เมื่อวานศุกร์ที่แล้ว ได้ไปร่วมงานไหว้ครูที่บ้านทรงธรรม เลยได้ฟังเรื่องนี้จาก อ.ฟ้าลิขิต ด้วยความที่รู้จักกันเป็นส่วนตัวเลยขอให้อ.ฟ้าเล่าเรื่องเกี่ยวกับผีโบราณให้ฟัง แกก็เลยนึกขึ้นได้ ว่ามีอยู่เคสหนึ่งที่โดนหนักอยู่พอสมควร..โดยที่ต้นเรื่องก็เป็นลูกศิษย์ลูกหาของอ.อีกทีหนึ่งค่ะ ซึ่งแอดขอให้นามว่าพี่เอก็แล้วกันนะคะ
พี่เอพื้นเพเป็นจังหวัดอยุธยา และสถานที่เกิดเหตุก็คือ บ้าน หลังที่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งบ้านหลังนี้ถูกพลัดมือไปสู่รุ่นต่อรุ่นจนมาถึงรุ่นของคุณเอ..แต่ที่น่าแปลกก็คือ..ไม่มีญาติคนไหนต้องการอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่พี่เอนับว่าเป็นคนแรกที่ตัดสินใจใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าอาณาบริเวณที่ตรงนั้นอยู่ระหว่างรอยต่อของสุพรรณบุรีและอยุธยา เดิมทีก็มีประวัติอยู่ค่อนข้างโชกโชนเพราะเป็นเป็นทางเดินทัพเก่า ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการสู้รบกันมาในอดีต ถ้าหากให้มองง่ายๆก็เป็นเมืองหน้าด่านก่อนที่จะมาถึงตัวพระนคร
สิ่งที่มันน่าแปลกใจก็คือว่า บ้านของพี่เอเนี้ย รูปแบบการสร้างบ้านเรือนนั้น..มันแปลก..เพราะบ้านหลังนี้มีอาณาบริเวณเป็นรูป4เหลี่ยม ล้อมรอบด้วยน้ำทั้ง4ด้าน..
คล้ายเกาะลอยน้ำค่ะ ซึ่งโดยปกติบ้านเรือนของคนเขาจะไม่ล้อมรอบด้วยน้ำ ที่จะล้อมรอบด้วยน้ำแบบนี้ เรามักจะเห็นกันกับพวกเจดีย์กลางน้ำหรือไม่ก็สถานที่จองจำกักขังอะไรบางอย่าง...
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันไม่ใช่ลักษณะของบ้านคนอยู่ดี.....
พี่เอเล่าว่า ถึงแม้นก่อนหน้าเขาจะไม่เคยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่เขาก็เคยเห็นบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็กเลยทำให้พี่เอเขาไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และคิดเพียงแค่มันอาจจะเป็นคำร่ำรือเท่านั้น..
แต่แล้วหลังจากที่ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น..พี่เอและครอบครัวก็ค่อยๆเริ่มประสบพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดในหลายๆรูปแบบ
..อย่างเมื่อครั้งที่พี่เอกำลังจะแต่งงาน เขาก็ไปจัดกันที่บ้านหลังนั้น ก็จะมีคนทำพิธีเป็นพ่อสื่อแม่ชักให้ ซึ่งพ่อสื่อแม่ชักก็จะเป็นคนมาจัดแจงพิธีในงานพิธีมงคลต่างๆนาๆ หลังจากจบพิธีมงคล...
ปรากฏว่า..หลังจากนั้น3วัน พ่อสื่อแม่ชักคู่นั้นก็ตาย และคนที่มาบอกข่าวนี้ให้พี่เอและครอบครัวฟังนั้นก็คือ ลูกสาวของพ่อสื่อแม่ชักคู่นั้น
โดยลูกสาวของพ่อสื่อแม่ชักเขาเล่าว่าหลังจากที่พ่อแม่เขากลับมาจากงานแต่งงานของพี่เอที่บ้านหลังนั้น เขาก็เห็นพ่อแม่ของเขาไม่มีหัว ไม่ใช่ไม่มีเงาหัวนะคะ...ไม่มีหัวเลยจริงๆ
แต่ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัว พอเห็นแบบนั้นถัดไปอีก3วัน พ่อสื่อแม่ชักคู่นั้นก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เรียกว่าตายโหงทั้งคู่ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งที่หลายคนคาดเดากันได้นั้นเกิดจาก..ตัวพ่อสื่อแม่ชักไม่ได้ทำพิธีอย่างถูกต้อง(ซึ่งน่าจะเป็นพิธีขออนุญาติเจ้าที่เจ้าทางหรืออะไรอันนี้ก็ไม่แน่ใจ) และยิ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีความอาถรรพ์อยู่แล้วเลยทำให้ต้องตาย..ซึ่งนี้แค่แต่งงานนะคะ...
ตัวเจ้าของบ้านเองอย่างพี่เอหลังจากที่ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น ก็จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะชักโครกกดเองได้ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ ประตูห้องครัวเปิด-ปิดได้เองโดยไม่มีลมพัด หรือบางครั้งก็เห็นเป็นเงาคนเคลื่อนไหววูบว้าบไปมาที่หางตาแต่พอหันไปกลับไม่มีอะไร ไม่ว่าจะเสียงเหมือนคนเดินลากโซ่ตรวนบ้างละ เสียงกรีดร้องบ้างละ คนใส่ชุดโบราณไม่มีหัวบ้างละซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งพี่เอและภรรยาต้องพบเจอแบบนี้ตลอดไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เรียกว่าผีหลอกไม่ให้พักเลยคะ
และที่หนักสำหรับตัวพี่เอเองก็คงไม่พ้นเรื่องที่เขาจะเจอผีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดโบราณหน้าตาน่ากลัว เห็นแต่ลูกตาดำ ตาขาวไม่มี ผมยาวรุงรัง มากระทืบหน้าอกเขาทุกคืน นอนๆอยู่ ผีตนนั้นมันขึ้นไปเหยียบกระทืบๆ เหมือนโกรธเขาแบบสุดๆ บางคืน..ก็มากระชากลงจากเตียงก็มี หรือบางครั้งถ้าเบาหน่อยก็เป็นผู้ชายหรือไม่ก็ผู้หญิงมานั่งยองๆ กอดเข่าทับบนหน้าอกของพี่เอ
ทั้งเจ้าของบ้านอย่างคุณเอยังป่วยเป็นเดือนๆแบบหาสาเหตุไม่ได้ และรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย...
คนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นต้องอดรนทนอยู่กับการถูกผีหลอกมาสักพักใหญ่ เพราะเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่มากพอที่จะย้ายไปหาที่อยู่ใหม่
เหตุการณ์มันค่อนข้างรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นที่ว่าเริ่มทนไม่ได้ เมื่อลูกของพี่เอถูกวิญญาณผู้ชายมาบีบคอ บีบแบบกะเอาตาย มาหลอกกันกลางวันแสกๆ เด็กมันก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่าเป็นผีก็ร้องบอกแม่ ว่าแม่ๆผีหลอกๆ
จนในที่สุดพี่เอก็ได้ไปเชิญพระมาทำบุญบ้างทำพิธีไล่บ้าง แต่ก็ผีเหล่านั้นไม่ยอมไป สวดมนต์ทำพิธีแค่ไหนก็ไม่ไปสักที
พี่เอเคยเชิญอ.ฟ้าไป แต่อ.ฟ้าบอกมันยาก..เพราะความเป็นภพชาติที่มันทับถมกันมันเยอะมากจนยากจะแก้ และพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้กลัวแม้นแต่บาปกรรม และบุญเขาก็ไม่ต้องการ เพราะยังไงเขาก็หลุดพ้นไปจากที่นี่ไม่ได้
ท้ายที่สุด...พี่เอจึงประกาศขายบ้านซึ่งเป็นมรดกตกทอดหลังนั้นทันที..แต่ทว่าก็ขายไม่ออกเพราะด้วยความแรงของพื้นที่และผู้ที่กำลังจะซื้อถูกผีหลอกกันจนหมด .... #และทุกวันนี้พี่เอก็ยังคงอาศัยอยู่ที่เดิม
บ้านบรรพุรุษ
พี่เอพื้นเพเป็นจังหวัดอยุธยา และสถานที่เกิดเหตุก็คือ บ้าน หลังที่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งบ้านหลังนี้ถูกพลัดมือไปสู่รุ่นต่อรุ่นจนมาถึงรุ่นของคุณเอ..แต่ที่น่าแปลกก็คือ..ไม่มีญาติคนไหนต้องการอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่พี่เอนับว่าเป็นคนแรกที่ตัดสินใจใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าอาณาบริเวณที่ตรงนั้นอยู่ระหว่างรอยต่อของสุพรรณบุรีและอยุธยา เดิมทีก็มีประวัติอยู่ค่อนข้างโชกโชนเพราะเป็นเป็นทางเดินทัพเก่า ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการสู้รบกันมาในอดีต ถ้าหากให้มองง่ายๆก็เป็นเมืองหน้าด่านก่อนที่จะมาถึงตัวพระนคร
สิ่งที่มันน่าแปลกใจก็คือว่า บ้านของพี่เอเนี้ย รูปแบบการสร้างบ้านเรือนนั้น..มันแปลก..เพราะบ้านหลังนี้มีอาณาบริเวณเป็นรูป4เหลี่ยม ล้อมรอบด้วยน้ำทั้ง4ด้าน..
คล้ายเกาะลอยน้ำค่ะ ซึ่งโดยปกติบ้านเรือนของคนเขาจะไม่ล้อมรอบด้วยน้ำ ที่จะล้อมรอบด้วยน้ำแบบนี้ เรามักจะเห็นกันกับพวกเจดีย์กลางน้ำหรือไม่ก็สถานที่จองจำกักขังอะไรบางอย่าง...
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันไม่ใช่ลักษณะของบ้านคนอยู่ดี.....
พี่เอเล่าว่า ถึงแม้นก่อนหน้าเขาจะไม่เคยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่เขาก็เคยเห็นบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็กเลยทำให้พี่เอเขาไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และคิดเพียงแค่มันอาจจะเป็นคำร่ำรือเท่านั้น..
แต่แล้วหลังจากที่ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น..พี่เอและครอบครัวก็ค่อยๆเริ่มประสบพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดในหลายๆรูปแบบ
..อย่างเมื่อครั้งที่พี่เอกำลังจะแต่งงาน เขาก็ไปจัดกันที่บ้านหลังนั้น ก็จะมีคนทำพิธีเป็นพ่อสื่อแม่ชักให้ ซึ่งพ่อสื่อแม่ชักก็จะเป็นคนมาจัดแจงพิธีในงานพิธีมงคลต่างๆนาๆ หลังจากจบพิธีมงคล...
ปรากฏว่า..หลังจากนั้น3วัน พ่อสื่อแม่ชักคู่นั้นก็ตาย และคนที่มาบอกข่าวนี้ให้พี่เอและครอบครัวฟังนั้นก็คือ ลูกสาวของพ่อสื่อแม่ชักคู่นั้น
โดยลูกสาวของพ่อสื่อแม่ชักเขาเล่าว่าหลังจากที่พ่อแม่เขากลับมาจากงานแต่งงานของพี่เอที่บ้านหลังนั้น เขาก็เห็นพ่อแม่ของเขาไม่มีหัว ไม่ใช่ไม่มีเงาหัวนะคะ...ไม่มีหัวเลยจริงๆ
แต่ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่กล้าพูดเพราะกลัว พอเห็นแบบนั้นถัดไปอีก3วัน พ่อสื่อแม่ชักคู่นั้นก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เรียกว่าตายโหงทั้งคู่ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งที่หลายคนคาดเดากันได้นั้นเกิดจาก..ตัวพ่อสื่อแม่ชักไม่ได้ทำพิธีอย่างถูกต้อง(ซึ่งน่าจะเป็นพิธีขออนุญาติเจ้าที่เจ้าทางหรืออะไรอันนี้ก็ไม่แน่ใจ) และยิ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีความอาถรรพ์อยู่แล้วเลยทำให้ต้องตาย..ซึ่งนี้แค่แต่งงานนะคะ...
ตัวเจ้าของบ้านเองอย่างพี่เอหลังจากที่ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น ก็จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะชักโครกกดเองได้ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ ประตูห้องครัวเปิด-ปิดได้เองโดยไม่มีลมพัด หรือบางครั้งก็เห็นเป็นเงาคนเคลื่อนไหววูบว้าบไปมาที่หางตาแต่พอหันไปกลับไม่มีอะไร ไม่ว่าจะเสียงเหมือนคนเดินลากโซ่ตรวนบ้างละ เสียงกรีดร้องบ้างละ คนใส่ชุดโบราณไม่มีหัวบ้างละซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งพี่เอและภรรยาต้องพบเจอแบบนี้ตลอดไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เรียกว่าผีหลอกไม่ให้พักเลยคะ
และที่หนักสำหรับตัวพี่เอเองก็คงไม่พ้นเรื่องที่เขาจะเจอผีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดโบราณหน้าตาน่ากลัว เห็นแต่ลูกตาดำ ตาขาวไม่มี ผมยาวรุงรัง มากระทืบหน้าอกเขาทุกคืน นอนๆอยู่ ผีตนนั้นมันขึ้นไปเหยียบกระทืบๆ เหมือนโกรธเขาแบบสุดๆ บางคืน..ก็มากระชากลงจากเตียงก็มี หรือบางครั้งถ้าเบาหน่อยก็เป็นผู้ชายหรือไม่ก็ผู้หญิงมานั่งยองๆ กอดเข่าทับบนหน้าอกของพี่เอ
ทั้งเจ้าของบ้านอย่างคุณเอยังป่วยเป็นเดือนๆแบบหาสาเหตุไม่ได้ และรักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย...
คนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นต้องอดรนทนอยู่กับการถูกผีหลอกมาสักพักใหญ่ เพราะเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่มากพอที่จะย้ายไปหาที่อยู่ใหม่
เหตุการณ์มันค่อนข้างรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นที่ว่าเริ่มทนไม่ได้ เมื่อลูกของพี่เอถูกวิญญาณผู้ชายมาบีบคอ บีบแบบกะเอาตาย มาหลอกกันกลางวันแสกๆ เด็กมันก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่าเป็นผีก็ร้องบอกแม่ ว่าแม่ๆผีหลอกๆ
จนในที่สุดพี่เอก็ได้ไปเชิญพระมาทำบุญบ้างทำพิธีไล่บ้าง แต่ก็ผีเหล่านั้นไม่ยอมไป สวดมนต์ทำพิธีแค่ไหนก็ไม่ไปสักที
พี่เอเคยเชิญอ.ฟ้าไป แต่อ.ฟ้าบอกมันยาก..เพราะความเป็นภพชาติที่มันทับถมกันมันเยอะมากจนยากจะแก้ และพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้กลัวแม้นแต่บาปกรรม และบุญเขาก็ไม่ต้องการ เพราะยังไงเขาก็หลุดพ้นไปจากที่นี่ไม่ได้
ท้ายที่สุด...พี่เอจึงประกาศขายบ้านซึ่งเป็นมรดกตกทอดหลังนั้นทันที..แต่ทว่าก็ขายไม่ออกเพราะด้วยความแรงของพื้นที่และผู้ที่กำลังจะซื้อถูกผีหลอกกันจนหมด .... #และทุกวันนี้พี่เอก็ยังคงอาศัยอยู่ที่เดิม