ถุงมือเรื่องสั้น สมัยที่ 5 ยกที่ 1 เรื่องที่ 4 ครับ กลับมาสยองขวัญกันอีกรอบ ^^
เรื่องเกี่ยวกับ ของเก่า ของมือสองที่ประกาศขาย มีเรื่องเล่ามากมายซึ่งมีคนมาเล่าในรายการเล่าเรื่องผีอย่างเช่น THE SHOCK ของคุณป๋อง กพล ทองพลับ หรือรายการ THE GHOST RADIO ของคุณแจ็ค สายสิญจน์ วัชรพล ฝึกใจดี เป็นต้น แต่ละเรื่องในรายการดังกล่าวก็น่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว
ลองมาสัมผัสเรื่องนี้ดูครับ ว่าจะขนพองสยองเกล้า สักเพียงใด... ^^
*****************************************************************************************
ขายด่วน รถมือเดียว เจ้าของขายเอง จอดในร่มตลอด
รถบ้านเจ้าของขายเอง ยี่ห้อXXX 1.5 Turbo ปี 2018 เกียร์ออโต้
เบาะหนัง ล้อแม็ก เพิ่งต่อภาษี ไม่เคยชนหนัก ขายเพราะไม่ได้ใช้ จอด 90%
สนใจสอบถาม โทร.คุณเก่ง 081xxxxxxx
ขายขาดทุน 650000 บาท (ห้ามต่อราคา...ร้อนเงิน)
****************************************************************************************
“สวัสดีครับ ใช่คุณเก่งที่ลงประกาศขายรถยนต์ ไหมครับ ?”
“ใช่ครับ สนใจมาดูรถได้เลย แต่ว่าคุณต้องรีบมาหน่อยนะ ถ้าคนอื่นโทรมาแล้วมาดูก่อนคุณซื้อเลย โทษผมไม่ได้นะครับ”
“เป็นรถมือเดียวใช่ไหมครับ ?”
“ผมขับคนเดียว พอดีผมร้อนเงินนิดหน่อย ว่าจะขายเอาเงินก้อน ความจริงผมก็ไม่อยากขายนะครับ ผมรักรถคันนี้มาก” เสียงปลายสายฟังดูอาลัยอาวรณ์
“ผมชื่อขจรครับ ถ้างั้นเดี๋ยวอีกสองวันผมโทรไปนัดดูรถนะครับ”
“ได้พี่ ถ้าผมไม่ขายมันไปเสียก่อนนะ”
น้ำเสียงตอบกลับมาฟังดูแห้งแล้งไม่สนใจ ตัดสายทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย
“อะไรวะ คุยยังไม่ทันจบวางไปแล้ว ไม่ง้อลูกค้าเลย หรือมันคิดว่ายังไงก็ขายคนอื่นได้ เออใช่ เกิดมีคนมาซื้อตัดหน้าล่ะ รถยังดูดีอยู่เลย ถ้าปล่อยไปคงเสียดาย และถ้าไปซื้อตามเต็นท์รถมือสองก็ไม่มีทางได้ราคานี้ แพงกว่าเท่าตัวแน่นอน เอาวะ ไปดูมันวันนี้เลยแล้วกัน”
...................................................
“คุณเก่ง ผมขจรนะ เดี๋ยวผมไปดูวันนี้เลยดีกว่า ตอนนี้รถจอดไว้ที่ไหนครับ ?”
“จอดไว้ที่บ้าน ถ้าคุณจะดูรถก็มาดูได้เลยครับ”
เก่งตอบกลับไป คลี่ยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตามีประกายแอบแฝงบางอย่าง
ในที่สุด ขจรตัดสินใจซื้อรถคันดังกล่าวเมื่อมาดูรถเรียบร้อย เหมือนมีบางอย่างดลใจให้เขาต้องซื้อภายในวันนี้ให้ได้ ถึงขั้นทำการโอนรถลอย เพราะนายเก่งได้จัดเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยพร้อมสำหรับการซื้อขาย เพียงแค่โอนเงินสดเข้าบัญชี ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย
“เรียบร้อยนะครับ งั้นผมขอตัวเลย คงต้องแวะเติมน้ำมันหน่อย ว่าจะขับไปหาแม่แล้วก็เลยไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างจังหวัดพอดี”
ยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้รถยนต์ราคาหลักล้านแต่ซื้อในราคาหลักแสน นึกในใจ ถ้าซื้อป้ายแดงราคาเป็นล้านนี่ มือสองไม่กี่ปีลดลงมาเกือบครึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว สงสัยเจ้าของจะร้อนเงินจริงๆ
“โชคดี เดินทางปลอดภัยครับ”
เก่งกล่าวอวยพรยืนอยู่นอกรถลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกภาวนาขอให้เจ้าของรถคนใหม่ขับรถยนต์คันนี้ออกไปจากบริเวณบ้านของตัวเองโดยเร็ว
“ขอบคุณครับ” ปิดประตูขับรถยนต์ที่ตัวเองกลายเป็นเจ้าของตรงไปออกสู่ถนนใหญ่
หากขจรเฉลียวใจหรือมองดูนายเก่งผ่านกระจกรถมองข้างสักนิด อาจถึงกับต้องจอดรถถอยกลับมาแล้วเปลี่ยนใจไม่ซื้อก็เป็นได้ เป็นเพราะนายเก่งแสดงท่าทีดีใจจนออกนอกหน้าเกินเหตุนั่นเอง
ขจรตัดสินใจขับรถยนต์คันดังกล่าวกลับไปหาพ่อกับแม่ที่สระบุรีทันที คิดไว้ว่าไปนอนที่บ้านคืนหนึ่งก่อนแล้วพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปเขาใหญ่งานแต่งงานของเพื่อนในตอนสาย ระหว่างทางแวะเข้าปั๊มน้ำมัน และตัดสินใจทานอาหารเย็น ในร้านอาหารภายในปั๊มจะได้ไม่รบกวนมารดา
“ขอบคุณครับ”
“เอ่อ..แก้วเดียวพอครับ ผมมาคนเดียว”
เงยหน้าบอกพนักเสิร์ฟซึ่งทำท่าจะวางแก้วน้ำเปล่าอีกใบลงตรงข้ามกับโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“อ้อ..เอ่อ..ค่ะ”
“ผมขอบะหมี่เป็นตุ๋นชามเดียวก็แล้วกันครับ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
ตลอดเวลาขจรนั่งทานอาหารอยู่ เขาสังเกตเห็นพนักงานภายในร้านแอบจับกลุ่มคุยกันแล้วลอบมองมาทางเขาบ่อยครั้ง ขจรอมยิ้มคิดว่าเด็กเหล่านั้นคงจะสนใจในตัวเขา หากเทียบเรื่องหน้าตาเขาก็ยอมรับว่าตัวเขาเองหล่อเหลาคมเข้มไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาขจรขับรถเข้ามาจอดหน้าประตูรั้วบ้าน เสียงของไอ้ด่างหมาสายพันธ์ไทยทั่วไปที่พ่อกับแม่เลี้ยงไว้เห่ามาที่รถยนต์ของขจรตลอดเวลา จนเขาต้องรีบเปิดประตูรถออกมาห้ามปรามทำเสียงดุใส่มันถึงได้เงียบเสียงเบาลงแต่ยังมีครางอยู่ในลำคอ
“อ้าวจรเองเหรอลูก
แล้วนั่นมากับใคร ? เอารถใครมาขับ ?”
สมบัติผู้เป็นพ่อเดินมาเปิดประตูรั้วให้ลูกชาย
“สวัสดีครับพ่อ รถผมเองเพิ่งซื้อวันนี้ มือสองครับ”
“มันแพงมากเลยนะ ไปขยับเอามาจอดในโรงรถไป ยังมีที่ว่าง”
“ไม่แพงครับพ่อ หกแสนห้าเอง ถ้าซื้อใหม่ก็ล้านสามกว่า มือสองแค่ 2 ปีเองครับ เจ้าของเขาร้อนเงินเลยรีบขายขาดทุนบอกจะเอาเงินไวๆ ”
“อ้อ..แล้วคันที่ใช้อยู่ล่ะ ขายไปแล้วเหรอ เดี๋ยวค่อยไปคุยในบ้าน ไปเลื่อนรถมาก่อนไป”
“ครับ”
ขจรขับรถมาจอดในโรงรถยังเหลือที่ว่างให้จอดได้อีกหนึ่งคันเสร็จเรียบร้อย เดินกลับมาชวนบิดาเข้าบ้าน
“พ่อเข้าบ้านครับ แม่ทำอะไรอยู่เหรอครับ ?” เห็น จดๆ จ้องๆ อยู่ที่รถของเขา ก่อนจะถามต่อ “มีอะไรครับพ่อ ?”
“อึม..สงสัยพ่อจะตาฝาด เมื่อกี้เหมือนเห็นมีใครนั่งอยู่หน้ารถมาด้วย ก็นึกว่าพาแฟนมาให้พ่อกับแม่รู้จัก”
“พ่อตาฝาดแหละครับ”
“เข้าไปหาแม่เถอะ เดี๋ยวพ่อจัดการกับไอ้ด่างก่อน มันเป็นอะไรกับรถใหม่น่ะ เดินวนรอบแถมทำเสียงขู่อยู่ตลอดเวลา ดูมันแปลกๆ”
“มันอาจจะได้กลิ่นพวกเดียวกันไหมครับ เจ้าของรถคนเดิมเขาก็มีหมาเหมือนกัน”
“ก็มีส่วนนะ เข้าไปหาแม่ก่อนเลย พ่อจะไปล็อกประตูรั้วด้วย”
“ครับ”
หลังจากขจรเข้าไปในบ้านเรียบร้อย ฝ่ายพ่อก็เดินไปปิดประตูรั้วแล้วย้อนกลับมาที่โรงรถเรียกเจ้าด่างให้มาหา
“แกเห็นเหมือนที่ฉันเห็นใช่ไหมไอ้ด่าง เฝ้าไว้ให้ดีนะรู้ไหม เจ้าที่เจ้าทางในบ้านก็ฝากเฝ้าด้วยนะครับ ผมไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในบ้าน”
สมบัติเอามือข้างหนึ่งลูบหัวไอ้ด่าง เงยหน้าพูดกับลมฟ้าอากาศหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องบ้านเรือนหลังนี้มาตั้งแต่ปลูกสร้างที่เขามองไม่เห็น จู่ๆ ก็มีบางอย่างทำให้เขาถึงกับขนแขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
“ด่าง อย่าเห่าอย่าขู่ พอแล้ว แต่เฝ้าไว้หน้าประตูนี่นะ ฉันจะเข้าบ้านแล้ว”
++++++++++++++++++++++++
“กินข้าวกินปลามาหรือยังจร แล้วนี่มายังไงไม่โทรมาบอกก่อน ?”
มารศรีแม่ของขจรถามขึ้นเห็นลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาใกล้ในครัว
“กินเรียบร้อยมาจากที่ปั๊มแล้วครับแม่ พอดีพรุ่งนี้ผมจะไปงานแต่งเพื่อนที่เขาใหญ่ครับ”
“อ้อ..เห็นพ่อบอกเราพาใครมาด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วอยู่ไหน ?”
ขจรชะงักมือขณะกำลังจะเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วน้ำยกขึ้นมาดื่มแล้วตอบกลับ”พ่อตาฝาดน่ะครับแม่”
“จร รถเพิ่งซื้อวันนี้แล้วขับมาเลยใช่ไหมลูก”
ผู้เป็นบิดาเดินตามมาในครัว
“ครับ ทำเรื่องเสร็จก็ขับมาหาพ่อกับแม่เลยครับ พรุ่งนี้ว่าจะพาไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยเลยครับ ผมต้องไปงานแต่งงานเพื่อนพอดี”
“พ่อว่าอย่าเพิ่งเอารถคันนี้ไปเลย เอารถพ่อไปใช้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะเอาไปให้หลวงลุงที่วัดเจิมให้ก่อน”
“ไม่มีอะไรมั้งครับพ่อ รถคันนี้ไม่ใช่ป้ายแดงนะครับ คงไม่ต้องเจิม”
“เชื่อพ่อเขาหน่อยก็ดีนะลูก เอารถพ่อไปแหละดีแล้ว”
“พ่อกับแม่คิดมากกันไปเอง แต่เอาตามนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำ หาชุดจะใส่ไปงานพรุ่งนี้เลยนะครับ”
เขาเลือกตามใจเพราะไม่อยากทำให้ท่านทั้งสองเป็นกังวลและเป็นห่วง เดินออกจากห้องครัวขึ้นบ้านไปยังห้องนอนของตัวเอง
++++++++++++++++++++++++
ขจรพยายามเพ่งมองว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างรอบตัวมืดไปหมดจึงรู้ว่าเป็นเวลากลางคืน เมื่อสายตาปรับแสงยามราตรีได้ดีขึ้น จึงเห็นชัดเจน ว่าตัวเองกำลังอยู่ในป่า มีแต่ต้นไม้เป็นเงาตะคุ่มคลุมไปทั่วบริเวณ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
เสียงแผ่วเบาเย็นยะเยือกปนมากับเสียงร้องไห้ กระทบหูของขจร ทำให้เขาต้องยืนนิ่งเงี่ยหูฟัง
“นั่นใคร คุณอยู่ที่ไหน ?”
“คุณใช่ไหม คุณเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ ?”
ขจรหมุนตัวเองไปรอบทิศทางหวังจะเจอเจ้าของเสียงนั้น พยายามเพ่งมอง เห็นเงาใครบางคนคล้ายหันหลังให้ยืนก้มหน้าร้องไห้ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหารู้สึกอุ่นใจที่ยังมีเพื่อนอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน
“อย่าเพิ่งไปคุณ อย่าเพิ่งไป คุณรู้ไหมว่าเราอยู่ที่ไหน ?”
ยังเดินตามร่างนั้นไป แต่เธอกลับเดินห่างออกไปโดยไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้ จนมาเจอทางเดินเท้าเล็กๆ เห็นได้จากไม่มีหญ้าปกคลุมตรงที่เขาเหยียบ
“หายไปไหนแล้ว ? ทำไมเดินเร็วจัง ?”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
เดินหมุนเคว้งพยายามสอดส่ายสายตาตามหาร่างนั่นให้เจอ เสียงเล็กแหลม เย็นยะเยือกชวนขนลุกดังขึ้นอีกทางด้านหลัง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
“คุณ คุณเป็นอะไร เรียกให้ช่วยแล้วเดินหนีผมทำไมครับ ?”
เห็นทางด้านหลังเธอไวๆ รีบเดินตามจนมาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งเป็นบึงกว้าง ร่างนั้นค่อยๆ เดินลงน้ำไปช้าๆ โดยไม่ได้หันมามองดูขจร
“เฮ้ คุณอย่าลงไป มันอันตราย”
วิ่งตามลงไปหวังจะห้ามได้ทัน ทว่าร่างนั้นกลับไม่กลัวความตายที่รอคอยอยู่ตรงหน้า เดินลงน้ำลึกลงไป ลึกลงไป เหลือเพียงส่วนหัวที่โผล่พ้นเหนือน้ำ เธอยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายกำลังรอคอยขจรให้มาช่วยเหลือ
“เฮ้ คุณอย่าทำแบบนั้นสิครับ มันอันตราย รีบขึ้นมาเถอะ”
ขจรตะโกนไปสุดเสียง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยหนูด้วย”
รีบเดินตามก้าวลงไปในน้ำจนใกล้จะถึงตัวเธอเพียงอีกไม่กี่ก้าว เธอยังพูดประโยคเดิม คราวนี้แจ่มชัดมากขึ้นหากทว่าทำไมน้ำเสียงมันเย็นจนเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมมันน่ากลัว
“ช่วยด้วย เอาหนูขึ้นไปที หนูหนาวเหลือเกิน”
“เดี๋ยวผมไปรับคุณขึ้นมาเอง อย่าขยับนะครับ
ไม่...ไม่...อย่าครับ อย่า...ไม่ ...อย่า...”
ไม่ทันพูดจบประโยค ร่างของเธอที่แม้แต่หน้าตาหรือชื่อก็ไม่รู้จักได้จมหายลงไปในแม่น้ำ เหลือเพียงคลื่นน้ำแตกกระจายเหนือน้ำอยู่เบื้องหน้า
“ไม่..ไม่..คุณอย่าทำแบบนี้นะครับ..ไม่..ไม่”
ตะโกนดังลั่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ตัดสินใจดำน้ำลงไปหวังจะหาตัวของเธอเจอและช่วยเหลือเธอได้ทัน
“ไม่นะ..ไม่..เธอต้องอยู่ตรงนี้สิ ทำไมหาไม่เจอ..”
ตัดสินใจดำน้ำลงไปอีกครั้ง คราวนี้เห็นบางสิ่งบางอย่างนอนแน่นิ่งอยู่พื้นน้ำ รีบว่ายเข้าไปใกล้ แต่แล้วร่างที่เขาเห็น ซีดเผือดตามตัวมีแต่เลือดสีแดงสดเต็มตัวไปหมด จนทำให้เขาตกใจ
“ไม่..ไม่..ไม่..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
++++++++++++++++++++++++++++
“จร ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าลูก จร จร ?”
สมบัติและมารศรีพยายามปลุกขจรให้ตื่น เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงร้องเอะโวยวายของขจรบอก อย่าลงไป อย่าไป จึงพากันมายังห้องนอนของลูกชาย จึงได้รู้ว่า ขจรน่าจะฝันไป ดิ้นไปดินมาอยู่บนเตียงแต่ไม่ยอมลืมตา
“พ่อ..แม่..นี่ผมฝันไปหรือครับนี่ ?”
“ใช่ลูกฝันไป เป็นอะไรหรือเปล่า ?”
“มันเหมือนจริงมากครับ ผมจำทุกอย่างในความฝันได้”
(มีต่อครับ) ^^
💀👁😯THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#70 Week#18, 26-31 ตุลาคม/ รถยนต์มือสอง - ถุงมือโชเฟอร์😯👁💀
เรื่องเกี่ยวกับ ของเก่า ของมือสองที่ประกาศขาย มีเรื่องเล่ามากมายซึ่งมีคนมาเล่าในรายการเล่าเรื่องผีอย่างเช่น THE SHOCK ของคุณป๋อง กพล ทองพลับ หรือรายการ THE GHOST RADIO ของคุณแจ็ค สายสิญจน์ วัชรพล ฝึกใจดี เป็นต้น แต่ละเรื่องในรายการดังกล่าวก็น่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว
ลองมาสัมผัสเรื่องนี้ดูครับ ว่าจะขนพองสยองเกล้า สักเพียงใด... ^^
ขายด่วน รถมือเดียว เจ้าของขายเอง จอดในร่มตลอด
รถบ้านเจ้าของขายเอง ยี่ห้อXXX 1.5 Turbo ปี 2018 เกียร์ออโต้
เบาะหนัง ล้อแม็ก เพิ่งต่อภาษี ไม่เคยชนหนัก ขายเพราะไม่ได้ใช้ จอด 90%
สนใจสอบถาม โทร.คุณเก่ง 081xxxxxxx
ขายขาดทุน 650000 บาท (ห้ามต่อราคา...ร้อนเงิน)
****************************************************************************************
“สวัสดีครับ ใช่คุณเก่งที่ลงประกาศขายรถยนต์ ไหมครับ ?”
“ใช่ครับ สนใจมาดูรถได้เลย แต่ว่าคุณต้องรีบมาหน่อยนะ ถ้าคนอื่นโทรมาแล้วมาดูก่อนคุณซื้อเลย โทษผมไม่ได้นะครับ”
“เป็นรถมือเดียวใช่ไหมครับ ?”
“ผมขับคนเดียว พอดีผมร้อนเงินนิดหน่อย ว่าจะขายเอาเงินก้อน ความจริงผมก็ไม่อยากขายนะครับ ผมรักรถคันนี้มาก” เสียงปลายสายฟังดูอาลัยอาวรณ์
“ผมชื่อขจรครับ ถ้างั้นเดี๋ยวอีกสองวันผมโทรไปนัดดูรถนะครับ”
“ได้พี่ ถ้าผมไม่ขายมันไปเสียก่อนนะ”
น้ำเสียงตอบกลับมาฟังดูแห้งแล้งไม่สนใจ ตัดสายทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย
“อะไรวะ คุยยังไม่ทันจบวางไปแล้ว ไม่ง้อลูกค้าเลย หรือมันคิดว่ายังไงก็ขายคนอื่นได้ เออใช่ เกิดมีคนมาซื้อตัดหน้าล่ะ รถยังดูดีอยู่เลย ถ้าปล่อยไปคงเสียดาย และถ้าไปซื้อตามเต็นท์รถมือสองก็ไม่มีทางได้ราคานี้ แพงกว่าเท่าตัวแน่นอน เอาวะ ไปดูมันวันนี้เลยแล้วกัน”
...................................................
“คุณเก่ง ผมขจรนะ เดี๋ยวผมไปดูวันนี้เลยดีกว่า ตอนนี้รถจอดไว้ที่ไหนครับ ?”
“จอดไว้ที่บ้าน ถ้าคุณจะดูรถก็มาดูได้เลยครับ”
เก่งตอบกลับไป คลี่ยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตามีประกายแอบแฝงบางอย่าง
ในที่สุด ขจรตัดสินใจซื้อรถคันดังกล่าวเมื่อมาดูรถเรียบร้อย เหมือนมีบางอย่างดลใจให้เขาต้องซื้อภายในวันนี้ให้ได้ ถึงขั้นทำการโอนรถลอย เพราะนายเก่งได้จัดเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยพร้อมสำหรับการซื้อขาย เพียงแค่โอนเงินสดเข้าบัญชี ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย
“เรียบร้อยนะครับ งั้นผมขอตัวเลย คงต้องแวะเติมน้ำมันหน่อย ว่าจะขับไปหาแม่แล้วก็เลยไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างจังหวัดพอดี”
ยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้รถยนต์ราคาหลักล้านแต่ซื้อในราคาหลักแสน นึกในใจ ถ้าซื้อป้ายแดงราคาเป็นล้านนี่ มือสองไม่กี่ปีลดลงมาเกือบครึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว สงสัยเจ้าของจะร้อนเงินจริงๆ
“โชคดี เดินทางปลอดภัยครับ”
เก่งกล่าวอวยพรยืนอยู่นอกรถลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกภาวนาขอให้เจ้าของรถคนใหม่ขับรถยนต์คันนี้ออกไปจากบริเวณบ้านของตัวเองโดยเร็ว
“ขอบคุณครับ” ปิดประตูขับรถยนต์ที่ตัวเองกลายเป็นเจ้าของตรงไปออกสู่ถนนใหญ่ หากขจรเฉลียวใจหรือมองดูนายเก่งผ่านกระจกรถมองข้างสักนิด อาจถึงกับต้องจอดรถถอยกลับมาแล้วเปลี่ยนใจไม่ซื้อก็เป็นได้ เป็นเพราะนายเก่งแสดงท่าทีดีใจจนออกนอกหน้าเกินเหตุนั่นเอง
ขจรตัดสินใจขับรถยนต์คันดังกล่าวกลับไปหาพ่อกับแม่ที่สระบุรีทันที คิดไว้ว่าไปนอนที่บ้านคืนหนึ่งก่อนแล้วพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปเขาใหญ่งานแต่งงานของเพื่อนในตอนสาย ระหว่างทางแวะเข้าปั๊มน้ำมัน และตัดสินใจทานอาหารเย็น ในร้านอาหารภายในปั๊มจะได้ไม่รบกวนมารดา
“ขอบคุณครับ”
“เอ่อ..แก้วเดียวพอครับ ผมมาคนเดียว”
เงยหน้าบอกพนักเสิร์ฟซึ่งทำท่าจะวางแก้วน้ำเปล่าอีกใบลงตรงข้ามกับโต๊ะที่เขานั่งอยู่
“อ้อ..เอ่อ..ค่ะ”
“ผมขอบะหมี่เป็นตุ๋นชามเดียวก็แล้วกันครับ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
ตลอดเวลาขจรนั่งทานอาหารอยู่ เขาสังเกตเห็นพนักงานภายในร้านแอบจับกลุ่มคุยกันแล้วลอบมองมาทางเขาบ่อยครั้ง ขจรอมยิ้มคิดว่าเด็กเหล่านั้นคงจะสนใจในตัวเขา หากเทียบเรื่องหน้าตาเขาก็ยอมรับว่าตัวเขาเองหล่อเหลาคมเข้มไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาขจรขับรถเข้ามาจอดหน้าประตูรั้วบ้าน เสียงของไอ้ด่างหมาสายพันธ์ไทยทั่วไปที่พ่อกับแม่เลี้ยงไว้เห่ามาที่รถยนต์ของขจรตลอดเวลา จนเขาต้องรีบเปิดประตูรถออกมาห้ามปรามทำเสียงดุใส่มันถึงได้เงียบเสียงเบาลงแต่ยังมีครางอยู่ในลำคอ
“อ้าวจรเองเหรอลูก แล้วนั่นมากับใคร ? เอารถใครมาขับ ?”
สมบัติผู้เป็นพ่อเดินมาเปิดประตูรั้วให้ลูกชาย
“สวัสดีครับพ่อ รถผมเองเพิ่งซื้อวันนี้ มือสองครับ”
“มันแพงมากเลยนะ ไปขยับเอามาจอดในโรงรถไป ยังมีที่ว่าง”
“ไม่แพงครับพ่อ หกแสนห้าเอง ถ้าซื้อใหม่ก็ล้านสามกว่า มือสองแค่ 2 ปีเองครับ เจ้าของเขาร้อนเงินเลยรีบขายขาดทุนบอกจะเอาเงินไวๆ ”
“อ้อ..แล้วคันที่ใช้อยู่ล่ะ ขายไปแล้วเหรอ เดี๋ยวค่อยไปคุยในบ้าน ไปเลื่อนรถมาก่อนไป”
“ครับ”
ขจรขับรถมาจอดในโรงรถยังเหลือที่ว่างให้จอดได้อีกหนึ่งคันเสร็จเรียบร้อย เดินกลับมาชวนบิดาเข้าบ้าน
“พ่อเข้าบ้านครับ แม่ทำอะไรอยู่เหรอครับ ?” เห็น จดๆ จ้องๆ อยู่ที่รถของเขา ก่อนจะถามต่อ “มีอะไรครับพ่อ ?”
“อึม..สงสัยพ่อจะตาฝาด เมื่อกี้เหมือนเห็นมีใครนั่งอยู่หน้ารถมาด้วย ก็นึกว่าพาแฟนมาให้พ่อกับแม่รู้จัก”
“พ่อตาฝาดแหละครับ”
“เข้าไปหาแม่เถอะ เดี๋ยวพ่อจัดการกับไอ้ด่างก่อน มันเป็นอะไรกับรถใหม่น่ะ เดินวนรอบแถมทำเสียงขู่อยู่ตลอดเวลา ดูมันแปลกๆ”
“มันอาจจะได้กลิ่นพวกเดียวกันไหมครับ เจ้าของรถคนเดิมเขาก็มีหมาเหมือนกัน”
“ก็มีส่วนนะ เข้าไปหาแม่ก่อนเลย พ่อจะไปล็อกประตูรั้วด้วย”
“ครับ”
หลังจากขจรเข้าไปในบ้านเรียบร้อย ฝ่ายพ่อก็เดินไปปิดประตูรั้วแล้วย้อนกลับมาที่โรงรถเรียกเจ้าด่างให้มาหา
“แกเห็นเหมือนที่ฉันเห็นใช่ไหมไอ้ด่าง เฝ้าไว้ให้ดีนะรู้ไหม เจ้าที่เจ้าทางในบ้านก็ฝากเฝ้าด้วยนะครับ ผมไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในบ้าน”
สมบัติเอามือข้างหนึ่งลูบหัวไอ้ด่าง เงยหน้าพูดกับลมฟ้าอากาศหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องบ้านเรือนหลังนี้มาตั้งแต่ปลูกสร้างที่เขามองไม่เห็น จู่ๆ ก็มีบางอย่างทำให้เขาถึงกับขนแขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
“ด่าง อย่าเห่าอย่าขู่ พอแล้ว แต่เฝ้าไว้หน้าประตูนี่นะ ฉันจะเข้าบ้านแล้ว”
++++++++++++++++++++++++
“กินข้าวกินปลามาหรือยังจร แล้วนี่มายังไงไม่โทรมาบอกก่อน ?”
มารศรีแม่ของขจรถามขึ้นเห็นลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาใกล้ในครัว
“กินเรียบร้อยมาจากที่ปั๊มแล้วครับแม่ พอดีพรุ่งนี้ผมจะไปงานแต่งเพื่อนที่เขาใหญ่ครับ”
“อ้อ..เห็นพ่อบอกเราพาใครมาด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วอยู่ไหน ?”
ขจรชะงักมือขณะกำลังจะเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วน้ำยกขึ้นมาดื่มแล้วตอบกลับ”พ่อตาฝาดน่ะครับแม่”
“จร รถเพิ่งซื้อวันนี้แล้วขับมาเลยใช่ไหมลูก”
ผู้เป็นบิดาเดินตามมาในครัว
“ครับ ทำเรื่องเสร็จก็ขับมาหาพ่อกับแม่เลยครับ พรุ่งนี้ว่าจะพาไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยเลยครับ ผมต้องไปงานแต่งงานเพื่อนพอดี”
“พ่อว่าอย่าเพิ่งเอารถคันนี้ไปเลย เอารถพ่อไปใช้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะเอาไปให้หลวงลุงที่วัดเจิมให้ก่อน”
“ไม่มีอะไรมั้งครับพ่อ รถคันนี้ไม่ใช่ป้ายแดงนะครับ คงไม่ต้องเจิม”
“เชื่อพ่อเขาหน่อยก็ดีนะลูก เอารถพ่อไปแหละดีแล้ว”
“พ่อกับแม่คิดมากกันไปเอง แต่เอาตามนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำ หาชุดจะใส่ไปงานพรุ่งนี้เลยนะครับ”
เขาเลือกตามใจเพราะไม่อยากทำให้ท่านทั้งสองเป็นกังวลและเป็นห่วง เดินออกจากห้องครัวขึ้นบ้านไปยังห้องนอนของตัวเอง
++++++++++++++++++++++++
ขจรพยายามเพ่งมองว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างรอบตัวมืดไปหมดจึงรู้ว่าเป็นเวลากลางคืน เมื่อสายตาปรับแสงยามราตรีได้ดีขึ้น จึงเห็นชัดเจน ว่าตัวเองกำลังอยู่ในป่า มีแต่ต้นไม้เป็นเงาตะคุ่มคลุมไปทั่วบริเวณ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
เสียงแผ่วเบาเย็นยะเยือกปนมากับเสียงร้องไห้ กระทบหูของขจร ทำให้เขาต้องยืนนิ่งเงี่ยหูฟัง
“นั่นใคร คุณอยู่ที่ไหน ?”
“คุณใช่ไหม คุณเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ ?”
ขจรหมุนตัวเองไปรอบทิศทางหวังจะเจอเจ้าของเสียงนั้น พยายามเพ่งมอง เห็นเงาใครบางคนคล้ายหันหลังให้ยืนก้มหน้าร้องไห้ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหารู้สึกอุ่นใจที่ยังมีเพื่อนอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน
“อย่าเพิ่งไปคุณ อย่าเพิ่งไป คุณรู้ไหมว่าเราอยู่ที่ไหน ?”
ยังเดินตามร่างนั้นไป แต่เธอกลับเดินห่างออกไปโดยไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้ จนมาเจอทางเดินเท้าเล็กๆ เห็นได้จากไม่มีหญ้าปกคลุมตรงที่เขาเหยียบ
“หายไปไหนแล้ว ? ทำไมเดินเร็วจัง ?”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
เดินหมุนเคว้งพยายามสอดส่ายสายตาตามหาร่างนั่นให้เจอ เสียงเล็กแหลม เย็นยะเยือกชวนขนลุกดังขึ้นอีกทางด้านหลัง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยด้วย”
“คุณ คุณเป็นอะไร เรียกให้ช่วยแล้วเดินหนีผมทำไมครับ ?”
เห็นทางด้านหลังเธอไวๆ รีบเดินตามจนมาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งเป็นบึงกว้าง ร่างนั้นค่อยๆ เดินลงน้ำไปช้าๆ โดยไม่ได้หันมามองดูขจร
“เฮ้ คุณอย่าลงไป มันอันตราย”
วิ่งตามลงไปหวังจะห้ามได้ทัน ทว่าร่างนั้นกลับไม่กลัวความตายที่รอคอยอยู่ตรงหน้า เดินลงน้ำลึกลงไป ลึกลงไป เหลือเพียงส่วนหัวที่โผล่พ้นเหนือน้ำ เธอยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายกำลังรอคอยขจรให้มาช่วยเหลือ
“เฮ้ คุณอย่าทำแบบนั้นสิครับ มันอันตราย รีบขึ้นมาเถอะ”
ขจรตะโกนไปสุดเสียง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย หนาวเหลือเกิน ช่วยหนูด้วย”
รีบเดินตามก้าวลงไปในน้ำจนใกล้จะถึงตัวเธอเพียงอีกไม่กี่ก้าว เธอยังพูดประโยคเดิม คราวนี้แจ่มชัดมากขึ้นหากทว่าทำไมน้ำเสียงมันเย็นจนเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมมันน่ากลัว
“ช่วยด้วย เอาหนูขึ้นไปที หนูหนาวเหลือเกิน”
“เดี๋ยวผมไปรับคุณขึ้นมาเอง อย่าขยับนะครับ ไม่...ไม่...อย่าครับ อย่า...ไม่ ...อย่า...”
ไม่ทันพูดจบประโยค ร่างของเธอที่แม้แต่หน้าตาหรือชื่อก็ไม่รู้จักได้จมหายลงไปในแม่น้ำ เหลือเพียงคลื่นน้ำแตกกระจายเหนือน้ำอยู่เบื้องหน้า
“ไม่..ไม่..คุณอย่าทำแบบนี้นะครับ..ไม่..ไม่”
ตะโกนดังลั่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ตัดสินใจดำน้ำลงไปหวังจะหาตัวของเธอเจอและช่วยเหลือเธอได้ทัน
“ไม่นะ..ไม่..เธอต้องอยู่ตรงนี้สิ ทำไมหาไม่เจอ..”
ตัดสินใจดำน้ำลงไปอีกครั้ง คราวนี้เห็นบางสิ่งบางอย่างนอนแน่นิ่งอยู่พื้นน้ำ รีบว่ายเข้าไปใกล้ แต่แล้วร่างที่เขาเห็น ซีดเผือดตามตัวมีแต่เลือดสีแดงสดเต็มตัวไปหมด จนทำให้เขาตกใจ
“ไม่..ไม่..ไม่..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
++++++++++++++++++++++++++++
“จร ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าลูก จร จร ?”
สมบัติและมารศรีพยายามปลุกขจรให้ตื่น เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงร้องเอะโวยวายของขจรบอก อย่าลงไป อย่าไป จึงพากันมายังห้องนอนของลูกชาย จึงได้รู้ว่า ขจรน่าจะฝันไป ดิ้นไปดินมาอยู่บนเตียงแต่ไม่ยอมลืมตา
“พ่อ..แม่..นี่ผมฝันไปหรือครับนี่ ?”
“ใช่ลูกฝันไป เป็นอะไรหรือเปล่า ?”
“มันเหมือนจริงมากครับ ผมจำทุกอย่างในความฝันได้”
(มีต่อครับ) ^^