คนส่วนใหญ่ขับรถลงเขาลงดอยกันไม่เป็น ขอร้องนั่งรถชาวบ้านในพื้นที่กันดีกว่า

บรรยากาศสมัยก่อนมีนโยบายรถคันแรก  สมัยโน้น คือสมัยหนุ่ม  ๆ ผมเคยเที่ยว รถยังไม่เยอะกันเท่าไหร่ ปัญหาเรื่องพวกนี้ยังน้อยหน่อย     การเดินทางมันไม่ต้องใช้เวลามาก    รถไม่ติดตามแหล่งท่องเที่ยวมากเหมือนปัจจุบัน  
     แต่หลังจากมีนโยบายรถคันแรก และต่อมาหลังจากนั้น  คนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของรถยนต์กันง่ายขึ้น เพราะดาวน์น้อย ผ่อนนาน ดอกเบี้ยถูกลง    จำนวนรถยนต์บนถนน ตจว ยิ่งมีมาก โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหรือจุดเช็คอินจะมีนักท่องเที่ยวและจำนวนรถยนต์มากมาย   
     ปัญหาหลักที่เจอช่วงเทศกาลคือรถติด       แต่ปัญหาใหญ่ที่จะกล่าวถึงในกระทู้นี้คือ   ถ้าสังเกตุแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง  ตามดอยสูงทั้งหลาย หรือเส้นทางบางเส้นจะเป็นลักษณะออฟโรดอยู่นิด  ๆ  และเป็นทางขึ้นเขาลงเขา       คนส่วนใหญ่ที่มีรถยนต์กันเอง มักจะพยายามขับขึ้นเขากันไปและไปเฮโลกันติดอยู่ข้างบนดอย    ทีนี้ตอนลงเขาที่ผมพูดถึงนี้ การขับรถมันต้องใช้เกียร์ในการลงเขา ลงดอย เป็นหลัก ห้ามใช้เบรค  ในส่วนของเบรคจะใช้ต่อเมื่อจำเป็นจริง  ๆ เท่านั้น     พูดตามหลักการนะง่ายแต่ทำจริงโคตรจะยากเลย และคนส่วนใหญ่ขับไม่เป็นเพราะไม่มีความชำนาญในการขับลงดอย    เนื่องจากคนปกติขับรถเก่งแค่ไหนก็ตามแต่ชีวิตประจำวันขับกันแต่ใน กทม หรือทางเรียบถนน ตจว.  แต่ประสบการณ์ในการขับขึ้นเขาลงดอยไม่มี ไม่ใช่คนในพื้นที่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเกียร์ยังไงให้สัมพันธ์กัน    จริง   ๆ  บางคนใช้เบรคเป็นระยะหรือเหยียบเบรคบ้างก็ผิดแล้ว    เพราะถ้าจะให้ดีถ้าขับเก่งแทบจะไม่ต้องใช้เบรคด้วยซ้ำ    พวกชาวม้ง ชาวเขา คนพื้นที่ขับขึ้นลงดอยกันเป็นอาชีพแทบทุกวัน เขาก็ไม่ใช้เบรค นั่นคือวิธีที่ถูกที่สุด  เพราะถ้าเลียเบรคลงเขาแบบนั้นมันผิดวิธีอันตราย  ที่สำคัญรถเค้าใช้งานทำมาหากินกันทุกวัน  ไม่ใช่ขับลงดอยทีเปลี่ยนผ้าเบรคที  แบบนี้ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว เลิกขับรถดีกว่า    
       ถ้าเราสังเกตุกันตามดอยสูง แหล่งท่องเที่ยว อินทนน ภูทับเบิก รถนักท่องเที่ยวเวลาลงเขา  เบรคเหม็นไหม้หึ่งกันมาแทบทุกคัน  บางคันล้อควันขึ้นก็มี  หรือ ไฟเบรคติดกันแทบทุกโค้ง นั่นแสดงว่ารถนักท่องเที่ยวแน่ ๆ ที่ขับรถไม่เป็น  จึงแตะเบรคกันทุกโค้ง   ผมเคยยืนดูช่วงทางลงที่ภูทับเบิกตรง สถานีของจนท พิทักษ์ป่า  เราจะเจอเรื่องแบบนี้กันบ่อยมาก รถแทบทุกคันเบรคกันเอี๊ยดอ๊าดลงจากเขาทั้งนั้น   ถึงขนาดมีเบอร์ช่างสำหรับซ่อมรถติดไว้ทางลงเขาเพียบ สามารถเรียกได้ เพราะรถจะเจอปัญหาเบรคแตก หม้อน้ำแตก เครื่องHeat เกิดจากคนขับขับรถกันไม่เป็น        น่าเทศกาลใครขับรถเที่ยวแบบนี้อันตรายต่อผู้ร่วมทางคนอื่น  ๆ มาก    ผมเห็นพฤติกรรมการขับของคนเมืองแล้วยังขยาดเลย                แค่อยากฝากเตือนว่า จริง  ๆ  ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ชำนาญในการขับขึ้นลงเขาแบบนี้ จอดรถข้างล่างแล้วนั่งรถ 2 แถวชาวบ้านขึ้นไปดีกว่า  ปลอดภัยกว่า รถเราก็ไม่เสียหาย  กลับมาไม่ต้องเปลี่ยนผ้าเบรค แผ่นคลัตท์
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เมื่อวาน ..

มีคนถามใน FB ของ club รถ SUV รุ่นนึงว่า .. ไม่ชำนาญทางเขา ขอความรู้หน่อยว่า การขึ้นลงเขา ต้องขับยังไง ต้องใช้โหมดไหน (รถรุ่น 4WD)

แล้วก็มีคนมาบอกว่า .. "ใช้เบรคอย่างเดียวพอ ไม่ต้องใช้เกียร์หรอก รถเราเบรคเทพพอ"

ที่สำคัญ รถรุ่นนั้น เกียร์ CVT ซะด้วยสิ

เห็นแล้วก็เพลีย จะไปเบรคหน่อย เดี๋ยว ทีน ก็มา .. ก็ตามบุญ ตามกรรม ละกัน อยากเห็นคน comment ลงดอยอ่างขาง อินทนนท์ แบบไม่ใช้เกียร์ช่วยจัง
ความคิดเห็นที่ 8
การขับรถขึ้นเขาลงเขา  สมัยโน้นรถเป็นเกียร์ธรรมดา มันสามารถใช้เอนจินเบรคได้อย่างดี ยิ่งเครื่องดีเซลด้วยแล้ว
แทบไปต้องเหยีบยเบรค แต่ก็ต้องขับช้า ๆ ใจเย็น ๆ รถชาวเขาชาวดอยเขาขับประจำย่อมรู้ดี
มาถึง ณ เวลาปัจจุบัน คนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของรถยนต์กันง่ายขึ้น เพราะดาวน์น้อย ผ่อนนาน ดอกเบี้ยถูกลง   อันนี้ถูกต้อง แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับรถคันแรกด้วยเท่าไหร่ อย่าไปโยนบาปให้โครงการนี้เลย คนจะซื้อรถเขาก็ซื้ออยู่กันอยู่แล้ว
มาถึงรถปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นเกียร์ออโต การใช้เอนจิ้นเบรคไม่ค่อยได้ผลเท่าไร ยังไงก็ต้องใช้เบรคช่วยอยู่ดี ถ้าคนที่ไม่มีประสพการณ์และใช้เกียร์ไม่ถูกต้องยิ่งอันตราย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่