คบกันมา 5 ปีกว่าแล้ว เริ่มคบกันตอนเรียนปี1 เป็นรักทางไกลนะคะ อยู่คนละประเทศกันค่ะ ตอนแรกๆทุกอย่างดูโอเค เค้ารับเราได้ ปล.ผู้เขียนเป็นคนอ้วน นน.100++ เค้าบอกว่าเราคือสเป้กเค้า แล้วปัญหาติดอยู่ที่ว่า เราอยู่แฟลตกับแม่และน้องชาย ซึ่งต้องนอนห้องเดียวกัน ปกติเราจะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็กๆแล้วไม่มีปัญหาอะไร พอเราเริ่มมีแฟน แฟนก็อยากให้เรามีห้องส่วนตัวของเราเอง เราเลยขอแม่ออกมาอยู่หอ ซึ่งเค้าก็โอเคกับมัน แต่เวลาน้องชายมาหา เค้าจะหงุดหงิดตลอดเวลา ประมาณว่าแยกออกมาอยู่คนเดียวแล้วจะตามมาอีกทำไม ซึ่งน้องก็ไม่ได้มาทุกวัน นานๆมาครั้ง หรือเวลามีงานด่วนก็มาช่วยกันทำงาน แฟนก็จะให้เปิดวีดีโอคอลไว้ตลอด ข้ามวันเลยก็มี เรารู้สึกได้ว่าน้องเราอึดอัด เวลาอยู่กับครอบครัวแม่ก็อึดอัดเพราะถูกมอง เเละไม่มีความเป็นส่วนตัวเวลาจะคุยกัน เค้าจะโมโหทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอกกับน้องชายหรือน้องชายมาหา บางครั้งเราก็ไปกับน้องกับแม่เค้าก็ตามจู้จี้ตลอด อยู่ไหน ทำอะไรกับใคร บางครั้งก็ต้องรายงานเกือบทุกๆชั่วโมง หรือทำอะไรอยู่ก็ต้องเปิดวีดีโอคอลไว้
ถ้าโทรมาเเล้วเราไม่ได้รับก็จะโโวยวายว่าทำอะไรทำไมไม่รับโทรศัพท์ ซึ่งบางครั้งเรายุ่งโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว พอเราเห็นสายไม่ได้รับเราก็โทรกลับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็โดนว่าเสียๆหายๆ ประมาณว่าพาผู้ชายมาห้องหรอ หรือไปทำอะไรเสียๆหายๆ พอเราอธิบายแต่เค้าไม่ค่อยจะรับฟังเหตุผลเราเลย จนกระทั่งเรารู้สึกว่าไม่ไหว มันเกินไป เพราะเวลาไปไหนเราก็บอก ไม่ใช่ต้องรายงานตลอด24ชั่วโมง เราวางแผนอนาคตกับเค้าตลอดว่าจบแล้วจะทำอะไร ทำงานหาเงิน ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน บลาๆๆ
พอมาถึงจุดนี้เราเริ่มเรียนปีสูงและทำงายพาร์ทไทม์ไปด้วย เวลาว่างน้อยลง เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น เวลาน้องชายมาหาเราก็ไม่อยากบอกแฟน เพราะแฟนหึงเกินไปมันจะทำให้บานปลายและทะเลาะกันทุกครั้ง เราค่อนข้างที่อึดอัดที่ต้องปิดบัง และบางครั้งก็ปิดบังไม่ได้ และมันค่อนข้างจะกระทบชีวิตการเรียนของเรา
ตอนนี้ถ้าถามว่ายังรักมั้ย ยังหวังอยู่มั้ย เรายังหวังอยู่ แม้มันจะน้อยนิดก็ตาม แต่ว่าเวลาที่เราใช้กับครอบครัวกลับน้อยลง เรารู้สึกว่าเราเห็นแก่ตัวมากๆ ที่มาอยู่คนเดียว โดยให้แม่กับน้องชายอยู่แฟลต และก็ไม่ค่อยได้ไปมาหากันบ่อยนัก ทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลกัน จากเมื่อก่อนเราไปทำกับข้าวกินกันทุกอาทิตย์ แต่ช่วงปีหลังๆแทบจะไม่ได้ไปเลย และแม่ก็ไม่ค่อยสบาย
ล่าสุดเมื่อวานนี้เราไปทอดกฐินกับแม่และน้องชายที่ต่างจังหวัด แล้วต้องนอนวัด เราก็เลยนอนกับแม่และน้องชาย ซึ่งพื้นที่เป็นศาลาโล่ง มีคนกางเต็นท์นอนกัน เราให้แม่นอนในเต็นท์ ส่วนเรากับน้องชายนอนข้างเต็นท์ในศาลา แฟนก็โมโหว่าทำไมไม่แยกกันนอน แบบต้องแยกพื้นที่ แยกห้องน้ำชายหญิงชัดเจน แล้วจะต้องมีหลักฐานไปยืนยันเค้าด้วย ซึ่งวัดที่เราไปอยู่บนภูเขา ความสะดวกสะบายไม่ค่อยมี ห้องน้ำรวม แล้วไปนอนก็แปปเดียว ตีหนึ่งถึงตีสามครึ่ง เพราะพระต้องทำวัตรเช้า ซึ่งก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะยุงเยอะ เหนื่อยจากการเดินทางเลยหลับไปโดยไม่ได้โทรบอกแฟนว่านอนยังไง อีกทีตอนเช้าเราก็ใส่บาตรเสร็จเลยส่งข้อความหาแฟน เค้าก็หงุดหงิดใส่เรา พลอยทำให้อารมณ์เสีย ซึ่งเรามาทำบุญ มาแจกของโรงทาน มาทำสิ่งดีๆ ซึ่งครอบครัวเราทำอย่างนี้มาเป็นเวลานานเเล้ว แต่แฟนเรากลับไม่ค่อยพอใจเวลาเราอยู่กับน้องชายหรือกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทำงาน ไปเที่ยวกับครอบครัว หรือแม้กระทั่งการทำงานกลุ่มกับเพื่อนผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ใช่คนชอบแต่งตัว ส่วนใหญ่จะแต่งง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้าแตะ ไม่แต่งหน้า เป็นคนลุยๆ ทำงานได้ทุกอย่าง เราคิดว่าแฟนเป็นแบบเดียวกับเราเพราะอย่างน้อยผู้ชายส่วนใหญ่จะสไตล์นี้ แต่แฟนเรากลับตรงข้ามกัน พอเริ่มรู้จักตัวตนเค้าไปมากเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกกลัวคนคนนี้ ถึงขั้นกับขู่จะฆ่าคนในครอบครัวเรา เพราะแย่งเวลาของเราไปจากเขา แล้วที่แน่ๆคือแฟนเคยมาที่บ้านแล้วครั้งนึงเมื่อปีที่แล้ว เราเลยกลัวว่าถ้าจะแยกทางกัน แฟนจะตามมาราวีต่อไปมั้ย แล้วเราควรจะทำยังไง ใจเราตอนนี้อยากอยู่คนเดียวแล้ว หลังจากที่เคยเชื่อว่ารักแท้มันจะมีโอกาสเกิดกับเราได้บ้าง แล้วเราก็คาดหวังจะให้มันเป็นแบบนั้น ถึงขั้นยอมว่าไม่ต้องให้แฟนทำงานแต่ดูแลบ้านให้แล้วเราจะทำงานหาเงินเอง เพราะแฟนไม่ได้เรียนมหาลัย และเป็นโรคลมชัก เราสงสารเค้า อยากดูแลทุกอย่าง แต่ตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เราคิดมันจะเป็นอย่างนั้นมั้ย มันเริ่มจะเกินขอบเขตไปแล้ว เราเริ่มปลงแล้วค่ะ
ปล.เราเคยเป็นซึมเศร้าตอนปีสอง เกือบฆ่าตัวตาย แต่กลับมาคอนโทรลตัวเองได้ แต่ไม่ได้ไปหาหมอ กลัวจะกลับไปเป็นอีกถ้าแฟนยังเป็นแบบนี้
สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับแฟนค่ะ
ถ้าโทรมาเเล้วเราไม่ได้รับก็จะโโวยวายว่าทำอะไรทำไมไม่รับโทรศัพท์ ซึ่งบางครั้งเรายุ่งโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว พอเราเห็นสายไม่ได้รับเราก็โทรกลับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็โดนว่าเสียๆหายๆ ประมาณว่าพาผู้ชายมาห้องหรอ หรือไปทำอะไรเสียๆหายๆ พอเราอธิบายแต่เค้าไม่ค่อยจะรับฟังเหตุผลเราเลย จนกระทั่งเรารู้สึกว่าไม่ไหว มันเกินไป เพราะเวลาไปไหนเราก็บอก ไม่ใช่ต้องรายงานตลอด24ชั่วโมง เราวางแผนอนาคตกับเค้าตลอดว่าจบแล้วจะทำอะไร ทำงานหาเงิน ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน บลาๆๆ
พอมาถึงจุดนี้เราเริ่มเรียนปีสูงและทำงายพาร์ทไทม์ไปด้วย เวลาว่างน้อยลง เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น เวลาน้องชายมาหาเราก็ไม่อยากบอกแฟน เพราะแฟนหึงเกินไปมันจะทำให้บานปลายและทะเลาะกันทุกครั้ง เราค่อนข้างที่อึดอัดที่ต้องปิดบัง และบางครั้งก็ปิดบังไม่ได้ และมันค่อนข้างจะกระทบชีวิตการเรียนของเรา
ตอนนี้ถ้าถามว่ายังรักมั้ย ยังหวังอยู่มั้ย เรายังหวังอยู่ แม้มันจะน้อยนิดก็ตาม แต่ว่าเวลาที่เราใช้กับครอบครัวกลับน้อยลง เรารู้สึกว่าเราเห็นแก่ตัวมากๆ ที่มาอยู่คนเดียว โดยให้แม่กับน้องชายอยู่แฟลต และก็ไม่ค่อยได้ไปมาหากันบ่อยนัก ทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลกัน จากเมื่อก่อนเราไปทำกับข้าวกินกันทุกอาทิตย์ แต่ช่วงปีหลังๆแทบจะไม่ได้ไปเลย และแม่ก็ไม่ค่อยสบาย
ล่าสุดเมื่อวานนี้เราไปทอดกฐินกับแม่และน้องชายที่ต่างจังหวัด แล้วต้องนอนวัด เราก็เลยนอนกับแม่และน้องชาย ซึ่งพื้นที่เป็นศาลาโล่ง มีคนกางเต็นท์นอนกัน เราให้แม่นอนในเต็นท์ ส่วนเรากับน้องชายนอนข้างเต็นท์ในศาลา แฟนก็โมโหว่าทำไมไม่แยกกันนอน แบบต้องแยกพื้นที่ แยกห้องน้ำชายหญิงชัดเจน แล้วจะต้องมีหลักฐานไปยืนยันเค้าด้วย ซึ่งวัดที่เราไปอยู่บนภูเขา ความสะดวกสะบายไม่ค่อยมี ห้องน้ำรวม แล้วไปนอนก็แปปเดียว ตีหนึ่งถึงตีสามครึ่ง เพราะพระต้องทำวัตรเช้า ซึ่งก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะยุงเยอะ เหนื่อยจากการเดินทางเลยหลับไปโดยไม่ได้โทรบอกแฟนว่านอนยังไง อีกทีตอนเช้าเราก็ใส่บาตรเสร็จเลยส่งข้อความหาแฟน เค้าก็หงุดหงิดใส่เรา พลอยทำให้อารมณ์เสีย ซึ่งเรามาทำบุญ มาแจกของโรงทาน มาทำสิ่งดีๆ ซึ่งครอบครัวเราทำอย่างนี้มาเป็นเวลานานเเล้ว แต่แฟนเรากลับไม่ค่อยพอใจเวลาเราอยู่กับน้องชายหรือกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทำงาน ไปเที่ยวกับครอบครัว หรือแม้กระทั่งการทำงานกลุ่มกับเพื่อนผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ใช่คนชอบแต่งตัว ส่วนใหญ่จะแต่งง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้าแตะ ไม่แต่งหน้า เป็นคนลุยๆ ทำงานได้ทุกอย่าง เราคิดว่าแฟนเป็นแบบเดียวกับเราเพราะอย่างน้อยผู้ชายส่วนใหญ่จะสไตล์นี้ แต่แฟนเรากลับตรงข้ามกัน พอเริ่มรู้จักตัวตนเค้าไปมากเท่าไหร่ เรายิ่งรู้สึกกลัวคนคนนี้ ถึงขั้นกับขู่จะฆ่าคนในครอบครัวเรา เพราะแย่งเวลาของเราไปจากเขา แล้วที่แน่ๆคือแฟนเคยมาที่บ้านแล้วครั้งนึงเมื่อปีที่แล้ว เราเลยกลัวว่าถ้าจะแยกทางกัน แฟนจะตามมาราวีต่อไปมั้ย แล้วเราควรจะทำยังไง ใจเราตอนนี้อยากอยู่คนเดียวแล้ว หลังจากที่เคยเชื่อว่ารักแท้มันจะมีโอกาสเกิดกับเราได้บ้าง แล้วเราก็คาดหวังจะให้มันเป็นแบบนั้น ถึงขั้นยอมว่าไม่ต้องให้แฟนทำงานแต่ดูแลบ้านให้แล้วเราจะทำงานหาเงินเอง เพราะแฟนไม่ได้เรียนมหาลัย และเป็นโรคลมชัก เราสงสารเค้า อยากดูแลทุกอย่าง แต่ตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เราคิดมันจะเป็นอย่างนั้นมั้ย มันเริ่มจะเกินขอบเขตไปแล้ว เราเริ่มปลงแล้วค่ะ
ปล.เราเคยเป็นซึมเศร้าตอนปีสอง เกือบฆ่าตัวตาย แต่กลับมาคอนโทรลตัวเองได้ แต่ไม่ได้ไปหาหมอ กลัวจะกลับไปเป็นอีกถ้าแฟนยังเป็นแบบนี้