เรือสำรวจสัญชาติเยอรมัน Polarstern (ต่อจากนี้ขอเรียกว่า RVP) ถูกส่งไปสำรวจทะเลน้ำแข็งที่มหามุทรอาร์กติก คณะสำรวจพบว่าทะเลน้ำแข็งอันเลื่องชื่อและมีความสำคัญทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวมีพื้นที่หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และมีความหนาของชั้นน้ำแข็งที่บางอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือนี่คือจุดจบของทะเลน้ำแข็งอาร์กติก
มาทำความรู้จักกับมหาสมุทรอาร์กติกและทะเลน้ำแข็ง
มหาสมุทรอาร์กติกเป็นมหาสมุทรที่อยู่บริเวณซีกโลกเหนือ เป็นมหาสมุทรที่เล็กที่สุดและตื้นที่สุดในบรรดามหาสมุทรต่าง ๆ ทั่วโลก (มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 กิโลเมตร โดยที่จุดที่ลึกที่สุดประมาณ 5.5 กิโลเมตร) บางส่วนของมหาสมุทรอาร์กติกถูกปกคลุมด้วยทะเลน้ำแข็งตลอดทั้งปีครับ
ในฤดูกาลต่างๆ ทะเลน้ำแข็งจะมีการละลายเป็นน้ำหรือแข็งตัวเป็นน้ำแข็งซึ่งปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลที่เกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าวจะส่งผลเป็นอย่างมากต่อความเค็มในมหาสมุทรซึ่งกระทบโดยตรงกับระบบนิเวศในอาณาเขตดังกล่าวครับ
การสำรวจสภาพของทะเลอาร์กติกและอุปสรรคระหว่างการเดินทาง
เรือ RVP ได้ออกจากท่าเรือที่ประเทศนอร์เวย์เมื่อปี 2019 ภายใต้โครงการศึกษาสภาพอากาศอาร์กติก (MOSAiC) โดยการสำรวจมีเป้าหมายสำคัญเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของมหาสมุทรอาร์กติก
การเดินทางครั้งนี้ใช้เงินลงทุนถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผู้เข้าร่วมการสำรวจซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิจัยหลายร้อยชีวิต ครับ RVP ได้ทอดสมอและฝังตัวบนแผ่นน้ำแข็งบริเวณไซบีเรียเพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของแผ่นน้ำแข็งไปด้วยครับ
เนื่องจากคฯสำรวจออกเดินทางปลายปี 2019 จึงต้องโดนผลกระทบของ COVID-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ว่าเหล่านักวิจัยจะอยู่บนเรือสำรวจจึงไม่มีผู้ใดเจ็บป่วยจาก COVID-19 แต่ผลกระทบของ COVID-19 ทำให้การส่งของหรือการเปลี่ยนตัวของนักวิจัยบนเรือสำรวจเป็นไปได้อย่างยากลำบากครับ นอกจาก COVID-19 แล้ว นักวิจัยก็ยังพบว่าพวกเขาโดนกลั่นแกล้งโดยหมีขาวขั้วโลกที่มีความสงสัยกับอุปกรณ์ของพวกเขาครับ
ผลการศึกษาจากการสำรวจครั้งนี้
ศาสตราจารย์ Markus Rex หัวหน้าโครงสำรวจได้กล่าวว่าการสำรวจครั้งนี้ทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลและกลุ่มตัวอย่างมหาศาลครับ การวิจัยและศึกษาข้อมูลดังกล่าวจะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจและสามารถสร้าง model ไว้ทำนายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ละเอียดแม่นยำมากขึ้น
นอจากข่าวดีก็ยังมีข่าวร้ายมาก ๆ เมื่อผลการสำรวจได้แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังจะเผชิญหน้ากับวิกฤติโลกร้อนครับ ศาตรจารย์ Rex กล่าวว่าทะเลน้ำแข็งกำลังจะตาย ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของนักวิจัยท่านหนึ่งคือคุณ Alfred Wegner ที่กล่าวว่าทั้งบริเวณกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องมาจากนักสำรวจที่ล่องไปกับเรือครั้งนี้เป็นประจักพยานที่สำคัญที่เห็นว่าแผ่นน้ำแข็งที่หนาหลายเมตรในสมัยก่อนที่ควรจะพบได้ทั่วไปกลับหายไปอย่างไรร่องรอย
จากการสำรวจพบว่าแผ่นน้ำแข็งหดตัวเหลือเพียง 3.74 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบจากปี 2012 ซึ่งสามารถคิดเป็นอัตราการหดตัวที่ 13% ทุก 10 ปีครับ
แล้วทะเลน้ำแข็งมีความสำคัญกับสภาพแวดล้อมอย่างไร
นอกเหนือจากเรื่องความเค็มที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้น ทะเลน้ำแข็งยังช่วยเรื่องการรักษาอุณหภูมิของน้ำอีกด้วยครับ เนื่องจากทะเลน้ำแข็งมีความหนาแน่นเบากว่าน้ำมาก ดังนั้นมันจะลอยอยู่เหนือแผ่นน้ำ ทำหน้าที่เป็นฉนวนรักษาความร้อนให้กับมหาสมุทรที่อยู่ด้านล่างลงไปครับ นอกจากนี้ทะเลน้ำแข็งยังช่วยสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์กลับออกไปได้ถึง 60% อีกด้วยครับ
ท้ายที่สุดคงถึงเวลาแล้วนะครับ ที่ทุกคนร่วมมือกัน คนละเล็กละน้อยเพื่อให้โลกของเรานั้นยังหน้าอยู่เหมือนเดิมครับผม
ฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลดีๆ มาให้เรื่อยๆ นะครับผม
อวสานทะเลน้ำแข็งอาร์กติก!! เมื่อโลกร้อนทำทะเลน้ำแข็งละลาย
เรือสำรวจสัญชาติเยอรมัน Polarstern (ต่อจากนี้ขอเรียกว่า RVP) ถูกส่งไปสำรวจทะเลน้ำแข็งที่มหามุทรอาร์กติก คณะสำรวจพบว่าทะเลน้ำแข็งอันเลื่องชื่อและมีความสำคัญทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวมีพื้นที่หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และมีความหนาของชั้นน้ำแข็งที่บางอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือนี่คือจุดจบของทะเลน้ำแข็งอาร์กติก
มาทำความรู้จักกับมหาสมุทรอาร์กติกและทะเลน้ำแข็ง
มหาสมุทรอาร์กติกเป็นมหาสมุทรที่อยู่บริเวณซีกโลกเหนือ เป็นมหาสมุทรที่เล็กที่สุดและตื้นที่สุดในบรรดามหาสมุทรต่าง ๆ ทั่วโลก (มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1 กิโลเมตร โดยที่จุดที่ลึกที่สุดประมาณ 5.5 กิโลเมตร) บางส่วนของมหาสมุทรอาร์กติกถูกปกคลุมด้วยทะเลน้ำแข็งตลอดทั้งปีครับ
ในฤดูกาลต่างๆ ทะเลน้ำแข็งจะมีการละลายเป็นน้ำหรือแข็งตัวเป็นน้ำแข็งซึ่งปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลที่เกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าวจะส่งผลเป็นอย่างมากต่อความเค็มในมหาสมุทรซึ่งกระทบโดยตรงกับระบบนิเวศในอาณาเขตดังกล่าวครับ
การสำรวจสภาพของทะเลอาร์กติกและอุปสรรคระหว่างการเดินทาง
เรือ RVP ได้ออกจากท่าเรือที่ประเทศนอร์เวย์เมื่อปี 2019 ภายใต้โครงการศึกษาสภาพอากาศอาร์กติก (MOSAiC) โดยการสำรวจมีเป้าหมายสำคัญเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของมหาสมุทรอาร์กติก
การเดินทางครั้งนี้ใช้เงินลงทุนถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผู้เข้าร่วมการสำรวจซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิจัยหลายร้อยชีวิต ครับ RVP ได้ทอดสมอและฝังตัวบนแผ่นน้ำแข็งบริเวณไซบีเรียเพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของแผ่นน้ำแข็งไปด้วยครับ
เนื่องจากคฯสำรวจออกเดินทางปลายปี 2019 จึงต้องโดนผลกระทบของ COVID-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ว่าเหล่านักวิจัยจะอยู่บนเรือสำรวจจึงไม่มีผู้ใดเจ็บป่วยจาก COVID-19 แต่ผลกระทบของ COVID-19 ทำให้การส่งของหรือการเปลี่ยนตัวของนักวิจัยบนเรือสำรวจเป็นไปได้อย่างยากลำบากครับ นอกจาก COVID-19 แล้ว นักวิจัยก็ยังพบว่าพวกเขาโดนกลั่นแกล้งโดยหมีขาวขั้วโลกที่มีความสงสัยกับอุปกรณ์ของพวกเขาครับ
ผลการศึกษาจากการสำรวจครั้งนี้
ศาสตราจารย์ Markus Rex หัวหน้าโครงสำรวจได้กล่าวว่าการสำรวจครั้งนี้ทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลและกลุ่มตัวอย่างมหาศาลครับ การวิจัยและศึกษาข้อมูลดังกล่าวจะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจและสามารถสร้าง model ไว้ทำนายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ละเอียดแม่นยำมากขึ้น
นอจากข่าวดีก็ยังมีข่าวร้ายมาก ๆ เมื่อผลการสำรวจได้แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังจะเผชิญหน้ากับวิกฤติโลกร้อนครับ ศาตรจารย์ Rex กล่าวว่าทะเลน้ำแข็งกำลังจะตาย ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของนักวิจัยท่านหนึ่งคือคุณ Alfred Wegner ที่กล่าวว่าทั้งบริเวณกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องมาจากนักสำรวจที่ล่องไปกับเรือครั้งนี้เป็นประจักพยานที่สำคัญที่เห็นว่าแผ่นน้ำแข็งที่หนาหลายเมตรในสมัยก่อนที่ควรจะพบได้ทั่วไปกลับหายไปอย่างไรร่องรอย
จากการสำรวจพบว่าแผ่นน้ำแข็งหดตัวเหลือเพียง 3.74 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบจากปี 2012 ซึ่งสามารถคิดเป็นอัตราการหดตัวที่ 13% ทุก 10 ปีครับ
แล้วทะเลน้ำแข็งมีความสำคัญกับสภาพแวดล้อมอย่างไร
นอกเหนือจากเรื่องความเค็มที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้น ทะเลน้ำแข็งยังช่วยเรื่องการรักษาอุณหภูมิของน้ำอีกด้วยครับ เนื่องจากทะเลน้ำแข็งมีความหนาแน่นเบากว่าน้ำมาก ดังนั้นมันจะลอยอยู่เหนือแผ่นน้ำ ทำหน้าที่เป็นฉนวนรักษาความร้อนให้กับมหาสมุทรที่อยู่ด้านล่างลงไปครับ นอกจากนี้ทะเลน้ำแข็งยังช่วยสะท้อนรังสีจากดวงอาทิตย์กลับออกไปได้ถึง 60% อีกด้วยครับ
ท้ายที่สุดคงถึงเวลาแล้วนะครับ ที่ทุกคนร่วมมือกัน คนละเล็กละน้อยเพื่อให้โลกของเรานั้นยังหน้าอยู่เหมือนเดิมครับผม
ฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลดีๆ มาให้เรื่อยๆ นะครับผม