บันทึกเรื่องของพ่อในช่วงสุดท้ายของชีวิตนี้เราเขียนลงใน FB ส่วนตัวมาแล้ว มีคนบอกว่าเป็นการบันทึกเรื่องมรณานุสติได้ดี เลยตัดสินใจเขียนใน bloggang บ้านหลังเล็กของเราพร้อมตั้งกระทู้เพิ่มด้วย สำหรับคนที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ค่ะ
ก่อนอื่นขออนุญาตแทนตัวเองชื่อเล่น เพราะใช้ชื่อเล่นในการพิมพ์มาตลอด เพื่อสะดวกในการ copy ลงได้เลย เราแบ่งเรื่องออกเป็นสี่ตอน ช่วงเริ่มป่วย ช่วงเข้าโรงพยาบาล ช่วงวาระสุดท้ายและงานศพ
วิวจากตึก 298 ที่พักฟื้นคืนแรกของพ่อค่ะ
บันทึกเรื่องของพ่อ บทที่ 1 : วันที่พ่อป่วยกับความหวังที่พี่จะหาย
วันที่ 13 กันยายนพ่อไปหาหมอด้วยอาการเพลีย ขาอ่อนแรง หมอขอดูอาการคืนนึง...เย็นวันจันทร์ปากเริ่มเบี้ยว หมอเลยตัดสินใจแสกนสมองเลยเจอเส้นเลือดในสมองตีบ หมอโทรมาถามสาวเรื่องการฉีดยาละลายลิ่มเลือดซึ่งอาจมีผลกระทบหลายอย่าง แต่มีเวลาตัดสินใจภายใน 10 นาที สาวเลยให้ฉีด หลังฉีดยาหมอบอกจะพาไปรอดูอาการที่ห้องไอซียู
เช้ามืดวันอังคารสาวรีบไปดูพ่อที่สุไหงโกลก พ่อมีอาการอ่อนแรงซีกขวา ในบ่ายวันนั้นหมอให้ย้ายจากไอซียูไปห้องพักฟื้นคนป่วยหลอดเลือดในสมอง สาวคุยกับแม่ว่าถ้าอยู่สาวคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เราจะจ้างคน..จากนั้นสาวจึงกลับตรัง
การเดินทางไปกลับ 20 ชั่วโมงในสภาพจิตใจย่ำแย่สุด ๆ ไม่ดีเลย โชคดีที่ระหว่างทางผ่านสุสานเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยวเลยได้ไหว้ขอพรในรถ ช่วงไปถึงพี่มารับไปกินข้าว สาวขอให้พี่พาไปไหว้เจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ ทำให้รู้สึกดีมาก
วันถัดมา คนที่เราคิดว่าจะจ้างเฝ้าพ่อได้กลับไม่มา สาวเลยโทรหาเพื่อนในโกลก คือ เมย์ แป้น ทั้งสองแนะนำมา ทั้งผู้ช่วยพยาบาลและหลานแอ๊ด ทุกคนดีมาก ขอบคุณเพื่อนอีกครั้ง
วันที่ 20 กันยายน พ่อออกจากโรงพยาบาลสุไหงโกลก พร้อมกับแม่ไปรับมารักษาตัวต่อที่ตรัง ก่อนออกหมอที่โรงพยาบาลสุไหงโกลกโทรมาบอกว่าพ่อมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย หมอจะฉีดยาตัวนึงให้ แต่ต้องมาตามนัด สาวตอบตกลง แต่บอกหมอไว้ว่าจะพาพ่อมาตรัง เรื่องนัดเดี๋ยวดูอีกที...สาวคิดว่าหมอให้ยามาแล้วเลยไม่ได้คิดอะไร
วันแรกที่มาถึง ครั้งแรกที่พ่อรู้สึกตัว เมื่อเห็นสาว พ่อพยายามลุกขึ้น แต่พ่อหนักสาวเลยบอกพ่อให้นอนก่อน วันนั้นคิดว่าพ่อแข็งแรงไม่นานก็หาย..
สามวันแรก...
ภารกิจประจำวันของสาวกับแม่ ป้อนยาก่อนอาหาร ช่วยกันประคองให้นั่งกินข้าว กินยาหลังอาหารแล้วให้นอน..พ่อลืมตา รู้สึกตัว พยายามลุก ดันตัวขึ้นได้เอง สาวให้พ่อลองจับมือถือกับมือซ้ายที่แข็งแรง พร้อมถ่ายรูปด้วยกัน อาการพ่อดี ขาซ้าย ขวายกได้ มีแค่แขนขวาที่อ่อนแรง...ไม่นานพ่อจะหายป่วย สาวมั่นใจ
วันที่สี่...
พ่อเริ่มกินข้าวได้น้อยลง อมข้าว นอนยาวขึ้น แต่เราก็ยังพยายามให้กินยา ยาเกือบสิบซอง เราให้กินเกือบหมด 'หมอไม่ได้เอาออก คงกินปกติ ในความคิดลูกสาวที่จัดยาให้คิดแบบนั้น กินข้าวน้อย แต่อย่าหยุดยา ไม่นานพ่อก็หาย' เป็นความคิดที่ผิดมหันต์...
เทียนแห่งความหวัง ณ ศาลเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ อำเภอสุไหงโกลก
บันทึกแห่งการจากลากับเรื่องราวของมรณานุสติในวันสุดท้ายของพ่อที่อยากแบ่งปัน
ก่อนอื่นขออนุญาตแทนตัวเองชื่อเล่น เพราะใช้ชื่อเล่นในการพิมพ์มาตลอด เพื่อสะดวกในการ copy ลงได้เลย เราแบ่งเรื่องออกเป็นสี่ตอน ช่วงเริ่มป่วย ช่วงเข้าโรงพยาบาล ช่วงวาระสุดท้ายและงานศพ
เช้ามืดวันอังคารสาวรีบไปดูพ่อที่สุไหงโกลก พ่อมีอาการอ่อนแรงซีกขวา ในบ่ายวันนั้นหมอให้ย้ายจากไอซียูไปห้องพักฟื้นคนป่วยหลอดเลือดในสมอง สาวคุยกับแม่ว่าถ้าอยู่สาวคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เราจะจ้างคน..จากนั้นสาวจึงกลับตรัง
การเดินทางไปกลับ 20 ชั่วโมงในสภาพจิตใจย่ำแย่สุด ๆ ไม่ดีเลย โชคดีที่ระหว่างทางผ่านสุสานเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยวเลยได้ไหว้ขอพรในรถ ช่วงไปถึงพี่มารับไปกินข้าว สาวขอให้พี่พาไปไหว้เจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ ทำให้รู้สึกดีมาก
วันถัดมา คนที่เราคิดว่าจะจ้างเฝ้าพ่อได้กลับไม่มา สาวเลยโทรหาเพื่อนในโกลก คือ เมย์ แป้น ทั้งสองแนะนำมา ทั้งผู้ช่วยพยาบาลและหลานแอ๊ด ทุกคนดีมาก ขอบคุณเพื่อนอีกครั้ง
วันที่ 20 กันยายน พ่อออกจากโรงพยาบาลสุไหงโกลก พร้อมกับแม่ไปรับมารักษาตัวต่อที่ตรัง ก่อนออกหมอที่โรงพยาบาลสุไหงโกลกโทรมาบอกว่าพ่อมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย หมอจะฉีดยาตัวนึงให้ แต่ต้องมาตามนัด สาวตอบตกลง แต่บอกหมอไว้ว่าจะพาพ่อมาตรัง เรื่องนัดเดี๋ยวดูอีกที...สาวคิดว่าหมอให้ยามาแล้วเลยไม่ได้คิดอะไร
วันแรกที่มาถึง ครั้งแรกที่พ่อรู้สึกตัว เมื่อเห็นสาว พ่อพยายามลุกขึ้น แต่พ่อหนักสาวเลยบอกพ่อให้นอนก่อน วันนั้นคิดว่าพ่อแข็งแรงไม่นานก็หาย..
สามวันแรก...
ภารกิจประจำวันของสาวกับแม่ ป้อนยาก่อนอาหาร ช่วยกันประคองให้นั่งกินข้าว กินยาหลังอาหารแล้วให้นอน..พ่อลืมตา รู้สึกตัว พยายามลุก ดันตัวขึ้นได้เอง สาวให้พ่อลองจับมือถือกับมือซ้ายที่แข็งแรง พร้อมถ่ายรูปด้วยกัน อาการพ่อดี ขาซ้าย ขวายกได้ มีแค่แขนขวาที่อ่อนแรง...ไม่นานพ่อจะหายป่วย สาวมั่นใจ
วันที่สี่...
พ่อเริ่มกินข้าวได้น้อยลง อมข้าว นอนยาวขึ้น แต่เราก็ยังพยายามให้กินยา ยาเกือบสิบซอง เราให้กินเกือบหมด 'หมอไม่ได้เอาออก คงกินปกติ ในความคิดลูกสาวที่จัดยาให้คิดแบบนั้น กินข้าวน้อย แต่อย่าหยุดยา ไม่นานพ่อก็หาย' เป็นความคิดที่ผิดมหันต์...