แบงก์ชาติปิดประตูเศรษฐกิจฟื้นปี’64 หวั่นม็อบซ้ำเติม เร่งวางแผนฟื้นระยะยาว 2 ปี
https://www.khaosod.co.th/economics/news_5149359
ผู้ว่าแบงก์ชาติปิดประตูเศรษฐกิจฟื้นปี’64 หวั่นม็อบซ้ำเติม เร่งวางแผนฟื้นระยะยาว 2 ปี - ชี้จะให้ระดับจีดีพีกลับมาก่อนโควิด-19 คงไม่เห็นจนกระทั่งไตรมาส 3/65 สื่อว่าเรื่องการฟื้นตัวไม่มาเร็ว
แบงก์ชาติปิดประตูศก.ฟื้น - นาย
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การขยายตัวเศรษฐกิจไทยจากนี้ไปติดลบทุกไตรมาส ต่อเนื่องถึงปี 2565 ที่ไตรมาสแรกยังติดลบ เป็นครั้งแรกที่จะเห็นรายไตรมาสเป็นบวกเทียบปี คือไตรมาส 2/2564 เศรษฐกิจฟื้นแต่จะฟื้นช้าๆ ยาวๆ โดยคาดว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเหลือ 6.7 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 40 ล้านคน รายรับหายไป 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัวหนักสุดในไตรมาส 2/2563
“จะให้ระดับจีดีพีกลับมาก่อนโควิด-19 คงไม่เห็นจนกระทั่งไตรมาส 3/2565 สื่อว่าเรื่องการฟื้นตัวไม่มาเร็ว ใช้เวลานาน และสุดท้ายการฟื้นตัวเหล่านี้จะมีความไม่แน่นอนสูงมาก”
ทั้งนี้ จะมีการระบาดรอบสองหรือไม่ วัคซีนมาเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจะมาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ แม้จะมีการประเมินได้เป็นการทั่วไป แต่คำถามยังไม่มีคำตอบชัดเจน ทำให้ความไม่แน่นอนมีอยู่สูงมาก ตรงนี้เป็นตัวถ่วงการฟื้นตัว ทำให้หลายกิจกรรมที่ควรเกิด ไม่เกิด ทุกคนอยู่ในโหมดรอคอย แต่จากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล บริบทประเทศได้เปลี่ยนไปอย่างน้อย 3 ด้าน ได้แก่
1. การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน
2. การฟื้นตัวใช้เวลานาน
และ 3. การฟื้นตัวมีความไม่แน่นอน
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ ได้ส่งผลต่อความไม่แน่นอนทางการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามใกล้ชิด ส่วนผลกระทบกับเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ต้องดูสถานการณ์ว่าลากยาวหรือไม่ แต่ที่จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน คือ ความเชื่อมั่น การบริโภค และท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ ธปท. ให้ความสำคัญที่สุด คือการจัดการปัญหา โดย ธปท. จะต้องเป็นที่พึ่งทางใจในด้านเศรษฐกิจ เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ
นาย
เศรษฐพุฒิ กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังจากนี้ ต้องเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นปูพรม มาเป็นตรงจุด แยกแยะระหว่างคนที่ถูกกระทบ และต้องมีความยืดหยุ่น เพราะว่าสถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง จึงต้องออกมาตรการที่ยืดหยุ่น และต้องครบวงจร ต้องมองข้างหน้า ระยะ 2 ปี เพราะการแก้ปัญหาใช้เวลานาน และเครื่องมือที่จะรองรับ 2 ปีหน้ามีอะไรบ้าง โจทย์ไม่ใช่แค่การพักชำระหนี้ แต่หลังจากนั้นต้องทำอย่างไรให้กระบวนการปรับโครงสร้างมันดี และต้องดูว่าเมื่อปรับโครงสร้างหนี้ ท้ายที่สุดจะต้องมีหนี้เสีย เราจะจัดการกับส่วนนี้อย่างไร
ทั้งนี้ ในฐานะที่เข้ามาเป็นผู้ว่าการ ธปท. ได้วางโจทย์สำคัญ 5 เรื่อง คือ
1. แก้วิกฤตหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านพ้นวิกฤต และฟื้นตัวได้
2. รักษาเสถียรภาพระบบการเงิน เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ
3. รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ให้โครงสร้างเศรษฐกิจการเงินไทยรองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้วิกฤตโควิด-19
และได้เน้นย้ำในข้อที่ 4. คือการสร้างความเชื่อมั่นของสาธารณชน ว่า ธปท. จะเป็นหนึ่งในองค์กรที่ประชาชนเชื่อมั่นที่สุด ภายใต้แนวคิด คิดรอบ ตอบได้
และ 5. พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ธปท. ที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
ฝั่งธนฯจัดเต็ม! 'ปิ่นเกล้า' เปิด 2 วงปราศรัย สลิ่มกลับใจร่วมด้วย จวกปมปิดปากสื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2404987
ฝั่งธนฯจัดเต็ม! ‘ปิ่นเกล้า’ เปิด 2 วงปราศรัย สลิ่มกลับใจร่วมด้วย จวกปมปิดปากสื่อ
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม ที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้มีการจัดกิจกรรม “
ชาวฝั่งธนจะไม่ทน [เผล่ะจัง] ” โดยภายในการจัดกิจกรรมได้มีวงปราศรัย 2 วง
เวลา 17.15 น. มีนักเรียน นักศึกษาและประชาชนยืนคอยสังเกตการณ์จากบนสะพานลอยด้านหน้าห้าง และยังไม่ได้มีการปิดถนนแต่อย่างไร
เวลา 17.36 น. กลุ่มมวลชนได้มารวมตัวกันที่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าห้างจุดรับส่งผู้โดยวารที่เรียกแท็กซี่พร้อมทั้งชูสามนิ้ว พร้อมทั้งตะโกนว่าขอให้นักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวในวันนี้ให้ทำข่าวด้วยความเป็นจริงและช่วยนำเสนอข่าวทั้งสองด้านด้วย ก่อนจะมีหญิงวัยทำงานคนหนึ่งเข้ามาพูดกับกลุ่มนักเรียนถึงการที่เยาวชนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยว่าทุกวันนี้ยังไม่มีเสรีภาพอีกเหรอ และออกมาเรียกร้องสามข้อเพื่ออะไร ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.บางยี่ขันมาไกล่เกลี่ยและนำตัวหญิงคนดังกล่าวออกไปจากบริเวณดังกล่าว
เวลา 17.46 น. จะมีการตะโกนเรียกร้องให้คนที่อยู่บนสะพานลงมา ก่อนจะตะโกนว่า “
[เผล่ะจัง] จงพินาศ”
พร้อมทั้งประกาศให้มวลชนที่อยู่ในห้างที่มีอุดมการณ์เดียวกันออกมาเพื่อที่จะรอร้องเพลงชาติร่วมกันในเวลา 18.00 น. และได้ตะโกนเรียกให้ผู้ที่อยู่บนสะพานลอยลงมารวมกันที่ด้านหน้าห้างอีกครั้ง
เวลา 17.59 น. หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุมจะกล่าวว่า ตนเคยเป็นสลิ่มมาก่อน แต่ตอนนี้กลับใจแล้ว วันนี้ขอให้น้องๆ รับตนได้ไหม และตนก็ไปชุมนุมทุกครั้ง สำหรับนายกฯ ตู่ ก็ได้หมดความชอบธรรมไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยึดอำนาจ
เวลา 18.00 น. มีการร้องเพลงชาติพร้อมทั้งชูสามนิ้ว จากนั้น หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุมกล่าวว่า ขอยืนยันว่าในวันที่มีการสลายการชุมนุมวันนั้นไม่ใช่แค่น้ำเปล่า มันเหมือนการที่เราเป็นแผลแล้วเอาทิงเจอร์ราด และสื่อน้ำดีอย่าง voice tv ถูกปิดไป ถ้าวันนี้หากเราไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่าน้องๆ ที่อยู่ในที่นี้อาจจะยังไม่ถึงแต่ก็ขอให้ใข้สิ่งที่เราเรียนมาไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น
เวลา 18.10 น. หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุมได้มีการเชิญชวนให้ผู้ที่มาชุมนุมช่วยกันติดตามข่าวสารที่เยาวชนที่ฮ่องกงถูกจับกุมไป ซึ่งคนที่ถูกจับไปอายุน้อยสุดเพียง 16 ปี
เวลา 18.10 น. ครูคนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุม ได้กล่าวว่า วันนี้อาจมีข้าราชการที่ยังไม่กล้าออกมาแสดงความคิดเห็นให้ออกมา เพราะตนเองก็เคยถูกทางผู้อำนวยการเรียกพบ เรื่องการแสดงความคิดเห็นทางสื่อโซเชียลแต่ตนก็ยังยืนยันที่จะเก็บโพสต์นั้นไว้ โดยจะตั้งค่าให้คนแค่ตนคนเดียว
เวลา 18.13 น. ได้มีการร้องเพลง “เสมอ” ร่วมกันและตะโกนให้ปล่อยเพื่อนเรา พร้อมทั้งตะโกนให้ลงคนที่อยู่บนสะพานลงมาอีกครั้ง
เวลา 18.24 น. ได้ประกาศให้มีการรวมวงปราศรัยทั้งสองวงเข้าด้วยกัน และได้มีการเปิดพื้นที่ให้มีารเขียนระบายความในใจความในใจลงบนแผ่นผ้า
เวลา 18.27 น. มีการตะโกนโห่ไล่ขบวนรถตำรวจที่ขับบนทางด่วน “...[เผล่ะจัง] ”
JJNY : 4in1 แบงก์ชาติปิดประตูศก.ฟื้นปี’64/ฝั่งธนฯจัดเต็ม! สลิ่มกลับใจร่วม/อุดมสุขไปต่อ!/ก้าวไกลมอบของช่วยผู้ประสบอุทกภัย
https://www.khaosod.co.th/economics/news_5149359
แบงก์ชาติปิดประตูศก.ฟื้น - นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การขยายตัวเศรษฐกิจไทยจากนี้ไปติดลบทุกไตรมาส ต่อเนื่องถึงปี 2565 ที่ไตรมาสแรกยังติดลบ เป็นครั้งแรกที่จะเห็นรายไตรมาสเป็นบวกเทียบปี คือไตรมาส 2/2564 เศรษฐกิจฟื้นแต่จะฟื้นช้าๆ ยาวๆ โดยคาดว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเหลือ 6.7 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 40 ล้านคน รายรับหายไป 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัวหนักสุดในไตรมาส 2/2563
“จะให้ระดับจีดีพีกลับมาก่อนโควิด-19 คงไม่เห็นจนกระทั่งไตรมาส 3/2565 สื่อว่าเรื่องการฟื้นตัวไม่มาเร็ว ใช้เวลานาน และสุดท้ายการฟื้นตัวเหล่านี้จะมีความไม่แน่นอนสูงมาก”
ทั้งนี้ จะมีการระบาดรอบสองหรือไม่ วัคซีนมาเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวจะมาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ แม้จะมีการประเมินได้เป็นการทั่วไป แต่คำถามยังไม่มีคำตอบชัดเจน ทำให้ความไม่แน่นอนมีอยู่สูงมาก ตรงนี้เป็นตัวถ่วงการฟื้นตัว ทำให้หลายกิจกรรมที่ควรเกิด ไม่เกิด ทุกคนอยู่ในโหมดรอคอย แต่จากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล บริบทประเทศได้เปลี่ยนไปอย่างน้อย 3 ด้าน ได้แก่
1. การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน
2. การฟื้นตัวใช้เวลานาน
และ 3. การฟื้นตัวมีความไม่แน่นอน
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ ได้ส่งผลต่อความไม่แน่นอนทางการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามใกล้ชิด ส่วนผลกระทบกับเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ต้องดูสถานการณ์ว่าลากยาวหรือไม่ แต่ที่จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน คือ ความเชื่อมั่น การบริโภค และท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ ธปท. ให้ความสำคัญที่สุด คือการจัดการปัญหา โดย ธปท. จะต้องเป็นที่พึ่งทางใจในด้านเศรษฐกิจ เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังจากนี้ ต้องเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นปูพรม มาเป็นตรงจุด แยกแยะระหว่างคนที่ถูกกระทบ และต้องมีความยืดหยุ่น เพราะว่าสถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง จึงต้องออกมาตรการที่ยืดหยุ่น และต้องครบวงจร ต้องมองข้างหน้า ระยะ 2 ปี เพราะการแก้ปัญหาใช้เวลานาน และเครื่องมือที่จะรองรับ 2 ปีหน้ามีอะไรบ้าง โจทย์ไม่ใช่แค่การพักชำระหนี้ แต่หลังจากนั้นต้องทำอย่างไรให้กระบวนการปรับโครงสร้างมันดี และต้องดูว่าเมื่อปรับโครงสร้างหนี้ ท้ายที่สุดจะต้องมีหนี้เสีย เราจะจัดการกับส่วนนี้อย่างไร
ทั้งนี้ ในฐานะที่เข้ามาเป็นผู้ว่าการ ธปท. ได้วางโจทย์สำคัญ 5 เรื่อง คือ
1. แก้วิกฤตหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านพ้นวิกฤต และฟื้นตัวได้
2. รักษาเสถียรภาพระบบการเงิน เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ
3. รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ให้โครงสร้างเศรษฐกิจการเงินไทยรองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้วิกฤตโควิด-19
และได้เน้นย้ำในข้อที่ 4. คือการสร้างความเชื่อมั่นของสาธารณชน ว่า ธปท. จะเป็นหนึ่งในองค์กรที่ประชาชนเชื่อมั่นที่สุด ภายใต้แนวคิด คิดรอบ ตอบได้
และ 5. พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ธปท. ที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
ฝั่งธนฯจัดเต็ม! 'ปิ่นเกล้า' เปิด 2 วงปราศรัย สลิ่มกลับใจร่วมด้วย จวกปมปิดปากสื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2404987
ฝั่งธนฯจัดเต็ม! ‘ปิ่นเกล้า’ เปิด 2 วงปราศรัย สลิ่มกลับใจร่วมด้วย จวกปมปิดปากสื่อ
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม ที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ได้มีการจัดกิจกรรม “ชาวฝั่งธนจะไม่ทน [เผล่ะจัง] ” โดยภายในการจัดกิจกรรมได้มีวงปราศรัย 2 วง
เวลา 17.15 น. มีนักเรียน นักศึกษาและประชาชนยืนคอยสังเกตการณ์จากบนสะพานลอยด้านหน้าห้าง และยังไม่ได้มีการปิดถนนแต่อย่างไร
เวลา 17.36 น. กลุ่มมวลชนได้มารวมตัวกันที่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าห้างจุดรับส่งผู้โดยวารที่เรียกแท็กซี่พร้อมทั้งชูสามนิ้ว พร้อมทั้งตะโกนว่าขอให้นักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวในวันนี้ให้ทำข่าวด้วยความเป็นจริงและช่วยนำเสนอข่าวทั้งสองด้านด้วย ก่อนจะมีหญิงวัยทำงานคนหนึ่งเข้ามาพูดกับกลุ่มนักเรียนถึงการที่เยาวชนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยว่าทุกวันนี้ยังไม่มีเสรีภาพอีกเหรอ และออกมาเรียกร้องสามข้อเพื่ออะไร ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.บางยี่ขันมาไกล่เกลี่ยและนำตัวหญิงคนดังกล่าวออกไปจากบริเวณดังกล่าว
เวลา 17.46 น. จะมีการตะโกนเรียกร้องให้คนที่อยู่บนสะพานลงมา ก่อนจะตะโกนว่า “ [เผล่ะจัง] จงพินาศ”
พร้อมทั้งประกาศให้มวลชนที่อยู่ในห้างที่มีอุดมการณ์เดียวกันออกมาเพื่อที่จะรอร้องเพลงชาติร่วมกันในเวลา 18.00 น. และได้ตะโกนเรียกให้ผู้ที่อยู่บนสะพานลอยลงมารวมกันที่ด้านหน้าห้างอีกครั้ง
เวลา 17.59 น. หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุมจะกล่าวว่า ตนเคยเป็นสลิ่มมาก่อน แต่ตอนนี้กลับใจแล้ว วันนี้ขอให้น้องๆ รับตนได้ไหม และตนก็ไปชุมนุมทุกครั้ง สำหรับนายกฯ ตู่ ก็ได้หมดความชอบธรรมไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยึดอำนาจ
เวลา 18.00 น. มีการร้องเพลงชาติพร้อมทั้งชูสามนิ้ว จากนั้น หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุมกล่าวว่า ขอยืนยันว่าในวันที่มีการสลายการชุมนุมวันนั้นไม่ใช่แค่น้ำเปล่า มันเหมือนการที่เราเป็นแผลแล้วเอาทิงเจอร์ราด และสื่อน้ำดีอย่าง voice tv ถูกปิดไป ถ้าวันนี้หากเราไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่าน้องๆ ที่อยู่ในที่นี้อาจจะยังไม่ถึงแต่ก็ขอให้ใข้สิ่งที่เราเรียนมาไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น
เวลา 18.10 น. หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุมได้มีการเชิญชวนให้ผู้ที่มาชุมนุมช่วยกันติดตามข่าวสารที่เยาวชนที่ฮ่องกงถูกจับกุมไป ซึ่งคนที่ถูกจับไปอายุน้อยสุดเพียง 16 ปี
เวลา 18.10 น. ครูคนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุม ได้กล่าวว่า วันนี้อาจมีข้าราชการที่ยังไม่กล้าออกมาแสดงความคิดเห็นให้ออกมา เพราะตนเองก็เคยถูกทางผู้อำนวยการเรียกพบ เรื่องการแสดงความคิดเห็นทางสื่อโซเชียลแต่ตนก็ยังยืนยันที่จะเก็บโพสต์นั้นไว้ โดยจะตั้งค่าให้คนแค่ตนคนเดียว
เวลา 18.13 น. ได้มีการร้องเพลง “เสมอ” ร่วมกันและตะโกนให้ปล่อยเพื่อนเรา พร้อมทั้งตะโกนให้ลงคนที่อยู่บนสะพานลงมาอีกครั้ง
เวลา 18.24 น. ได้ประกาศให้มีการรวมวงปราศรัยทั้งสองวงเข้าด้วยกัน และได้มีการเปิดพื้นที่ให้มีารเขียนระบายความในใจความในใจลงบนแผ่นผ้า
เวลา 18.27 น. มีการตะโกนโห่ไล่ขบวนรถตำรวจที่ขับบนทางด่วน “...[เผล่ะจัง] ”