ฝันมรณะ
Story by Ancient Blue
(Blue Bravenick)
Chapter VI
Reverse
“เรื่องสมัยเด็ก ๆ ของเธอเป็นยังไงบ้างอาเธอร์” เชโลม่าถาม
เด็กหนุ่มเท้าระเบียงมองออกไปยังป่าสนด้านนอก ไม่ได้ตอบอะไรอีกฝ่ายที่กำลังนั่งไกวขาไปมาบนระเบียงใกล้ ๆ
ภาพบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้ากับมาเรีย ผู้ดูแลใจดีที่ดูแลเด็กเกือบครึ่งร้อยชีวิตในบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง เขาจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร
รวมทั้งรู้ว่าเฮเนอร์เป็นใคร...
อาเธอร์คือคนคนเดียวกับเฮเนอร์ เพียงแต่คนหนึ่งคือความจริงส่วนอีกคนคือความฝัน ยามหลับในโลกแห่งความฝันที่สร้างขึ้น เมื่อตื่นขึ้นชีวิตของเขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นเรียนมัธยมปลายธรรมดา
แต่ความทรงจำยังได้กลับคืนมาไม่หมด มีอีกสิ่งหนึ่งที่เลือนหายไปในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่นานหลังจากนั้นมาเรียได้รับอุปการะเด็กผู้หญิงมาอีกคนหนึ่ง เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กสวมชุดยาวสีขาว ผมสีขี้เถ้า ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายกับรอยยิ้มอ่อนโยนของเธอ
เขาจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไรและเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ภาพทุกอย่างขาวโพลนไปหมด รวมทั้งเรื่องของเครื่องเล่นความฝันจำลองหรือ MDSP มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้
“ถามอะไรหน่อยสิรีน่า”
ทว่าร่างในชุดยาวสีขาวกลับส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่รีน่า...แต่ถ้าเธออยากรู้อะไรก็ถามฉันต่อเถอะ”
“เครื่อง MDSP มันเกี่ยวข้องอะไรกับฝันของฉัน”
เชโลม่านิ่งไปครู่หนึ่ง เธอยันร่างลงจากระเบียงพลางเอี้ยวตัวซ้ายทีขวาทีสลับไปมา
“ฉันอยากรู้นะเชโลม่าว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น บางทีทั้งเฮเนอร์ เรย์และคาเทียอาจจะถูกสร้างขึ้นมาจากความฝันทั้งหมดของเครื่องเล่นความฝันจำลองก็ได้” เขาก้มหน้านิ่ง กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวด
“บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มี MDSP ก็ได้”
“ความฝันของเธอถูกสร้างขึ้นจากจิตใต้สำนึกระหว่างที่เธอหมดสติไป” เด็กสาวเริ่มอธิบาย “ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรหลังจากนั้น”
“แล้ว MDSP มาจากไหน รีน่าเกี่ยวข้องอะไรกับเองนี้ด้วย” อาเธอร์ถามต่อ
“ดอกเตอร์โรเบิร์ตได้พัฒนา MDSP ให้สามารถแบ่งปันและเชื่อมต่อความฝันจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ เขาได้ส่งความฝันนี้มายังรีน่า”
“ความฝันนี้...”
เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ คฤหาสน์สีขาวด้วยความประหลาดใจ
“ความฝันทั้งหมดเชื่อมต่อกันได้ผ่านคลื่นสมองและสามารถส่งผ่านเข้ามาได้ด้วยสัมปชัญญะ ทั้งคฤหาสน์หลังนี้ ทั้งป่าสน ไม่สิ...ทุกสิ่งที่อยู่ในโลกความฝันแห่งนี้สามารส่งต่อและเข้าสู่คลื่นสมองของผู้รับได้โดยตรง ทำให้เราสามารถที่จะฝันเรื่องเดียวกันได้อย่างไร้ขอบเขต”
“แล้วทำไมฉันถึงไม่สามารถติดต่อรีน่าในความฝันได้ เธอหลับอยู่ไม่ใช่เหรอ”
เชโลม่าส่ายหน้า “สมองของเธอถูกทำลายไปบางส่วน ในสภาพนั้นเธอไม่สามารถฝันได้อีกต่อไป”
“หมายความว่ายังไง”
“แค่เธอยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว”
เสียงบางอย่างดังมาจากใต้พื้นดิน ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนทั้งสองสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ความฝันถูกบุกรุก มีคนกำลังเจาะเข้ามาในความฝันของฉัน” เชโลม่าตอบ มือข้างหนึ่งเกาะราวระเบียงยึดไว้แน่น
ท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วน เมฆรวมตัวกันหนาลอยต่ำลง มืดครึ้ม ฝูงนกบินหนีหายเข้าไปในป่าสน แรงสั่นสะเทือนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“รีบตื่นขึ้นจากฝันก่อนอาเธอร์ ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง” เจ้าของความฝันโพล่งขึ้น
“แต่ว่า...”
“ฉันไม่เป็นไร รีบตื่นจากความฝันเร็วเข้า”
ภาพทุกอย่างกลืนหายไปในความมืด ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยแสงไฟจากหลอดไฟบนเพดาน
อาเธอร์สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากความฝัน เหงื่อชุ่มชุดคนไข้สีฟ้า หอบหายใจเบา ๆ
“เรย์ไปไหนแล้วล่ะ”
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนคุยกันถึงความทรงจำในสมัยเด็ก คุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาเผลอหลับไป ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาในความฝันของเชโลม่า
ทว่าตอนนี้กลับไม่มีร่างของเด็กหนุ่มผมแดงเจ้าของรอยยิ้มกวนประสาท บนโซฟาที่อยู่ข้างหน้าต่างกลับมีเพียงนิตยสารสำหรับวัยรุ่นรายสัปดาห์วางอยู่เท่านั้น ร่องรอยบนโซฟาบ่งบอกว่าไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนี้มาสักพักใหญ่แล้ว
“เรย์หายไปไหน...”
แต่ดูเหมือนเรย์จะทิ้งกระดาษโน้ตข้อความบางอย่างเอาไว้ มันติดอยู่ใต้กระป๋องกาแฟ แต่เขากลับไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนั้นเลยสักนิด
อาเธอร์เอนหลังลงนอนหนุนหมอนต่อ คิดถึงเรื่องของเชโลม่าในความฝัน คิดถึงเรื่องของตัวเขาอีกคนหนึ่งหรือเฮเนอร์
‘มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในโลกความฝัน’ เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นในความคิด
“นั่นเสียงใคร...”
‘เรย์กับคาเทียกำลังอยู่ในอันตรายนายต้องรีบไปช่วยพวกเขา’
เสียงนั้นกลับไม่สนใจคำถามของเขาเลยสักนิด
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” เด็กหนุ่มถามกลับ
‘กลับเข้าไปในความฝันของนายสิ’
“นายแน่ใจเหรอโจว่าจะเข้าไปในความฝันของเด็กคนนั้น” แคทรีน่าถามอย่างสงสัย
โจนาธานไม่ตอบ เมื่อเลี้ยวรถเข้าที่จอดรถของโรงพยาบาลแล้วจึงเปิดกระจกแง้มไว้เล็กน้อยก่อนดับเครื่อง
เมื่อเปิดคอนโซลหน้ารถเผยให้เห็นซองเอกสารสีน้ำตาลและเอกสารอีกหลายแผ่นจากการวิเคราะห์ข้อมูลของ MDSP จากคอมพิวเตอร์ของดอกเตอร์โรเบิร์ต อีกช่องหนึ่งมีเครื่อง MDSP ตัวต้นแบบที่ถูกพัฒนาแล้วจากห้องวิจัยสองเครื่องที่เหลือ ชายหนุ่มหยิบเครื่องเล่นความฝันจำลองเครื่องหนึ่งส่งให้เพื่อนร่วมงาน
“ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือเราจะได้ลูกเสือเหรอ”
“นายแน่ใจเหรอว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้น” หญิงสาวถาม พลางสำรวจเครื่องมือสร้างความฝันในมือจากพิจารณา
จริงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ APCO นั้นผ่านการใช้งานเครื่องเล่นความฝันจำลองมาอย่างชำนาญ แต่สำหรับเครื่องรุ่นใหม่นั้นยังไม่มีการตรวจสอบผลข้างเคียงจากการใช้งาน ทำให้ไม่สามารถรู้ถึงผลกระทบและขอบข่ายของการใช้งานได้เลย
“ฉันแกะข้อมูลจากห้องวิจัยพอคร่าว ๆ ว่ากลไกการทำงานของมันสามารถทำงานได้ทั้งสร้างความฝันของตัวเองและเชื่อมต่อกับคลื่นสมองของคนอื่นได้ เหมือนกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถแบ่งปันและให้คนอื่นเข้ามาร่วมฝันเรื่องเดียวกับเราได้” โจนาธานยักไหล่ “ดังนั้นถ้าเป็น MDSP ตัวนี้ก็สามารถเข้าไปในฝันของคนอื่นได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายเครื่องเหมือนรุ่นเก่า”
แคทรีน่าพยักหน้า เธอเข้าใจสิ่งที่เพื่อนร่วมงานกำลังอธิบาย แต่การเข้าไปในความฝันของคนอื่นนั้นมันอันตรายกว่าที่คิดไว้
ตั้งแต่สมัยที่เธอเข้ามาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ใน APCO นั้นมีคดีการขโมยความคิดหรือแม้แต่เจาะเข้าฆ่าคนในความฝันเพื่อข่มขู่คนอื่น จุดจบของคนที่ใช้เครื่องเล่นความฝันจำลองไปในทางที่ผิดนั้นมีจุดจบไม่ต่างกันมากนัก พวกเขามีสภาพไม่ต่างจากผัก นอนหลับไปในสภาพที่ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป ไม่มีแม้แต่ความฝันของตนเอง
ทว่าเครื่องต้นแบบ MDSP ที่ถูกพัฒนานั้นกลับสามารถทำให้เจาะเข้าไปในความฝันของคนอื่นได้อย่างงายดาย ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน
หากเปรียบความฝันเหมือนแม่ข่ายอินเทอร์เน็ต เครื่อง MDSP ตัวใหม่นี้ก็เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดอื่น ๆ ที่สามารถใช้งานหรือสร้างความฝันเป็นของตัวเองได้และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือความฝันเหล่านั้นให้แบ่งปันไปสู่คนอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ
แม้ว่าเจ้าของความฝันจะไม่ยินยอมก็ตาม...
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอแคทว่าความฝันที่แพร่กระจายจากคนหนึ่งไปสู่คนอื่น ๆ ได้ก็ไม่ต่างอะไรจากเชื้อโรคที่น่ารังเกียจ”
“เลิกพูดปรัชญาอะไรยืดเยื้อเถอะ ฉันว่ามันน่ารำคาญมากกว่านะ”
ทว่าเจ้าตัวกลับยักไหล่ “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้นนะ อย่างน้อยความฝันกับอินเทอร์เน็ตก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันจนน่ากลัวนะ”
“อะไรเหรอ” เจ้าหน้าที่สาวนิ่วหน้า
“เพราะมันสามารถขยายความน่ารังเกียจหรือสันดานดิบของมนุษย์ได้จนน่ากลัวยังไงล่ะ”
แคทรีน่าไม่เถียง ทั้งอินเทอร์เน็ตและความฝันมันคือสถานที่เปิด มันสามารถขยายความน่ารังเกียจและตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ซ่อนรูปลักษณ์และตัวตนที่แท้จริงของตนเองผ่านโลกเสมือนทั้งสอง ราวกับมันคือเวทีหรือสถานทีรับฟังตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ให้มีโอกาสได้มีชีวิต ได้โลดแล่นอย่างที่ใจปรารถนา ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่ใช้ชีวิตปะปนกับบุคคลอื่น ๆ ไร้ซึ่งสีสันแต่งแต้ม
ในความเป็นจริงแล้วทุกคนไม่อาจอยู่แต่ในโลกแห่งความฝันได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง บ่อยครั้งที่เธอต้องพบกับคนที่มีความผิดปกติหรือปิดกั้นทางจิต ใช้ความฝันเป็นเครื่องมือทำร้ายผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม ความฝันหรือตัวตนที่เก็บซ่อนจากผู้ก่ออาชญากรรมเหล่านั้น
“การควบคุมความฝันได้อย่างอิสระจึงไม่ควรจะมีอยู่บนโลก เพราะแค่อินเทอร์เน็ตมันก็ขยายความน่ารังเกียจได้มากเกินพอแล้ว ไม่สมควรจะมีอย่างอื่นมาเพิ่มช่องทางให้กับมันอีก”
โจนาธานยืดแขนออกไปด้านหน้าบิดขี้เกียจ ก่อนหันกลับมาพูดกับหญิงสาว “ดังนั้นเราควรจะทำลายเครื่องเล่นความฝันจำลองนี่หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ”
ทำลายสิ่งที่ล่วงล้ำเกินคำว่าขีดจำกัดของธรรมชาติทิ้งเสีย...
แคทรีน่าพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสองทุ่มตรงพอดี
“ฉันว่าพวกเรารีบเข้าไปในความฝันได้แล้ว มัวแต่เสียเวลาอยู่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” หญิงสาวเสนอ
“ฉันเซตเครื่องทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ในห้องวิจัยเรียบร้อยแล้ว ถ้าทุกอย่างไม่ผิดพลาดเราจะเข้าไปในความฝันที่ดอกเตอร์โรเบิร์ตสร้างขึ้นผ่านสัมปชัญญะของเด็กคนนั้น”
ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักพิงในสภาวะผ่อนคลาย ติดตั้งเครื่อง MDSP ต่อเข้ากับคลื่นสมองเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทรา
แคทรีน่าเองก็ทำตามก่อนหลับตาลงช้า ๆ ทำจิตใจให้ว่างเปล่าและสงบลงเหมือนอย่างที่เคยฝึกมาสำหรับการใช้เครื่องเล่นจำลองความฝัน
อีกไม่นานพวกเขากำลังจะก้าวเข้าไปสู่โลกแห่งความฝัน
“หลับตาลงและก้าวเข้าไปสู่ความฝัน”
โลกที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดของมนุษย์...
“แคท...”
“ตื่นเร็ว”
ฝันมรณะ : Chapter VI Reverse
“เรื่องสมัยเด็ก ๆ ของเธอเป็นยังไงบ้างอาเธอร์” เชโลม่าถาม
เด็กหนุ่มเท้าระเบียงมองออกไปยังป่าสนด้านนอก ไม่ได้ตอบอะไรอีกฝ่ายที่กำลังนั่งไกวขาไปมาบนระเบียงใกล้ ๆ
ภาพบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้ากับมาเรีย ผู้ดูแลใจดีที่ดูแลเด็กเกือบครึ่งร้อยชีวิตในบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง เขาจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร
รวมทั้งรู้ว่าเฮเนอร์เป็นใคร...
อาเธอร์คือคนคนเดียวกับเฮเนอร์ เพียงแต่คนหนึ่งคือความจริงส่วนอีกคนคือความฝัน ยามหลับในโลกแห่งความฝันที่สร้างขึ้น เมื่อตื่นขึ้นชีวิตของเขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นเรียนมัธยมปลายธรรมดา
แต่ความทรงจำยังได้กลับคืนมาไม่หมด มีอีกสิ่งหนึ่งที่เลือนหายไปในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่นานหลังจากนั้นมาเรียได้รับอุปการะเด็กผู้หญิงมาอีกคนหนึ่ง เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กสวมชุดยาวสีขาว ผมสีขี้เถ้า ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายกับรอยยิ้มอ่อนโยนของเธอ
เขาจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไรและเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ภาพทุกอย่างขาวโพลนไปหมด รวมทั้งเรื่องของเครื่องเล่นความฝันจำลองหรือ MDSP มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้
“ถามอะไรหน่อยสิรีน่า”
ทว่าร่างในชุดยาวสีขาวกลับส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่รีน่า...แต่ถ้าเธออยากรู้อะไรก็ถามฉันต่อเถอะ”
“เครื่อง MDSP มันเกี่ยวข้องอะไรกับฝันของฉัน”
เชโลม่านิ่งไปครู่หนึ่ง เธอยันร่างลงจากระเบียงพลางเอี้ยวตัวซ้ายทีขวาทีสลับไปมา
“ฉันอยากรู้นะเชโลม่าว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น บางทีทั้งเฮเนอร์ เรย์และคาเทียอาจจะถูกสร้างขึ้นมาจากความฝันทั้งหมดของเครื่องเล่นความฝันจำลองก็ได้” เขาก้มหน้านิ่ง กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวด
“บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มี MDSP ก็ได้”
“ความฝันของเธอถูกสร้างขึ้นจากจิตใต้สำนึกระหว่างที่เธอหมดสติไป” เด็กสาวเริ่มอธิบาย “ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรหลังจากนั้น”
“แล้ว MDSP มาจากไหน รีน่าเกี่ยวข้องอะไรกับเองนี้ด้วย” อาเธอร์ถามต่อ
“ดอกเตอร์โรเบิร์ตได้พัฒนา MDSP ให้สามารถแบ่งปันและเชื่อมต่อความฝันจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ เขาได้ส่งความฝันนี้มายังรีน่า”
“ความฝันนี้...”
เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ คฤหาสน์สีขาวด้วยความประหลาดใจ
“ความฝันทั้งหมดเชื่อมต่อกันได้ผ่านคลื่นสมองและสามารถส่งผ่านเข้ามาได้ด้วยสัมปชัญญะ ทั้งคฤหาสน์หลังนี้ ทั้งป่าสน ไม่สิ...ทุกสิ่งที่อยู่ในโลกความฝันแห่งนี้สามารส่งต่อและเข้าสู่คลื่นสมองของผู้รับได้โดยตรง ทำให้เราสามารถที่จะฝันเรื่องเดียวกันได้อย่างไร้ขอบเขต”
“แล้วทำไมฉันถึงไม่สามารถติดต่อรีน่าในความฝันได้ เธอหลับอยู่ไม่ใช่เหรอ”
เชโลม่าส่ายหน้า “สมองของเธอถูกทำลายไปบางส่วน ในสภาพนั้นเธอไม่สามารถฝันได้อีกต่อไป”
“หมายความว่ายังไง”
“แค่เธอยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว”
เสียงบางอย่างดังมาจากใต้พื้นดิน ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนทั้งสองสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ความฝันถูกบุกรุก มีคนกำลังเจาะเข้ามาในความฝันของฉัน” เชโลม่าตอบ มือข้างหนึ่งเกาะราวระเบียงยึดไว้แน่น
ท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วน เมฆรวมตัวกันหนาลอยต่ำลง มืดครึ้ม ฝูงนกบินหนีหายเข้าไปในป่าสน แรงสั่นสะเทือนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“รีบตื่นขึ้นจากฝันก่อนอาเธอร์ ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง” เจ้าของความฝันโพล่งขึ้น
“แต่ว่า...”
“ฉันไม่เป็นไร รีบตื่นจากความฝันเร็วเข้า”
ภาพทุกอย่างกลืนหายไปในความมืด ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยแสงไฟจากหลอดไฟบนเพดาน
อาเธอร์สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากความฝัน เหงื่อชุ่มชุดคนไข้สีฟ้า หอบหายใจเบา ๆ
“เรย์ไปไหนแล้วล่ะ”
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนคุยกันถึงความทรงจำในสมัยเด็ก คุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาเผลอหลับไป ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาในความฝันของเชโลม่า
ทว่าตอนนี้กลับไม่มีร่างของเด็กหนุ่มผมแดงเจ้าของรอยยิ้มกวนประสาท บนโซฟาที่อยู่ข้างหน้าต่างกลับมีเพียงนิตยสารสำหรับวัยรุ่นรายสัปดาห์วางอยู่เท่านั้น ร่องรอยบนโซฟาบ่งบอกว่าไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนี้มาสักพักใหญ่แล้ว
“เรย์หายไปไหน...”
แต่ดูเหมือนเรย์จะทิ้งกระดาษโน้ตข้อความบางอย่างเอาไว้ มันติดอยู่ใต้กระป๋องกาแฟ แต่เขากลับไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนั้นเลยสักนิด
อาเธอร์เอนหลังลงนอนหนุนหมอนต่อ คิดถึงเรื่องของเชโลม่าในความฝัน คิดถึงเรื่องของตัวเขาอีกคนหนึ่งหรือเฮเนอร์
‘มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในโลกความฝัน’ เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นในความคิด
“นั่นเสียงใคร...”
‘เรย์กับคาเทียกำลังอยู่ในอันตรายนายต้องรีบไปช่วยพวกเขา’
เสียงนั้นกลับไม่สนใจคำถามของเขาเลยสักนิด
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” เด็กหนุ่มถามกลับ
‘กลับเข้าไปในความฝันของนายสิ’
“นายแน่ใจเหรอโจว่าจะเข้าไปในความฝันของเด็กคนนั้น” แคทรีน่าถามอย่างสงสัย
โจนาธานไม่ตอบ เมื่อเลี้ยวรถเข้าที่จอดรถของโรงพยาบาลแล้วจึงเปิดกระจกแง้มไว้เล็กน้อยก่อนดับเครื่อง
เมื่อเปิดคอนโซลหน้ารถเผยให้เห็นซองเอกสารสีน้ำตาลและเอกสารอีกหลายแผ่นจากการวิเคราะห์ข้อมูลของ MDSP จากคอมพิวเตอร์ของดอกเตอร์โรเบิร์ต อีกช่องหนึ่งมีเครื่อง MDSP ตัวต้นแบบที่ถูกพัฒนาแล้วจากห้องวิจัยสองเครื่องที่เหลือ ชายหนุ่มหยิบเครื่องเล่นความฝันจำลองเครื่องหนึ่งส่งให้เพื่อนร่วมงาน
“ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือเราจะได้ลูกเสือเหรอ”
“นายแน่ใจเหรอว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้น” หญิงสาวถาม พลางสำรวจเครื่องมือสร้างความฝันในมือจากพิจารณา
จริงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ APCO นั้นผ่านการใช้งานเครื่องเล่นความฝันจำลองมาอย่างชำนาญ แต่สำหรับเครื่องรุ่นใหม่นั้นยังไม่มีการตรวจสอบผลข้างเคียงจากการใช้งาน ทำให้ไม่สามารถรู้ถึงผลกระทบและขอบข่ายของการใช้งานได้เลย
“ฉันแกะข้อมูลจากห้องวิจัยพอคร่าว ๆ ว่ากลไกการทำงานของมันสามารถทำงานได้ทั้งสร้างความฝันของตัวเองและเชื่อมต่อกับคลื่นสมองของคนอื่นได้ เหมือนกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถแบ่งปันและให้คนอื่นเข้ามาร่วมฝันเรื่องเดียวกับเราได้” โจนาธานยักไหล่ “ดังนั้นถ้าเป็น MDSP ตัวนี้ก็สามารถเข้าไปในฝันของคนอื่นได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายเครื่องเหมือนรุ่นเก่า”
แคทรีน่าพยักหน้า เธอเข้าใจสิ่งที่เพื่อนร่วมงานกำลังอธิบาย แต่การเข้าไปในความฝันของคนอื่นนั้นมันอันตรายกว่าที่คิดไว้
ตั้งแต่สมัยที่เธอเข้ามาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ใน APCO นั้นมีคดีการขโมยความคิดหรือแม้แต่เจาะเข้าฆ่าคนในความฝันเพื่อข่มขู่คนอื่น จุดจบของคนที่ใช้เครื่องเล่นความฝันจำลองไปในทางที่ผิดนั้นมีจุดจบไม่ต่างกันมากนัก พวกเขามีสภาพไม่ต่างจากผัก นอนหลับไปในสภาพที่ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป ไม่มีแม้แต่ความฝันของตนเอง
ทว่าเครื่องต้นแบบ MDSP ที่ถูกพัฒนานั้นกลับสามารถทำให้เจาะเข้าไปในความฝันของคนอื่นได้อย่างงายดาย ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน
หากเปรียบความฝันเหมือนแม่ข่ายอินเทอร์เน็ต เครื่อง MDSP ตัวใหม่นี้ก็เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดอื่น ๆ ที่สามารถใช้งานหรือสร้างความฝันเป็นของตัวเองได้และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือความฝันเหล่านั้นให้แบ่งปันไปสู่คนอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ
แม้ว่าเจ้าของความฝันจะไม่ยินยอมก็ตาม...
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอแคทว่าความฝันที่แพร่กระจายจากคนหนึ่งไปสู่คนอื่น ๆ ได้ก็ไม่ต่างอะไรจากเชื้อโรคที่น่ารังเกียจ”
“เลิกพูดปรัชญาอะไรยืดเยื้อเถอะ ฉันว่ามันน่ารำคาญมากกว่านะ”
ทว่าเจ้าตัวกลับยักไหล่ “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้นนะ อย่างน้อยความฝันกับอินเทอร์เน็ตก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันจนน่ากลัวนะ”
“อะไรเหรอ” เจ้าหน้าที่สาวนิ่วหน้า
“เพราะมันสามารถขยายความน่ารังเกียจหรือสันดานดิบของมนุษย์ได้จนน่ากลัวยังไงล่ะ”
แคทรีน่าไม่เถียง ทั้งอินเทอร์เน็ตและความฝันมันคือสถานที่เปิด มันสามารถขยายความน่ารังเกียจและตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ซ่อนรูปลักษณ์และตัวตนที่แท้จริงของตนเองผ่านโลกเสมือนทั้งสอง ราวกับมันคือเวทีหรือสถานทีรับฟังตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ให้มีโอกาสได้มีชีวิต ได้โลดแล่นอย่างที่ใจปรารถนา ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่ใช้ชีวิตปะปนกับบุคคลอื่น ๆ ไร้ซึ่งสีสันแต่งแต้ม
ในความเป็นจริงแล้วทุกคนไม่อาจอยู่แต่ในโลกแห่งความฝันได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง บ่อยครั้งที่เธอต้องพบกับคนที่มีความผิดปกติหรือปิดกั้นทางจิต ใช้ความฝันเป็นเครื่องมือทำร้ายผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม ความฝันหรือตัวตนที่เก็บซ่อนจากผู้ก่ออาชญากรรมเหล่านั้น
“การควบคุมความฝันได้อย่างอิสระจึงไม่ควรจะมีอยู่บนโลก เพราะแค่อินเทอร์เน็ตมันก็ขยายความน่ารังเกียจได้มากเกินพอแล้ว ไม่สมควรจะมีอย่างอื่นมาเพิ่มช่องทางให้กับมันอีก”
โจนาธานยืดแขนออกไปด้านหน้าบิดขี้เกียจ ก่อนหันกลับมาพูดกับหญิงสาว “ดังนั้นเราควรจะทำลายเครื่องเล่นความฝันจำลองนี่หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ”
ทำลายสิ่งที่ล่วงล้ำเกินคำว่าขีดจำกัดของธรรมชาติทิ้งเสีย...
แคทรีน่าพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ขณะก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสองทุ่มตรงพอดี
“ฉันว่าพวกเรารีบเข้าไปในความฝันได้แล้ว มัวแต่เสียเวลาอยู่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” หญิงสาวเสนอ
“ฉันเซตเครื่องทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ในห้องวิจัยเรียบร้อยแล้ว ถ้าทุกอย่างไม่ผิดพลาดเราจะเข้าไปในความฝันที่ดอกเตอร์โรเบิร์ตสร้างขึ้นผ่านสัมปชัญญะของเด็กคนนั้น”
ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักพิงในสภาวะผ่อนคลาย ติดตั้งเครื่อง MDSP ต่อเข้ากับคลื่นสมองเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทรา
แคทรีน่าเองก็ทำตามก่อนหลับตาลงช้า ๆ ทำจิตใจให้ว่างเปล่าและสงบลงเหมือนอย่างที่เคยฝึกมาสำหรับการใช้เครื่องเล่นจำลองความฝัน
อีกไม่นานพวกเขากำลังจะก้าวเข้าไปสู่โลกแห่งความฝัน
“หลับตาลงและก้าวเข้าไปสู่ความฝัน”
โลกที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดของมนุษย์...
“แคท...”
“ตื่นเร็ว”