เนื่องจากชายในฐานะเป็นเพศที่แข็งแกร่งกว่าและเป็นผู้ซึ่งจุดไฟแห่งความรักและหลงใหลมาสู่เพศหญิง ดังนั้นอัลกุรอานจึง กล่าวถึงเพศชายในเรื่องของการข่มอารมณ์ทางเพศไว้ก่อนหญิง อัลกุรอานบัญญัติที่ 24:30 มีคำสั่งห้ามชายจ้องสายตาต่อหญิงหรือใบหน้าของหญิง
قُلْ لِلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا
فُرُوجَهُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَزْكَىٰ لَهُمْ ۗ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ {30}
[Shakir 24:30] Say to the believing men that they cast down their looks and guard their private parts; that is purer for them; surely Allah is Aware of what they do.
หมายความว่า: "จงบอกกับชายผู้ศรัทธาให้พวกเขาลดสายตาลงต่ำ และควบคุมความรู้สึกจากอวัยวะเพศ, เพื่อความบริสุทธิ์ของพวกเขา อย่างแน่นอน อัลลอฮ์รู้ดีถึงสิ่งซึ่งเขากระทำ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำว่า فُرُوجَهُمْ ในบัญญัตินี้ แปลว่า "พรหมจรรย์" หรือ "อวัยวะเพศ" ในทางกายวิภาค เรียกว่า "pudenda"
pudenda [Medical] فُرُوج
เส้นประสาท pudendal เป็นเส้นประสาทหลักของ perineum มันรับความรู้สึกจากอวัยวะเพศภายนอกของทั้งสองเพศและผิวหนังรอบทวารหนักและส่งความรู้สึกไปยังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานต่าง ๆ รวมทั้งกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะภายนอกชายหรือหญิงและกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักภายนอก
การไม่มองใบหน้าของผู้หญิงที่ไม่ใช่พี่สาว,ลูกสาว,แม่หรือภรรยาของชาย,อย่าง ไม่สุภาพหรือไม่มีความเกรงใจ ถือ ว่าเป็นคำสั่งพื้นฐานที่จะห้ามความต้องการทางเพศด้วยสายตา รวมทั้งคำสั่งเมื่อมองหรือเห็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสตรีเพศ ให้ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกทางเพศ อย่าให้ แสดงออกมาทาง ความประพฤติ การป้องกันการสพสายตาระหว่างหญิงและชาย หรือ การห้ามชายมองเรือนร่างของหญิง เป็นการตัดไฟแต่ต้นลมในการป้องกันและควบคุมเรื่องอาชญากรรมทางเพศ ศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้มีการสัมพันทางเพศกันอย่างอิสระ และ อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด นอกจากนี้ยังรวมไปถึง การเที่ยวตามสถานเริงรมณ์ทางเพศทุกๆประเภท
เนื่องจากความแตกต่างของเพศในธรรมชาตินิสัยใจคอและชีวิตทางสังคมจำเป็นต้องมีระเบียบวินัยที่เข้มงวดทั้งหญิงและชายมุสลิม และการป้องกันอาชญากรรมทางเพศนี้ไม่จำกัดอยู่ในสังคมมุสลิมระหว่างชายหญิงมุสลิมเท่านั้น อาชญากรรมทางเพศนั้นเกิดขึ้นได้ในทุกๆสังคม ทุกๆศาสนาซึ่งมันขึ้นอยู่กับ โอกาสและอารมณ์เพศที่รุนแรงของเพศชาย
ในสังคมอรับมุสลิม ส่วนมากจะโยนเรื่องอารมณ์ทางเพศไปให้เพศหญิง ซึ่งชายจะไม่ยอมมีส่วนรับผิดชอบในอารมณ์และความประพฤติทงกามรมณ์ของตนเอง ถ้าชายอรับมุสลิม เห็นหญิงไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม แต่งตัวอย่างในสังคมของเขา มุสลิมชายส่วนมากจากภาคตะวันออกกลาง จะจ้องมองอย่างไม่ละสายตา และเช่นในประเทศออสเตรเลีย ถ้าเห็นหญิง ออสเตรเลีย สวมชุดอาบน้ำตามสังคมของเขา ชายอรับมุสลิมพวกนี้จะจ้องมองไม่ขาดสายตา พอเกิดมีคดีข่มขืน เกิดขึ้น อีม่าม กลับกล่าวหาว่า หญิงออสเตรเลียแต่งกายยั่วอารมณ์ชาย เสมือนเอาเนื้อมาล่อแมว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นักวิชาการอรับมุสลิมไม่ยอมรับว่า ชายอรับมุสลิม จะต้องรับผิดชอบในความประพฤติของตน ที่ไม่ปฏิบัติตามหลักศาสนา ที่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน แต่กลับไปกล่าวหาโทษหญิงว่าแต่งตัวยั่วอารมณ์ชาย จะเห็นได้ว่า ถ้าอีมามเปรียบอรับมุสลิมที่ ข่มขืนสาวออสเตรเลีย เป็นเช่นแมว ซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่รู้จักควบคุมสติและหักห้าม อารมณ์ใคร่ได้ แสดงว่า อีม่ามผู้นั้น ไม่เคยเรียนรู้ว่าอัลกุรอานทุกๆบัญญํติที่อัลลอฮ์ประทานมาให้มนุยชาตินั้น คือแนวทางที่พระเจ้าวางหลักการไว้เพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติ เพื่อยกคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้าชายมุสลิมไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่อัลลอฮ์บัญญํติไว้ ได้แต่โยนความรับผิดชอบให้หญิง อ้างว่า เหตุที่หญิงถูกข่มขืนเนื่องจากไม่คลุมร่างกายให้มิดชิด เป็นการยั่วเย้าอารมณ์ชาย ซึ่งบังคับได้เฉพาะหญิงมุสลิมเท่านั้นให้คลุมตัว จนเหลือแต่ลูกนัยตา
ถ้าหญิงที่ต่างศาสนาเขาไม่สวมใส่ฮิญาบหรือนิกาบ ชายมุสลิมจะทำอย่างไร ถ้าไม่เริ่มสอนชายมุสลิมให้มีความรับผิดชอบในการยึดมั่นปฏิบัติตามบัญญัติที่ 24:30 อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับที่สอนและบังคับหญิงมุสลิมให้สวมหิญาบ โดยอ้างต่อหญิงมุสลิมว่าเป็นหลักศรัทธาในศาสนาอิสลาม และถ้าสตรีไม่สวม ฮิญาบแล้ว จะมีบาปหนัก โดยอ้าง บัญญํติที่ 24:31ซึ่งในบัญ้ติไม่มีสักประโยคเดียวที่สั่งให้หญิงมุสลิมคลุมศรีษะ นอกจากให้คลุมทรวงอกเท่านั้น
มุสลิมชายทั้งหลายจะเห็นได้ว่า การจะไปบังคับให้หญิงมุสลิม คลุมตัวจนมิดชิดแต่ฝ่ายเดียว เพื่อป้องกันอันตรายทางเพศจากเพศชายนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม ทั้งนี้เพราะว่า อัลลอฮ์ทรงมีคำสั่งปฏิบัติแก่ฝ่ายชายในเรื่องการป้องกันอาชญากรรมทางเพศ และการป้องกันหญิงจากการลวนลาม และการมองของเพศชาย โดยมีคำสั่งแก่ฝ่ายชายโดยตรง ให้ควบคุมอวัยวะเพศและความรู้สึกทางกามรมณ์เมื่ออยู่ในสังคมร่วมกับเพศหญิง การพยายามอ้างต่อสตรีมุสลิมว่าการคลุมหัว หรือ คลุมตัวหมดจนเห็นแต่ลูกนัยตาเป็นหลักศรัทธาของศาสนาอิสลามนั้นเป็นการโกหก ต่ออัลลอฮ์ ตามบัญญัติที่ 16:116
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชายมุสลิมจะต้องเริ่มมีความรับผิดชอบในการป้องกัน ซินา (زِنَاء) หรือ (زِنًى or زِنًا)
قُلْ لِلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَزْكَىٰ لَهُمْ ۗ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ {30}
[Shakir 24:30] Say to the believing men that they cast down their looks and guard their private parts; that is purer for them; surely Allah is Aware of what they do.
หมายความว่า: "จงบอกกับชายผู้ศรัทธาให้พวกเขาลดสายตาลงต่ำ และควบคุมความรู้สึกจากอวัยวะเพศ, เพื่อความบริสุทธิ์ของพวกเขา อย่างแน่นอน อัลลอฮ์รู้ดีถึงสิ่งซึ่งเขากระทำ"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การไม่มองใบหน้าของผู้หญิงที่ไม่ใช่พี่สาว,ลูกสาว,แม่หรือภรรยาของชาย,อย่าง ไม่สุภาพหรือไม่มีความเกรงใจ ถือ ว่าเป็นคำสั่งพื้นฐานที่จะห้ามความต้องการทางเพศด้วยสายตา รวมทั้งคำสั่งเมื่อมองหรือเห็นส่วนหนึ่งส่วนใดของสตรีเพศ ให้ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกทางเพศ อย่าให้ แสดงออกมาทาง ความประพฤติ การป้องกันการสพสายตาระหว่างหญิงและชาย หรือ การห้ามชายมองเรือนร่างของหญิง เป็นการตัดไฟแต่ต้นลมในการป้องกันและควบคุมเรื่องอาชญากรรมทางเพศ ศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้มีการสัมพันทางเพศกันอย่างอิสระ และ อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด นอกจากนี้ยังรวมไปถึง การเที่ยวตามสถานเริงรมณ์ทางเพศทุกๆประเภท
เนื่องจากความแตกต่างของเพศในธรรมชาตินิสัยใจคอและชีวิตทางสังคมจำเป็นต้องมีระเบียบวินัยที่เข้มงวดทั้งหญิงและชายมุสลิม และการป้องกันอาชญากรรมทางเพศนี้ไม่จำกัดอยู่ในสังคมมุสลิมระหว่างชายหญิงมุสลิมเท่านั้น อาชญากรรมทางเพศนั้นเกิดขึ้นได้ในทุกๆสังคม ทุกๆศาสนาซึ่งมันขึ้นอยู่กับ โอกาสและอารมณ์เพศที่รุนแรงของเพศชาย
ในสังคมอรับมุสลิม ส่วนมากจะโยนเรื่องอารมณ์ทางเพศไปให้เพศหญิง ซึ่งชายจะไม่ยอมมีส่วนรับผิดชอบในอารมณ์และความประพฤติทงกามรมณ์ของตนเอง ถ้าชายอรับมุสลิม เห็นหญิงไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม แต่งตัวอย่างในสังคมของเขา มุสลิมชายส่วนมากจากภาคตะวันออกกลาง จะจ้องมองอย่างไม่ละสายตา และเช่นในประเทศออสเตรเลีย ถ้าเห็นหญิง ออสเตรเลีย สวมชุดอาบน้ำตามสังคมของเขา ชายอรับมุสลิมพวกนี้จะจ้องมองไม่ขาดสายตา พอเกิดมีคดีข่มขืน เกิดขึ้น อีม่าม กลับกล่าวหาว่า หญิงออสเตรเลียแต่งกายยั่วอารมณ์ชาย เสมือนเอาเนื้อมาล่อแมว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นักวิชาการอรับมุสลิมไม่ยอมรับว่า ชายอรับมุสลิม จะต้องรับผิดชอบในความประพฤติของตน ที่ไม่ปฏิบัติตามหลักศาสนา ที่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน แต่กลับไปกล่าวหาโทษหญิงว่าแต่งตัวยั่วอารมณ์ชาย จะเห็นได้ว่า ถ้าอีมามเปรียบอรับมุสลิมที่ ข่มขืนสาวออสเตรเลีย เป็นเช่นแมว ซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่รู้จักควบคุมสติและหักห้าม อารมณ์ใคร่ได้ แสดงว่า อีม่ามผู้นั้น ไม่เคยเรียนรู้ว่าอัลกุรอานทุกๆบัญญํติที่อัลลอฮ์ประทานมาให้มนุยชาตินั้น คือแนวทางที่พระเจ้าวางหลักการไว้เพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติ เพื่อยกคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้าชายมุสลิมไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่อัลลอฮ์บัญญํติไว้ ได้แต่โยนความรับผิดชอบให้หญิง อ้างว่า เหตุที่หญิงถูกข่มขืนเนื่องจากไม่คลุมร่างกายให้มิดชิด เป็นการยั่วเย้าอารมณ์ชาย ซึ่งบังคับได้เฉพาะหญิงมุสลิมเท่านั้นให้คลุมตัว จนเหลือแต่ลูกนัยตา
ถ้าหญิงที่ต่างศาสนาเขาไม่สวมใส่ฮิญาบหรือนิกาบ ชายมุสลิมจะทำอย่างไร ถ้าไม่เริ่มสอนชายมุสลิมให้มีความรับผิดชอบในการยึดมั่นปฏิบัติตามบัญญัติที่ 24:30 อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับที่สอนและบังคับหญิงมุสลิมให้สวมหิญาบ โดยอ้างต่อหญิงมุสลิมว่าเป็นหลักศรัทธาในศาสนาอิสลาม และถ้าสตรีไม่สวม ฮิญาบแล้ว จะมีบาปหนัก โดยอ้าง บัญญํติที่ 24:31ซึ่งในบัญ้ติไม่มีสักประโยคเดียวที่สั่งให้หญิงมุสลิมคลุมศรีษะ นอกจากให้คลุมทรวงอกเท่านั้น
มุสลิมชายทั้งหลายจะเห็นได้ว่า การจะไปบังคับให้หญิงมุสลิม คลุมตัวจนมิดชิดแต่ฝ่ายเดียว เพื่อป้องกันอันตรายทางเพศจากเพศชายนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม ทั้งนี้เพราะว่า อัลลอฮ์ทรงมีคำสั่งปฏิบัติแก่ฝ่ายชายในเรื่องการป้องกันอาชญากรรมทางเพศ และการป้องกันหญิงจากการลวนลาม และการมองของเพศชาย โดยมีคำสั่งแก่ฝ่ายชายโดยตรง ให้ควบคุมอวัยวะเพศและความรู้สึกทางกามรมณ์เมื่ออยู่ในสังคมร่วมกับเพศหญิง การพยายามอ้างต่อสตรีมุสลิมว่าการคลุมหัว หรือ คลุมตัวหมดจนเห็นแต่ลูกนัยตาเป็นหลักศรัทธาของศาสนาอิสลามนั้นเป็นการโกหก ต่ออัลลอฮ์ ตามบัญญัติที่ 16:116
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้