สวัสดีครับตอนนี้ผมอายุ18ปีแล้วปีหน้าก็ผมก็19แล้วผมเรียนอยู่ที่ต่างประเทศซึ่งก็คือประเทศเบลเยียมครับผมจะเล่าเรื่องโดยการแบ่งส่วนนะครับเพื่อไม่ให้พวกคุณสับสนหรืองงนะครับซึ่งตอนนี้ผมเรียนม.6สายอาชีพหรือBSOนะครับเผื่อใครไม่เข้าใจเดี๋อวทิ้งลิ้งค์ไว้ให้
ลิ้งค์
http://nevadatan1997.blog.fc2.com/blog-entry-23.html
การสอบของการศึกษาของเบลเยียมมีการสอบสามครั้งซึ่งก็คือการสอบช่วงคริสมาสช่วงเทศการใข่และปิดเทิมใหญ่
ป.3 จนถึง ม.2 : ช่วงมาเบลเยียมใหม่ๆหรือตอนที่เรียนป.3จนถึงม.2ก็ปกติอาจจะโดนเพื่อนแกล้งมั้งอะไรมั้งแต่มีอยู่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมครูแกไม่สนใจผมเลยคือแบบว่าตอนนั้นอยู่ป.3อายุ10ขวบครูแกสอนเด็กนักเรียนทุกคนในห้องได้เรียนหมดแต่ผมนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้เรียนกับเขาด้วยก็งงกับ
ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้เรียนเหมือนกันก็คือนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลยก็งงอยู้เหมือนกันแต่ตอนนั้นยังเด็กพึ่งมาคิดได้ตอนโตนั้นแหละส่วนหลังจากป.3ทุกอย่างก็ปกติดี
ม.3 : ช่วงม.3เนี่ยทุกอย่างดูปกติดีแต่ทุกอย่างกลับพลิกเวลาโมโหทีไรก็มักจะทำร้ายตัวเองตลอดเป็นแบบนี้บ่อย
ม.4 : พออยู่ม.4อาการมันก็เริ่มแย่ลงจนผมได้บอกครูไปว่าปทอยากจะหลับไปตลอดชีวิตแล้วไม่อยากตื่นอีกเลยจนครูเขาบอกว่าผมเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่าเขาคิดอย่างนั้นแต่ครูที่ว่านี้ก็คือครูผู้ดูแลเด็กหรือฝ่ายปรกครองนั้นเอง
เอาจริงช่วงม.3กับม.4นี้ผมจำไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้นมั้งอยู่รู้อย่างเดียวว่าเพื่อนในห้องยังไม่เห็นอาการของผม
ม.5 : ม.5 เนี่ยคือจุดพีคของเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกับตัวผม ตอนนั้นผมเครียดมสกเรื่องการเรียนจนในที่สุดผมก็ต่อยตู้ล็อกเกอร์จนทุกคนในห้องตกใจหมดรวมถึงครูด้วยจนสุดท้ายครูเขาก็เลยสงผมไปคุยกัยครูที่ดูแลเด็กตอนนั้นผมร้องให้ตลอดร้องมันแบบที่ว่าพูดไม่ออกเลยทีเดียวจนในที่สุดครูเขาก็โทรหาหอที่ผมอยู่จนเขามารับแล้วให้ผมอยุดวันนึงหลังจากนั้นผมก็ไปโรงเรียนวันพุธปกติแต่เรื่องทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมคือความคิดทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมทั้งวันจันทร์หรือเรื่อคิดว่าเพื่อนมันจะคิดกับเราแบบไหนอะไรยังไงซึ่งตอนนั้นผมคิดมากเลยทีเดียวจนในผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วถือคัตเตอร์ไปด้วยแล้วก็ตัดผมตัวเองซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เข้าเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นจนครูเขาเห็นแล้วผมก็ตกใจซึ่งตอนนั้นใช่เวลานานมากเลยกว่าผมจะคืนมีดให้ใช่เวลาพอสมควรคือแบบนานจริงๆหลังจากนั้นทางหอก็ไม่ให้มาโรงเรียนอีกเลยซึ่งพอเกิดโควิดเด็กทุกคนก็ต้องอยู่บ้านส่วนผมนั้นทางหอเขาให้กลับบ้านได้ซึ่งทุกคนต้องเรียนออนไลน์ตอนนั้นผมไม่กล้าเปิดกล้องเลยมาเปิดอีกทีก็ตอนท้ายๆ
หอที่ว่าเนี่ยมันเป็นที่สำหรับเด็กที่มีปัญหาอะไรยังไงแล้วเขาก็จะหาวิธีช่วยว่าไงส่วนความคิดทางหอของผมว่าจะเอายังไงเดี๋ยวผมอถิบายแยกให้
ม.6 : ม.6นี้มันพึ่งจะเปิดเทอม(พอดีการอยุดกับการเปิดของเบลเยียมมันไม่ตรงของไทยนะครัย)ซึ่งเรียนได้ไปเดือนนึงก็มีเรื่องซะแล้วก็คือตอนนั้นเรียนพละแล้วผมปั่นจักรยานนำหน้าเพื่อนผมก็เลยจอดรอแล้วก็รู้ตัวอีกทีว่ายืนอยู่บนกำแพนแล้วข้างล่างก็เป็นน้ำไปหมดผมรู้ตัวตอนที่เพื่อนผมเรียกตอนนั้นก็ไม่อยากฆ่าตัวตายหรอกแต่เหมือนมันเหม่อลอยเหมือนมันหลุดจนผ.อเขาตัตสินใจให้ผมไปโรงพยาบาลแทนก็คือบังคับนั้นแหละตอนแรกก็คุยกับที่ปรึกษาปกติจากเขาเรียกหมอมาจนทุกท้ายเขาตักสินใจให้ผมอยู่คือตอนนั้นผมเครียดมากฯลฯจนตัดสินใจที่จะอยู่เพื่อบังบัดและแน่นอนน้องกับแม่ผมไม่เห็นด้วยแต่ครูหรือเพื่อนกับตรงกันข้ามเขาดีใจด้วยซ้ำที่ได้ที่รักษาชักที เดี๋ยวจะอถิบายเกี่ยวกับแม่และเพื่อนแล้วก็ครู
แม่กับน้อง : แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งครับแล้วก็ทำงานทุกวันทุกวันจริงๆนะครับงานที่ว่าเนี่ยก็คือทำความสะอาดแล้วก็นวดแล้วแน่นอนว่ารายได้ไม่เยอะพอสมควรแล้วแม่ผมไม่อยากให้ผมรักษาเพราะมันแพงอันนี้ผมเข้าใจแล้วก็เพราะแม่ผมคิดว่าผมปกติแม่บอกว่าผมนะขี้เกียจไม่อยาดคุยกับคนโง่อะไรมั่งแล้วเวลาผมจะอถิบายก็บอกว่าเถียงผมก็เลยเงียบตลอดเหมือนหยางช่วงที่เกิดวันพุธเนี่ยแม่ผมโทรมาแล้วถามว่าสรุปยังไงผมก็อถิบายไม่ถูกเหมือนกันผมนิ่งอยู่สักพักยังไม่ถึงนาทีเลยแม่ผมก็ตัดสายทิ้งเรียบร้อยผมก็แบบนิ่งหรือตอนที่อยู่หอแล้วเขาคุยกับแม่ผมคุยเสร็จก็เรียกผมไปคุยซึ่งตอนนั้นแม่เอาเพื่อนแม่มาด้วยสมมุดชื่อ ก แล้วกัน ซึ่งป้า ก ก็ถามอยู่นี้สนุกไหมอะไรยังไงฯลฯแล้วตอนนั้นเหมือนแม่ผมถามอะไรผมแต่ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าอะไรซึ่งตอนนั้นผมก็นิ่งสักพักจนบอกกับเพื่อนว่า"ปะพี่กลับเถอะ" แล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วก็ไปงั้นๆตอนผมแบบฯลฯแล้วเวลาแม่ผมโมโหทีไรมักจะเมิงผมไม่คุยกับผมอะไรและมันทีก็เทอาหารทิ้งหรือไม่ก็ไม่กับข้าวให้ผมกินตอนนั้นมันก็รู้สึกเจ็บเป็นอย่างมากบังทีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นหรืออย่างตอนนี้ที่ผมอยู่โรงพยาบาลแม่โทรหาผมแล้วถามผมว่า"เครียดขนาดนั้นเซียวหรอ" ผมก็ตอบว่าก็มันเครียดไงแม่ให้ผมทำไงผมก็ไม่อยากมีปัญหาใครมั่งที่อยาดมีปัญหา แม่ผมก็ตอบว่า ไม่อยากมีปัญหาแต่เอาปัญหาเข้ามา กูคงจะตายก่อนอยู่แล้วทำให้กูเครียดนะ ผมก็นิ่งไปสักพักจากนั้นแม่ก็ถามว่า สงสางแม่ไหม ผมก็ตอบว่า ผมก็ไม่อยากให้แม่จ่ายตั้ง200ยูโรหรือ400ยูโรหรอนะ(อันนี้แค่สมมุดราคาที่แท้จริงเขาจะคิดออกมาเองว่าเท่าไหร่อะไรยังไง) แม่ผมก็ตอบว่า พูดแบบนี้ไม่ได้สารกูหรอก ตอนนั้นผมก็ซ็อกแล้วก็ทุบหัวตัวเองจนในที่สุดผมก็พูดไปเลยว่า ถ้าแม่คิดอย่างนั้นก็เรื่องของแม่แล้วแหละ ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันนะที่พูดไปแบบนั้นนะตอนนี้แม่ผมก็เงียบเหมือนเดิมเลยไม่โทรหาผมอะไรเลย
น้องผมก็ดูเหมือนจะเข้าข้างแม่เมื่อตอนทือยู่โรงพยาบาลเนี่ยน้องผมก็โทรมาหาผมก็รับน้องก็เอาแต่ร้องให้แล้วก็ด่าผมว่าทำไมชอบมีปัญหาอยากให้แม่ตายรึไงซึ่งตอนนั้นผมจะอถิบายน้องผมก็เถียง ผมบอกว่าผมไม่รู้ว่าผมปกติรึเปล่าน้องผมก็บอกว่าก็ปกตินั้นแหละแต่ชอบหาเรื่องอย่างนู้นหย่างนั้นอย่างเนี้ยจนสุดท้ายผมก็พูดอะไรออกได้แต่ซึม.
ครู : ครูนี้จะแบ่งเป็น3อย่างนะครับ
ครูผู้ช่วย:ครูคนนี้เป็นครูคนเดียวที่ผมอถิบายได้อะไรๆหลายหยางทั้งเรื่องในโรงเรียนเรื่องในบ้านฯลฯเวลาคุยด้วยแล้วและรู้สึกโล่งใจเวลาคุยกับครูแกแตกต่างตอนคุยกับแม่ผมมากเลยและ
ครู clb : เป็นเหมือนผู้ช่วยมากกว่าครูแต่ครูแกอยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือผมมากที่พีดไปกว่านั้นก็คือวันพุธมันเป็นวันหยุดของครูแกเลือกที่จะช่วยผมอย่างเช่นตอนที่ไปสถานที่นึงแล้วผมคิดว่าไปคนเดียวไม่รอดแน่แต่เลือกที่จะไปกับผมทั้งที่ครูแกสามารถปฏิเสธได้เลย
เป็นครูคนเดียวที่ไม่ค่อยเห็นหน้ารูแต่อย่างเดียวว่าครูมักจะอยูเบื้องหลังในการช่วยเหลือแล้วดูเหมือนว่าครูแกก็โทรหาหลายคนมากแต่เสียงส่วยมากก็ปฏิเสธจนได้มาอยู่ในโรงพยาบาลนี้และครูแกคงคิดว่าหมอคงปฏิเสธเหมือนกันแต่กลับพลิกตรงที่หมอเขารับในการช่วยซึ่งครูแกก็ดีใจเอามากๆ
ครูสอนหนังสือ: ครูนี้มีอยู่หลายคนนะครับแต่มี2คนเท่านั้นที่รู้จักผมดีแต่รู้จักผมดีในถานะที่ฟังมาจากครูผู้ช่วยของผมซึ่งครูผู้ช่วยเนี่ยเค้าเล่าตอนที่เขาเล่าเรื่องของผมให้ฟังครูเขาเห็นน้ำตาของ2ครูคนนั้นและดูเหมือนครู2คนเนี่ยอยากพูดกับผมแต่ดูเหมือนว่าครูแกต้องดูแลเด็กคนอื่นอะไรด้วยก็คือเกี่ยวกับงานในโรงเรียนนั้นและส่วนมากเวลาคุยกับครู2คนนี้ส่วนมากจะคุยเรื่องเกี่ยวกับงานซะมากก็คือครูกับนักเรียนนั้นแหละ
เพื่อนไทย : ผมมีเพื่อนอยู่ประมาณ4คนครับแต่ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะอยู่ไกลซะเลอะเกิน คนนึงอยู่เมืองไทย (นามสมมุติ K) อีกคนอยู่ Antwerpen(นามสมมุติ J) อีกคนไม่รู้อยู่ไหนรู้แต่ต้องนั่งรถไฟไปโรงเรียน (นามสมมุติ N) อีกคนต้องรถเมล์มาโรงเรียน (นามสมมุติ A)
พี่ k หลังที่พี่แกกลับเมืองไทยก็ดูเหมือนว่าผมอยู่คนเดียวเพราะพี่แกอยู่ในโรงเรียนเดียวกับผมและดูเหมือนว่าแถบจะไม่มีเวลาโทรกันเลย
พี่ A กับ นาง N : คุยกับสองคนนี้ได้เยอะมากได้ความคิดเห็นอะไรๆหลายหย่างแล้วเป็น2คนที่ผมมักจะร้องให้ที่สุดโดยเฉพาะนาง N ปรึกษาได้อะไรหลายหย่างแล้วเวลาคุยคุยนานมากคุยทีนึงปาไป3ชั่วโมงโดยเฉพาะนาง N
นาง J นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนเดียวที่แทบไม่ได้คุยเลยแต่ส่วนมากจะช่วงตอนที่พี่k อยู่แต่พอพี่kไปแล้วเขาบอกให้ผมโทรหานางJแล้วนางก็คุยดีมากเหมือนกันและแน่นอนคุยนานมากก็ไม่แตกต่างกับนางNฉะเท่าไหร่
สรุปนางNกับพี่Aไม่ปฏิเสธที่ให้ผมอยู่โรงพยาบาลเขาบอกว่าดีแล้วก็ได้รักษาส่วน2คนที่เหลือยังไม่รู้เรื่องนี้
เพื่อนในโรงเรียน:ดูเหมือนว่าเพื่อนในโรงเรียนจะไม่ค่อยมีใครรู้จักผมดีช่วงแรกๆแต่พอเกิดเรื่องวันจันทร์กับวันพุธทุกคนก็เริ่มเป็นห่วงผมอันนี้ครูผู้ช่วยบอกนะครับซึ่งเอาจริงๆในโรงเรียนผมมีเพื่อนเยอะนะแต่ดูเหมือนว่าผมเพื่อนที่แบบจริงจังแทบไม่มีมันเหมือนกับว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อน.
ตัวผม: มาถึงตรงนี้แล้วให้ทุกคนตักสินว่าคิดถูกหรือผิดตามหัวกระทู้นั่นแหละครับมะเริ่มกันเลย
เวลาผมโมโหแม่ทีไรผมมักจะทำลายข้าวของหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเองซึ่งถามว่ารู้ตัวไหมตอบได้2แบบก็คือรู้กับไม่รู้ซึ่งพออาการหนักขึ้นเรื่อยๆจนตักสินที่ไม่อยากอยู่ต่อเคยคิดจะฆ่าตัวตายได้แต่คิดแต่ไม่เคยทำแต่เคยถืออุปกรณ์ไว้เรียบร้อยหรือไม่ก็วางแผนว่าจะโดดน้ำที่ไกลๆที่ไม่ค่อยมีคนเห็นเวลาผมโดนเพื่อนว่าหรือแม่หรือน้องผมมักจะนิ่งนิ่งแล้วไม่ทำอะไรเลยมันก็เหม่อลอยจนหนักสุดก็ตอนวันพุธกับวันที่มาโรงพยาบาลพอดีวันพุธนี้หลังจากที่ผมทำเรื่องวันจันทร์ในการต่อยตู้ล็อกเกอร์และวันอังคารก็หยุดเพราะหอเขาให้อยุดจนมาวันพุธพอผมเห็นหน้าเพื่อนปุกทุกอย่างก็กลับมาคิดคือตอนนั้นก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่รู้อต่อย่างเดียวว่าถือมีดคัตเตอร์เข้าห้องน้ำแล้วตักผมตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นแล้วเขาก็เห็นผมก็กลัวอล้วใช้เวลานานมากก่วาจะให้มีดเขาหลังจากโควิดอยู่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องเท่าไหร่เพราะอยู่แต่ในบ้านพอมาขึ้นม.6ซึ่งเอาจริงๆแล้วผมต้องช้ำชั้นด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนเขาคิดว่าไม่ใช้ที่ดีเท่าไหร่จนสุดท้ายผมได้เลื่อนชั้นแต่เรียนในถานะ IAC ก็คือเรียนปกติเหมือนเด็กคนแต่มันจะแตกต่างกันตรงผมสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนวิธาไหนอะไรยังไงบางข้อก็ไม่ต้องทำหรืออาจจะได้ง่ายกว่าคนอื่นแต่ข้อเสียของมันคือเรียนจบม.6จะไม่ได้ dipromaหรือ
ปริญญาโทหรือวุตินั้นเองซึ่งถ้าผมไม่ได้ก็เท่ากัยสิ่งผมเรียนมาทั้งหมดก็ศูนย์เปล่าและที่สำคัญผมจะหางานทำอะไรได้ถ้าผมไม่มีใบนั้นน้องผมก็ด่าผมว่า มันมีอยู่แล้วและงานไม่มีใบนั้นก็แค่เก็บเงินแค่นั้นเองผมก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วเพื่อนผมบอกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกถ้าทำได้แบบนั้นป่านี้ทุกคนรวยหมดแล้วสิผมก็กลับไปคิดว่ามันก็จริงอยู่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาลแต่ทำไมผมกลับรู้สึกดีมากกว่าตอนอยู่บ้านที่ผ่านมาผมก็แปลกใจกลับตัวเองเหมือนกันและเสียงส่วยมากตอบว่าใช้คนที่ตอบว่าไม่ มีแค่แม่กับน้องสาวแท้ๆ ซึ่งเอาเข้าจริงๆผมก็อยากปฏิเสธแต่ครูแกบอกว่าเขาโทรหาหลายที่ทุกที่สวยมากปฏิเสธจนมีโอกาสตอนนี้ซึ่งนี้เป็นโอกาสสำรับตัวเธอซึ่งเอาเข้าจริงๆผมก็อยากเข้าบันบัดแต่ก็กลัวแม่ว่าด่าอะไรทำนองก็คืออยาดเข้าแต่กลัวแม่มากเลยจนครูเขาก็ถามผมตรงๆเลยเธอกลัวแม่ขนาดนั้นเลยเหรอมันไม่ผิดปกติหน่อยเหรอจนในที่สุดผมก็คิดได้ว่าในเมื่อนี้เป็นโอกาสแล้วเพราะอย่างน้อยได้ใบหมอมาก็หางานทำง่ายอาจจะได้เงินแล้วสงผลต่ออนาคตที่ดีสำหรับผมซึ่งเอาเข้าจริงที่ผมอยากเข้าจริงๆก็แค่อยากรู้ว่าผมป่วยหรือว่าอะไรยังไง
เอาเป็นว่าทุกคนมีความคิดเห็นยังไงอะไรก็พินได้นะครับ
แล้วทุกคนคิดว่าที่เลือดเข้าบับบัดนี้คิดถูกรึเปล่า
ส่วนถ้าใครจะถามอะไรผมก็รอหน่อยนะครับพอดีโน๊ตบุ๊คผมมันเป็นของที่เบลเยียมเวลาพิมภาษาไทยต้องเข้าgoogle translateตลอดเวลาตอบอาจจะตอบช้าหน่อยแต่ตอบแน่ถ้าภาไทยพินผิดอะไรยังไงก็บอกหลบกวนแก้ให้ด้วยได้นะครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน
คิดถูกไหมที่เลือกเข้ารักษาอาการทางจิตหรือบันบัด
ลิ้งค์ http://nevadatan1997.blog.fc2.com/blog-entry-23.html
การสอบของการศึกษาของเบลเยียมมีการสอบสามครั้งซึ่งก็คือการสอบช่วงคริสมาสช่วงเทศการใข่และปิดเทิมใหญ่
ป.3 จนถึง ม.2 : ช่วงมาเบลเยียมใหม่ๆหรือตอนที่เรียนป.3จนถึงม.2ก็ปกติอาจจะโดนเพื่อนแกล้งมั้งอะไรมั้งแต่มีอยู่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมครูแกไม่สนใจผมเลยคือแบบว่าตอนนั้นอยู่ป.3อายุ10ขวบครูแกสอนเด็กนักเรียนทุกคนในห้องได้เรียนหมดแต่ผมนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้เรียนกับเขาด้วยก็งงกับ
ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้เรียนเหมือนกันก็คือนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลยก็งงอยู้เหมือนกันแต่ตอนนั้นยังเด็กพึ่งมาคิดได้ตอนโตนั้นแหละส่วนหลังจากป.3ทุกอย่างก็ปกติดี
ม.3 : ช่วงม.3เนี่ยทุกอย่างดูปกติดีแต่ทุกอย่างกลับพลิกเวลาโมโหทีไรก็มักจะทำร้ายตัวเองตลอดเป็นแบบนี้บ่อย
ม.4 : พออยู่ม.4อาการมันก็เริ่มแย่ลงจนผมได้บอกครูไปว่าปทอยากจะหลับไปตลอดชีวิตแล้วไม่อยากตื่นอีกเลยจนครูเขาบอกว่าผมเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่าเขาคิดอย่างนั้นแต่ครูที่ว่านี้ก็คือครูผู้ดูแลเด็กหรือฝ่ายปรกครองนั้นเอง
เอาจริงช่วงม.3กับม.4นี้ผมจำไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้นมั้งอยู่รู้อย่างเดียวว่าเพื่อนในห้องยังไม่เห็นอาการของผม
ม.5 : ม.5 เนี่ยคือจุดพีคของเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกับตัวผม ตอนนั้นผมเครียดมสกเรื่องการเรียนจนในที่สุดผมก็ต่อยตู้ล็อกเกอร์จนทุกคนในห้องตกใจหมดรวมถึงครูด้วยจนสุดท้ายครูเขาก็เลยสงผมไปคุยกัยครูที่ดูแลเด็กตอนนั้นผมร้องให้ตลอดร้องมันแบบที่ว่าพูดไม่ออกเลยทีเดียวจนในที่สุดครูเขาก็โทรหาหอที่ผมอยู่จนเขามารับแล้วให้ผมอยุดวันนึงหลังจากนั้นผมก็ไปโรงเรียนวันพุธปกติแต่เรื่องทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมคือความคิดทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมทั้งวันจันทร์หรือเรื่อคิดว่าเพื่อนมันจะคิดกับเราแบบไหนอะไรยังไงซึ่งตอนนั้นผมคิดมากเลยทีเดียวจนในผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วถือคัตเตอร์ไปด้วยแล้วก็ตัดผมตัวเองซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เข้าเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นจนครูเขาเห็นแล้วผมก็ตกใจซึ่งตอนนั้นใช่เวลานานมากเลยกว่าผมจะคืนมีดให้ใช่เวลาพอสมควรคือแบบนานจริงๆหลังจากนั้นทางหอก็ไม่ให้มาโรงเรียนอีกเลยซึ่งพอเกิดโควิดเด็กทุกคนก็ต้องอยู่บ้านส่วนผมนั้นทางหอเขาให้กลับบ้านได้ซึ่งทุกคนต้องเรียนออนไลน์ตอนนั้นผมไม่กล้าเปิดกล้องเลยมาเปิดอีกทีก็ตอนท้ายๆ
หอที่ว่าเนี่ยมันเป็นที่สำหรับเด็กที่มีปัญหาอะไรยังไงแล้วเขาก็จะหาวิธีช่วยว่าไงส่วนความคิดทางหอของผมว่าจะเอายังไงเดี๋ยวผมอถิบายแยกให้
ม.6 : ม.6นี้มันพึ่งจะเปิดเทอม(พอดีการอยุดกับการเปิดของเบลเยียมมันไม่ตรงของไทยนะครัย)ซึ่งเรียนได้ไปเดือนนึงก็มีเรื่องซะแล้วก็คือตอนนั้นเรียนพละแล้วผมปั่นจักรยานนำหน้าเพื่อนผมก็เลยจอดรอแล้วก็รู้ตัวอีกทีว่ายืนอยู่บนกำแพนแล้วข้างล่างก็เป็นน้ำไปหมดผมรู้ตัวตอนที่เพื่อนผมเรียกตอนนั้นก็ไม่อยากฆ่าตัวตายหรอกแต่เหมือนมันเหม่อลอยเหมือนมันหลุดจนผ.อเขาตัตสินใจให้ผมไปโรงพยาบาลแทนก็คือบังคับนั้นแหละตอนแรกก็คุยกับที่ปรึกษาปกติจากเขาเรียกหมอมาจนทุกท้ายเขาตักสินใจให้ผมอยู่คือตอนนั้นผมเครียดมากฯลฯจนตัดสินใจที่จะอยู่เพื่อบังบัดและแน่นอนน้องกับแม่ผมไม่เห็นด้วยแต่ครูหรือเพื่อนกับตรงกันข้ามเขาดีใจด้วยซ้ำที่ได้ที่รักษาชักที เดี๋ยวจะอถิบายเกี่ยวกับแม่และเพื่อนแล้วก็ครู
แม่กับน้อง : แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งครับแล้วก็ทำงานทุกวันทุกวันจริงๆนะครับงานที่ว่าเนี่ยก็คือทำความสะอาดแล้วก็นวดแล้วแน่นอนว่ารายได้ไม่เยอะพอสมควรแล้วแม่ผมไม่อยากให้ผมรักษาเพราะมันแพงอันนี้ผมเข้าใจแล้วก็เพราะแม่ผมคิดว่าผมปกติแม่บอกว่าผมนะขี้เกียจไม่อยาดคุยกับคนโง่อะไรมั่งแล้วเวลาผมจะอถิบายก็บอกว่าเถียงผมก็เลยเงียบตลอดเหมือนหยางช่วงที่เกิดวันพุธเนี่ยแม่ผมโทรมาแล้วถามว่าสรุปยังไงผมก็อถิบายไม่ถูกเหมือนกันผมนิ่งอยู่สักพักยังไม่ถึงนาทีเลยแม่ผมก็ตัดสายทิ้งเรียบร้อยผมก็แบบนิ่งหรือตอนที่อยู่หอแล้วเขาคุยกับแม่ผมคุยเสร็จก็เรียกผมไปคุยซึ่งตอนนั้นแม่เอาเพื่อนแม่มาด้วยสมมุดชื่อ ก แล้วกัน ซึ่งป้า ก ก็ถามอยู่นี้สนุกไหมอะไรยังไงฯลฯแล้วตอนนั้นเหมือนแม่ผมถามอะไรผมแต่ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าอะไรซึ่งตอนนั้นผมก็นิ่งสักพักจนบอกกับเพื่อนว่า"ปะพี่กลับเถอะ" แล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วก็ไปงั้นๆตอนผมแบบฯลฯแล้วเวลาแม่ผมโมโหทีไรมักจะเมิงผมไม่คุยกับผมอะไรและมันทีก็เทอาหารทิ้งหรือไม่ก็ไม่กับข้าวให้ผมกินตอนนั้นมันก็รู้สึกเจ็บเป็นอย่างมากบังทีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นหรืออย่างตอนนี้ที่ผมอยู่โรงพยาบาลแม่โทรหาผมแล้วถามผมว่า"เครียดขนาดนั้นเซียวหรอ" ผมก็ตอบว่าก็มันเครียดไงแม่ให้ผมทำไงผมก็ไม่อยากมีปัญหาใครมั่งที่อยาดมีปัญหา แม่ผมก็ตอบว่า ไม่อยากมีปัญหาแต่เอาปัญหาเข้ามา กูคงจะตายก่อนอยู่แล้วทำให้กูเครียดนะ ผมก็นิ่งไปสักพักจากนั้นแม่ก็ถามว่า สงสางแม่ไหม ผมก็ตอบว่า ผมก็ไม่อยากให้แม่จ่ายตั้ง200ยูโรหรือ400ยูโรหรอนะ(อันนี้แค่สมมุดราคาที่แท้จริงเขาจะคิดออกมาเองว่าเท่าไหร่อะไรยังไง) แม่ผมก็ตอบว่า พูดแบบนี้ไม่ได้สารกูหรอก ตอนนั้นผมก็ซ็อกแล้วก็ทุบหัวตัวเองจนในที่สุดผมก็พูดไปเลยว่า ถ้าแม่คิดอย่างนั้นก็เรื่องของแม่แล้วแหละ ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันนะที่พูดไปแบบนั้นนะตอนนี้แม่ผมก็เงียบเหมือนเดิมเลยไม่โทรหาผมอะไรเลย
น้องผมก็ดูเหมือนจะเข้าข้างแม่เมื่อตอนทือยู่โรงพยาบาลเนี่ยน้องผมก็โทรมาหาผมก็รับน้องก็เอาแต่ร้องให้แล้วก็ด่าผมว่าทำไมชอบมีปัญหาอยากให้แม่ตายรึไงซึ่งตอนนั้นผมจะอถิบายน้องผมก็เถียง ผมบอกว่าผมไม่รู้ว่าผมปกติรึเปล่าน้องผมก็บอกว่าก็ปกตินั้นแหละแต่ชอบหาเรื่องอย่างนู้นหย่างนั้นอย่างเนี้ยจนสุดท้ายผมก็พูดอะไรออกได้แต่ซึม.
ครู : ครูนี้จะแบ่งเป็น3อย่างนะครับ
ครูผู้ช่วย:ครูคนนี้เป็นครูคนเดียวที่ผมอถิบายได้อะไรๆหลายหยางทั้งเรื่องในโรงเรียนเรื่องในบ้านฯลฯเวลาคุยด้วยแล้วและรู้สึกโล่งใจเวลาคุยกับครูแกแตกต่างตอนคุยกับแม่ผมมากเลยและ
ครู clb : เป็นเหมือนผู้ช่วยมากกว่าครูแต่ครูแกอยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือผมมากที่พีดไปกว่านั้นก็คือวันพุธมันเป็นวันหยุดของครูแกเลือกที่จะช่วยผมอย่างเช่นตอนที่ไปสถานที่นึงแล้วผมคิดว่าไปคนเดียวไม่รอดแน่แต่เลือกที่จะไปกับผมทั้งที่ครูแกสามารถปฏิเสธได้เลย
เป็นครูคนเดียวที่ไม่ค่อยเห็นหน้ารูแต่อย่างเดียวว่าครูมักจะอยูเบื้องหลังในการช่วยเหลือแล้วดูเหมือนว่าครูแกก็โทรหาหลายคนมากแต่เสียงส่วยมากก็ปฏิเสธจนได้มาอยู่ในโรงพยาบาลนี้และครูแกคงคิดว่าหมอคงปฏิเสธเหมือนกันแต่กลับพลิกตรงที่หมอเขารับในการช่วยซึ่งครูแกก็ดีใจเอามากๆ
ครูสอนหนังสือ: ครูนี้มีอยู่หลายคนนะครับแต่มี2คนเท่านั้นที่รู้จักผมดีแต่รู้จักผมดีในถานะที่ฟังมาจากครูผู้ช่วยของผมซึ่งครูผู้ช่วยเนี่ยเค้าเล่าตอนที่เขาเล่าเรื่องของผมให้ฟังครูเขาเห็นน้ำตาของ2ครูคนนั้นและดูเหมือนครู2คนเนี่ยอยากพูดกับผมแต่ดูเหมือนว่าครูแกต้องดูแลเด็กคนอื่นอะไรด้วยก็คือเกี่ยวกับงานในโรงเรียนนั้นและส่วนมากเวลาคุยกับครู2คนนี้ส่วนมากจะคุยเรื่องเกี่ยวกับงานซะมากก็คือครูกับนักเรียนนั้นแหละ
เพื่อนไทย : ผมมีเพื่อนอยู่ประมาณ4คนครับแต่ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะอยู่ไกลซะเลอะเกิน คนนึงอยู่เมืองไทย (นามสมมุติ K) อีกคนอยู่ Antwerpen(นามสมมุติ J) อีกคนไม่รู้อยู่ไหนรู้แต่ต้องนั่งรถไฟไปโรงเรียน (นามสมมุติ N) อีกคนต้องรถเมล์มาโรงเรียน (นามสมมุติ A)
พี่ k หลังที่พี่แกกลับเมืองไทยก็ดูเหมือนว่าผมอยู่คนเดียวเพราะพี่แกอยู่ในโรงเรียนเดียวกับผมและดูเหมือนว่าแถบจะไม่มีเวลาโทรกันเลย
พี่ A กับ นาง N : คุยกับสองคนนี้ได้เยอะมากได้ความคิดเห็นอะไรๆหลายหย่างแล้วเป็น2คนที่ผมมักจะร้องให้ที่สุดโดยเฉพาะนาง N ปรึกษาได้อะไรหลายหย่างแล้วเวลาคุยคุยนานมากคุยทีนึงปาไป3ชั่วโมงโดยเฉพาะนาง N
นาง J นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนเดียวที่แทบไม่ได้คุยเลยแต่ส่วนมากจะช่วงตอนที่พี่k อยู่แต่พอพี่kไปแล้วเขาบอกให้ผมโทรหานางJแล้วนางก็คุยดีมากเหมือนกันและแน่นอนคุยนานมากก็ไม่แตกต่างกับนางNฉะเท่าไหร่
สรุปนางNกับพี่Aไม่ปฏิเสธที่ให้ผมอยู่โรงพยาบาลเขาบอกว่าดีแล้วก็ได้รักษาส่วน2คนที่เหลือยังไม่รู้เรื่องนี้
เพื่อนในโรงเรียน:ดูเหมือนว่าเพื่อนในโรงเรียนจะไม่ค่อยมีใครรู้จักผมดีช่วงแรกๆแต่พอเกิดเรื่องวันจันทร์กับวันพุธทุกคนก็เริ่มเป็นห่วงผมอันนี้ครูผู้ช่วยบอกนะครับซึ่งเอาจริงๆในโรงเรียนผมมีเพื่อนเยอะนะแต่ดูเหมือนว่าผมเพื่อนที่แบบจริงจังแทบไม่มีมันเหมือนกับว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อน.
ตัวผม: มาถึงตรงนี้แล้วให้ทุกคนตักสินว่าคิดถูกหรือผิดตามหัวกระทู้นั่นแหละครับมะเริ่มกันเลย
เวลาผมโมโหแม่ทีไรผมมักจะทำลายข้าวของหรือไม่ก็ทำร้ายตัวเองซึ่งถามว่ารู้ตัวไหมตอบได้2แบบก็คือรู้กับไม่รู้ซึ่งพออาการหนักขึ้นเรื่อยๆจนตักสินที่ไม่อยากอยู่ต่อเคยคิดจะฆ่าตัวตายได้แต่คิดแต่ไม่เคยทำแต่เคยถืออุปกรณ์ไว้เรียบร้อยหรือไม่ก็วางแผนว่าจะโดดน้ำที่ไกลๆที่ไม่ค่อยมีคนเห็นเวลาผมโดนเพื่อนว่าหรือแม่หรือน้องผมมักจะนิ่งนิ่งแล้วไม่ทำอะไรเลยมันก็เหม่อลอยจนหนักสุดก็ตอนวันพุธกับวันที่มาโรงพยาบาลพอดีวันพุธนี้หลังจากที่ผมทำเรื่องวันจันทร์ในการต่อยตู้ล็อกเกอร์และวันอังคารก็หยุดเพราะหอเขาให้อยุดจนมาวันพุธพอผมเห็นหน้าเพื่อนปุกทุกอย่างก็กลับมาคิดคือตอนนั้นก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่รู้อต่อย่างเดียวว่าถือมีดคัตเตอร์เข้าห้องน้ำแล้วตักผมตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้นแล้วเขาก็เห็นผมก็กลัวอล้วใช้เวลานานมากก่วาจะให้มีดเขาหลังจากโควิดอยู่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องเท่าไหร่เพราะอยู่แต่ในบ้านพอมาขึ้นม.6ซึ่งเอาจริงๆแล้วผมต้องช้ำชั้นด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนเขาคิดว่าไม่ใช้ที่ดีเท่าไหร่จนสุดท้ายผมได้เลื่อนชั้นแต่เรียนในถานะ IAC ก็คือเรียนปกติเหมือนเด็กคนแต่มันจะแตกต่างกันตรงผมสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนวิธาไหนอะไรยังไงบางข้อก็ไม่ต้องทำหรืออาจจะได้ง่ายกว่าคนอื่นแต่ข้อเสียของมันคือเรียนจบม.6จะไม่ได้ dipromaหรือ
ปริญญาโทหรือวุตินั้นเองซึ่งถ้าผมไม่ได้ก็เท่ากัยสิ่งผมเรียนมาทั้งหมดก็ศูนย์เปล่าและที่สำคัญผมจะหางานทำอะไรได้ถ้าผมไม่มีใบนั้นน้องผมก็ด่าผมว่า มันมีอยู่แล้วและงานไม่มีใบนั้นก็แค่เก็บเงินแค่นั้นเองผมก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้วเพื่อนผมบอกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกถ้าทำได้แบบนั้นป่านี้ทุกคนรวยหมดแล้วสิผมก็กลับไปคิดว่ามันก็จริงอยู่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาลแต่ทำไมผมกลับรู้สึกดีมากกว่าตอนอยู่บ้านที่ผ่านมาผมก็แปลกใจกลับตัวเองเหมือนกันและเสียงส่วยมากตอบว่าใช้คนที่ตอบว่าไม่ มีแค่แม่กับน้องสาวแท้ๆ ซึ่งเอาเข้าจริงๆผมก็อยากปฏิเสธแต่ครูแกบอกว่าเขาโทรหาหลายที่ทุกที่สวยมากปฏิเสธจนมีโอกาสตอนนี้ซึ่งนี้เป็นโอกาสสำรับตัวเธอซึ่งเอาเข้าจริงๆผมก็อยากเข้าบันบัดแต่ก็กลัวแม่ว่าด่าอะไรทำนองก็คืออยาดเข้าแต่กลัวแม่มากเลยจนครูเขาก็ถามผมตรงๆเลยเธอกลัวแม่ขนาดนั้นเลยเหรอมันไม่ผิดปกติหน่อยเหรอจนในที่สุดผมก็คิดได้ว่าในเมื่อนี้เป็นโอกาสแล้วเพราะอย่างน้อยได้ใบหมอมาก็หางานทำง่ายอาจจะได้เงินแล้วสงผลต่ออนาคตที่ดีสำหรับผมซึ่งเอาเข้าจริงที่ผมอยากเข้าจริงๆก็แค่อยากรู้ว่าผมป่วยหรือว่าอะไรยังไง
เอาเป็นว่าทุกคนมีความคิดเห็นยังไงอะไรก็พินได้นะครับ
แล้วทุกคนคิดว่าที่เลือดเข้าบับบัดนี้คิดถูกรึเปล่า
ส่วนถ้าใครจะถามอะไรผมก็รอหน่อยนะครับพอดีโน๊ตบุ๊คผมมันเป็นของที่เบลเยียมเวลาพิมภาษาไทยต้องเข้าgoogle translateตลอดเวลาตอบอาจจะตอบช้าหน่อยแต่ตอบแน่ถ้าภาไทยพินผิดอะไรยังไงก็บอกหลบกวนแก้ให้ด้วยได้นะครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน