บทที่ 4
https://pantip.com/topic/40364375
.........
ผมว่าทุกคนจะต้องเคยวาดภาพ คาดหวัง มโน ถึงสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จะมากจะน้อยก็น่าจะใกล้เคียงเมื่อเจอของจริง แต่ในกรณีของมาเรีย ช่างห่างไกลกันราวฟ้ากับเหว
มาเรียไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่คิด ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นลูกแก้วขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือสองเท่า ลอยตัวอยู่กลางอากาศ มีประกายไฟวับวาวระริกไหวอยู่ภายใน ความรู้สึกพิเศษบอกว่านั่นคือมาเรียอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่ไงคะ มาเรีย ของคุณ” เสียงของแอนนาตอกย้ำความเป็นจริงข้างหู ขณะผมกำลังพิจารณาสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า พอขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ จ้องมองลึกเข้าไปภายใน สังเกตว่าสิ่งที่กำลังลอยวนไปมาภายในลูกแก้ว มีรูปร่างเหมือนกาแล็กซีรูปเกลียว หรือกาแล็กซีแบบกังหันไม่มีผิด เพียงแต่เส้นผ่าศูนย์กลางนับแสนปีแสง ย่อลงมาเหลือขนาดไม่ถึงสองเซนติเมตร
ถ้าเป็นกาแล็กซีจริง มันก็คงอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของกาลอวกาศ ที่กฏทางฟิสิกส์ไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อมีกาแล็กซีบรรจุให้เห็นในลูกแก้ว
“เป็นของจริงค่ะ” แอนนาช่วยยืนยันอีกแรง
“ผมจะทำยังไงกับคุณกาแล็กซีมาเรียของผมได้ละนี่” ผมถาม เพราะยังนึกไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“คุณต้องนำมาเรียกลับไปที่แทนยา”
“แล้วไงอีก”
“เท่านั้นก็พอแล้วค่ะ” เธอตอบยิ้ม ๆ
“ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ง่ายขนาดนั้นเลยละค่ะ”
“ว่าแต่มาเรียเป็นอะไรกันแน่ แอนนา ผมคิดว่าคุณรู้”
แอนนายังคงยิ้มขณะเดินตรงมายังลูกแก้วมาเรีย ยื่นมือออกคว้าเอาไว้ เมื่อสัมผัส มาเรียตอบสนองต่อแรงโน้มถ่วงทันที เธอโยนมันเล่นไปมาระหว่างมือทั้งสองข้าง
“มาเรียคือโปรแกรม ลูกแก้วคือสิ่งที่บันทึกข้อมูลยังไงละคะ” แอนนารีบเฉลยปริศนาเมื่อเห็นว่าผมกำลังคิดจนจะบ้าตายทั้งเป็น แต่คำพูดต่อไปของเธอก็กลับทำให้ความรู้สึกอยากบ้าตายกลับมาอีก “และเธอก็เป็นกาแล็กซีจริงๆค่ะ”
เอาเข้าไป ผมครางในใจ พยายามไม่คิดลึกเพื่อหาคำตอบ มาเรียจะเป็นอะไรก็ช่างเถิด เอาเป็นว่ามาเรียก็คือมาเรีย เหมือนแอนนาที่คือแอนนา
“ทำไมคุณมาเรียไม่สื่อสารกับแทนยา ด้วยวิธีการสื่อสารไร้สายล่ะครับ”
“มาเรียไม่อยากทำแบบนั้น” เธอพูดราวกับว่าแอนนามีชีวิต เพราะความอยาก - ไม่อยาก น่าจะเป็น ‘ความรู้สึก’ ของสิ่งมีชีวิตมากกว่า
“แสงของมาเรียเหมือนแสงประหลาดที่ผมเห็นนอกยานอยู่บ่อย ๆ” ผมเลียบเคียงหาคำตอบที่ต้องการ
“อ้อ...นั่นก็เป็นโปรแกรมย่อยที่ออกเก็บข้อมูล อัปเดตข้อมูล เกี่ยวกับดาวเฮเว่นค่ะ”
“ผมเคยเห็นแสงประหลาดกับภาพของคุณในทะเลด้วย”
“โปรแกมพวกนี้ มีข้อมูลของแอนนา อ้อ รวมทั้งเฮเว่นด้วยค่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าปกติธรรมดา แต่ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที หนอย...มันจะมากไปแล้ว มาเก็บข้อมูลคนอื่นแบบไม่ขออนุญาต แถมยังมีวิธีการสุดประหลาดอีกด้วย ประหลาดชนิดมองไม่เห็นภาพว่าทำงานอย่างไร
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” แอนนาบอกเหมือนรู้ความคิดของผม “พวกเขาแค่เก็บข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่รุกรานหรือโหลดไวรัสมาให้พวกเราหรอกค่ะ เฮเว่นสบายใจได้ แอนนารับรอง เอาหัวเฮเว่นเป็นประกันได้เลย”
“เรื่องอะไร” ผมขึ้นเสียง “เอาหัวคุณสิเป็นประกัน เรื่องอะไรมาเอาหัวผมเป็นประกัน คุณนี่”
“แอนนาอะไรคะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัย แต่ประกายตาซ่อนรอยยิ้ม ก็เป็นแบบนี้ละ ผมถึงไม่อยากทะเลาะถกเถียงกับผู้หญิงมากนัก
“เอาเถอะ ๆ ผมยอมแพ้คุณก็แล้วกัน”
“ยอมแพ้ทำไมคะ ยังไม่ได้ต่อยกันสักหน่อย”
ผมแกล้งแยกเขี้ยว แต่แอนนาโยนลูกแก้วมาให้เสียก่อน ผมรับมาแบบไม่ตั้งใจ ลูกแก้วมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิแวดล้อมเล็กน้อย น้ำหนักประมาณลูกเทนนิส ไม่มีทีท่าอันตราย ยิ่งมองใกล้ชิด ยิ่งเห็นว่าภายในเป็นกาแล็กซีชัดเจนมากขึ้น
แต่เมื่อแอนนายืนยันว่าเป็นโปรแกรม ผมจำเป็นต้องทำใจเชื่อไปก่อน จนกว่าจะหาข้อมูลที่ดีกว่ามาหักล้างได้ เธอพาผมกลับมายังห้องบังคับการจำลองอีกครั้ง เก็บมาเรียไว้ในกล่องเก็บอุปกรณ์ที่แอนนานำติดตัวมาด้วย จอห์นกล่าวทักทายพวกเราตามปกติวิสัย ไม่ได้บ่งบอกถึงการรับรู้ ‘มาเรีย’ เลยสักนิด ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นละ เพราะจอห์นมองผ่านเลนส์ของกล้องสามมิติ ไม่สามารถมองทะลุกล่องเก็บอุปกรณ์ได้
ผมอยากจะกลับยานทันที แต่แอนนาบอกให้รอก่อน เพราะเป็นช่วงเวลากลุ่มหมอกกำลังเคลื่อนตัวปกคลุมพื้นที่แถบนี้ ไม่รู้ว่าเธอรู้ได้อย่างไร แต่ที่รู้แน่แก่ใจคือ...เธอรู้จริง
ระหว่างรอคอย จอห์นกับแอนนาเริ่มคุยกันอย่างถูกคอ เหมือนเพื่อนสนิท เธอพูดจาไพเราะน่าฟัง ผมได้แต่แอบเก็บข้อมูลที่อาจหลุดรอดออกมาจากการสนทนา แต่ก็ค่อนข้างผิดหวัง จอห์นยังเชื่อว่าเขายังอยู่บนยานแทนยา เพราะสภาพของห้อง น่าจะมีเหตุผลสักอย่าง ที่ยานลำนี้จำลองห้องบังคับการของยานแทนยามาไว้ที่นี่ เพียงแต่ผมยังนึกไม่ออกเท่านั้น
แอนนาพูดถึงมาเรีย จอห์นแสดงความสนใจ ผมแทบอดหัวเราะไม่ได้ คำพูดของเขาแทบไม่ต่างจากผู้ชายกำลังสนใจผู้หญิง
โปรแกรมก็คือโปรแกรม ต่อให้เก่งแสนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีจิตวิญญาณเหมือนสิ่งมีชีวิต ถ้าโปรแกรมมีจิตวิญญาณ ป่านนี้โลกคงเต็มไปด้วย ‘ผีโปรแกรม’ ... ที่เกิดจากโปรแกรมถูกทำลายก่อนเวลาอันควร หรือจากอุบัติเหตุ กลายเป็นโปรแกรมตายโหง โปรแกรมเฮี้ยน เอาไฟล์ข้าคืนมา....เอาไฟล์ข้าคืนมา... ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้
เมื่อได้เวลา แอนนาเปิดทางออกสู่โลกภายนอก ด้วยวิธีการแสดงสัญลักษณ์พิเศษด้วยมือเช่นเคย หมอกด้านนอกจางลงอย่างที่เธอบอก เราปีนกลับขึ้นด้านบน ไม่สนใจอย่างอื่น เพราะแอนนาบอกว่าในหุบเหวไม่ได้มีสิ่งน่าสนใจอย่างอื่นอีกแล้ว
แน่ละ... ก็เราได้กาแล็กซีทั้งกาแล็กซีอยู่ในมือแล้ว
ระหว่างทาง แอนนารบเร้าให้เราเดินทางอ้อมไปยังแนวป่าแห่งหนึ่ง โดยให้เหตุผลจะหา ‘อาหาร’ มาตุนไว้ในยานสำหรับวันพรุ่งนี้ ท่าทางของเธอเหมือนจะอยู่อีกนาน ทำให้แอบดีใจอยู่ลึก ๆ ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร หรือเป็นใคร ก็ตาม แต่เธอไม่ต่างจากแอนนา ในป่าที่เราแวะเข้าไปดู ไม่พบสิงสาราสัตว์ต่างดาว แต่พบผักและผลไม้หลายชนิด แอนนาดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเห็นเธอเลือกเก็บผลไม้อย่างไม่ลังเลใจไว้ในกล่องอุปกรณ์จนเต็มปรี่
“คุณมาเรียอึดอัดแย่” ผมติดตลก มากกว่าจะนึกเป็นห่วงเจ้าโปรแกรมประหลาด
“มาเรียไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ” เธอบอกอย่างมั่นใจ ขณะสายตายังสอดส่ายหาสิ่งของที่ต้องการต่อไป จัดการรวบรวมผลไม้ด้วยเถาวัลย์ร้อยเป็นพวงอย่างชำนาญอย่างนักเดินไพร
“อย่าบอกนะว่า ผมจะเป็นคนหอบหิ้วเจ้าพวกนี้กลับยานด้วย” ผมรีบออกตัว เมื่อเริ่มรับรู้สิ่งที่ไม่ค่อยชอบมาพากล
“ไม่เห็นต้องบอกนี่คะ เพราะเฮเว่นเป็นคนรู้บทบาท หน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้วนี่คะ ว่าจะต้องเป็นคนหิ้วผลไม้พวกนี้ไป เพราะแอนนาถือกล่องเก็บอุปกรณ์ก็หนักจะแย่อยู่แล้วนี่คะ”
นั่นไง... เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ผมลอบกลืนน้ำลาย ไม่ใช่เพราะอยากเอาเปรียบผู้หญิง แต่ผมยังมองไม่เห็นประโยชน์จากผลไม้แห่งดวงดาวมากกว่า ดูเปลือกดูใบแล้ว ไม่เห็นน่ากินเลยสักนิด ในยานก็มีทั้งอาหารสำเร็จรูปมากมาย รวมทั้งผลไม้ที่ผมนำติดตัวมาวันก่อน ไม่เห็นต้องเอาไปให้หนักยาน
ผมแกล้งทำท่าไม่พอใจพอเป็นพิธี แล้วก็ยอมหอบหิ้วผลไม้พวกนั้นด้วยมือทั้งสองแต่โดยดี คิดในใจว่ายอม ๆ ไปเถอะ ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยการมาเยือนของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยปริศนา ก็ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่าและมีความหมายมากขึ้น ไม่ได้คิดอยากอัตวินิบาตกรรมอีกต่อไป หัวใจชุ่มชื้นอย่างประหลาด ทั้งที่ไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงเดินตัวปลิวลิ่ว ๆ นำหน้าไป เป็นใคร หรืออะไรกันแน่ ความเจ็บปวดแห่งการสูญเสียคนรัก เคยหนักหนาสาหัสผ่อนคลายลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ
นึกดูเวลานี้ คนรักใหม่ของแอนนา จะว่าไปผมเองควรจะขอบใจเขามากกว่า ขอบใจที่เขาสละชีวิตมาดูแลคนที่ผมรัก ขอเพียงให้อยู่กันอย่างมีความสุข ผมควรจะดีใจด้วย เมื่อเขาอาสาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่แทน ใช่แล้ว..ทำไมก่อนหน้าไม่คิด ทำไมเราโง่เหลือเกิน คงเพราะความเขลา ความอยาก หรืออะไรก็ตาม แต่มันได้เจือจางหายไปมากแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองยังคงเป็นตัวเองเหมือนเดิม แต่สายตา มุมมอง และความรู้สึกที่มีต่อแอนนาได้เปลี่ยนแปลง ไปในทางลึกซึ้งมากขึ้น
เธอไม่ได้หายไปไหน อยู่ในใจของผมนี่เอง เวลานี้ มีแอนนาเป็นตัวเป็นคน มาอยู่ด้วย แล้วจะต้องการอะไรอีก
สายลมเย็นพัดเอื่อย ผมเดินไปนึกถึงบทเพลงโบราณ ที่ก่อนหน้านี้ นึกถึงคราใด ก็รู้สึกเจ็บในความรู้สึกร้าวรันทด แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกเหมือนปลดปล่อยบางอย่างออกไป นึกถึงท่วงทำนองและความหมายของบทเพลงในใจ อย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
หญิงสาวผู้เดินนำหน้า ชะงักฝีเท้า หันมามองแล้วทำหน้ายิ้ม ๆ
“คุณยิ้มอะไร” ผมถามอย่างสงสัย
“แอนนาได้ยินเฮเว่นฮัมเพลง”
“เปล่า...โธ่ ผมคนนี้นะเหรอฮัมเพลง ผิดไปละ”
“ใช่ เฮเว่นคนนี้นี่ละ ที่เดินฮัมเพลงไม่รู้ตัว แอนนาได้ยินนะ แอนนาได้เฮเว่นกลับคืนมาแล้ว” เธอว่าพลางหัวเราะคิก ลดฝีเท้ามาเดินเคียงคู่กัน ปกติเรื่องร้องเพลงสนุกสนาน ไม่ใช่อิมเมจของผมอยู่แล้ว อย่างผมต้องมาดนิ่งเสมอ จะมีก็แอนนาที่ล่วงรู้นิสัยเพี้ยน ๆ ของผม เอ... หรือว่าเราจะเผลอตัวไปจริง ๆ แต่ช่างเถอะ...ถึงดาวดวงนี้จะทำให้เปลี่ยนไป ก็ถือว่าเปลี่ยนไปในทางดีก็แล้วกัน ผมนึกอย่างอารมณ์ดี
เราพลับถึงยานประมาณเที่ยง ผมใจร้อน อยากดูการทำงานของมาเรีย แต่แอนนาบอกว่าจะหาอาหารเที่ยงมาบริการ ขอเวลานำผลไม้ออกจากกล่องให้หมดเสียก่อน เพราะมาเรียอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นสีหน้าความตั้งใจของเธอ ทำเอาต้องสะกดใจ รอจนอาหารมื้อเที่ยงผ่านไปเรียบร้อย เราทั้งสองจึงมาห้องบังคับการของยาน
แอนนาเปิดกล่องเก็บอุปกรณ์ หยิบลูกแก้วออกมาด้วยมือซ้ายยื่นไปเบื้องหน้า มือขวายกวนไปมาในอากาศ สื่อรูปร่างทรงเลขาคณิตซับซ้อน เอาอีกแล้ว...ผมนึกในใจ เปิดรหัสยังกับลีลาร่ายเวทมนตร์อวกาศ ใครจะทำตามได้
ประกายไฟในลูกแก้ว ขยายตัวผ่านผิวของลูกแก้วออกมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นรูปร่างกาแล็กซีแบบกังหัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามฟุต ลอยอยู่กลางห้องอย่างน่าพิศวง แม้ว่าจะเคยมองเห็นภาพกาแล็กซีผ่านกล้องโทรทรรศน์อวกาศมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเห็นภาพชัดเจนใกล้ชิดต่อหน้าต่อตาแบบนี้เลย
“นี่ไงคะมาเรีย” เสียงของแอนนาบอกอย่างเริงรื่น
“กาแล็กซี..” ผมครางอย่างพิศวง มองในระยะห่างเพียงเล็กน้อย “นี่ถ้าผมเอามือตบให้มันกระจัดกระจายไป จะเป็นยังไง”
“คุณก็ทำลายกาแล็กซี่แห่งหนึ่งด้วยมือคุณเอง” เสียงจอห์นตอบแทน “เราไม่รู้หรอกว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในกาแล็กซีนี้หรือเปล่า แต่ผมรู้ว่าคุณทำลายมันได้ในเวลาไม่ถึงวินาที”
คำพูดของจอห์น ทำให้ขนลุก เมื่อวาดมโนภาพ ต่อไปว่า กาแล็กซีทางช้างเผือก ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางแสนปีแสง ถูกฝ่ามืออภิอมหายักษ์กวาดทำลายในเวลาไม่ถึงวินาที ฝ่ามือนั้นในความรู้สึกของชาวโลก เคลื่อนที่ได้ระยะทางมากกว่าแสนปีแสง ในเวลาหนึ่งวินาที เป็นสิ่งเหลือเชื่อขัดทฤษฏีสัมพัทธภาพ จนเกินกว่าจะจินตนาการได้ แม้ว่าภายหลังเราจะพบว่าทฤษฏีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ยังใช้ได้อยู่ในศตวรรษนี้
......
ตำนานรัก ข้ามจักรวาล......บทที่ 5 (มาเรีย)
https://pantip.com/topic/40364375
.........
ผมว่าทุกคนจะต้องเคยวาดภาพ คาดหวัง มโน ถึงสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จะมากจะน้อยก็น่าจะใกล้เคียงเมื่อเจอของจริง แต่ในกรณีของมาเรีย ช่างห่างไกลกันราวฟ้ากับเหว
มาเรียไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่คิด ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นลูกแก้วขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือสองเท่า ลอยตัวอยู่กลางอากาศ มีประกายไฟวับวาวระริกไหวอยู่ภายใน ความรู้สึกพิเศษบอกว่านั่นคือมาเรียอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่ไงคะ มาเรีย ของคุณ” เสียงของแอนนาตอกย้ำความเป็นจริงข้างหู ขณะผมกำลังพิจารณาสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า พอขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ จ้องมองลึกเข้าไปภายใน สังเกตว่าสิ่งที่กำลังลอยวนไปมาภายในลูกแก้ว มีรูปร่างเหมือนกาแล็กซีรูปเกลียว หรือกาแล็กซีแบบกังหันไม่มีผิด เพียงแต่เส้นผ่าศูนย์กลางนับแสนปีแสง ย่อลงมาเหลือขนาดไม่ถึงสองเซนติเมตร
ถ้าเป็นกาแล็กซีจริง มันก็คงอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของกาลอวกาศ ที่กฏทางฟิสิกส์ไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อมีกาแล็กซีบรรจุให้เห็นในลูกแก้ว
“เป็นของจริงค่ะ” แอนนาช่วยยืนยันอีกแรง
“ผมจะทำยังไงกับคุณกาแล็กซีมาเรียของผมได้ละนี่” ผมถาม เพราะยังนึกไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“คุณต้องนำมาเรียกลับไปที่แทนยา”
“แล้วไงอีก”
“เท่านั้นก็พอแล้วค่ะ” เธอตอบยิ้ม ๆ
“ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ง่ายขนาดนั้นเลยละค่ะ”
“ว่าแต่มาเรียเป็นอะไรกันแน่ แอนนา ผมคิดว่าคุณรู้”
แอนนายังคงยิ้มขณะเดินตรงมายังลูกแก้วมาเรีย ยื่นมือออกคว้าเอาไว้ เมื่อสัมผัส มาเรียตอบสนองต่อแรงโน้มถ่วงทันที เธอโยนมันเล่นไปมาระหว่างมือทั้งสองข้าง
“มาเรียคือโปรแกรม ลูกแก้วคือสิ่งที่บันทึกข้อมูลยังไงละคะ” แอนนารีบเฉลยปริศนาเมื่อเห็นว่าผมกำลังคิดจนจะบ้าตายทั้งเป็น แต่คำพูดต่อไปของเธอก็กลับทำให้ความรู้สึกอยากบ้าตายกลับมาอีก “และเธอก็เป็นกาแล็กซีจริงๆค่ะ”
เอาเข้าไป ผมครางในใจ พยายามไม่คิดลึกเพื่อหาคำตอบ มาเรียจะเป็นอะไรก็ช่างเถิด เอาเป็นว่ามาเรียก็คือมาเรีย เหมือนแอนนาที่คือแอนนา
“ทำไมคุณมาเรียไม่สื่อสารกับแทนยา ด้วยวิธีการสื่อสารไร้สายล่ะครับ”
“มาเรียไม่อยากทำแบบนั้น” เธอพูดราวกับว่าแอนนามีชีวิต เพราะความอยาก - ไม่อยาก น่าจะเป็น ‘ความรู้สึก’ ของสิ่งมีชีวิตมากกว่า
“แสงของมาเรียเหมือนแสงประหลาดที่ผมเห็นนอกยานอยู่บ่อย ๆ” ผมเลียบเคียงหาคำตอบที่ต้องการ
“อ้อ...นั่นก็เป็นโปรแกรมย่อยที่ออกเก็บข้อมูล อัปเดตข้อมูล เกี่ยวกับดาวเฮเว่นค่ะ”
“ผมเคยเห็นแสงประหลาดกับภาพของคุณในทะเลด้วย”
“โปรแกมพวกนี้ มีข้อมูลของแอนนา อ้อ รวมทั้งเฮเว่นด้วยค่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าปกติธรรมดา แต่ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที หนอย...มันจะมากไปแล้ว มาเก็บข้อมูลคนอื่นแบบไม่ขออนุญาต แถมยังมีวิธีการสุดประหลาดอีกด้วย ประหลาดชนิดมองไม่เห็นภาพว่าทำงานอย่างไร
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” แอนนาบอกเหมือนรู้ความคิดของผม “พวกเขาแค่เก็บข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่รุกรานหรือโหลดไวรัสมาให้พวกเราหรอกค่ะ เฮเว่นสบายใจได้ แอนนารับรอง เอาหัวเฮเว่นเป็นประกันได้เลย”
“เรื่องอะไร” ผมขึ้นเสียง “เอาหัวคุณสิเป็นประกัน เรื่องอะไรมาเอาหัวผมเป็นประกัน คุณนี่”
“แอนนาอะไรคะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัย แต่ประกายตาซ่อนรอยยิ้ม ก็เป็นแบบนี้ละ ผมถึงไม่อยากทะเลาะถกเถียงกับผู้หญิงมากนัก
“เอาเถอะ ๆ ผมยอมแพ้คุณก็แล้วกัน”
“ยอมแพ้ทำไมคะ ยังไม่ได้ต่อยกันสักหน่อย”
ผมแกล้งแยกเขี้ยว แต่แอนนาโยนลูกแก้วมาให้เสียก่อน ผมรับมาแบบไม่ตั้งใจ ลูกแก้วมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิแวดล้อมเล็กน้อย น้ำหนักประมาณลูกเทนนิส ไม่มีทีท่าอันตราย ยิ่งมองใกล้ชิด ยิ่งเห็นว่าภายในเป็นกาแล็กซีชัดเจนมากขึ้น
แต่เมื่อแอนนายืนยันว่าเป็นโปรแกรม ผมจำเป็นต้องทำใจเชื่อไปก่อน จนกว่าจะหาข้อมูลที่ดีกว่ามาหักล้างได้ เธอพาผมกลับมายังห้องบังคับการจำลองอีกครั้ง เก็บมาเรียไว้ในกล่องเก็บอุปกรณ์ที่แอนนานำติดตัวมาด้วย จอห์นกล่าวทักทายพวกเราตามปกติวิสัย ไม่ได้บ่งบอกถึงการรับรู้ ‘มาเรีย’ เลยสักนิด ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นละ เพราะจอห์นมองผ่านเลนส์ของกล้องสามมิติ ไม่สามารถมองทะลุกล่องเก็บอุปกรณ์ได้
ผมอยากจะกลับยานทันที แต่แอนนาบอกให้รอก่อน เพราะเป็นช่วงเวลากลุ่มหมอกกำลังเคลื่อนตัวปกคลุมพื้นที่แถบนี้ ไม่รู้ว่าเธอรู้ได้อย่างไร แต่ที่รู้แน่แก่ใจคือ...เธอรู้จริง
ระหว่างรอคอย จอห์นกับแอนนาเริ่มคุยกันอย่างถูกคอ เหมือนเพื่อนสนิท เธอพูดจาไพเราะน่าฟัง ผมได้แต่แอบเก็บข้อมูลที่อาจหลุดรอดออกมาจากการสนทนา แต่ก็ค่อนข้างผิดหวัง จอห์นยังเชื่อว่าเขายังอยู่บนยานแทนยา เพราะสภาพของห้อง น่าจะมีเหตุผลสักอย่าง ที่ยานลำนี้จำลองห้องบังคับการของยานแทนยามาไว้ที่นี่ เพียงแต่ผมยังนึกไม่ออกเท่านั้น
แอนนาพูดถึงมาเรีย จอห์นแสดงความสนใจ ผมแทบอดหัวเราะไม่ได้ คำพูดของเขาแทบไม่ต่างจากผู้ชายกำลังสนใจผู้หญิง
โปรแกรมก็คือโปรแกรม ต่อให้เก่งแสนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีจิตวิญญาณเหมือนสิ่งมีชีวิต ถ้าโปรแกรมมีจิตวิญญาณ ป่านนี้โลกคงเต็มไปด้วย ‘ผีโปรแกรม’ ... ที่เกิดจากโปรแกรมถูกทำลายก่อนเวลาอันควร หรือจากอุบัติเหตุ กลายเป็นโปรแกรมตายโหง โปรแกรมเฮี้ยน เอาไฟล์ข้าคืนมา....เอาไฟล์ข้าคืนมา... ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้
เมื่อได้เวลา แอนนาเปิดทางออกสู่โลกภายนอก ด้วยวิธีการแสดงสัญลักษณ์พิเศษด้วยมือเช่นเคย หมอกด้านนอกจางลงอย่างที่เธอบอก เราปีนกลับขึ้นด้านบน ไม่สนใจอย่างอื่น เพราะแอนนาบอกว่าในหุบเหวไม่ได้มีสิ่งน่าสนใจอย่างอื่นอีกแล้ว
แน่ละ... ก็เราได้กาแล็กซีทั้งกาแล็กซีอยู่ในมือแล้ว
ระหว่างทาง แอนนารบเร้าให้เราเดินทางอ้อมไปยังแนวป่าแห่งหนึ่ง โดยให้เหตุผลจะหา ‘อาหาร’ มาตุนไว้ในยานสำหรับวันพรุ่งนี้ ท่าทางของเธอเหมือนจะอยู่อีกนาน ทำให้แอบดีใจอยู่ลึก ๆ ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร หรือเป็นใคร ก็ตาม แต่เธอไม่ต่างจากแอนนา ในป่าที่เราแวะเข้าไปดู ไม่พบสิงสาราสัตว์ต่างดาว แต่พบผักและผลไม้หลายชนิด แอนนาดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเห็นเธอเลือกเก็บผลไม้อย่างไม่ลังเลใจไว้ในกล่องอุปกรณ์จนเต็มปรี่
“คุณมาเรียอึดอัดแย่” ผมติดตลก มากกว่าจะนึกเป็นห่วงเจ้าโปรแกรมประหลาด
“มาเรียไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ” เธอบอกอย่างมั่นใจ ขณะสายตายังสอดส่ายหาสิ่งของที่ต้องการต่อไป จัดการรวบรวมผลไม้ด้วยเถาวัลย์ร้อยเป็นพวงอย่างชำนาญอย่างนักเดินไพร
“อย่าบอกนะว่า ผมจะเป็นคนหอบหิ้วเจ้าพวกนี้กลับยานด้วย” ผมรีบออกตัว เมื่อเริ่มรับรู้สิ่งที่ไม่ค่อยชอบมาพากล
“ไม่เห็นต้องบอกนี่คะ เพราะเฮเว่นเป็นคนรู้บทบาท หน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้วนี่คะ ว่าจะต้องเป็นคนหิ้วผลไม้พวกนี้ไป เพราะแอนนาถือกล่องเก็บอุปกรณ์ก็หนักจะแย่อยู่แล้วนี่คะ”
นั่นไง... เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ผมลอบกลืนน้ำลาย ไม่ใช่เพราะอยากเอาเปรียบผู้หญิง แต่ผมยังมองไม่เห็นประโยชน์จากผลไม้แห่งดวงดาวมากกว่า ดูเปลือกดูใบแล้ว ไม่เห็นน่ากินเลยสักนิด ในยานก็มีทั้งอาหารสำเร็จรูปมากมาย รวมทั้งผลไม้ที่ผมนำติดตัวมาวันก่อน ไม่เห็นต้องเอาไปให้หนักยาน
ผมแกล้งทำท่าไม่พอใจพอเป็นพิธี แล้วก็ยอมหอบหิ้วผลไม้พวกนั้นด้วยมือทั้งสองแต่โดยดี คิดในใจว่ายอม ๆ ไปเถอะ ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยการมาเยือนของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยปริศนา ก็ทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่าและมีความหมายมากขึ้น ไม่ได้คิดอยากอัตวินิบาตกรรมอีกต่อไป หัวใจชุ่มชื้นอย่างประหลาด ทั้งที่ไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงเดินตัวปลิวลิ่ว ๆ นำหน้าไป เป็นใคร หรืออะไรกันแน่ ความเจ็บปวดแห่งการสูญเสียคนรัก เคยหนักหนาสาหัสผ่อนคลายลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ
นึกดูเวลานี้ คนรักใหม่ของแอนนา จะว่าไปผมเองควรจะขอบใจเขามากกว่า ขอบใจที่เขาสละชีวิตมาดูแลคนที่ผมรัก ขอเพียงให้อยู่กันอย่างมีความสุข ผมควรจะดีใจด้วย เมื่อเขาอาสาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่แทน ใช่แล้ว..ทำไมก่อนหน้าไม่คิด ทำไมเราโง่เหลือเกิน คงเพราะความเขลา ความอยาก หรืออะไรก็ตาม แต่มันได้เจือจางหายไปมากแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองยังคงเป็นตัวเองเหมือนเดิม แต่สายตา มุมมอง และความรู้สึกที่มีต่อแอนนาได้เปลี่ยนแปลง ไปในทางลึกซึ้งมากขึ้น
เธอไม่ได้หายไปไหน อยู่ในใจของผมนี่เอง เวลานี้ มีแอนนาเป็นตัวเป็นคน มาอยู่ด้วย แล้วจะต้องการอะไรอีก
สายลมเย็นพัดเอื่อย ผมเดินไปนึกถึงบทเพลงโบราณ ที่ก่อนหน้านี้ นึกถึงคราใด ก็รู้สึกเจ็บในความรู้สึกร้าวรันทด แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกเหมือนปลดปล่อยบางอย่างออกไป นึกถึงท่วงทำนองและความหมายของบทเพลงในใจ อย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
หญิงสาวผู้เดินนำหน้า ชะงักฝีเท้า หันมามองแล้วทำหน้ายิ้ม ๆ
“คุณยิ้มอะไร” ผมถามอย่างสงสัย
“แอนนาได้ยินเฮเว่นฮัมเพลง”
“เปล่า...โธ่ ผมคนนี้นะเหรอฮัมเพลง ผิดไปละ”
“ใช่ เฮเว่นคนนี้นี่ละ ที่เดินฮัมเพลงไม่รู้ตัว แอนนาได้ยินนะ แอนนาได้เฮเว่นกลับคืนมาแล้ว” เธอว่าพลางหัวเราะคิก ลดฝีเท้ามาเดินเคียงคู่กัน ปกติเรื่องร้องเพลงสนุกสนาน ไม่ใช่อิมเมจของผมอยู่แล้ว อย่างผมต้องมาดนิ่งเสมอ จะมีก็แอนนาที่ล่วงรู้นิสัยเพี้ยน ๆ ของผม เอ... หรือว่าเราจะเผลอตัวไปจริง ๆ แต่ช่างเถอะ...ถึงดาวดวงนี้จะทำให้เปลี่ยนไป ก็ถือว่าเปลี่ยนไปในทางดีก็แล้วกัน ผมนึกอย่างอารมณ์ดี
เราพลับถึงยานประมาณเที่ยง ผมใจร้อน อยากดูการทำงานของมาเรีย แต่แอนนาบอกว่าจะหาอาหารเที่ยงมาบริการ ขอเวลานำผลไม้ออกจากกล่องให้หมดเสียก่อน เพราะมาเรียอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นสีหน้าความตั้งใจของเธอ ทำเอาต้องสะกดใจ รอจนอาหารมื้อเที่ยงผ่านไปเรียบร้อย เราทั้งสองจึงมาห้องบังคับการของยาน
แอนนาเปิดกล่องเก็บอุปกรณ์ หยิบลูกแก้วออกมาด้วยมือซ้ายยื่นไปเบื้องหน้า มือขวายกวนไปมาในอากาศ สื่อรูปร่างทรงเลขาคณิตซับซ้อน เอาอีกแล้ว...ผมนึกในใจ เปิดรหัสยังกับลีลาร่ายเวทมนตร์อวกาศ ใครจะทำตามได้
ประกายไฟในลูกแก้ว ขยายตัวผ่านผิวของลูกแก้วออกมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นรูปร่างกาแล็กซีแบบกังหัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามฟุต ลอยอยู่กลางห้องอย่างน่าพิศวง แม้ว่าจะเคยมองเห็นภาพกาแล็กซีผ่านกล้องโทรทรรศน์อวกาศมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเห็นภาพชัดเจนใกล้ชิดต่อหน้าต่อตาแบบนี้เลย
“นี่ไงคะมาเรีย” เสียงของแอนนาบอกอย่างเริงรื่น
“กาแล็กซี..” ผมครางอย่างพิศวง มองในระยะห่างเพียงเล็กน้อย “นี่ถ้าผมเอามือตบให้มันกระจัดกระจายไป จะเป็นยังไง”
“คุณก็ทำลายกาแล็กซี่แห่งหนึ่งด้วยมือคุณเอง” เสียงจอห์นตอบแทน “เราไม่รู้หรอกว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในกาแล็กซีนี้หรือเปล่า แต่ผมรู้ว่าคุณทำลายมันได้ในเวลาไม่ถึงวินาที”
คำพูดของจอห์น ทำให้ขนลุก เมื่อวาดมโนภาพ ต่อไปว่า กาแล็กซีทางช้างเผือก ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางแสนปีแสง ถูกฝ่ามืออภิอมหายักษ์กวาดทำลายในเวลาไม่ถึงวินาที ฝ่ามือนั้นในความรู้สึกของชาวโลก เคลื่อนที่ได้ระยะทางมากกว่าแสนปีแสง ในเวลาหนึ่งวินาที เป็นสิ่งเหลือเชื่อขัดทฤษฏีสัมพัทธภาพ จนเกินกว่าจะจินตนาการได้ แม้ว่าภายหลังเราจะพบว่าทฤษฏีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ยังใช้ได้อยู่ในศตวรรษนี้
......