่ว่าพูดไม่ออกเลยทีเดียวจนในที่สุด​ครูเขาก็โทรหาหอที่ผมอยู่จนเขามารับแล้วให้ผมอยุดวันนึงหลังจากนั้นผมก็ไปโรงเรียน​วันพุธ​ปกติแต่เรื่อง​ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม​คือความคิดทุกอย่าง​ก็กลับมาเหมือนเดิม​ทั้งวันจันทร์​หรือเรื่อ​คิด​ว่าเพื่อน​มันจะคิดกับเราแบบไหนอะไรยังไงซึ่ง​ตอนนั้น​ผมคิดมากเลยทีเดียวจนในผมก็เดิน​ไปเข้าห้องน้ำแล้วถือคัตเตอร์​ไปด้วยแล้วก็ตัด​ผมตัวเองซึ่ง​ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าเหมือนกัน​ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นจนครูเขาเห็น​แล้วผมก็ตกใจซึ่ง​ตอนนั้นใช่เวลานานมากเลยกว่าผมจะคืน​มีดให้ใช่เวลาพอสมควร​คือแบบนานจริงๆ​หลังจากนั้นทางหอก็ไม่ให้มาโรงเรียน​อีกเลยซึ่ง​พอเกิด​โควิดเด็กทุกคนก็ต้องอยู่บ้านส่วน​ผมนั้นทางหอเขาให้กลับบ้านได้ซึ่ง​ทุกคนต้องเรียน​ออนไลน์​ตอนนั้นผมไม่กล้าเปิด​กล้องเลยมา​เปิด​อีกทีก็ตอนท้าย​ๆ
หอที่ว่าเนี่ย​มันเป็นที่สำหรับเด็กที่มีปัญหาอะไรยังไงแล้วเขาก็จะหาวิธี​ช่วยว่าไงส่วนความคิดทางหอของผมว่าจะเอายังไงเดี๋ยว​ผมอถิบายแยกให้
ม.6 : ม.6นี้มันพึ่งจะเปิดเทอม​(พอดีการอยุดกับการเปิดของเบลเยียม​มันไม่ตรงของไทยนะครัย)​ซึ่ง​เรียน​ได้ไปเดือน​นึงก็มีเรื่องซะแล้วก็คือตอนนั้นเรียน​พละแล้วผมปั่น​จักรยาน​นำหน้าเพื่อน​ผมก็เลยจอดรอแล้วก็รู้ตัวอีกทีว่ายืน​อยู่บนกำแพนแล้วข้างล่างก็เป็นน้ำไปหมดผมรู้ตัวตอนที่เพื่อน​ผมเรียก​ตอนนั้น​ก็ไม่อยากฆ่าตัวตายหรอกแต่เหมือน​มันเหม่อลอยเหมือน​มัน​หลุด​จนผ.อเขาตัตสินใจให้ผมไปโรงพยาบาล​แทนก็คือ​บังคับ​นั้นแหละตอนแรก​ก็คุย​กับที่ปรึกษา​ปกติจากเขาเรียก​หมอมาจนทุกท้ายเขาตักสินใจให้ผมอยู่คือตอนนั้นผมเครียด​มากฯลฯจนตัดสินใจที่จะอยู่เพื่อ​บังบัดและแน่นอนน้องกับแม่ผมไม่เห็นด้วยแต่ครูหรือเพื่อน​กับตรงกันข้ามเขาดีใจด้วยซ้ำที่ได้ที่รัก​ษาชักที เดี๋ยว​จะอถิบาย​เกี่ยวกับ​แม่และเพื่อน​แล้วก็ครู

แม่กับน้อง : แม่ผมป่วยเป็นมะเร็ง​ครับแล้วก็ทำงานทุกวันทุกวันจริงๆ​นะครับงานที่ว่าเนี่ย​ก็คือทำความสะอาด​แล้วก็นวดแล้วแน่นอนว่ารายได้ไม่เยอะพอสมควรแล้วแม่ผมไม่อยากให้ผมรักษาเพราะมันแพงอันนี้​ผมเข้าใจแล้วก็เพราะแม่ผมคิดว่าผมปกติแม่บอกว่าผมนะขี้เกียจ​ไม่อยาดคุยกับคนโง่อะไรมั่งแล้วเวลา​ผมจะอถิบายก็บอกว่าเถียงผมก็เลยเงียบ​ตลอด​เหมือน​หยางช่วงที่เกิดวันพุธ​เนี่ย​แม่ผมโทรมาแล้วถามว่าสรุปยังไงผมก็อถิบายไม่ถูกเหมือนกัน​ผมนิ่งอยู่สักพัก​ยังไม่ถึงนาทีเลยแม่ผมก็ตัด​สายทิ้งเรียบร้อย​ผมก็แบบนิ่งหรือตอนที่อยู่หอแล้วเขาคุยกับแม่ผมคุยเสร็จ​ก็เรียก​ผมไปคุยซึ่งตอนนั้น​แม่เอา​เพื่อนแม่มาด้วย​สมมุดชื่อ ก แล้วกัน ซึ่ง​ป้า ก ก็ถามอยู่นี้สนุก​ไหมอะไรยังไงฯลฯแล้วตอนนั้นเหมือน​แม่ผมถามอะไรผมแต่ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าอะไรซึ่งตอนนั้น​ผมก็นิ่งสักพักจนบอกกับเพื่อน​ว่า"ปะพี่กลับเถอะ"  แล้วเขาก็ลุกขึ้น​แล้วก็ไปงั้นๆตอนผมแบบฯลฯแล้วเวลาแม่ผมโมโหทีไรมักจะเมิง​ผมไม่คุยกับผมอะไรและมันทีก็เทอาหารทิ้งหรือไม่ก็ไม่กับข้าวให้ผมกินตอนนั้นมันก็รู้สึกเจ็บเป็นอย่างมากบังทีก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน​ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นหรืออย่างตอนนี้ที่ผมอยู่โรงพยาบาล​แม่โทรหาผมแล้วถามผมว่า"เครียด​ขนาด​นั้นเซียวหรอ" ผมก็ตอบว่าก็มันเครียด​ไงแม่ให้ผมทำไงผมก็ไม่อยากมีปัญหา​ใครมั่งที่อยาดมีปัญหา​ แม่ผมก็ตอบว่า ไม่อยากมีปัญหา​แต่เอาปัญหา​เข้ามา กูคงจะตายก่อนอยู่แล้วทำให้กูเครียด​นะ ผมก็นิ่งไปสัก​พักจากนั้นแม่ก็ถามว่า สงสางแม่ไหม ผมก็ตอบว่า ผมก็ไม่อยากให้แม่จ่ายตั้ง200ยูโรหรือ400ยูโรหรอนะ(อันนี้​แค่สมมุดราคาที่แท้จริงเขาจะคิดออกมาเองว่าเท่าไหร่อะไรยังไง) แม่ผมก็ตอบว่า  พูดแบบนี้ไม่ได้สารกูหรอก ตอนนั้น​ผมก็ซ็อกแล้วก็ทุบหัวตัวเองจนในที่สุด​ผมก็พูดไปเลยว่า ถ้าแม่คิด​อย่างนั้นก็เรื่อง​ของแม่แล้วแหละ​ ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน​นะที่พูดไปแบบนั้นนะตอนนี้แม่ผมก็เงียบเหมือน​เดิมเลยไม่โทรหาผมอะไรเลย
น้องผมก็ดูเหมือน​จะเข้าข้างแม่เมื่อตอนทือยู่โรงพยาบาล​เนี่ย​น้องผมก็โทรมาหาผมก็รับน้องก็เอาแต่ร้องให้แล้วก็ด่าผมว่าทำไมชอบมีปัญหา​อยากให้แม่ตายรึไงซึ่ง​ตอนนั้น​ผมจะอถิบายน้องผมก็เถียง​ ผมบอกว่าผมไม่รู้ว่าผมปกติรึเปล่า​น้องผมก็บอกว่าก็ปกตินั้นแหละ​แต่ชอบหาเรื่อง​อย่างนู้นหย่างนั้นอย่างเนี้ย​จนสุดท้าย​ผมก็พูดอะไรออกได้แต่ซึม.

ครู : ครูนี้จะแบ่งเป็น3อย่างนะครับ
ครูผู้ช่วย:ครูคนนี้เป็นครูคนเดียว​ที่ผมอถิบายได้อะไรๆหลายหยางทั้งเรื่อง​ในโรงเรียน​เรื่อง​ในบ้านฯลฯเวลาคุยด้วยแล้วและรู้สึกโล่งใจ​เวลาคุยกับครูแกแตกต่าง​ตอนคุย​กับแม่ผมมากเลยและ
ครู clb : เป็นเหมือน​ผู้ช่วยมากกว่าครูแต่ครูแกอยู่เบื้องหลัง​ในการช่วยเหลื​อผมมากที่พีดไปกว่านั้นก็คือวันพุธ​มันเป็นวันหยุดของครูแกเลือก​ที่จะช่วยผมอย่างเช่น​ตอนที่ไปสถาน​ที่นึงแล้วผมคิดว่าไปคนเดียว​ไม่รอดแน่แต่เลือก​ที่จะไปกับผมทั้งที่ครูแกสามารถ​ปฏิเสธ​ได้เลย
เป็นครูคนเดียว​ที่ไม่ค่อย​เห็นหน้ารูแต่อย่างเดียวว่าครูมักจะอยูเบื้องหลัง​ในการช่วยเหลือแล้วดูเหมือนว่า​ครูแกก็โทรหาหลายคนมากแต่เสียง​ส่วยมากก็ปฏิเสธ​จนได้มาอยู่ในโรงพยาบาล​นี้และครูแกคงคิดว่าหมอคงปฏิเสธ​เหมือนกัน​แต่กลับพลิกตรงที่หมอเขารับในการช่วยซึ่ง​ครูแกก็ดีใจเอามากๆ
ครูสอนหนังสือ​: ครูนี้มีอยู่หลายคนนะครับแต่มี2คนเท่านั้นที่รู้จักผมดีแต่รู้จักผมดีในถานะที่ฟังมาจากครูผู้ช่วยของผมซึ่งครูผู้ช่วยเนี่ย​เค้าเล่าตอนที่เขาเล่าเรื่อง​ของผมให้ฟังครูเขาเห็นน้ำตาของ2ครูคนนั้นและดูเหมือน​ครู2คนเนี่ย​อยากพูดกับผมแต่ดูเหมือนว่า​ครูแกต้องดูแลเด็กคนอื่น​อะไรด้วยก็คือเกี่ยวกับ​งานในโรงเรียน​นั้นและส่วน​มากเวลาคุยกับครู2คนนี้ส่วนมากจะคุย​เรื่อง​เกี่ยวกับ​งานซะมากก็คือครูกับนักเรียน​นั้นแหละ​

เพื่อน​ไทย : ผมมีเพื่อน​อยู่ประมาณ​4คนครับแต่ดูเหมือนว่า​แต่ละคนจะอยู่ไกลซะเลอะเกิน คนนึงอยู่เมือง​ไทย (นามสมมุติ K)​ อีกคนอยู่ Antwerpen(นามสมมุติ J)​ อีกคนไม่รู้อยู่ไหนรู้แต่ต้องนั่ง​รถไฟไปโรงเรียน​ (นามสมมุติ​ N) อีกคนต้องรถเมล์​มาโรงเรียน​ (นามสมมุติ​ A)​
พี่ k หลังที่พี่แกกลับเมือง​ไทย​ก็ดูเหมือนว่า​ผมอยู่คนเดียว​เพราะ​พี่แกอยู่ในโรงเรียน​เดียว​กับผมและดูเหมือน​ว่าแถบจะไม่มีเวลาโทรกันเลย
พี่ A กับ นาง N : คุยกับสองคนนี้ได้เยอะมากได้ความคิดเห็นอะไรๆหลายหย่างแล้วเป็น2คนที่ผมมักจะร้องให้ที่สุด​โดยเฉพาะ​นาง N ปรึกษาได้อะไรหลายหย่างแล้วเวลาคุย​คุยนานมากคุยทีนึงปาไป3ชั่วโมง​โดยเฉพาะ​นาง N
นาง J นี้ดูเหมือนว่า​จะเป็นคนเดียว​ที่แทบไม่ได้คุยเลยแต่ส่วน​มากจะช่วงตอนที่พี่k อยู่แต่พอพี่kไปแล้วเขาบอกให้ผมโทรหานางJแล้วนางก็คุย​ดีมากเหมือนกัน​และแน่นอน​คุย​นานมากก็ไม่แตกต่างกับนางNฉะเท่าไหร่​
สรุป​นางNกับพี่Aไม่ปฏิเสธ​ที่ให้ผมอยู่โรงพยาบาล​เขาบอกว่าดีแล้วก็ได้รักษาส่วน2คนที่เหลือ​ยังไม่รู้​เรื่อง​นี้

เพื่อน​ในโรงเรียน​:ดูเหมือนว่า​เพื่อน​ในโรงเรียน​จะไม่ค่อยมีใครรู้จักผมดีช่วงแรกๆแต่พอเกิด​เรื่อง​วันจันทร์​กับวันพุธ​ทุกคนก็เริ่ม​เป็นห่วงผมอันนี้ครูผู้ช่วยบอกนะครับซึ่ง​เอาจริง​ๆในโรงเรียน​ผมมีเพื่อน​เยอะนะแต่ดูเหมือนว่า​ผมเพื่อนที่แบบจริงจัง​แทบไม่มีมันเหมือน​กับว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อน.

ตัวผม: มาถึงตรงนี้แล้วให้ทุกคนตักสินว่าคิดถูกหรือ​ผิด​ตามหัวกระทู้นั่นแหละ​ครับมะเริ่ม​กันเลย
เวลาผมโมโหแม่ทีไรผมมักจะทำลายข้าวของหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเองซึ่ง​ถามว่ารู้ตัวไหมตอบได้2แบบก็คือรู้กับไม่รู้ซึ่งพออาการหนักขึ้น​เรื่อย​ๆจนตักสินที่ไม่อยากอยู่ต่อเคยคิดจะฆ่าตัวตายได้แต่คิดแต่ไม่เคยทำแต่เคยถืออุปกรณ์​ไว้เรียบร้อย​หรือไม่ก็วางแผน​ว่าจะโดด​น้ำที่ไกลๆที่ไม่ค่อยมีคนเห็นเวลาผมโดน​เพื่อน​ว่าหรือแม่หรือน้องผมมักจะนิ่งนิ่งแล้วไม่ทำอะไรเลยมันก็เหม่อลอยจนหนักสุด​ก็ตอนวันพุธ​กับวันที่มาโรงพยาบาล​พอดีวันพุธ​นี้หลังจากที่ผมทำเรื่อง​วันจันทร์ในการต่อยตู้ล็อกเกอร์​และวันอังคารก็หยุด​เพราะหอเขาให้อยุดจนมาวันพุธพอผมเห็นหน้าเพื่อน​ปุกทุกอย่างก็กลับมาคิดคือตอนนั้นก็จำไม่ได้เหมือนกั​นว่าคิดอะไรอยู่รู้อต่อย่างเดียวว่าถือมีดคัตเตอร์​เข้าห้องน้ำแล้วตักผมตัวเองก็ไม่เข้าใจ​เหมือนกัน​ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นแล้วเขาก็เห็นผมก็กลัวอล้วใช้เวลานานมากก่วาจะให้มีดเขาหลังจากโควิดอยู่ก็ไม่ค่อยมีเรื่อง​เท่าไหร่​เพราะ​อยู่แต่ในบ้านพอมาขึ้นม.6ซึ่ง​เอา​จริงๆ​แล้วผมต้องช้ำชั้นด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่า​ทางโรงเรียน​เขาคิดว่าไม่ใช้ที่ดีเท่าไหร่จนสุดท้ายผมได้เลื่อนชั้น​แต่เรียน​ในถานะ IAC ก็คือเรียนปกติเหมือนเด็กคนแต่มันจะแตกต่างกันตรงผมสามารถ​เลือกได้ว่าจะเรียน​วิธาไหนอะไรยังไงบางข้อก็ไม่ต้องทำหรืออาจจะได้ง่ายกว่าคนอื่น​แต่ข้อเสีย​ของมันคือ​เรียน​จบม.6จะไม่ได้ diproma​หรือ
ปริญญาโทหรือวุตินั้น​เองซึ่ง​ถ้าผมไม่ได้ก็เท่ากัยสิ่งผมเรียน​มาทั้งหมดก็ศูนย์​เปล่าและที่สำคัญผมจะหางานทำอะไรได้ถ้าผมไม่มีใบนั้นน้องผมก็ด่าผมว่า มันมีอยู่แล้วและงานไม่มีใบนั้นก็แค่เก็บเงิน​แค่นั้นเองผมก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วเพื่อน​ผมบอกว่ามันไม่ง่ายขนาด​นั้น​หรอกถ้าทำได้แบบนั้นป่านี้ทุกคนรวยหมดแล้วสิผมก็กลับไปคิดว่ามันก็จริงอยู่​เอาเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล​แต่ทำไมผมกลับรู้สึกดีมากกว่าตอนอยู่บ้านที่ผ่านมา​ผมก็แปลกใจกลับตัวเองเหมือนกัน​และเสียง​ส่วยมากตอบว่าใช้คนที่ตอบว่าไม่ มีแค่แม่กับน้องสาวแท้ๆ ซึ่ง​เอาเข้า​จริงๆ​ผมก็อยาก​ปฏิเสธ​แต่ครูแกบอกว่าเขาโทรหาหลายที่ทุกที่สวยมากปฏิเสธ​จนมีโอกาส​ตอนนี้​ซึ่งนี้เป็นโอกาสสำรับ​ตัวเธอซึ่งเอาเข้าจริงๆผมก็อยากเข้าบันบัดแต่ก็กลัวแม่ว่าด่าอะไรทำนองก็คืออยาดเข้าแต่กลัวแม่มากเลยจนครูเขาก็ถามผมตรง​ๆเลยเธอกลัวแม่ขนาดนั้น​เลยเหรอมันไม่ผิดปกติหน่อยเหรอจนในที่สุด​ผมก็คิดได้ว่าในเมื่อ​นี้เป็นโอกาส​แล้วเพราะอย่างน้อยได้ใบหมอมาก็หางานทำง่ายอาจจะได้เงิน​แล้วสงผลต่ออนาคต​ที่ดีสำหรับผมซึ่งเอาเข้าจริงที่ผมอยากเข้าจริงๆก็แค่อยากรู้ว่าผมป่วยหรือว่าอะไรยังไง

เอาเป็นว่าทุกคนมีความคิดเห็นยังไงอะไรก็พินได้นะครับ
แล้วทุกคนคิดว่าที่เลือด​เข้าบับบัดนี้คิดถูกรึเปล่า

ส่วนถ้าใครจะถามอะไรผมก็รอหน่อยนะครับพอดีโน๊ต​บุ๊ค​ผมมันเป็นของที่เบลเยียม​เวลาพิมภาษาไทยต้องเข้าgoogle translateตลอด​เวลาตอบอาจจะตอบช้าหน่อยแต่ตอบแน่ถ้าภาไทยพินผิดอะไรยังไงก็บอกหลบกวนแก้ให้ด้วยได้นะครับ ขอบคุณ​ครับที่เข้ามาอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่