ขอเล่าก่อนว่า ทางบ้านเราไม่ได้รวย เเต่ก็ไม่ได้จน
ฐานะปานกลาง เเต่บางเดือนก็ช็อด
เราตอนนี้อยู่ม6 เรียนสายศิลป์-เยอรมัน
เราเป็นเด็กที่เรียนไม่ได้เก่ง เเต่ก็ไม่ได้อ่อนมาก
มีเรียนพิเศษเเค่ภาษาอังกฤษ(ติว)
ประเด็นของเราคือ ตอนนี้เราได้มหาลัยเเห่งหนึ่งที่จังหวัดที่เราอยู่ คือเราก็ชอบในคณะเเละสาขานั้น
เเต่ประเด็นที่ทำให้เราไม่อยากเรียนที่นั่นเพราะที่บ้าน!
ใช่ค่ะ เพราะที่บ้าน! เราค่อนข้างอึดอัด เเละบางทีก็ไม่พอใจน้อง เราเป็นคนที่จริงจังเวลาทำงาน เเม้กระทั้งงานบ้าน คือเราอยากให้น้องเราช่วยบ้างในการทำงานบ้าน(ตอนนี้น้องเราอยู่ป.4) ซึ่งตอนเราอยู่ป.4เราทำทุกอย่างในบ้าน เเม้กระทั่งรีดผ้า เตารีดร้อนๆดาดมือประจำ เราเองอึดอัด บางทีก็น้อยใจที่เเม่เอะอะ อะไรก็ใช้เเต่เรา(เราทราบนะค่ะ ว่าเราโตกว่าน้อง) บางทีนั่งทานข้าวอยู่ ส่วนน้องเล่นเกม ดูทีวี ก็ใช้ให้เราไปหยิบนู้นหยิบนี้ เราเคยบอกเเม่นะค่ะ ว่าทำไมตอนเราป4 เรายังทำเองทุกอย่างเลย ทำไมให้น้องทำไม่ได้ คำตอบที่ได้คือ...เพราะเราคือผู้หญิง....เราก็โอเคร ทำก็ได้ เราไม่เคยบ่นเลย เวลาทำงานบ้าน เเต่บางทีเเค่อยากให้น้องช่วยบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือนเป็นลูกเทวดา บางทีเวลาเเม่โมโหน้อง เเม่ก็จะพูดว่า เดี๋ยวจะไม่ให้เล่นเเล้วโทรศัพท์ สักพักพออารมณ์ดี ก็ให้เล่น ซึ่งเป็นเเบบนี้ประจำ จนน้องเรารู้เเละติดนิสัย น้องเราค่อนข้างจะประจบเเม่นะค่ะ บางวันไม่อยากไปซ้อมกีฬา ก็ขอเเม่ เเม่ก็ไม่ให้ไป เราเองก็เคยพูดกับเเม่บ่อยมาก เเละบางทีก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ เเต่สุดท้าย ก็เหมือนเดิม เราเองที่ต้องทำทุกอย่าง บางทีเสาร์อาทิตย์ เเทบไม่ได้ทำการบ้านเลย ทั้งวันทำเเต่งานบ้าน เพราะเวลาที่บ้านบ้านรกเเล้วเราอยู่นิ่งไม่ได้ เราไม่ชอบ เเล้วพอบอกว่าไม่มีเวลา เเม่ก็จะถามว่าเอาเวลาไปทำอะไรหมด เราก็ได้เเค่เฉย (เสาร์อาทิตย์เราเองก็มีงานพิเศษที่ต้องทำ)
เเละอีกเรื่องที่ไม่อยากเรียนที่นี้เพราะ ค่าเทอมเเพงมาก
4-5หมื่น ยังไม่รวมเเรกเข้า เเละกิจกรรมนอก ยิ่งช่วงนี้บ้านเราก็ได้รับผลกระทบจากโควิดนิดหน่อย เราเองเลยไม่ค่อยอยากเรียนที่นี้เพราะสงสารเเม่กับพ่อ
เขาบอกเราเสมอว่าส่งเรียนไหว...เราก็ทราบนะค่ะ เเต่การที่เขาบอกว่าส่งไหว เขาก็ต้องทำงานที่หนักเพิ่มไปอีกหลายเท่า เพราะปัจจุบันก็หนักเเล้ว ซึ่งเเม่ก็สุขภาพไม่ดี เราเองเลยไม่อยากเรียนที่นี้
เรื่องนี้ที่ทำให้เราไม่อยากเรียนที่นี้
อีกเรื่องที่ค่อนข้างเครียดคือ เราจะไปเรียนต่อที่กทม ซึ่งเราจะใช้คะเเนนรอบ3 ยื่นเข้าไป เเต่เราก็ไม่มั่นใจว่าจะติดไหม เราเลยคิดว่าถ้าการที่เราจะส่งคะเเนนไป เราก็ต้องสละสิทธ์ในมหาลัยที่ได้ เกรดเราไม่ได้เยอะมาก รอบ3 บางม. ก็เกรดไม่ถึง บางม.ก็เกรดถึง
เเต่ก็มีใช้คะเเนนในส่วนของ GatPat เเละ O-net ด้วย
ซึ่งถ้าเราไม่ติดที่กทม เราก็ไม่มีเเพลนสำรองว่าจะไปต่อไหน ส่วนตัวไม่ได้มีอคติกับม.ราม ม.ราชภัฏ เเต่เเม่เรามีอคติมาก เเม่ก็ถามเสมอว่าถ้าไม่ติดจะไปต่อไหน เราเองไม่ก็ไม่รู้ พอบอกจะเข้ารามมั้ง เเม่ก็บอกว่าจะท้องก่อน+ทำหน้าดูถูก ซึ่งเราไม่ชอบมากๆ พอบอกจะเข้าม.ราชภัฏ ก็เหมือนจะดูถูกอีกว่า จบมาเขาจะรับทำงานหรอ? ซึ่งเราไม่สามารถเอาไปปรึกษาเพื่อนได้ เพราะเพื่อนสนิทเราบางคนไม่ต่อจังหวัดอื่น เพราะค่าใช้จ้ายสูง เเต่เพื่อนอยู่.ราชภัฏ เราเลยไม่อยากให้เพื่อนเสียความรู้สึก เลยเก็บไว้คิดคนเดียว
เเค่เราก็คิดอีกว่า ถ้าคิดก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปเยอะ เพราะเราเองก็อาจจะไปทำพาสไทม์ด้วย
เราเลยอยากจะถามว่า
ถ้าเป็นเธอ เธอจะเลือกเรียนที่ไหน
1)ม.ที่ได้ เเต่อยู่กับความไม่ค่อยสบายใจ
2)ลองเสี่ยง
เเต่ส่วนตัว ใจไปกับกทมหมดเเล้ว ถึงจะลองเสี่ยง
....เราจะลองเสี่ยงดีไหม.....
**ขอบคุณสำหรับคำตอบนะค่ะ**
ชีวิตเด็กม.6 กับความกดดันของที่บ้าน
ฐานะปานกลาง เเต่บางเดือนก็ช็อด
เราตอนนี้อยู่ม6 เรียนสายศิลป์-เยอรมัน
เราเป็นเด็กที่เรียนไม่ได้เก่ง เเต่ก็ไม่ได้อ่อนมาก
มีเรียนพิเศษเเค่ภาษาอังกฤษ(ติว)
ประเด็นของเราคือ ตอนนี้เราได้มหาลัยเเห่งหนึ่งที่จังหวัดที่เราอยู่ คือเราก็ชอบในคณะเเละสาขานั้น
เเต่ประเด็นที่ทำให้เราไม่อยากเรียนที่นั่นเพราะที่บ้าน!
ใช่ค่ะ เพราะที่บ้าน! เราค่อนข้างอึดอัด เเละบางทีก็ไม่พอใจน้อง เราเป็นคนที่จริงจังเวลาทำงาน เเม้กระทั้งงานบ้าน คือเราอยากให้น้องเราช่วยบ้างในการทำงานบ้าน(ตอนนี้น้องเราอยู่ป.4) ซึ่งตอนเราอยู่ป.4เราทำทุกอย่างในบ้าน เเม้กระทั่งรีดผ้า เตารีดร้อนๆดาดมือประจำ เราเองอึดอัด บางทีก็น้อยใจที่เเม่เอะอะ อะไรก็ใช้เเต่เรา(เราทราบนะค่ะ ว่าเราโตกว่าน้อง) บางทีนั่งทานข้าวอยู่ ส่วนน้องเล่นเกม ดูทีวี ก็ใช้ให้เราไปหยิบนู้นหยิบนี้ เราเคยบอกเเม่นะค่ะ ว่าทำไมตอนเราป4 เรายังทำเองทุกอย่างเลย ทำไมให้น้องทำไม่ได้ คำตอบที่ได้คือ...เพราะเราคือผู้หญิง....เราก็โอเคร ทำก็ได้ เราไม่เคยบ่นเลย เวลาทำงานบ้าน เเต่บางทีเเค่อยากให้น้องช่วยบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือนเป็นลูกเทวดา บางทีเวลาเเม่โมโหน้อง เเม่ก็จะพูดว่า เดี๋ยวจะไม่ให้เล่นเเล้วโทรศัพท์ สักพักพออารมณ์ดี ก็ให้เล่น ซึ่งเป็นเเบบนี้ประจำ จนน้องเรารู้เเละติดนิสัย น้องเราค่อนข้างจะประจบเเม่นะค่ะ บางวันไม่อยากไปซ้อมกีฬา ก็ขอเเม่ เเม่ก็ไม่ให้ไป เราเองก็เคยพูดกับเเม่บ่อยมาก เเละบางทีก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ เเต่สุดท้าย ก็เหมือนเดิม เราเองที่ต้องทำทุกอย่าง บางทีเสาร์อาทิตย์ เเทบไม่ได้ทำการบ้านเลย ทั้งวันทำเเต่งานบ้าน เพราะเวลาที่บ้านบ้านรกเเล้วเราอยู่นิ่งไม่ได้ เราไม่ชอบ เเล้วพอบอกว่าไม่มีเวลา เเม่ก็จะถามว่าเอาเวลาไปทำอะไรหมด เราก็ได้เเค่เฉย (เสาร์อาทิตย์เราเองก็มีงานพิเศษที่ต้องทำ)
เเละอีกเรื่องที่ไม่อยากเรียนที่นี้เพราะ ค่าเทอมเเพงมาก
4-5หมื่น ยังไม่รวมเเรกเข้า เเละกิจกรรมนอก ยิ่งช่วงนี้บ้านเราก็ได้รับผลกระทบจากโควิดนิดหน่อย เราเองเลยไม่ค่อยอยากเรียนที่นี้เพราะสงสารเเม่กับพ่อ
เขาบอกเราเสมอว่าส่งเรียนไหว...เราก็ทราบนะค่ะ เเต่การที่เขาบอกว่าส่งไหว เขาก็ต้องทำงานที่หนักเพิ่มไปอีกหลายเท่า เพราะปัจจุบันก็หนักเเล้ว ซึ่งเเม่ก็สุขภาพไม่ดี เราเองเลยไม่อยากเรียนที่นี้
เรื่องนี้ที่ทำให้เราไม่อยากเรียนที่นี้
อีกเรื่องที่ค่อนข้างเครียดคือ เราจะไปเรียนต่อที่กทม ซึ่งเราจะใช้คะเเนนรอบ3 ยื่นเข้าไป เเต่เราก็ไม่มั่นใจว่าจะติดไหม เราเลยคิดว่าถ้าการที่เราจะส่งคะเเนนไป เราก็ต้องสละสิทธ์ในมหาลัยที่ได้ เกรดเราไม่ได้เยอะมาก รอบ3 บางม. ก็เกรดไม่ถึง บางม.ก็เกรดถึง
เเต่ก็มีใช้คะเเนนในส่วนของ GatPat เเละ O-net ด้วย
ซึ่งถ้าเราไม่ติดที่กทม เราก็ไม่มีเเพลนสำรองว่าจะไปต่อไหน ส่วนตัวไม่ได้มีอคติกับม.ราม ม.ราชภัฏ เเต่เเม่เรามีอคติมาก เเม่ก็ถามเสมอว่าถ้าไม่ติดจะไปต่อไหน เราเองไม่ก็ไม่รู้ พอบอกจะเข้ารามมั้ง เเม่ก็บอกว่าจะท้องก่อน+ทำหน้าดูถูก ซึ่งเราไม่ชอบมากๆ พอบอกจะเข้าม.ราชภัฏ ก็เหมือนจะดูถูกอีกว่า จบมาเขาจะรับทำงานหรอ? ซึ่งเราไม่สามารถเอาไปปรึกษาเพื่อนได้ เพราะเพื่อนสนิทเราบางคนไม่ต่อจังหวัดอื่น เพราะค่าใช้จ้ายสูง เเต่เพื่อนอยู่.ราชภัฏ เราเลยไม่อยากให้เพื่อนเสียความรู้สึก เลยเก็บไว้คิดคนเดียว
เเค่เราก็คิดอีกว่า ถ้าคิดก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปเยอะ เพราะเราเองก็อาจจะไปทำพาสไทม์ด้วย
เราเลยอยากจะถามว่า
ถ้าเป็นเธอ เธอจะเลือกเรียนที่ไหน
1)ม.ที่ได้ เเต่อยู่กับความไม่ค่อยสบายใจ
2)ลองเสี่ยง
เเต่ส่วนตัว ใจไปกับกทมหมดเเล้ว ถึงจะลองเสี่ยง
....เราจะลองเสี่ยงดีไหม.....
**ขอบคุณสำหรับคำตอบนะค่ะ**