🔴เพิ่ม 6 ราย! ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาจากต่างประเทศ ส่งกลับเมียนมา 1 ราย
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า....✔
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (5 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 6 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....✔
ฝรั่งเศส 2 ราย
เยอรมนี 1 ราย
เนเธอร์แลนด์ 1 ราย
ฮังการี 1 ราย
เมียนมา 1 ราย (ส่งกลับไปรักษาที่เมียนมา)
ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,810 ราย หายป่วยแล้ว 3,623 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 128 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 59 ราย
https://www.sanook.com/news/8290514/
🔴ปรบมือรัวๆ! ทุกหน่วยงาน‘เกาะสมุย’ร่วมยินดี‘แหม่มฝรั่งเศส’หายป่วยโควิดกลับบ้านแล้ว
5 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีหญิงชาวฝรั่งเศส อายุ 57 ปี ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 และเข้าสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) จนครบ 14 วันไม่พบเชื้อ หลังจากนั้นวันที่ 15 ตุลาคม 2563 หญิงสาวชาวฝรั่งเศสได้เดินทางมาเกาะสมุย พร้อมกับสามีและลูก และมีอาการป่วย วันที่ 20 ตุลาคม 2563 ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แพทย์เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจ จนผลตรวจออกมาว่าพบเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 22 ตุลาคม 2563 นำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเกาะสมุย
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (5 ตุลาคม 2563) แพทย์โรงพยาบาลเกาะสมุยได้อนุญาตให้หญิงชาวฝรั่งเศสออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ หลังได้รับการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์จนครบกำหนด 14 วัน และผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ในร่างกาย แต่ต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านต่ออีก 30 วัน จึงจะสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal คือ การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือบ่อย ๆ
นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย พร้อมด้วย นายอภิเดช พรหมคุ้ม สาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย , นายนพดล ขาวมะลิ ปลัดอำเภอเกาะสมุย , แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลเกาะสมุย , กิ่งกาชาดอำเภอเกาะสมุย , ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมมอบช่อดอกไม้และดอกกุหลาบสีแดง เพื่อส่งหญิงชาวฝรั่งเศสที่ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งทางด้านนายแพทย์วีระศักดิ์ ได้อ่านข้อความเพื่อให้กำลังใจกับหญิงชาวฝรั่งเศส ก่อนที่จะเดินทางกลับไปกักตัวที่บ้านพักอีก 30 วัน
ขณะที่หญิงชาวฝรั่งเศส ได้กล่าวขอบคุณแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลเกาะสมุย และทุกๆคนที่คอยเป็นห่วง ให้กำลังใจ และได้รับการดูแลรักษามาเป็นอย่างดี รู้สึกยินดีที่จะได้กลับบ้านในวันนี้ และขอขอบคุณที่มาเป็นกำลังใจส่งกลับบ้าน
นายแพทย์วีระศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยหญิงชาวฝรั่งเศสอาการดี ไม่พบเชื้อ และมีภูมิต้านทานแล้ว ตอนนี้เขากลับมาเป็นคนปกติ ก็พร้อมที่กลับบ้านหลังจากการรักษาครบตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข แต่เมื่อกลับบ้านไปแล้วก็ต้องกักตัวเพื่อไม่ให้ไปสัมผัสกับชุมชนจนครบ 30 วัน
“ขอให้ชุมชนดูแลตอบรับเขาเหมือนคนปกติ อย่าไปแบ่งแยกว่าเขาเคยติดเชื้อ หลังออกจากบ้านเมื่อครบ 30 วัน เขาก็สามารถไปกินข้าว เดินห้าง ใช้ชีวิตได้ตามปกติในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal คือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือบ่อยๆ” นายแพทย์วีระศักดิ์ กล่าว
https://www.naewna.com/local/529994
🔴'บิ๊กตู่'หารือ'ซูจี' ย้ำไทยพร้อมช่วยเหลือเมียนมา ต่อสู้วิกฤตโควิด-19
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ณ ห้องโดมทอง ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นโอกาสในการสานต่อ และกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้หารือกันผ่านทางโทรศัพท์ในวันนี้ ซึ่งเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่แม้จะไม่ได้พบกันแต่ก็สามารถติดต่อกันผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ทั้งแบบทวิภาคีในทุกระดับ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยังคงพลวัตการติดต่อกัน และประชุมหารือแบบพหุภาคี ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อส่งเสริมต่อยอดผลประโยชน์ร่วมกัน
นายกรัฐมนตรีชื่นชมพัฒนาการด้านประชาธิปไตยของเมียนมา ชาวเมียนมาในไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่เมียนมาในประเทศไทยจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเมียนมาจะสามารถจัดการการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.63 นี้ได้อย่างสันติ ราบรื่น และไทยยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อความริเริ่ม ร่วมมือในทุกมิติกับเมียนมาต่อไป
นายอนุชา กล่าวว่า ทางด้านนางอองซาน ซูจี ได้ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จัดการหารือผ่านโทรศัพท์ครั้งนี้ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนานและราบรื่น ไทยและเมียนมาถือเป็นประเทศที่ผูกพัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทุกระดับ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือด้านการสาธารณสุขกับเมียนมาเพื่อต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 ทั้งในรูปของเงินบริจาค ยารักษาโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ และของอุปโภคบริโภค พร้อมกันนี้ เมียนมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลแรงงานเมียนมาในไทยเป็นอย่างดี และหวังว่าจะได้พบนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย
"รัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมียนมา และตามแนวชายแดนด้วยความเป็นห่วง เชื่อมั่นและให้กำลังใจเมียนมาในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนที่รัฐบาลไทยมีศักยภาพตามที่เมียนมาต้องการ โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือหารือกันในรายละเอียดต่อไป และนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยจะคุ้มครองดูแลแรงงานเมียนมาในประเทศไทยเสมือนที่ดูแลแรงงานไทย"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังมีข้อจำกัดการเดินทางระหว่างกัน รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการผ่อนผันให้แรงงานเมียนมาที่อยู่ในไทย อยู่แล้วให้สามารถพำนักและทำงานได้ต่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้เป็นไปตามความต้องการของแรงงานเมียนมา ผู้ประกอบการไทย และแรงงานเมียนมามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ในส่วนของศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราวนั้น ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
"ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นายกรัฐมนตรีเห็นว่ายังมีโอกาสของความร่วมมือระหว่างกันอีกมากตามแนวชายแดนเพื่อพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกันพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อขยายความร่วมมือ โดยที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประสงค์ให้ดำเนินความร่วมมือระหว่างกันต่อไป เศรษฐกิจจะต้องไม่หยุดชะงักแม้จะประสบกับสถานการณ์โควิด-19"
https://www.naewna.com/politic/529951
🔴 สธ.คาดกักตัว10วัน มีคนติดโควิดหลุด 300คนต่อปี

ศบค.สธ.เห็นชอบ“safety to safety” ลดกักตัวโควิดเหลือ 10 วัน กลุ่มประเทศเสี่ยงเท่ากับ-มากกว่าไทยเล็กน้อย ระบุเพิ่มโอกาสเสี่ยงเล็กน้อย จาก 0.3 เป็น 1.5 คนคาดเข้าไทย 30 ล้านจะมีคนติดเชื้อหลุด 300 คนต่อปี ป่วยหนัก 30 คน ระบบควบคุมโรค-รักษารองรับเพียงพอ
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.สธ.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในการที่จะเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.ประเทศ ในการลดวันกักตัวจาก14วันเหลือ 10 วันในประเทศที่มีความเสี่ยง เท่ากับและมากกว่าประเทศไทยเล็กน้อย มีความเป็นไปได้ ส่วนประเทศที่มีความเสี่ยงสูงก็ยังคงกักตัวอยู่ที่ 14 วัน
ทั้งนี้ การลดวันกักตัวจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลด้านวิชาการ ทางการแพทย์มีรายงานพบว่าการกักตัว 10 วันและ 14 วันไม่แตกต่างกัน จึงเป็นแนวคิดลดวันกักตัวตามความเสี่ยงประเทศ พิจารณาความเสี่ยงเมื่อเทียบกับประเทศไทย ซึ่งประเทศที่ไม่มีความเสี่ยงหรือเสี่ยงเท่ากับไทย โดยหลักการเมื่อเข้ามาก็เหมือนคนไทยที่อยู่ในประเทศเป็นลักษณะ safety to safety ประเทศที่มีความเสี่ยงเท่ากับหรือมากกว่าไทยเล็กน้อยจะอยู่ที่ 10 วัน ส่วนที่มีความเสี่ยงมากกว่าไทยก็ให้เข้าระบบกักตัว อาจจะอยู่ที่ 14 วันเช่นเดิม
จากที่มีการปรับระบบวันที่ตรวจหาเชื้อในผู้ที่เข้ากักตัวสถานที่กักกันเป็น 3 ครั้ง คือ วันที่ 1-3 ,7-9 และ11 พบว่าผู้ที่ตรวจผลเป็นบวกพบการติดโควิด19จะตรวจเจอในช่วง 10 วันแรกทั้งสิ้น อาจจะมี 1 รายที่เจอหลังวันที่ 10 แต่มีภูมิคุ้มกันขึ้นแล้วแปลว่าติดเชื้อมานานแล้ว เพราะฉะนั้น ภายใน 10 วันหากมีการติดเชื้อก็จะมีการตรวจพบได้ การลดวันกักตัวเหลือ 10 วันจึงสามารถทำได้ โดยโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากที่มีคนเดินทางเข้า 1 ล้านคนจะมีคนติดเชื้อที่หลุดจากระบบได้ 1.5 คน จากเดิมถ้ากักตัว 14 วันจะหลุดได้ 0.3 คน หากเป็นประเทศจีนจะน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเทศเสี่ยง”นพ.เกียรติภูมิกล่าว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการคำนวณว่าคนเดินทางเข้าไทยราว 30 ล้านคน ก็น่าจะมีคนติดเชื้อหลุดราว 300 คนต่อปีจากที่เข้ามา 30 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ระบบการป้องกันและควบคุมโรคในการจับตัว หรือตะครุบเพื่อคอวบคุมสถานการณ์ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในจำนวนนี้ถ้าป่วยหนัก 10 % อยู่ที่ 30 คน ระบบโรงพยาบาลของประเทศไทยสามารถรองรับได้ เพราะฉะนั้นระบบทางวิชาการและวิธีการก็มีความเป็นไปได้ในการลดวันกักตัว อีกทั้ง สิ่งที่พบคือหลัง 10 วัน คนที่ติดเชื้อหลุดจะเป็นคนไข้ที่มีเชื้อค่อนข้างน้อย โอกาสแพร่ก็จะต่ำกว่าทั่วไป
และหลังจากวันที่ 10 ก็มีมาตรการในการติดตามตัวเป็นสายรัดข้อมือและเข้าระบบ ไม่ใช่ให้เดินกระจัดกระจายไปไหนก็ได้ ช่วงแรกมีบริษัททัวร์ในการดูแลและติดตามรายนงานหากเกิดกรณีต่างๆ และเมื่อพ้น10 วันแล้วก็จะเดินทางไปได้อย่างน้อยใน 10 จังหวัดที่มีความพร้อม ทั้งการป้องกันควบคุมโรค สถานพยาบาล ประชาชนยอมรับการท่องเที่ยว และประชาชนพร้อมร่วมมือในมาตรการต่างๆที่รัฐบาลจะกำหนดขึ้น เช่น จ. ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ เชียงราย บุรีรัมย์ และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/906324
สถานการณ์ในประเทศไทย เรายังปลอดภัยจากโควิดค่ะ
🔴มาลาริน/5พ.ย.ไทยพบโควิด 6 รายจากตปท./สาวฝรั่งเศสเกาะสมุยหายป่วยแล้ว/ซูจีขอบคุณไทย/"safety to safety”กักตัวเหลือ 10 วัน
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า....✔
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (5 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 6 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....✔
ฝรั่งเศส 2 ราย
เยอรมนี 1 ราย
เนเธอร์แลนด์ 1 ราย
ฮังการี 1 ราย
เมียนมา 1 ราย (ส่งกลับไปรักษาที่เมียนมา)
ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,810 ราย หายป่วยแล้ว 3,623 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 128 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 59 ราย
https://www.sanook.com/news/8290514/
🔴ปรบมือรัวๆ! ทุกหน่วยงาน‘เกาะสมุย’ร่วมยินดี‘แหม่มฝรั่งเศส’หายป่วยโควิดกลับบ้านแล้ว
5 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีหญิงชาวฝรั่งเศส อายุ 57 ปี ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 และเข้าสถานที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) จนครบ 14 วันไม่พบเชื้อ หลังจากนั้นวันที่ 15 ตุลาคม 2563 หญิงสาวชาวฝรั่งเศสได้เดินทางมาเกาะสมุย พร้อมกับสามีและลูก และมีอาการป่วย วันที่ 20 ตุลาคม 2563 ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แพทย์เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจ จนผลตรวจออกมาว่าพบเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 22 ตุลาคม 2563 นำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเกาะสมุย
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (5 ตุลาคม 2563) แพทย์โรงพยาบาลเกาะสมุยได้อนุญาตให้หญิงชาวฝรั่งเศสออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้ หลังได้รับการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์จนครบกำหนด 14 วัน และผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ในร่างกาย แต่ต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านต่ออีก 30 วัน จึงจะสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal คือ การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือบ่อย ๆ
นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย พร้อมด้วย นายอภิเดช พรหมคุ้ม สาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย , นายนพดล ขาวมะลิ ปลัดอำเภอเกาะสมุย , แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลเกาะสมุย , กิ่งกาชาดอำเภอเกาะสมุย , ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมมอบช่อดอกไม้และดอกกุหลาบสีแดง เพื่อส่งหญิงชาวฝรั่งเศสที่ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งทางด้านนายแพทย์วีระศักดิ์ ได้อ่านข้อความเพื่อให้กำลังใจกับหญิงชาวฝรั่งเศส ก่อนที่จะเดินทางกลับไปกักตัวที่บ้านพักอีก 30 วัน
ขณะที่หญิงชาวฝรั่งเศส ได้กล่าวขอบคุณแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลเกาะสมุย และทุกๆคนที่คอยเป็นห่วง ให้กำลังใจ และได้รับการดูแลรักษามาเป็นอย่างดี รู้สึกยินดีที่จะได้กลับบ้านในวันนี้ และขอขอบคุณที่มาเป็นกำลังใจส่งกลับบ้าน
นายแพทย์วีระศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยหญิงชาวฝรั่งเศสอาการดี ไม่พบเชื้อ และมีภูมิต้านทานแล้ว ตอนนี้เขากลับมาเป็นคนปกติ ก็พร้อมที่กลับบ้านหลังจากการรักษาครบตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข แต่เมื่อกลับบ้านไปแล้วก็ต้องกักตัวเพื่อไม่ให้ไปสัมผัสกับชุมชนจนครบ 30 วัน
“ขอให้ชุมชนดูแลตอบรับเขาเหมือนคนปกติ อย่าไปแบ่งแยกว่าเขาเคยติดเชื้อ หลังออกจากบ้านเมื่อครบ 30 วัน เขาก็สามารถไปกินข้าว เดินห้าง ใช้ชีวิตได้ตามปกติในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal คือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือบ่อยๆ” นายแพทย์วีระศักดิ์ กล่าว
https://www.naewna.com/local/529994
🔴'บิ๊กตู่'หารือ'ซูจี' ย้ำไทยพร้อมช่วยเหลือเมียนมา ต่อสู้วิกฤตโควิด-19
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ณ ห้องโดมทอง ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นโอกาสในการสานต่อ และกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้หารือกันผ่านทางโทรศัพท์ในวันนี้ ซึ่งเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่แม้จะไม่ได้พบกันแต่ก็สามารถติดต่อกันผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ทั้งแบบทวิภาคีในทุกระดับ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยังคงพลวัตการติดต่อกัน และประชุมหารือแบบพหุภาคี ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อส่งเสริมต่อยอดผลประโยชน์ร่วมกัน
นายกรัฐมนตรีชื่นชมพัฒนาการด้านประชาธิปไตยของเมียนมา ชาวเมียนมาในไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่เมียนมาในประเทศไทยจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเมียนมาจะสามารถจัดการการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.63 นี้ได้อย่างสันติ ราบรื่น และไทยยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อความริเริ่ม ร่วมมือในทุกมิติกับเมียนมาต่อไป
นายอนุชา กล่าวว่า ทางด้านนางอองซาน ซูจี ได้ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จัดการหารือผ่านโทรศัพท์ครั้งนี้ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนานและราบรื่น ไทยและเมียนมาถือเป็นประเทศที่ผูกพัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทุกระดับ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือด้านการสาธารณสุขกับเมียนมาเพื่อต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 ทั้งในรูปของเงินบริจาค ยารักษาโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ และของอุปโภคบริโภค พร้อมกันนี้ เมียนมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลแรงงานเมียนมาในไทยเป็นอย่างดี และหวังว่าจะได้พบนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย
"รัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมียนมา และตามแนวชายแดนด้วยความเป็นห่วง เชื่อมั่นและให้กำลังใจเมียนมาในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนที่รัฐบาลไทยมีศักยภาพตามที่เมียนมาต้องการ โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือหารือกันในรายละเอียดต่อไป และนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยจะคุ้มครองดูแลแรงงานเมียนมาในประเทศไทยเสมือนที่ดูแลแรงงานไทย"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังมีข้อจำกัดการเดินทางระหว่างกัน รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการผ่อนผันให้แรงงานเมียนมาที่อยู่ในไทย อยู่แล้วให้สามารถพำนักและทำงานได้ต่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้เป็นไปตามความต้องการของแรงงานเมียนมา ผู้ประกอบการไทย และแรงงานเมียนมามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ในส่วนของศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราวนั้น ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
"ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นายกรัฐมนตรีเห็นว่ายังมีโอกาสของความร่วมมือระหว่างกันอีกมากตามแนวชายแดนเพื่อพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกันพร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อขยายความร่วมมือ โดยที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประสงค์ให้ดำเนินความร่วมมือระหว่างกันต่อไป เศรษฐกิจจะต้องไม่หยุดชะงักแม้จะประสบกับสถานการณ์โควิด-19"
https://www.naewna.com/politic/529951
🔴 สธ.คาดกักตัว10วัน มีคนติดโควิดหลุด 300คนต่อปี
ศบค.สธ.เห็นชอบ“safety to safety” ลดกักตัวโควิดเหลือ 10 วัน กลุ่มประเทศเสี่ยงเท่ากับ-มากกว่าไทยเล็กน้อย ระบุเพิ่มโอกาสเสี่ยงเล็กน้อย จาก 0.3 เป็น 1.5 คนคาดเข้าไทย 30 ล้านจะมีคนติดเชื้อหลุด 300 คนต่อปี ป่วยหนัก 30 คน ระบบควบคุมโรค-รักษารองรับเพียงพอ
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.สธ.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในการที่จะเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.ประเทศ ในการลดวันกักตัวจาก14วันเหลือ 10 วันในประเทศที่มีความเสี่ยง เท่ากับและมากกว่าประเทศไทยเล็กน้อย มีความเป็นไปได้ ส่วนประเทศที่มีความเสี่ยงสูงก็ยังคงกักตัวอยู่ที่ 14 วัน
ทั้งนี้ การลดวันกักตัวจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลด้านวิชาการ ทางการแพทย์มีรายงานพบว่าการกักตัว 10 วันและ 14 วันไม่แตกต่างกัน จึงเป็นแนวคิดลดวันกักตัวตามความเสี่ยงประเทศ พิจารณาความเสี่ยงเมื่อเทียบกับประเทศไทย ซึ่งประเทศที่ไม่มีความเสี่ยงหรือเสี่ยงเท่ากับไทย โดยหลักการเมื่อเข้ามาก็เหมือนคนไทยที่อยู่ในประเทศเป็นลักษณะ safety to safety ประเทศที่มีความเสี่ยงเท่ากับหรือมากกว่าไทยเล็กน้อยจะอยู่ที่ 10 วัน ส่วนที่มีความเสี่ยงมากกว่าไทยก็ให้เข้าระบบกักตัว อาจจะอยู่ที่ 14 วันเช่นเดิม
จากที่มีการปรับระบบวันที่ตรวจหาเชื้อในผู้ที่เข้ากักตัวสถานที่กักกันเป็น 3 ครั้ง คือ วันที่ 1-3 ,7-9 และ11 พบว่าผู้ที่ตรวจผลเป็นบวกพบการติดโควิด19จะตรวจเจอในช่วง 10 วันแรกทั้งสิ้น อาจจะมี 1 รายที่เจอหลังวันที่ 10 แต่มีภูมิคุ้มกันขึ้นแล้วแปลว่าติดเชื้อมานานแล้ว เพราะฉะนั้น ภายใน 10 วันหากมีการติดเชื้อก็จะมีการตรวจพบได้ การลดวันกักตัวเหลือ 10 วันจึงสามารถทำได้ โดยโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากที่มีคนเดินทางเข้า 1 ล้านคนจะมีคนติดเชื้อที่หลุดจากระบบได้ 1.5 คน จากเดิมถ้ากักตัว 14 วันจะหลุดได้ 0.3 คน หากเป็นประเทศจีนจะน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเทศเสี่ยง”นพ.เกียรติภูมิกล่าว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการคำนวณว่าคนเดินทางเข้าไทยราว 30 ล้านคน ก็น่าจะมีคนติดเชื้อหลุดราว 300 คนต่อปีจากที่เข้ามา 30 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ระบบการป้องกันและควบคุมโรคในการจับตัว หรือตะครุบเพื่อคอวบคุมสถานการณ์ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในจำนวนนี้ถ้าป่วยหนัก 10 % อยู่ที่ 30 คน ระบบโรงพยาบาลของประเทศไทยสามารถรองรับได้ เพราะฉะนั้นระบบทางวิชาการและวิธีการก็มีความเป็นไปได้ในการลดวันกักตัว อีกทั้ง สิ่งที่พบคือหลัง 10 วัน คนที่ติดเชื้อหลุดจะเป็นคนไข้ที่มีเชื้อค่อนข้างน้อย โอกาสแพร่ก็จะต่ำกว่าทั่วไป
และหลังจากวันที่ 10 ก็มีมาตรการในการติดตามตัวเป็นสายรัดข้อมือและเข้าระบบ ไม่ใช่ให้เดินกระจัดกระจายไปไหนก็ได้ ช่วงแรกมีบริษัททัวร์ในการดูแลและติดตามรายนงานหากเกิดกรณีต่างๆ และเมื่อพ้น10 วันแล้วก็จะเดินทางไปได้อย่างน้อยใน 10 จังหวัดที่มีความพร้อม ทั้งการป้องกันควบคุมโรค สถานพยาบาล ประชาชนยอมรับการท่องเที่ยว และประชาชนพร้อมร่วมมือในมาตรการต่างๆที่รัฐบาลจะกำหนดขึ้น เช่น จ. ชลบุรี ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ เชียงราย บุรีรัมย์ และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/906324
สถานการณ์ในประเทศไทย เรายังปลอดภัยจากโควิดค่ะ