สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องอยากขอความคิดเห็นสักหน่อยค่ะ พอดีเราโดนสามีด่าว่า "เราเห็นแก่ตัว"
เรื่องของเรื่องคือ เราขอแยกใช้เงินคนละกระเป๋าค่ะ
แล้วทำไมเราถึงต้องขอแยก เราจะขอเล่าคร่าวๆนะคะ เราเล่าเรื่องไม่เก่งอาจจะมีวกไปวนมาบ้างนะคะ
ก่อนอื่นขอเล่ารายละเอียดรายรับของครอบครัวเราก่อนนะคะ
เรากับสามีทำงานประจำทั้งสองคน มีรายรับต่อเดือนหลังหักภาษีและประกันสังคม ตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 66,000 บาท (เราเงินเดือน 40,000 สามีเงินเดือน 28,000 แต่ถ้าเดือนไหนทำโอทีก็ได้ประมาณ 3 หมื่นกว่าๆ)
ส่วนรายจ่ายในครอบครัวของเราสองคนจะอยู่ที่ประมาณ 35,000 - 40,000 บาท (ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ค่าน้ำค่าไฟ ค่าของใช้ลูก ค่าเลี้ยงดูลูก)
ดูจากรายรับรายจ่ายแต่ละเดือนมันเหมือนจะพอใช้ในแต่ละเดือน แต่จริงๆ ในแต่ละเดือนเงินไม่เคยพอใช้เลยค่ะ
ในส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราเป็นคนดูแล เขาให้เราเป็นคนจัดการเงินของครอบครัวทั้งหมด บัตรเอทีเอ็มเขาอยู่ที่เรา แต่เขามีแอพธนาคารในโทรศัพท์เขา พอเงินเดือนเข้าปุ๊บ เขาจะโอนไปจ่ายค่าผ่อนรถให้พ่อเขา / จ่ายค่าหอ+ค่าโทรศัพท์รายเดือนให้น้องสาว และมีค่าอยู่ค่ากินอีกนิดหน่อย(ไม่ใช่น้องแท้ๆ เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน ซึ่งกำลังเรียนอยู่) / จ่ายค่าหวย (เขาชอบเล่นหวย) / จ่ายค่าเหล้าค่าเบียร์ (เขาค่อนข้างชอบสังสรรค์) / จ่ายค่าเน็ตมือถือของเขา / และวันที่เงินเดือนออกชอบชวนเพื่อนกินเหล้า แล้วก็หน้าใหญ่เลี้ยงเขาไปทั่ว....แล้วเงินในบัญชีเขาก็จะเหลืออยู่ไม่กี่พัน
ในขณะที่เงินเดือนเราออกมา เรานำไปจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างในครอบครัวที่เล่าไปข้างต้น ค่าบ้าน ค่าผ่อนรถ(ชื่อเขา) ค่าน้ำค่าไป ค่าใช้จ่ายลูก ค่าบัตรต่างๆ
แล้วเขาชอบมาถามเราว่าเงินเหลือเท่าไหร่ พอเราบอกจำนวนเงินที่เหลือแต่ละเดือน เขาก็ชอบถามว่าเงินไปไหนหมด ทำไมเหลือแค่นี้ แล้วเขาก็พูดแต่ว่าเป็นความผิดเรา หาว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย ให้เงินไปจัดการแล้วแต่ก็จัดการไม่ได้ ทั้งที่เราแทบไม่ได้ใช้อะไรเลย จะซื้อของให้ลูกทีเรายังคิดแล้วคิดอีก ซื้อแต่ที่จำเป็นเท่านั้น...ในส่วนค่าเลี้ยงดูลูก ที่เราจ่ายให้แม่เราเขาก็ไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่แม่เรายอมลาออกจากงานมาเลี้ยงหลาน เพราะไม่อยากให้จ้างคนอื่นเลี้ยง แม่เรายอมรับเงินไม่กี่พัน ทั้งที่แม่เราทำงานแม่เราหาได้เยอะกว่าเราด้วยซ้ำในแต่ละเดือน...แล้วพอเราบอกให้เขาใช้ตังประหยัดๆ เพราะอยากให้มีเงินเก็บไว้ให้ลูกบ้าง ลูกโตขึ้นทุกวัน ค่าใช้จ่ายมันก็เยอะตาม เขาก็สวนกลับเราว่า ประหยัดแค่นี้มันไม่ทำให้รวยหรอก แล้วก็ยังใช้เงินมือเติบเหมือนเดิม พอเงินไม่พอใช้ก็รูดบัตร กดบัตร
จากเหตุการณ์ข้างต้น เรารู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ เหมือนเราพยายามอยู่คนเดียว พยายามประหยัดเพื่อให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่สนว่าคนในครอบครัวจะเป็นไง บางทีญาติๆเขามาขอยืมเงิน แต่เราไม่มี แต่ด้วยความอยากเอาหน้าของสามี เขาก็จะไปกดบัตรมาให้ญาติยืม บางคนยืมแล้วไม่คืน เขาก็ไม่ทวง ประมาณอยากได้หน้า ว่าตัวเองมีตังเหลือกินเหลือใช้ จนญาติๆติดนิสัย ยืมแล้วไม่ค่อยคืน พอเราถาม เขาก็ว่าเราใจแคบอีกแหละ
เรื่องแบบนี้มันสะสมมานาน จนสุดท้ายเราเลยคุยกับเขาว่าเราจะขอแยกกระเป๋าตังใช้ ค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านก็ให้หารกันคนละครึ่งไปเลย เงินเขาเราจะไม่ยุ่งแล้ว เขาอยากเอาไปทำอะไรก็เชิญเลย แล้วเขาก็ว่าให้เราว่าเราเห็นแก่ตัว ใจแคบ พุดประชดเราประมาณว่าใช่สิ เขามันเงินเดือนน้อย อะไรประมาณนี้ แล้วพอเราขอหย่า เขาก็หาว่าเรามีคนอื่น เขามันตน ไม่ได้บ้านรวยเหมือนคนอื่น(ถ้าเราจะมองแค่ว่าเขาจนแล้วขอหย่า เราคงไม่แต่งงานด้วยตั้งแต่ทีแรก) แล้วเขาก็ยกเรื่องลูกมาอ้าง ว่าเราไม่สงสารลูก อยากให้ลูกมีปมที่ครอบครัวแตกแยก แต่เราสงสารลูกมากกว่าที่มีพ่อแบบนี้ กลัวลูกโตมาแล้วเห็นตัวอย่างแย่ๆจากคนเป็นพ่อ
ที่เราขอหย่าและขอแยกใช้เงินคนละกระเป๋าแบบนี้ เราเห็นแก่ตัวเกินไปเหรอคะ
เราอาจจะเล่างงๆ ไปบ้างต้องขออภัยนะคะ
เราเห็นแก่ตัวเกินไปไหม?
เรื่องของเรื่องคือ เราขอแยกใช้เงินคนละกระเป๋าค่ะ
แล้วทำไมเราถึงต้องขอแยก เราจะขอเล่าคร่าวๆนะคะ เราเล่าเรื่องไม่เก่งอาจจะมีวกไปวนมาบ้างนะคะ
ก่อนอื่นขอเล่ารายละเอียดรายรับของครอบครัวเราก่อนนะคะ
เรากับสามีทำงานประจำทั้งสองคน มีรายรับต่อเดือนหลังหักภาษีและประกันสังคม ตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 66,000 บาท (เราเงินเดือน 40,000 สามีเงินเดือน 28,000 แต่ถ้าเดือนไหนทำโอทีก็ได้ประมาณ 3 หมื่นกว่าๆ)
ส่วนรายจ่ายในครอบครัวของเราสองคนจะอยู่ที่ประมาณ 35,000 - 40,000 บาท (ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ค่าน้ำค่าไฟ ค่าของใช้ลูก ค่าเลี้ยงดูลูก)
ดูจากรายรับรายจ่ายแต่ละเดือนมันเหมือนจะพอใช้ในแต่ละเดือน แต่จริงๆ ในแต่ละเดือนเงินไม่เคยพอใช้เลยค่ะ
ในส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราเป็นคนดูแล เขาให้เราเป็นคนจัดการเงินของครอบครัวทั้งหมด บัตรเอทีเอ็มเขาอยู่ที่เรา แต่เขามีแอพธนาคารในโทรศัพท์เขา พอเงินเดือนเข้าปุ๊บ เขาจะโอนไปจ่ายค่าผ่อนรถให้พ่อเขา / จ่ายค่าหอ+ค่าโทรศัพท์รายเดือนให้น้องสาว และมีค่าอยู่ค่ากินอีกนิดหน่อย(ไม่ใช่น้องแท้ๆ เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน ซึ่งกำลังเรียนอยู่) / จ่ายค่าหวย (เขาชอบเล่นหวย) / จ่ายค่าเหล้าค่าเบียร์ (เขาค่อนข้างชอบสังสรรค์) / จ่ายค่าเน็ตมือถือของเขา / และวันที่เงินเดือนออกชอบชวนเพื่อนกินเหล้า แล้วก็หน้าใหญ่เลี้ยงเขาไปทั่ว....แล้วเงินในบัญชีเขาก็จะเหลืออยู่ไม่กี่พัน
ในขณะที่เงินเดือนเราออกมา เรานำไปจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างในครอบครัวที่เล่าไปข้างต้น ค่าบ้าน ค่าผ่อนรถ(ชื่อเขา) ค่าน้ำค่าไป ค่าใช้จ่ายลูก ค่าบัตรต่างๆ
แล้วเขาชอบมาถามเราว่าเงินเหลือเท่าไหร่ พอเราบอกจำนวนเงินที่เหลือแต่ละเดือน เขาก็ชอบถามว่าเงินไปไหนหมด ทำไมเหลือแค่นี้ แล้วเขาก็พูดแต่ว่าเป็นความผิดเรา หาว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย ให้เงินไปจัดการแล้วแต่ก็จัดการไม่ได้ ทั้งที่เราแทบไม่ได้ใช้อะไรเลย จะซื้อของให้ลูกทีเรายังคิดแล้วคิดอีก ซื้อแต่ที่จำเป็นเท่านั้น...ในส่วนค่าเลี้ยงดูลูก ที่เราจ่ายให้แม่เราเขาก็ไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่แม่เรายอมลาออกจากงานมาเลี้ยงหลาน เพราะไม่อยากให้จ้างคนอื่นเลี้ยง แม่เรายอมรับเงินไม่กี่พัน ทั้งที่แม่เราทำงานแม่เราหาได้เยอะกว่าเราด้วยซ้ำในแต่ละเดือน...แล้วพอเราบอกให้เขาใช้ตังประหยัดๆ เพราะอยากให้มีเงินเก็บไว้ให้ลูกบ้าง ลูกโตขึ้นทุกวัน ค่าใช้จ่ายมันก็เยอะตาม เขาก็สวนกลับเราว่า ประหยัดแค่นี้มันไม่ทำให้รวยหรอก แล้วก็ยังใช้เงินมือเติบเหมือนเดิม พอเงินไม่พอใช้ก็รูดบัตร กดบัตร
จากเหตุการณ์ข้างต้น เรารู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ เหมือนเราพยายามอยู่คนเดียว พยายามประหยัดเพื่อให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่สนว่าคนในครอบครัวจะเป็นไง บางทีญาติๆเขามาขอยืมเงิน แต่เราไม่มี แต่ด้วยความอยากเอาหน้าของสามี เขาก็จะไปกดบัตรมาให้ญาติยืม บางคนยืมแล้วไม่คืน เขาก็ไม่ทวง ประมาณอยากได้หน้า ว่าตัวเองมีตังเหลือกินเหลือใช้ จนญาติๆติดนิสัย ยืมแล้วไม่ค่อยคืน พอเราถาม เขาก็ว่าเราใจแคบอีกแหละ
เรื่องแบบนี้มันสะสมมานาน จนสุดท้ายเราเลยคุยกับเขาว่าเราจะขอแยกกระเป๋าตังใช้ ค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านก็ให้หารกันคนละครึ่งไปเลย เงินเขาเราจะไม่ยุ่งแล้ว เขาอยากเอาไปทำอะไรก็เชิญเลย แล้วเขาก็ว่าให้เราว่าเราเห็นแก่ตัว ใจแคบ พุดประชดเราประมาณว่าใช่สิ เขามันเงินเดือนน้อย อะไรประมาณนี้ แล้วพอเราขอหย่า เขาก็หาว่าเรามีคนอื่น เขามันตน ไม่ได้บ้านรวยเหมือนคนอื่น(ถ้าเราจะมองแค่ว่าเขาจนแล้วขอหย่า เราคงไม่แต่งงานด้วยตั้งแต่ทีแรก) แล้วเขาก็ยกเรื่องลูกมาอ้าง ว่าเราไม่สงสารลูก อยากให้ลูกมีปมที่ครอบครัวแตกแยก แต่เราสงสารลูกมากกว่าที่มีพ่อแบบนี้ กลัวลูกโตมาแล้วเห็นตัวอย่างแย่ๆจากคนเป็นพ่อ
ที่เราขอหย่าและขอแยกใช้เงินคนละกระเป๋าแบบนี้ เราเห็นแก่ตัวเกินไปเหรอคะ
เราอาจจะเล่างงๆ ไปบ้างต้องขออภัยนะคะ