La Revolution กับเลือดสีน้ำเงิน
จุดเริ่มต้นมาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ต้องการให้ขุนนางชั้นสูงได้รับเลือดสีน้ำเงิน ( เพิ่งได้ข้อมูลใหม่มาด้วยที่มองว่าเลือดสีน้ำเงินเป็นของชนชั้นสูงเพราะคนเหล่านี้ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ตากแดด จึงทำให้ขาวจนเห็นเส้นเลือดที่เป็นสีน้ำเงิน ) หรือที่ในซีรีส์เรียกกันว่า ‘ผู้ติดเชื้อ’ แต่ยังไม่ปรากฏในซีซั่นแรกว่าจุดประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์คืออะไร วิธีการก็คือการได้รับเลือดสีน้ำเงินผ่านการฉีดเข้าไปในร่างกาย แต่บุคคลนั้นต้องเสียชีวิตก่อนถึงจะฉีดเลือดสีน้ำเงินได้ ละพอตื่นขึ้นมาขุนนางที่ได้รับเชื้อจะมีความหิวโหยจนต้องกินเลือดเนื้อของประชาชน ประชาชนเสียชีวิตไปจำนวนมากเพราะความหิวโหยของขุนนาง โดยหมอโจเซฟได้ทำการค้นคว้าที่มาของโรคและกระบวนการทำงานของมัน และพบว่ามันทำตัวเหมือนปรสิตที่อาศัยสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อดำรงชีวิต
จริง ๆ ก็สื่อตรงตัวว่าเปรียบเทียบขุนนางเป็นปรสิตที่สูบเลือดสูบเนื้อประชาชน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจะเป็นอย่างไร และมองว่าประชาชนมีเพียงแค่หยิบมือจะมาสู้อะไรได้ แต่ก็มีเอลีซ ซึ่งมีศักดิ์เป็นชนชั้นสูงโต้แย้งขึ้นมาว่า
“คุณอาจได้ยินเสียงที่อยู่นอกรั้วบ้านเป็นเพียงเสียงกระซิบ แต่ความโกรธเคืองประทุอยู่บนท้องถนน”
คือจะสื่อแหละว่าเมื่อความโกรธของประชาชนมากขึ้น พวกเขาสามารถรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ อย่างที่พวกขุนนางนึกไม่ถึง
La Revolution กับเลือดสีน้ำเงิน
จุดเริ่มต้นมาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ต้องการให้ขุนนางชั้นสูงได้รับเลือดสีน้ำเงิน ( เพิ่งได้ข้อมูลใหม่มาด้วยที่มองว่าเลือดสีน้ำเงินเป็นของชนชั้นสูงเพราะคนเหล่านี้ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ตากแดด จึงทำให้ขาวจนเห็นเส้นเลือดที่เป็นสีน้ำเงิน ) หรือที่ในซีรีส์เรียกกันว่า ‘ผู้ติดเชื้อ’ แต่ยังไม่ปรากฏในซีซั่นแรกว่าจุดประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์คืออะไร วิธีการก็คือการได้รับเลือดสีน้ำเงินผ่านการฉีดเข้าไปในร่างกาย แต่บุคคลนั้นต้องเสียชีวิตก่อนถึงจะฉีดเลือดสีน้ำเงินได้ ละพอตื่นขึ้นมาขุนนางที่ได้รับเชื้อจะมีความหิวโหยจนต้องกินเลือดเนื้อของประชาชน ประชาชนเสียชีวิตไปจำนวนมากเพราะความหิวโหยของขุนนาง โดยหมอโจเซฟได้ทำการค้นคว้าที่มาของโรคและกระบวนการทำงานของมัน และพบว่ามันทำตัวเหมือนปรสิตที่อาศัยสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อดำรงชีวิต
จริง ๆ ก็สื่อตรงตัวว่าเปรียบเทียบขุนนางเป็นปรสิตที่สูบเลือดสูบเนื้อประชาชน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจะเป็นอย่างไร และมองว่าประชาชนมีเพียงแค่หยิบมือจะมาสู้อะไรได้ แต่ก็มีเอลีซ ซึ่งมีศักดิ์เป็นชนชั้นสูงโต้แย้งขึ้นมาว่า
“คุณอาจได้ยินเสียงที่อยู่นอกรั้วบ้านเป็นเพียงเสียงกระซิบ แต่ความโกรธเคืองประทุอยู่บนท้องถนน”
คือจะสื่อแหละว่าเมื่อความโกรธของประชาชนมากขึ้น พวกเขาสามารถรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ อย่างที่พวกขุนนางนึกไม่ถึง