.

ประมาณ 4 โมงเย็นของวันที่ 29 ตุลาคม 2563 คือเวลาที่เรานัดเพื่อนคนสุดท้ายไว้บริเวณถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก (เอกชัย-บางบอน) เพื่อเมื่อรวมตัวกันครบ 4 คนแล้วจะมุ่งหน้าสู่จุดหมายในวันนี้คือจังหวัดนครสวรรค์ ใช่ครับ ทริปนี้เราตั้งใจไปงานลอยกระทงที่อุทยานประวัติสุโขทัย (มรดกโลก) ซึ่งงานเขามีมา 2-3 วันแล้วและวันสุดท้ายคือคืนวันลอยกระทง 31 ตุลาคม 2563 แต่ที่ตั้งใจพักและเที่ยวที่นครสวรรค์ก่อนเข้าสุโขทัยก็ด้วยเรื่องของเวลา และลดความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

.

ปกติถ้าเราเดินทางไปอยุธยาหรือภาคเหนือ ด้วยบ้านเราอยู่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ เราจะใช้ทางหลวงหมายเลข 9 กาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตกแล้วไปเข้าเส้น 32 หรือสายเอเชีย ก็จะเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างสะดวกและไม่มีการเก็บค่าผ่านทาง แต่ขอ้เสียคือช่วงหลังถนนเริ่มชำรุดเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งถ้าเป็นช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกสะสม ถนนบางจุมักมีน้ำท่วมขัง คราวนี้เราเลยลองอาศัย google map เป็นผู้แนะนำเส้นทางที่เหมาะสมให้ (โดยไม่เกี่ยงว่าจะเสียค่าผ่านทางเท่าไหร่) และแน่นอน google map แนะนำให้เราหลีกเลี่ยงเส้นทางกาญจนาภิเษก หมายเลข 9 เส้นที่เราคุ้นเคย แต่ให้เราขึ้นทางด่วนตั้งแต่บางใหญ่ ไปออกที่วังน้อยเลย ก็ถือว่าค่อนข้างเร็ว รถขับสบาย แต่ก็เสียค่าผ่านทางมากหน่อย

ระหว่างทางช่วงอยุธยาฝนตกหนักครับ และเราก็ไปถึงนครสวรรค์ราว 2 ทุ่ม คืนนี้เข้าพักที่โรงแรมฮอปส์อินน์ที่ตั้งอยู่ตรงเกือบจะหัวมุมถนนคนละฟากกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อุทยานสวรรค์ ก่อนเข้าตัวเมืองนครสวรรค์ โรงแรมระดับ 3 ดาวที่ศักยภาพและการบริการที่เรายอมให้ 5 คะแนนเต็ม ที่จอดรถมีมากพอควร มาจากกรุงเทพฯ เมื่อข้ามสะพานเดชาติวงศ์แยกไฟแดงแรกก็มองเห็นเลยครับ โรงแรมอยู่ขวามือ ในห้องพักสะอาด น้ำอุ่นและแรง ปลั๊กไฟเยอะ แต่หมอนสูงและแข็งไปหน่อย ประตูไม่เก็บเสียง ราคาอีโค่ แถมเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

.

ที่จริงเราเล็งไว้แล้วสำหรับร้านอาหารมื้อเย็น ทั้งเรื่องว่าร้านอะไร ปิดกี่โมง รวมทั้งร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันหรือไม่ เพราะตั้งแต่แพลนทริปแล้วหล่ะ ก็ถ้าเราออกจากกรุงเทพฯ (ฝั่งตะวันตก) ประมาณ 4 โมงเย็น เราควรจะถึงนครสวรรค์สัก 2 ทุ่ม และต้องเช็คอินน์เสียก่อนเพื่อจะได้ pocket money ของโครงการเที่ยวด้วยกัน แล้วนำไปใช้ในอาหารมื้อเย็นที่เราเลือกไว้คือ ภัตตาคารเล่งหงส์

วันนั้นเราจองห้องพักไว้ 3 ห้อง ซึ่งเป็นคืนวันพฤหัสบดี จึงได้ pocket money มา 900x3 = 2,700 บาท และสามารถนำไปใช้จ่ายได้คราวละ 40% ของค่าอาหารที่ภัตตาคารเล่งหงส์ก็ลองนึกดูนะว่า ถ้าพูดนึกถึงนครสวรรค์จะนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรกๆ สำหรับตัวเรา เรานึกถึงคำพูดของนักแสดงตลกบางคนที่บอกว่าเมืองนครสวรรค์มีชื่อเสียงด้านการเชิดสิงห์โตและประเพณีจีนของคนปากน้ำโพเชื้อสายจีนจนนักแสดงคนนั้นใช้คำพูดว่า งานเชิดสิงโตของปากน้ำโพ(นครสวรรค์) ยิ่งใหญ่กว่างานเชิดสิงโตในเมืองจีนเสียอีก

.

อาหารรสชาติจีนแท้แบบจีนทางใต้ สถานที่ใหญ่โตโอ่อ่า มีทั้งโถงแบบนั่งรวม และมีแบบห้องส่วนตัวสำหรับจัดเลี้ยง ห้องน้ำสะอาด บริการมาตรฐานและคล่องแคล่วรู้งาน รออาหารไม่นาน ราคาอาหารที่เห็น เราจ่ายจริง 60% ของราคาในบิลล์ครับ

มันคือเช้าวันพายุเข้า แต่มีเพียงเมฆครึ้มที่ยอมให้แสงแดดยามเช้าส่องลงพื้นโลกเป็นบางเวลา ยังไม่มีฝนและที่ผมเล่าข้างต้น โรงแรมอยู่ตรงหัวมุมถนนซึ่งหัวมุมถนนอีกฟากเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของที่นี่ คืออุทยานสวรรค์ ขอให้นึกถึงสวนลุมพินีที่กรุงเทพฯ เป็นตัวต้นแบบ และที่อุทยานมังกรสวรรค์ก็มีพื้นที่และลักษณะกิจกรรมคล้ายที่นั่น รอบอุทยานเป็นเส้นทางวิ่งและจักรยาน ระยะรอบละประมาณ 3 กิโลเมตร มีประตูทางเข้าโดยรอบ (แต่ไม่ได้เปิดทุกประตู) และรอบๆ สวนบางจุดเป็นตลาดหรือไม่ก็อาคารพานิชย์ที่เป็นห้างร้านและบริษัทเอกชน

หลังจากที่เราเช็คเอ้าท์จากโรงแรมฮอปส์อินน์ และแวะเดินตลาด 100 ปีปากน้ำโพเรียบร้อยแล้ว (ตลาดสดเทศบาลนครนครสวรรค์สวาท) จริงๆมันเป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ของนครสวรรค์ครับ เรามุ่งหน้าอาคารพาสารที่ป้ายประชาสัมพันธ์ของทางหน่วยราชการที่รับผิดชอบด้านงบประมาณระบุว่าอาคารแห่งนี้มีกำหนดสร้างเสร็จตามแผนงานคือกลางปี 2562 และมีระยะเวลารับประกันยาวไปถึงกลางปี 2564 หมายถึงเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ หมาดๆ แบบแทบจะพูดได้ว่าสียังไม่ทันแห้งดี

โดยถ้าเรามายืนที่ด้านบนอาคารแล้วมองไปข้างหน้าจะเห็นเป็นแม่น้ำสายใหญ่ นั่นคือแม่น้ำเจ้าพระยา ซ้ายมือน้ำสีน้ำตาลขุ่นนั่นคือแม่น้ำน่านที่มีต้นทางจากเทือกเขาผีปันน้ำและเทือกเขาหลวงพระบางในจังหวัดน่าน โดยมีแม่น้ำยมมาเชื่อมด้วยที่จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอชุมแสง ส่วนซ้ายมือน้ำใสกว่าคือแม่น้ำปิงที่ต้นทางมาจากเทือกเขาแดนลาว จังหวัดเชียงใหม่ มารวมกับแม่น้ำวังที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก จนทั้งสองลำน้ำใหญ่มารวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากน้ำโพแห่งนี้

ซ้ายมือคือศาลเจ้าแม่ทับทิมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และฝั่งขวามือคือตลาดปากน้ำโพที่เราแวะเดินเมื่อสักครู่ การเดินทางไปยังอาคารพาสารสามารถปักหมุดแล้วให้ google map นำทางไปได้เลย ถนนไม่ค่อยดี

.

.

.

จริงๆ บนพื้นที่ที่มีการก่อสร้างอาคารพาสารนั้น เราเรียกว่าเกาะยม โดยบริเวณไม่ห่างจากอาคารพาสารในระยะที่เรามองเห็นในระยะไม่ไกลมากจากรถที่เรานั่ง จะมีบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปีอยู่หลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นคือบ้านของนายควง อภัยวงศ์ นักการเมืองดังในอดีต เราว่าบ้านหลังนี้น่าชมไม่แพ้อาคารพาสารที่สร้างในปีปัจจุบัน แต่ตอนนี้คงได้แต่รอให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ (หรือทายาทผู้ถือกรรมสิทธิ์) ได้บูรณะซ่อมแซมให้สวยงามดังเมื่อแรกสร้าง เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นยกพื้นสูง ทำด้วยไม้ทั้งหลังและโดดเด่นด้วยหลังคาปั้นหยาแล้วมีมุขยื่นเป็นหลังคาจั่ว ได้รับอิทธิพลขนมปังขิง สภาพค่อนข้างทรุดโทรมตามกาลเวลา มีร่องรอยของการทำกันสาดรอบหลังซึ่งมักเป็นการประยุคเรือนในรูปทรงนี้ในยุคถัดๆมา แต่บ้านควงอภัยวงศ์หลังนี้ไม่มีข้อมูลในการอนุญาตเข้าชมนะครับ

------------------------

คุณหมูยอ

ออกเดินทาง 29 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2563

บันทึกไว้เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2563

------------------------ 

คลิ๊กเพื่ออ่านตอนอื่นๆ สำหรับลอยกระทง timeline

ตอน 1 นครสวรรค์ https://pantip.com/topic/40330368

ตอน 2 นครสวรรค์ (2) https://pantip.com/topic/40332582

ตอน 3 สุโขทัย https://pantip.com/topic/40336713

ตอน 4 สวรรคโลก https://pantip.com/topic/40360788

ตอน 5 สุโขทัย #ในคืนที่จำใจไปนอนพิษณุโลก https://pantip.com/topic/40365400

ตอน 6 พิษณุโลก https://pantip.com/topic/40370965