เนื่องจากศาสนาอิสลามเชื่อถือในมหาอำนาจผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งต่างๆรวมทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตบนโลกนี้ เรื่องที่ว่าพระเจ้าผู้สร้างหรือมหา อำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้น จะมีจริงหรือไม่ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ นอกจากผู้ที่มีความศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ใจ,
ความศรัทธาต่างจากความงมงาย คือความศรัทธาเชื่อด้วยเหตุผลที่พิสูจน์ โดยวิถีทางสติปัญญาของมนุษย์ ในแง่ความคิดและเหตุผลโดยวิธีการที่องค์ศาสดาของโลกในทุกๆศาสนา ประกาศคำสอนไว้ ตามเหตุผลที่ท่านศาสดาทุกๆท่านเข้าใจ ถึงแม้ว่าจะต่างกันในความศรัทธาก็ตาม
แต่ขบวนการพิสูจน์ด้วยเหตุผลจะมีความที่อาจจะเป็นไปได้สำหรับผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในอำนาจเหนือธรรมชาติ อำนาจที่ควบคุมขบวนการของธรรมชาติทั้งทางกายภาพ(Physical Sciences) และทางชีวะวิทยา (ฺฺBiological Sciences) มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่กล่าวนี้ เป็นมหาอำนาจที่ศาสนาอิสลามถือว่าเป็นหนึ่งเดียวเป็นความศรัทธาที่สูงสุดของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทุกๆคน ภาษาอรับเรียกว่า อัลลอฮุอักบัร (الله أكبر)
สิ่งที่ผมต้องการที่จะอธิบายให้ทุกๆคนเข้าใจคือ ข้อความและเนื้อหาในวิดีโอของสมาคมปกป้องพุทธศาสนา สุภาพสตรีผู้บรรยายผู้นี้ อธิบายโดยขาดความรู้ทั้งทางพุทธศาสนาและศาสนาโดยทั่วๆไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะเรียก การบรรยายเป็นภาษาบาลีได้ว่า "พาลยะ" หรือ "ความเขลา" เพราะว่า ความเขลาหรือความไม่รู้ เนื่องจากไม่ได้ศึกษาหรือเป็นผู้ที่ขาดการศึกษา (Uneducated) ไม่เช้าใจว่าทุกๆศาสนามีวินัยในการนับถือ,โดยเฉพาะพระพุทธศาสนามีคัมภีร์ชื่อพระไตรปิฎก หรืออาจจะเรียกว่า "พระวินัยปิฎก" ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากส่วนหนึ่งในสามส่วนของคัมภีร์พระไตรปิฎก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พระวินัยปิฎก นั้นมีไว้สำหรับสอนพุทธศาสนิกชนทุกๆคนเพื่อให้เข้าใจว่าพุทธศาสนิกชนจะต้องมีวินัยในการถือศีล ไม่ว่าจะเป็นศีลระดับใดก็ตาม,ฉะนั้นผู้มี "ศีล" คือผู้ที่ตั้งอยู่ใน "วินัย" การตั้งอยู่ในวินัย หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า ความมีวินัยนั้นก็คือ "ศีล" แต่เนื่องจากเราใช้คำว่า "ศีล" ในความหมายที่แคบมาก ก็เลยต้องมีคำว่า "ความมีวินัย" เกิดขึ้น ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว
ความมีวินัย นั่นก็คือความหมายของคำว่า
"ศีล" นั้นเอง
ในทำนองเดียวกัน มุสลิมก็มีวินัยในการถือศีลข้อห้ามข้อปฏิบัติ เช่นการห้ามฆ่าชีวิตคนอย่างเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อการป้องกันตัวและครอบครัว, การป้องกันประเทศ การป้องกันศาสนา และการป้องกันพระมหากษัตริย์ การฆ่าสัตว์ทำได้เฉพาะสัตว์บางชนิดเพื่อเป็นอาหาร หรือสัตว์ที่เป็นภัยต่อชีวิตและสุขภาพของเราและครอบครัว, ห้ามการกล่าวคำเท็จ, ห้ามการโกหก ห้ามการผิดประเวณีทุกชนิดรวมทั้งการใช้หรือจำหน่ายบริการทางเพศทุกๆชนิด และห้ามการดื่มเหล้า เสพย์สิ่งมึนเมาทุกๆชนิด ห้ามการตั้งภาคี ข้อห้ามที่อ้างถึงเหล่านี้เป็นเพียงตัว อย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติอื่นๆที่มุสลิมจะต้องถือปฏิบัติตามวินัยทางศาสนาอิสลามอีกมาก สรุปก็คือทุกๆศาสนามีระเบียบวินัยในการนับถือศาสนานั้นๆ ไม่มีศาสนาใดในโลกที่สอนให้มนุษย์ดำเนินชีวิตไปตามยถากรรมอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย คำว่าเสรีภาพนั้นไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณชนและตัวเราเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
{16:114} พวกเธอจงบริโภคในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเธอ ซึ่งเป็นที่อนุมัติที่ดี และพวกเธอจงขอบพระคุณต่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ หากพวกเธอเคารพสักการะเฉพาะพระองค์เท่านั้น
จากการบรรยายในคลิปที่สมาคมปกป้องพุทธศาสนานำมาโฆษณานั้น ตามภาพที่สตรีสวมฮิญาบคล้ายกับสตรีมุสลิมไทยทั่วๆไปนั้นไม่มีความสำคัญอะไรมากสำหรับสังคมมุสลิม เพราะว่าการแต่งตัวสวมฮิญาบนั้นไม่ใช่เครื่องหมายหรือหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม หรือภาพชายมุสลิมกำลังกินหมูในคลิปนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาของทุกๆศาสนา จะต้องมีผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัยของศาสนา แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ไม่กินหมูนั้นไม่ฉลาด แต่ในทางตรงกันข้าม มุสลิมที่กินหมูนั้นเป็นมุสลิมผู้ที่ขาดวินัยในการนับถือศาสนาอิสลามนั้นเอง
ดูตัวอย่างเช่นในสังคมไทยเรา ซึ่งเป็นสังคมแห่งพุทธศาสนา และในพุทธศาสนามีคำสอนไว้อย่างชัดเจนในรื่อง การรักษาวินัยในการนับถือพุทธศาสนา แต่เพราะเหตุใดในสังคมไทยเราจึงเต็มไปด้วยอบายมุขและสิ่งที่ผิดศีลธรรม เต็มไปหมด และเรื่องการผิดศีลธรรม (ศีล 5) เกิดขึ้นทุกๆวัน ตามข่าวประจำวันต่างๆ, ไม่ใช่เพราะว่าเกิดจากความเขลาของคนไทย แต่เกิดจากการขาดสติและวินัยในการถือศีลของพุทธศาสนิกชนบางคนในสังคมไทยเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามภาพในคลิปที่อ้างว่าเป็นมุสลิมทั้งการสวมฮิญาบและคำพูด เขาเหล่านั้นไม่ใช่คนฉลาด แต่อาจจะจัดอยู่ในจำพวก "พาลยะ" หรือผู้ที่ Uneducated ขาดความรู้ความเข้าใจถึงเหตุผลที่มุสลิมไม่กินหมูในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเนื้อหาของกระทู้นี้จะให้คำอธิบายเฉพาะวินัยในการถือศาสนาซึ่งได้กล่าวมาก่อนแล้วและเหตุผลที่ศาสนาอิสลามห้ามการกินหมู
การห้ามการกินเนื้อหมูนั้นเพราะว่า หมูถูกจัดอยู่ในจำพวกสัตว์ที่ต้องห้ามตามวินัยของศาสนาอิสลาม ซึ่งมีข้อห้ามในการกินเนื้อสัตว์บางประเภทและสัตว์ที่สกปรกโสโครก ด้วยความสำราญหรือเป็นอาหารประจำวันของชีวิต
ศาสนาอิสลามอนุญาตให้มุสลิมกินหมูได้ในยามคับขันเพื่อประทังชีวิตซึ่งไม่มีอาหารอื่น (จะทดแทนคุณค่าของโปรตีน) ที่จะหาได้นอกจากเนื้อหมูเท่านั้น เพราะศาสนาอิสลามถือว่าหมูเป็นสัตว์โสโครก เช่นเดียวกับคนไทยเราส่วนมากไม่กินเนื้อหมาหรือเนื้อแมวซึ่งถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็มีบางสังคมในบางประเทศที่นิยมกินเนื้อหมา ชาวไทยเราถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และประการที่สำคัญที่สุดคือชาวไทยมุสลิมและมุสลิมทั้งโลกส่วนมาก จะถือว่าเรื่องการขัดบัญญัติของอัลลอฮ์เป็นเรื่องสำคัญ ที่มนุษย์จะต้องไม่ทำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าการห้ามกินเนื้อหมูมีเหตุผลทั้งทางการรักษาวินัยของศาสนาตามคำสั่งของอัลลอฮ์แล้ว ในปัจจุบันทางการแพทย์ยังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเนื้อหมูเป็นอันตรายต่อสุขภาพถึงแม้ว่า หมูจะถูกเลี้ยงอย่างถูกสุขลักษณะอย่างไรแล้วก็ตาม แต่ศาสนาอิสลามและมุสลิมยังคงมองว่าหมูเป็นสัตว์ที่โสโครกที่มนุษย์ไม่ควรกิน ถ้าไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตอย่างแท้จริง ดังนั้นการที่มุสลิมไม่กินหมูไม่ใช่เพระความเขลา แต่เป็นเพราะ มุสลิมรักษาวินัยในการนับถือศาสนาและข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือศาสนาอิสลามสอนให้มุสลิมเลือกกินอาหารที่สะอาด(ฮาลาล)เท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://theislamicinformation.com/blogs/reasons-muslims-not-eat-pork/
Why pork is Haram (Prohibited) in Islam?
Quranic verses that prohibits eating pork
Hadiths that prohibits eating pork
Health dangers of eating pork1. Trichinosis
2. Food poisoning
3. Hepatitis E
4. Antibiotic resistance
5. High in saturated fat
6. High in cholesterol
7. Causes cancer
8. Processing
9. Inflammatory bowel disease
10. Increased mortality
11. Swine flu
12. Tapeworms
Bottom line
These questions are very relevant and should be answered. Today we will tell you 12 facts about how horrible eating Porkmeat is to your health.
"หัวข้อกระทู้เกี่ยวข้องกับวินัยในการนับถือศาสนาและเหตุผลที่ผู้นับถือศาสนาอิสลามไม่กินหมู"
การแสดงความคิดเห็นจะเกิดประโยชน์ถ้าความคิดเห็นของสมาชิกอยู่ภายในบริบทของกระทู้และเป็นไปในทางสร้างสรรค์ให้ความรู้
"ชาวไทยมุสลิมจะต้องนับถือศาสนาอย่างมีวินัย มีความเคารพและปฏิบัติตามบัญญัติของอัลลอฮ์"
แต่ขบวนการพิสูจน์ด้วยเหตุผลจะมีความที่อาจจะเป็นไปได้สำหรับผู้ที่ไม่มีความศรัทธาในอำนาจเหนือธรรมชาติ อำนาจที่ควบคุมขบวนการของธรรมชาติทั้งทางกายภาพ(Physical Sciences) และทางชีวะวิทยา (ฺฺBiological Sciences) มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่กล่าวนี้ เป็นมหาอำนาจที่ศาสนาอิสลามถือว่าเป็นหนึ่งเดียวเป็นความศรัทธาที่สูงสุดของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทุกๆคน ภาษาอรับเรียกว่า อัลลอฮุอักบัร (الله أكبر)
สิ่งที่ผมต้องการที่จะอธิบายให้ทุกๆคนเข้าใจคือ ข้อความและเนื้อหาในวิดีโอของสมาคมปกป้องพุทธศาสนา สุภาพสตรีผู้บรรยายผู้นี้ อธิบายโดยขาดความรู้ทั้งทางพุทธศาสนาและศาสนาโดยทั่วๆไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะเรียก การบรรยายเป็นภาษาบาลีได้ว่า "พาลยะ" หรือ "ความเขลา" เพราะว่า ความเขลาหรือความไม่รู้ เนื่องจากไม่ได้ศึกษาหรือเป็นผู้ที่ขาดการศึกษา (Uneducated) ไม่เช้าใจว่าทุกๆศาสนามีวินัยในการนับถือ,โดยเฉพาะพระพุทธศาสนามีคัมภีร์ชื่อพระไตรปิฎก หรืออาจจะเรียกว่า "พระวินัยปิฎก" ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากส่วนหนึ่งในสามส่วนของคัมภีร์พระไตรปิฎก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พระวินัยปิฎก นั้นมีไว้สำหรับสอนพุทธศาสนิกชนทุกๆคนเพื่อให้เข้าใจว่าพุทธศาสนิกชนจะต้องมีวินัยในการถือศีล ไม่ว่าจะเป็นศีลระดับใดก็ตาม,ฉะนั้นผู้มี "ศีล" คือผู้ที่ตั้งอยู่ใน "วินัย" การตั้งอยู่ในวินัย หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า ความมีวินัยนั้นก็คือ "ศีล" แต่เนื่องจากเราใช้คำว่า "ศีล" ในความหมายที่แคบมาก ก็เลยต้องมีคำว่า "ความมีวินัย" เกิดขึ้น ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ความมีวินัย นั่นก็คือความหมายของคำว่า "ศีล" นั้นเอง
ในทำนองเดียวกัน มุสลิมก็มีวินัยในการถือศีลข้อห้ามข้อปฏิบัติ เช่นการห้ามฆ่าชีวิตคนอย่างเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อการป้องกันตัวและครอบครัว, การป้องกันประเทศ การป้องกันศาสนา และการป้องกันพระมหากษัตริย์ การฆ่าสัตว์ทำได้เฉพาะสัตว์บางชนิดเพื่อเป็นอาหาร หรือสัตว์ที่เป็นภัยต่อชีวิตและสุขภาพของเราและครอบครัว, ห้ามการกล่าวคำเท็จ, ห้ามการโกหก ห้ามการผิดประเวณีทุกชนิดรวมทั้งการใช้หรือจำหน่ายบริการทางเพศทุกๆชนิด และห้ามการดื่มเหล้า เสพย์สิ่งมึนเมาทุกๆชนิด ห้ามการตั้งภาคี ข้อห้ามที่อ้างถึงเหล่านี้เป็นเพียงตัว อย่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติอื่นๆที่มุสลิมจะต้องถือปฏิบัติตามวินัยทางศาสนาอิสลามอีกมาก สรุปก็คือทุกๆศาสนามีระเบียบวินัยในการนับถือศาสนานั้นๆ ไม่มีศาสนาใดในโลกที่สอนให้มนุษย์ดำเนินชีวิตไปตามยถากรรมอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย คำว่าเสรีภาพนั้นไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณชนและตัวเราเอง
ดูตัวอย่างเช่นในสังคมไทยเรา ซึ่งเป็นสังคมแห่งพุทธศาสนา และในพุทธศาสนามีคำสอนไว้อย่างชัดเจนในรื่อง การรักษาวินัยในการนับถือพุทธศาสนา แต่เพราะเหตุใดในสังคมไทยเราจึงเต็มไปด้วยอบายมุขและสิ่งที่ผิดศีลธรรม เต็มไปหมด และเรื่องการผิดศีลธรรม (ศีล 5) เกิดขึ้นทุกๆวัน ตามข่าวประจำวันต่างๆ, ไม่ใช่เพราะว่าเกิดจากความเขลาของคนไทย แต่เกิดจากการขาดสติและวินัยในการถือศีลของพุทธศาสนิกชนบางคนในสังคมไทยเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตามภาพในคลิปที่อ้างว่าเป็นมุสลิมทั้งการสวมฮิญาบและคำพูด เขาเหล่านั้นไม่ใช่คนฉลาด แต่อาจจะจัดอยู่ในจำพวก "พาลยะ" หรือผู้ที่ Uneducated ขาดความรู้ความเข้าใจถึงเหตุผลที่มุสลิมไม่กินหมูในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเนื้อหาของกระทู้นี้จะให้คำอธิบายเฉพาะวินัยในการถือศาสนาซึ่งได้กล่าวมาก่อนแล้วและเหตุผลที่ศาสนาอิสลามห้ามการกินหมู
การห้ามการกินเนื้อหมูนั้นเพราะว่า หมูถูกจัดอยู่ในจำพวกสัตว์ที่ต้องห้ามตามวินัยของศาสนาอิสลาม ซึ่งมีข้อห้ามในการกินเนื้อสัตว์บางประเภทและสัตว์ที่สกปรกโสโครก ด้วยความสำราญหรือเป็นอาหารประจำวันของชีวิต ศาสนาอิสลามอนุญาตให้มุสลิมกินหมูได้ในยามคับขันเพื่อประทังชีวิตซึ่งไม่มีอาหารอื่น (จะทดแทนคุณค่าของโปรตีน) ที่จะหาได้นอกจากเนื้อหมูเท่านั้น เพราะศาสนาอิสลามถือว่าหมูเป็นสัตว์โสโครก เช่นเดียวกับคนไทยเราส่วนมากไม่กินเนื้อหมาหรือเนื้อแมวซึ่งถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็มีบางสังคมในบางประเทศที่นิยมกินเนื้อหมา ชาวไทยเราถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และประการที่สำคัญที่สุดคือชาวไทยมุสลิมและมุสลิมทั้งโลกส่วนมาก จะถือว่าเรื่องการขัดบัญญัติของอัลลอฮ์เป็นเรื่องสำคัญ ที่มนุษย์จะต้องไม่ทำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าการห้ามกินเนื้อหมูมีเหตุผลทั้งทางการรักษาวินัยของศาสนาตามคำสั่งของอัลลอฮ์แล้ว ในปัจจุบันทางการแพทย์ยังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเนื้อหมูเป็นอันตรายต่อสุขภาพถึงแม้ว่า หมูจะถูกเลี้ยงอย่างถูกสุขลักษณะอย่างไรแล้วก็ตาม แต่ศาสนาอิสลามและมุสลิมยังคงมองว่าหมูเป็นสัตว์ที่โสโครกที่มนุษย์ไม่ควรกิน ถ้าไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตอย่างแท้จริง ดังนั้นการที่มุสลิมไม่กินหมูไม่ใช่เพระความเขลา แต่เป็นเพราะ มุสลิมรักษาวินัยในการนับถือศาสนาและข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือศาสนาอิสลามสอนให้มุสลิมเลือกกินอาหารที่สะอาด(ฮาลาล)เท่านั้น