- เนื่องจากว่าช่วงที่ไปเป็นวันหยุดยาว ลูกหาบเกือบไม่พอ ลุ้นอยู่นานมากจะได้แบกกระเป๋าขึ้นเองไหมนะ 5555 เพราะพี่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า รอบนี้คนขึ้นภูกระดึงประมาณ 3,000 คน ! #ปาดเหงื่อ

- กว่าจะถึงหลังแปร เล่นเอาเหนื่อยหอบเลยค่ะ สะดุดทุกซำ ลื่นทุกหิน
แต่ตรงหลังแปรที่ถ่ายรูปเยอะมากกกกกกกกก ต้นไม้ พุ่มไม้ ถ่ายได้หมดเลย ท้องฟ้าก็คือเป็นสีฟ้าจริงๆ
ตอนเดินคือมีลมเย็นตลอด รู้สึกอุ่นๆ ไม่ได้ร้อนมากเลย ฟีลออกกำลังกายคาดิโอ 555555

- พอถึงด้านบนก็รีบไปหาที่กางเต็นท์เลยจ้า กลัวโดนแย่งพื้นที่มาก สิ่งสำคัญก่อนจะอาบน้ำคือต้องมีที่นอนก่อน กางเต็นท์กับเพื่อนด้วยความไวแสง (แล้วก็นอนพักสักครู่ เมื่อย) เพราะต้องไปฝ่าฟันกับอีก 3,000 ชีวิตต่อคิวรออาบน้ำ ต้องรีบอาบเลยนะคะ ยิ่งเย็นอุณหภูมิยิ่งลด ตอนนั้น 17.00-18.00 น. ก็เริ่มสั่นแล้วววว
- ตัดภาพมาตอนเช้ามืด ลงทุนตื่น 04.00 น. เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ผานกแอ่น" (แต่คือตั้งนาฬิกาปลุก 04.01 น. หนึ่งนาทีก็เอา) ยิ่งกว่าความง่วง คือหนาวมากกกกกกกก อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ 11 องศาได้ เดินไปแปรงฟันคือขาสั่น ปากสั่น มือชา สุดมากแม่
แต่ยอมความเดินไวของเพื่อน ไปจองแถวหน้าสุด แถมโชคยังเข้าข้าง ได้อยู่ตรงมุมพระอาทิตย์ขึ้นพอดีเลยค่า

- หน้าสุดขนาดไหนดูจากภาพได้จ้าาา อยู่ตรงที่กั้นเส้นแดงหน้าผาพอดี
ต้าวพระอาทิตย์มาแล้วววว รอนานมากก มองนาฬิกาประมาณ 10 รอบได้ บอกเลยว่าถ่ายมุมย้อนแสงสวยงามากแม่

_______________________________________
- หลังจากนั้นแน่นอนว่า ทุกคนหิวค่ะ พร้อมหาอะไรทานก่อนออกไปเดินทางเท้าบนภูกระดึง เพื่อไปชมวิวตามจุดต่างๆ ไปเติมพลังกันค่ะ
ข้างบนคือของกินเยอะมากกๆๆ จ้า ของคาว ของหวาน กาแฟเต็มแม็กซ์

- แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปด้วยคือ "ใบเมเปิ้ล" วันที่เราขึ้นไปยังไม่ค่อยร่วงเยอะเท่าไหร่ แต่ก็พอมีให้เห็นบ้าง ถ้าใครอยากถ่ายเยอะๆ แนะนำให้ถ่ายตรงหลังแปร แถวป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" ตรงนั้นเป็นต้นใหญ่และใบเยอะสุดจ้า

"ผาเหยียบเมฆ" ให้ความรู้สึกเหยียบเมฆจริงๆ เห็นวิวข้างล่าง พูดตรงๆ โคตรหวาดเสียว 5555555
ปล.เสียดายที่ไม่ได้ไปผาหล่มสัก อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ เพราะกลุ่มเราตั้งใจว่าจะดูพระอาทิตย์ตกที่ "ผาหมากดูก" ตอนเวลาประมาณ 17.30 น.
ก็เลยกลัวจะเดินกลับมาไม่ทัน
- เดินมาอีกอึดใจนึงก็ถึง "ผาหมากดูก" รอดูพระอาทิตย์ตก ตอนแรกนั่งกันตรงมุม มหาชน รุ่นน้องเราเลยเดินไปตรงพุ่มหญ้าแถวหน้าผา ที่ไม่ค่อยมีคนไป ปรากฏว่าตรงนั้นเห็นพระอาทิตย์ตกชัดมากจ้าาา มุม VIP สุดๆ ตามภาพเลยจ้ะ
ตอนนั่งแต่งรูปคือเพลงนี้โผล่ขึ้นมาในหัวเลย "เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า เก็บคืนมาเก็บไว้ในใจ"
- อยากจะบอกว่าด้านบนเห็นดาวชัดมากกก เราเป็นคนเสพติดการดูดาว ตอนหัดถ่ายดาวแรกๆ คือยอมตากลมหนาวเพื่อให้ได้ภาพ และวันนั้นก็เช่นกัน
** บอกก่อนว่าเราไม่มีขาตั้งกล้องนะ ใช้ผ้าห่มซ้อนทับๆ กันแล้วก็ลั่นชัตเตอร์ เกร็งมือให้นิ่งที่สุดด !!
เป้าหมายของเราคือ สักวันฉันจะถ่ายติดทางช้างเผือกให้ได้ (ซื้อขาตั้งกล้องก่อนนะ)
- ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกับเพื่อนๆ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยเป็น 1 ใน 3,000 คน บนภูกระดึง 5555555
- โปสการ์ดสวยๆ ก่อนกลับ แล้วเจอกันใหม่นะ ถ้ามีโอกาสจะมาแก้ตัวอีกครั้ง

สรุปแล้ว ::: ภูกระดึงเป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปได้ทุกที่จริงๆ นะ ตามพุ่มไม้ หรือหินตรงน้ำตก ถ่ายรูปออกมาสวยหมดเลย
> ใครไม่เคยลองปีนเขา ต้องมาสัมผัสสักครั้งที่นี่แหละ แต่ต้องมาก่อน 14.00 น. นะจ๊ะ ไม่งั้นไม่ได้ขึ้นนะ
>> ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ (เรากับเพื่อนไปกัน 6 คน)
- ค่ารถทัวร์ไปและกลับ กรุงเทพ-เลย = ประมาณ 1,000 บาท นิดๆ
- ค่ารถสองแถวจากผานกเค้า-อุทยานแห่งชาติภูกระดึง = 30 บาท / คน
- ค่าเข้าอุทยาน = 40 บาท / คน
- ค่าอาหาร/น้ำดื่ม ตกมื้อละ 100 บาท (ข้าวจานละ 60-70 บาท)
- มีบริการให้เช้าเต็นท์ หรือ จะนำเต็นท์มาเองก็ได้จ้า (tent)
ขอบคุณประสบการณ์ดีๆ จากเดอะแก๊ง
กิ๊ก / อัส / รัตน์ / กริ๊ง / กุหลาบ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเรากับเพื่อนๆ นะคะ สุดท้ายนี้ฝากติดตามเพจของเราด้วยนะคะ เป็นมือใหม่หัดรีวิว ติชมกันได้นะคะ
ชื่อเพจว่า "เห้ยไปดิ"
www.facebook.com/heipaidi
"เห้ยไปดิ" ไปปีนเขาที่ภูกระดึง (ครั้งแรก)
แต่ตรงหลังแปรที่ถ่ายรูปเยอะมากกกกกกกกก ต้นไม้ พุ่มไม้ ถ่ายได้หมดเลย ท้องฟ้าก็คือเป็นสีฟ้าจริงๆ
ตอนเดินคือมีลมเย็นตลอด รู้สึกอุ่นๆ ไม่ได้ร้อนมากเลย ฟีลออกกำลังกายคาดิโอ 555555
- พอถึงด้านบนก็รีบไปหาที่กางเต็นท์เลยจ้า กลัวโดนแย่งพื้นที่มาก สิ่งสำคัญก่อนจะอาบน้ำคือต้องมีที่นอนก่อน กางเต็นท์กับเพื่อนด้วยความไวแสง (แล้วก็นอนพักสักครู่ เมื่อย) เพราะต้องไปฝ่าฟันกับอีก 3,000 ชีวิตต่อคิวรออาบน้ำ ต้องรีบอาบเลยนะคะ ยิ่งเย็นอุณหภูมิยิ่งลด ตอนนั้น 17.00-18.00 น. ก็เริ่มสั่นแล้วววว
- ตัดภาพมาตอนเช้ามืด ลงทุนตื่น 04.00 น. เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ผานกแอ่น" (แต่คือตั้งนาฬิกาปลุก 04.01 น. หนึ่งนาทีก็เอา) ยิ่งกว่าความง่วง คือหนาวมากกกกกกกก อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ 11 องศาได้ เดินไปแปรงฟันคือขาสั่น ปากสั่น มือชา สุดมากแม่
แต่ยอมความเดินไวของเพื่อน ไปจองแถวหน้าสุด แถมโชคยังเข้าข้าง ได้อยู่ตรงมุมพระอาทิตย์ขึ้นพอดีเลยค่า
- หน้าสุดขนาดไหนดูจากภาพได้จ้าาา อยู่ตรงที่กั้นเส้นแดงหน้าผาพอดี
ต้าวพระอาทิตย์มาแล้วววว รอนานมากก มองนาฬิกาประมาณ 10 รอบได้ บอกเลยว่าถ่ายมุมย้อนแสงสวยงามากแม่
- หลังจากนั้นแน่นอนว่า ทุกคนหิวค่ะ พร้อมหาอะไรทานก่อนออกไปเดินทางเท้าบนภูกระดึง เพื่อไปชมวิวตามจุดต่างๆ ไปเติมพลังกันค่ะ
ข้างบนคือของกินเยอะมากกๆๆ จ้า ของคาว ของหวาน กาแฟเต็มแม็กซ์
- แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปด้วยคือ "ใบเมเปิ้ล" วันที่เราขึ้นไปยังไม่ค่อยร่วงเยอะเท่าไหร่ แต่ก็พอมีให้เห็นบ้าง ถ้าใครอยากถ่ายเยอะๆ แนะนำให้ถ่ายตรงหลังแปร แถวป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" ตรงนั้นเป็นต้นใหญ่และใบเยอะสุดจ้า
"ผาเหยียบเมฆ" ให้ความรู้สึกเหยียบเมฆจริงๆ เห็นวิวข้างล่าง พูดตรงๆ โคตรหวาดเสียว 5555555
ปล.เสียดายที่ไม่ได้ไปผาหล่มสัก อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ เพราะกลุ่มเราตั้งใจว่าจะดูพระอาทิตย์ตกที่ "ผาหมากดูก" ตอนเวลาประมาณ 17.30 น.
ก็เลยกลัวจะเดินกลับมาไม่ทัน
- เดินมาอีกอึดใจนึงก็ถึง "ผาหมากดูก" รอดูพระอาทิตย์ตก ตอนแรกนั่งกันตรงมุม มหาชน รุ่นน้องเราเลยเดินไปตรงพุ่มหญ้าแถวหน้าผา ที่ไม่ค่อยมีคนไป ปรากฏว่าตรงนั้นเห็นพระอาทิตย์ตกชัดมากจ้าาา มุม VIP สุดๆ ตามภาพเลยจ้ะ
ตอนนั่งแต่งรูปคือเพลงนี้โผล่ขึ้นมาในหัวเลย "เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า เก็บคืนมาเก็บไว้ในใจ"
- อยากจะบอกว่าด้านบนเห็นดาวชัดมากกก เราเป็นคนเสพติดการดูดาว ตอนหัดถ่ายดาวแรกๆ คือยอมตากลมหนาวเพื่อให้ได้ภาพ และวันนั้นก็เช่นกัน
** บอกก่อนว่าเราไม่มีขาตั้งกล้องนะ ใช้ผ้าห่มซ้อนทับๆ กันแล้วก็ลั่นชัตเตอร์ เกร็งมือให้นิ่งที่สุดด !!
เป้าหมายของเราคือ สักวันฉันจะถ่ายติดทางช้างเผือกให้ได้ (ซื้อขาตั้งกล้องก่อนนะ)
- ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกับเพื่อนๆ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยเป็น 1 ใน 3,000 คน บนภูกระดึง 5555555
- โปสการ์ดสวยๆ ก่อนกลับ แล้วเจอกันใหม่นะ ถ้ามีโอกาสจะมาแก้ตัวอีกครั้ง
สรุปแล้ว ::: ภูกระดึงเป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปได้ทุกที่จริงๆ นะ ตามพุ่มไม้ หรือหินตรงน้ำตก ถ่ายรูปออกมาสวยหมดเลย
> ใครไม่เคยลองปีนเขา ต้องมาสัมผัสสักครั้งที่นี่แหละ แต่ต้องมาก่อน 14.00 น. นะจ๊ะ ไม่งั้นไม่ได้ขึ้นนะ
>> ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ (เรากับเพื่อนไปกัน 6 คน)
- ค่ารถทัวร์ไปและกลับ กรุงเทพ-เลย = ประมาณ 1,000 บาท นิดๆ
- ค่ารถสองแถวจากผานกเค้า-อุทยานแห่งชาติภูกระดึง = 30 บาท / คน
- ค่าเข้าอุทยาน = 40 บาท / คน
- ค่าอาหาร/น้ำดื่ม ตกมื้อละ 100 บาท (ข้าวจานละ 60-70 บาท)
- มีบริการให้เช้าเต็นท์ หรือ จะนำเต็นท์มาเองก็ได้จ้า (tent)
ขอบคุณประสบการณ์ดีๆ จากเดอะแก๊ง
กิ๊ก / อัส / รัตน์ / กริ๊ง / กุหลาบ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเรากับเพื่อนๆ นะคะ สุดท้ายนี้ฝากติดตามเพจของเราด้วยนะคะ เป็นมือใหม่หัดรีวิว ติชมกันได้นะคะ
ชื่อเพจว่า "เห้ยไปดิ"
www.facebook.com/heipaidi