JJNY : กระบี่แทบร้าง โรงแรมร้านค้า พากันเจ๊ง/จนท.กั้นรั้วศธ./ฝ่ายค้านยังกั๊กร่วมวงกก./อมรัตน์เตือน ส.ว.ให้แคร์เสียงปชช.

กระบี่แทบร้าง โรงแรม ร้านค้า พากันเจ๊ง ทนพิษโควิด ต่อไม่ไหว 8เดือน รัฐแก้ไม่ตรงจุด 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5320986

กระบี่แทบร้าง โรงแรม ร้านค้า พากันเจ๊ง ทนพิษโควิด ต่อไม่ไหว 8เดือน รัฐแก้ไม่ตรงจุด วอนชะลอดอกเบี้ยเงินกู้ ปิดตัวไปเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของ จ.กระบี่ ซึ่งก่อนนี้เคยคราคร่ำไปด้วย นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ แต่ตอนนี้เงียบเหงา ไร้ผู้คนหรือนักท่องเที่ยว ย่านการค้าที่เคยคึกคัก ทุกวันนี้บรรดาผู้ประกอบการร้านค้า พากันปิดกิจการ มีเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ยังคงเปิดกิจการอยู่ นอกจากนี้ยังพบว่าร้านค้าหลายแห่ง รวมถึงโรงแรม ที่พัก พากันปิดตัวและขึ้นป้ายประกาศขายกิจการกันจำนวนมาก
 
วันที่ 14 พ.ย.2563 นายเอกวิทย์ ภิญโญธรรมโนทัย ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.กระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมาทราบว่า ข่าวลือเรื่องการประกาศขายกิจการของธุรกิจโรงแรมที่พักในหาดอ่าวนาง ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
 
โดยเฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ระดับ 3-5 ดาว กว่า 10 แห่งมูลค่ารวมกันกว่าพันล้านบาท ที่ประกาศขายกิจการ เพราะผู้ประกอบการแบกรับภาระต่อไม่ไหว หลังต้องแบกภาระมานานร่วม 8 เดือน มาตรการต่างๆ ที่ออกมาไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้เลย ส่วนผู้ประกอบการรายเล็ก คงไม่ต้องพูดถึง เพราะปิดตัวกันไปเยอะมาก เพราะพื้นที่หาดอ่าวนาง ส่วนใหญ่จะรับ นทท.ที่เป็นชาวต่างชาติ 80-90 เปอร์เซ็นต์
 
นายเอกวิทย์ กล่าวต่อว่า มาตรการที่ภาครัฐออกมา ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในระยะยาว แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการตอนนี้ คือภาครัฐดูเรื่องของภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเรื่องของดอกเบี้ยเงินกู้ อยากให้ชะลอไว้ก่อนได้หรือไม่ เพราะผู้ประกอบการไม่มีรายได้จะไปจ่ายในตอนนี้ จึงอยากขอให้ภาครัฐมองที่ปัญหาจริงๆ และต้องแก้ให้ตรงจุด เพราะที่ผ่านมาการกระตุ้นที่ภาครัฐทำออกมา เป็นเพียงการต่อลมหายใจเพียงชั่วคราวเท่านั้น
 
แต่กลับส่งผลกระทบเพราะผู้ประกอบการต้องเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเปิดกิจการรับการกระตุ้นในระยะสั้น ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์อย่างแท้จริง แต่ในระยะยาวรัฐต้องดูเรื่องการชะลอการจ่ายเงินกู้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย อาจจะต้องชะลอช่วยผู้ประกอบการในระยะ 2-3 ปี ส่วนกลุ่ม นทท.ยุโรป ตอนนี้เค้าต้องการจะเดินทางมา แต่ด้วยการที่ภาครัฐไม่มีความชัดเจนในการเปิดให้เข้ามา ทำให้กลุ่มเหล่านี้เลือกที่จะไม่เดินทางมา หากไทยเรามั่นใจในกระบวนการด้านสาธารณสุข ก็ควรประกาศให้ชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติด้วย.



ด่วน! จนท.กั้นรั้วเหล็กหน้ากระทรวงศึกษาฯ รถฉีดน้ำเคลื่อนผ่าน คนตะโกน 'อย่าฉีดไล่เด็ก'
https://www.matichon.co.th/politics/news_2441151

ด่วน! จนท.กั้นรั้วเหล็กหน้ากระทรวงศึกษาฯ รถฉีดน้ำเคลื่อนผ่าน คนตะโกน ‘อย่าฉีดไล่เด็ก’
 
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘นักเรียนเลว’ นัดหมายรวมตัวกันเวลา 13.00 น. บรรยากาศเมื่อเวลา 12.00 น. มีผู้มารอร่วมชุมนุมเล็กน้อยกระจายตัวอยู่บนทางเท้าและเกาะกลางถนน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรั้วเหล็กมากั้นพื้นที่บริเวณหน้าประตูทางเข้า โดยมีการนำลวดขนาดใหญ่ผูกรั้วเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา

เวลาราว 12.02 น. มีรถบรรทุกน้ำ 2 คันเคลื่อนผ่านบนถนนราชดำเนินนอกฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ประชาชนที่รอร่วมชุมนุมบริเวณป้ายรถประจำทางตะโกนถามว่า ‘รถฉีดน้ำมาทำไม’ และ ‘อย่าฉีดไล่เด็ก’ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจับกลุ่มพูดคุยกันในประเด็นการฉีดน้ำสลายชุมนุมในครั้งที่ผ่านๆมา อย่างดุเดือด

เวลา 12.10 น. เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตดุสิต ดูแลความเรียบร้อยรอบบริเวณ ในขณะที่เริ่มมีนักเรียน นักศึกษาทยอยสมทบต่อเนื่อง

เวลา 12.13 น. พบรถบรรทุกน้ำสมทบอีก 1 คัน ทั้งหมดจอดในฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ

เวลา 12.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิตเตรียมพร้อมดูแลความเรียบร้อย ด้าน ตชด.ภาค 3 เดินเรียงแถวตอนในพื้นที่ใกล้เคียง

เวลา 12.24 น. รถบรรทุกน้ำอีก 4 คันขับผ่านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ข้ามสะพานมัฆวานรังสรรค์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่