ขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตกับคนที่บ่นอยากตายตลอดเวลาหน่อยค่ะ

คนที่บ่น คือ พ่อเราเองค่ะ

พ่อเราอายุ 85 แล้ว
สุขภาพกาย ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่อายุไล่ๆ กัน เรียกได้ว่า ใช้ได้ คือ ยังเดินเองได้ พูดจารู้เรื่อง หลงลืมบ้างตามอาการของคนสมองเสื่อมเริ่มต้น (ตามอายุ) เป็นเบาหวาน แต่ไม่ต้องฉีดอินซูลิน มีปวดเมื่อยตามตัวแบบไม่มีสาเหตุ หาหมอก็ไม่มีวิธีรักษา เย็นขาจนหนาว ทำยังไงก็ไม่หาย ไม่ว่าจะเอาขาแช่น้ำอุ่น ใช้ heat pad ช่วยเวลานอนก็ไม่ดีขึ้น
สุขภาพจิต ขออนุญาตใช้คำว่า วายป่วงค่ะ วายป่วงกับคนที่อยู่รอบข้าง... 
เราฟังเค้าบ่นจน(ขออนุญาตนะคะ)เราเป็นซึมเศร้า หาหมอจนสุดท้ายหมอบอกว่า วิธีเดียวที่จะรักษาเราให้หายจากอาการ คือ แต่งงานและย้ายออกมานอกบ้าน คือ เราจะมีเค้าเป็นตัวกระตุ้นให้อาการเรากำเริบค่ะ เราคุยกับหมอจนจับทางได้ว่า ถ้าเราวนกลับไปหาหมอ หมอก็จะจ่ายยาตัวเดิมที่เคยจ่าย ในโดสเท่าเดิมที่เคยได้ผลกับเรา จนสุดท้าย ช่วงนึงเราเอาใบรับรองแพทย์ใบเดิมไปซื้อยามากินเอง แต่จำไม่ได้ว่า ได้ผลมั้ย เพราะเหตุการณ์มันผ่านมานานแล้ว และเราตั้งใจว่า เราจะไม่กินถ้าไม่จำเป็น เพราะถ้ากินยา กว่าจะหยุดยา กว่าจะบริจาคเลือดได้ มันใช้เวลาต่ำๆ ครึ่งปี... เราชอบบริจาคเลือดค่ะ เรารู้สึกว่า ตัวเองมีประโยชน์ดี ... ตอนนี้เราก็ไว้ผมยาวเพราะเราตั้งใจว่า ถ้ายาวพอเราจะบริจาคทำวิกผมให้ผู้ป่วยมะเร็ง

แม่เรายังอยู่ ปีนี้ 72 ขออนุญาตใช้คำว่า เทพมากที่อยู่มากับพ่อเราได้ขนาดนี้ (แต่งงานอยู่ด้วยกันมา 50 ปีแล้วค่ะ)
แม่เราเคยเส้นเลือดสมองแตกเมื่อช่วงต้นปี 63 แต่ตอนนี้หายแล้ว กลับมาได้ประมาณ 99% แล้ว เป็นมนุษย์พารานอยด์ ห่วงโน่น กังวลนี่ มโนสารพัดที่จะนึกได้ 
อย่างเช่น พอพ่อเราไม่กินข้าวตอน 2 ทุ่มเพราะอิ่มข้าวเหนียวมะม่วงที่เพิ่งกินไปตอน 5 โมงเย็น ก็โมโห จะบังคับให้กินให้ได้ แล้วก็บ่นว่า ทำไมต้องรอให้หิวแล้วค่อยกิน กินให้มันจบๆ ไปเป็นมื้อๆ ไม่ได้เหรอ

เค้า 2 คนเป็นมนุษย์คนละ type ที่จูนให้เข้าใจกันยาก เพราะฉะนั้น จะปะทะกันได้ตลอดเวลา
พ่อจะบ่นว่า มีอะไรแม่ไม่ฟัง เป็นที่พึ่งทางใจไม่ได้
แม่จะบ่นว่า พ่อดื้อ คุยอะไรก็ชอบดุ ชอบตวาด (บางทีเราก็เห็นว่า แม่เราทำตัวเองให้โดนตวาด) ไม่ออกกำลังกาย ไม่รักษาสุขภาพ บ่นอยากตายอย่างเดียว

พ่อเราบ่นตั้งแต่เราอยู่ ป.5 ตอนนี้เราจะ 40 แล้ว เค้าก็ยังบ่นอยู่ค่ะ
ครั้งแรกที่เราได้ยินคือ พ่อเปิดประตูบ้านจะขับรถออกไป พอเราถามว่า จะไปไหน เค้าหันมาตอบเราว่า "ก็ไปตายสิวะ" 
(ปกติเราเป็นคนที่ไม่มีความทรงจำอะไรเท่าไหร่ เรื่องสมัยเด็กนี่ไม่ต้องพูดถึง จำได้เป็นเหตุการณ์สั้นๆ หรือเป็นภาพๆ ไม่ปะติดปะต่อ แต่เรื่องนี้เราจำแม่นค่ะ)

ซึ่งตอนนี้ พ่อเราก็ยังไม่หยุดพูด
เราเคยบอก เคยคุย​(หลายครั้ง) เคยสติหลุดใส่ทั้งพ่อทั้งแม่ว่า เราเครียด เราเป็นซึมเศร้า เราอยากตาย เราไม่อยากฟังอะไรแบบนี้ เราเหนื่อย เราฟังมากๆ แล้วเราอยากตายตาม

พ่อเรา(น่าจะด้วยความแก่)เค้าจะมีสติรับฟังบ้าง ไม่มีสติรับฟังบ้าง จนทำให้เค้าจำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง

เรามีพี่สาว 1 คน ที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว มีลูก 2 คน
พอพ่อเราไปค้างกับพี่สาว ก็มีไปบ่นๆ ไปด่าหลานชาย(คนเล็ก)เพราะหลานเป็นเด็กซน เสียงดัง(มาก) บางทีก็พูดไม่รู้เรื่อง จนเราแอบคิดว่า หลานมันเกลียดตาไปแล้ว เพราะมีแผดเสียงใส่ตาอยู่
พ่อเราบ่น จนหลานสาว(คนโต)เราพูดอยากตายขึ้นมาบ้าง

ทั้งเราทั้งแม่เราพยายามพาพ่อเราไปหาหมอหลายครั้ง พ่อเราจะบ่นเสมอว่า หมอไม่ยอมฟังที่เค้าพูด และแม่เราชอบแย่งพูดแย่งอธิบาย(พ่อเราใช้คำว่า แม่เราชอบรู้ดี)

เราเหนื่อยกับการวนลูปกลับไปหาหมอเพื่อกินยา
แต่เราก็ทำใจย้ายออกไปอยู่เองไม่ลง เพราะเรากลัวว่า ถ้าวันนึงเค้าเป็นอะไรแล้วเราไม่อยู่ ณ เวลานั้นเพื่อช่วยเค้า เราคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เราโดนแม่กล่อมประสาทว่า พ่อเราร่างกายไม่แข็งแรง พร้อมจะตายตลอดเวลา ต้องคอยดูแลเค้า (เรื่องนี้ขออนุญาตโทษแม่ตัวเองนะคะ) พอมาคุยกับพี่เราทีหลัง พี่เราก็บอกว่า สมัยมันเรียนมหาลัย มันเคยหลอนขนาดว่า เปิดประตูเข้าไปในห้องพ่อเพื่อดูว่า พ่อตายรึยัง พ่อยังหายใจอยู่มั้ย

ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ 
เราเหนื่อย
เราหมดแรงจนเราเรียกตัวเองว่า เราเหมือนปลาตายลอยน้ำ ปล่อยตัวไปตามยถากรรม ใครจะทำอะไรก็ทำ
เราซื้อบ้าน ด้วยความ "อยากให้มาอยู่ด้วยกัน" ของพ่อ และ "จะได้มีคนดูแล" ของแม่
เรามีหนี้บ้านอยู่ เรารู้ว่า เราควรจะรีบๆ เคลียร์หนี้ให้ได้มากที่สุดในขณะที่ชีวิตเรายังมีแรง เราต้องรีบหาเงิน หารายได้เสริม จากกระเป๋า 2 กระเป๋า 3 ... รีบสร้างทรัพย์สินให้มี passive income นอกเหนือจาก active income เพื่อเข้ามาแบ่งเบาภาระ แต่เราก็หมดไฟที่จะรีบๆ ทำให้กระเป๋า 2 กระเป๋า 3 มัน success .....
เราแค่คิดว่า เออ อยู่ๆ ใช้(กรรม)เค้าไป สงสัยเราคงติดค้างเค้าไว้เยอะ เลยต้องมาใช้เค้าหนักหน่วง
แต่บางทีเราก็แบบ... เออ ช่างยิ้มเหอะ พอละกะชาตินี้ เราเบื่อ.... ​เบื่อไปหมด เบื่อชนิดที่เรียกว่า อะไรเคยทำให้เรามีความสุข เราก็แบบ... เออ แล้วไง อะไรที่คนโน้นคนนั้นว่าดี เราก็แบบ... เออ แล้วไง

ช่วงแรกๆ ก่อนเราไปหาหมอ เราฟัง ฟัง ฟัง ... เพราะเข้าใจเองว่า เค้าต้องการระบาย ต้องการคนฟัง (แม่เราเป็นคน "ไล่" ให้เราไปคุยกับพ่อค่ะ เค้าบอกว่า พ่อไม่ยอมคุยกับคนอื่น พ่อชอบคุยกับเรา คุยกับเรารู้เรื่องที่สุด) เพราะเรารู้สึกว่า ฟังให้จบๆ ไป เพราะเท่าที่เคยพูด พูดอะไรไปไม่เคยได้ผล งั้นฟังอย่างเดียวละกัน เพราะเรารู้สึกว่า พูดกับไม่พูด ก็ไม่ต่าง พูดไปเหนื่อยพูด เหนื่อยใจที่ไม่ฟัง ไม่พูดก็แค่เหนื่อยฟังเค้าต่อ แต่ไม่ต้องเหนื่อยพูด
หลังๆ เพื่อนเราหลายๆ คน (และจากที่อ่านเจอหลายๆ ที่) พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราควรจะพูด ควรจะบอก
เราก็คิดสารพัดวิธีในการพูด ในการบอก
แรกๆ ก็ไม่ค่อยได้ผล ไม่รับฟัง จนหลังๆ เริ่มได้ผลบ้าง แล้ววันดีคืนดีก็เฮี้ยน พูดไม่รู้เรื่องขึ้นมาอีก

ขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตต่อด้วยค่ะ 
เราเหนื่อย
เราหมดแรงแล้วจริงๆ

ขอโทษสำหรับคนที่เผอิญเข้ามาอ่านเจอเรื่องแย่ๆ ในวันเริ่มปีใหม่นะคะ
ขอโทษจริงๆ ค่ะ เราไม่รู้ว่า เราจะปรึกษาอะไรใครยังไงได้บ้างแล้วค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่