เราเป็นเด็กนร.คนหนึ่งค่ะ บ้านของเรามีเรา ย่า อา แฟนอา และลูกพี่ลูกน้อง ต่อจากนี้จะขอเล่าเรื่องของเรานะคะ
พ่อและแม่ของเราแยกทางกัน ตั้งแต่เราอายุ2ขวบ เราไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงเลิกกัน พ่อพาเรามาไว้กับย่า แล้วท่านก็ไปทำงานที่ปทุมธานี ย่าเราเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่บ้าน เราเลยเก่งอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก แต่เราก็เรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง ไม่เคยได้เรียนกับย่าเลย
อา เป็นน้องสาวของพ่อ ทำงานเป็นหมอกดสิวที่บ้าน จำได้ว่าตอนเด็กๆอาจะดูแลเรา พาเราไปเที่ยวเสมอ แต่พอโตมา ก็ไม่ค่อยพาเราไปไหนแล้ว คงเป็นเพราะเขาเห็นเราโตแล้ว น่าจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัวกันบ้าง เลยไม่ค่อยพาไปไหน ส่วนแฟนอา เขาก็เป็นคนใจดี ก็ไม่ค่อยว่าเราเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยสนิทกัน
ต่อมาลูกพี่ลูกน้องของเรา เป็นลูกของอาและแฟนอา พวกเรามีอายุห่างกันประมาณ7-8ปี ตอนเด็กๆ น้องมักจะไปบ้านอาม่า(แม่ของแฟนอา)ตลอด แต่พอโตมาก็อยู่ด้วยกัน เราสองคนมักจะทะเลาะกันตามประสาพี่น้องบ่อยๆ เล่นด้วยกัน กินด้วยกัน สนิทกันพอสมควร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรามักจะอิจฉาน้องบ่อยๆคือ น้องได้อยู่กับพ่อและแม่ตลอด พ่อแม่ไปรับไปส่งรร. ได้กินข้าวด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ซื้อนู่นนี่ให้ ขนาดโทรศัพท์ยังเป็นไอโฟนเลย ไหนจะไอแพดอีก เวลาน้องได้ของใหม่ๆมา ของที่น้องไม่เอาแล้วจะมาตกอยู่ในมือเรา อันนี้เราคิดว่าไม่เป็นไร ได้ประหยัดเงินด้วย ไม่ต้องซื้อใหม่ให้เสียเงิน แต่ก็มีสิ่งหนี่งที่เรามักจะมองว่ามันไม่ดี คือ น้องเป็นคนเอาแต่ใจ อยากไปนู่นก็ต้องได้ไป อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่แปลกที่น้องจะเป็นอย่างงี้ เพราะตอนเด็กน้องถูกตามใจหนักมาก เพราะน้องหน้าตาน่ารัก ใครๆก็เอ็นดู ตามใจตลอด
พ่อและแม่ก็แต่งงานใหม่ทั้งสองคน พ่อได้ไปเจอแม่ใหม่เข้า ตอนที่ทำงาน ตอนเราเห็นเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะความเป็นเด็กของเรา แถมแม่ใหม่ยังใจดีอีกต่างหาก เราก็เลยยกป้ายให้ผ่าน ตอนนี้พ่อกับแม่ใหม่ก็แต่งงานกันมา6ปีแล้ว และมีน้องชายแล้วด้วย ตอนนี้น้องชายอายุ4ขวบ เรารักน้องมาก และน้องก็รักเรามากเหมือนกัน โทรมาหาตลอด เวลาอยู่ด้วยกันก็จะเล่นเกมยิงปืน ฟรีฟาย บลาๆ
ส่วนแม่ของเรา เขาก็แต่งงานใหม่ จริงๆแล้วก่อนที่แม่จะมาเจอพ่อ แม่ก็มีลูกมาแล้ว ซึ่งก็คือพี่ชายของเรา พี่ชายก็รักเรามาก เวลาเจอกัน เขาก็มักจะถามว่าอยากได้อะไรรึเปล่า แต่เราก็จะปฏิเสธทุกครั้ง เพราะเกรงใจ กับแม่ก็เหมือนกัน เขาก็มักจะถามว่าอยากกินไรไหม หิวรึเปล่า เดี๋ยวแม่ไปซื้อข้าวให้กินนะ แม่ใจดีกับเรามาก คงเพราะเขาอยากทดแทนตอนที่เขาไม่ได้อยู่กับเรา
ทุกๆวันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราก็มีความสุขดีจนกระทั่ง เราอยู่ในช่วงวัยรุ่น และในช่วงวัยรุ่น มันเป็นช่วงต่อต้านผู้ใหญ่ เพราะฮอโมนมันก็เริ่มก่อตัวขึ้น หงุดหงิดง่ายขึ้น อารมณ์เหมือนคนไบโพล่าตลอด ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก แค่ทำตัวมีความสุขเข้าไว้ดีกว่า
ตัวเราเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนลี่ สนิทกับทุกคนง่าย เพื่อนมักจะเยอะ แต่เพื่อนสนิทก็แทบไม่มีเลย ภายนอกของเราดูมีความสุขตลอด แต่ภายในของเราไม่เลย เราเจอเรื่องหลายเรื่องที่มันเข้ามาคลุมเคลือตัวเราไว้ จนบางทีก็รู้สึกอึดอัด อยากปลดปล่อยบ้าง อยากนอนนานๆฮีลตัวเอง เรามักจะเป็นฝ่ายที่โดนทิ้งตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเพื่อน ครอบครัวหรือต่างๆ เรามักจะถูกพูดถึงเป็นคนสุดท้าย เหนื่อยใจตลอดเลย5555
ย่าเราเป็นครู ย่าก็ต้องสอนเด็ก ช่วงนี้ย่ารับทำอาหารเย็นให้เด็ก ด้วยความที่มันเป็นตอนเย็น เด็กกินข้าวไปเลย หลังจากกลับบ้านเสร็จจึงนอนได้เลย เวลาย่าทำกับข้าว ย่าจะทำจานสวยๆ กับข้าวที่หน้าดีๆให้เด็กนักเรียนกิน แต่เรา เรามักจะได้กับข้าวที่มันเย็นชืด และข้าวก้นหม้อตลอด รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย เราถึงบ้านก่อน กลับมาเหนื่อยๆก็อยากกินข้าว แต่เด็กนร.ทีมาหลังเราเกือบ2ชม. ได้กินก่อน 5555 ขำขันจริงๆ
เราตั้งหน้าตั้งตารอรายการทีวีที่กำลังฉาย แต่ก็ต้องปิด เพราะเด็กนร.มันดูด้วย แล้วรายการนั้น มันก็ไม่มีรีรันกับย้อนหลัง เราว่าเราจะไม่น้อยใจแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ กับอาก็เหมือนกัน เขาเริ่มบังคับให้เราทำนู่นนี่ อย่างเรานั่งทำการบ้านที่กำลังเครียดๆเพราะต้องใช้ความคิดเยอะ ก็มาใช้เราทำงาน แล้วเราก็เครียดหนักกว่าเดิม เพราะมันไม่ใช่งานเดี่ยวอีก
วันนี้ ตอนที่กินข้าวอยู่ เราเหยาะซอสมะเขือไม่ออก เลยเหยาะแรงขึ้น แต่ก็ไม่ออก อาเราเดินเข้ามาแล้วบอกว่า นี่ไปไกลๆตีนกูเลยนะ เห็นไหมว่าปูเป้เขารอซอสอยู่ แล้วเขาก็เอาซอสมะเขือของเราไป ย่าก็พูดแทรกขึ้นมาอีกว่า นี่จะอะไรนักหนาวะ เด็กเขารอกินข้าวอยู่นะ
ในหลายๆครั้ง เราก็รู้สึกน้อยใจ ที่ครอบครัวของเราแทบไม่เห็นเราในสายตาเลย เวลาคนในบ้านอยู่พร้อมหน้ากัน น้องสาวก็มักจะเป็นคนทำให้ทุกคนอารมณ์ดีอยู่ตลอด เราที่นั่งมอง ก็รู้สึกว่า ต่างกับเราลิบลับ อยู่กับเรา พวกเขาไม่เห็นยิ้มบ้างเลย มีแต่ไม่มองหน้ากัน กับพ่อและแม่ เราก็ไม่ค่อยสนิท ไม่กล้าทักไปปรึกษาหรือบอกอะไร ส่วนเพื่อน เราก็ไม่กล้าปรีกษาเพราะกลัวว่าเพื่อนจะรำคาญหรือไม่สนใจ เรารู้สึกโดดเดี่ยวแล้วน้อยใจจริงๆ พวกเขาจะยังรักเราเหมือนเดิมหรือเปล่า ทำไมการกระทำของเขา มันดูเหมือนไม่แยแสเราเลย
เราอยากได้ความเห็นหลายๆทาง หรือเป็นที่ปรึกษาให้เราหน่อยนะคะ เราไม่อยากคิดคนเดียวอีกแล้ว
เคยไหม? รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจคนในครอบครัว
พ่อและแม่ของเราแยกทางกัน ตั้งแต่เราอายุ2ขวบ เราไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงเลิกกัน พ่อพาเรามาไว้กับย่า แล้วท่านก็ไปทำงานที่ปทุมธานี ย่าเราเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่บ้าน เราเลยเก่งอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก แต่เราก็เรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง ไม่เคยได้เรียนกับย่าเลย
อา เป็นน้องสาวของพ่อ ทำงานเป็นหมอกดสิวที่บ้าน จำได้ว่าตอนเด็กๆอาจะดูแลเรา พาเราไปเที่ยวเสมอ แต่พอโตมา ก็ไม่ค่อยพาเราไปไหนแล้ว คงเป็นเพราะเขาเห็นเราโตแล้ว น่าจะต้องมีพื้นที่ส่วนตัวกันบ้าง เลยไม่ค่อยพาไปไหน ส่วนแฟนอา เขาก็เป็นคนใจดี ก็ไม่ค่อยว่าเราเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยสนิทกัน
ต่อมาลูกพี่ลูกน้องของเรา เป็นลูกของอาและแฟนอา พวกเรามีอายุห่างกันประมาณ7-8ปี ตอนเด็กๆ น้องมักจะไปบ้านอาม่า(แม่ของแฟนอา)ตลอด แต่พอโตมาก็อยู่ด้วยกัน เราสองคนมักจะทะเลาะกันตามประสาพี่น้องบ่อยๆ เล่นด้วยกัน กินด้วยกัน สนิทกันพอสมควร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรามักจะอิจฉาน้องบ่อยๆคือ น้องได้อยู่กับพ่อและแม่ตลอด พ่อแม่ไปรับไปส่งรร. ได้กินข้าวด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ซื้อนู่นนี่ให้ ขนาดโทรศัพท์ยังเป็นไอโฟนเลย ไหนจะไอแพดอีก เวลาน้องได้ของใหม่ๆมา ของที่น้องไม่เอาแล้วจะมาตกอยู่ในมือเรา อันนี้เราคิดว่าไม่เป็นไร ได้ประหยัดเงินด้วย ไม่ต้องซื้อใหม่ให้เสียเงิน แต่ก็มีสิ่งหนี่งที่เรามักจะมองว่ามันไม่ดี คือ น้องเป็นคนเอาแต่ใจ อยากไปนู่นก็ต้องได้ไป อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่แปลกที่น้องจะเป็นอย่างงี้ เพราะตอนเด็กน้องถูกตามใจหนักมาก เพราะน้องหน้าตาน่ารัก ใครๆก็เอ็นดู ตามใจตลอด
พ่อและแม่ก็แต่งงานใหม่ทั้งสองคน พ่อได้ไปเจอแม่ใหม่เข้า ตอนที่ทำงาน ตอนเราเห็นเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะความเป็นเด็กของเรา แถมแม่ใหม่ยังใจดีอีกต่างหาก เราก็เลยยกป้ายให้ผ่าน ตอนนี้พ่อกับแม่ใหม่ก็แต่งงานกันมา6ปีแล้ว และมีน้องชายแล้วด้วย ตอนนี้น้องชายอายุ4ขวบ เรารักน้องมาก และน้องก็รักเรามากเหมือนกัน โทรมาหาตลอด เวลาอยู่ด้วยกันก็จะเล่นเกมยิงปืน ฟรีฟาย บลาๆ
ส่วนแม่ของเรา เขาก็แต่งงานใหม่ จริงๆแล้วก่อนที่แม่จะมาเจอพ่อ แม่ก็มีลูกมาแล้ว ซึ่งก็คือพี่ชายของเรา พี่ชายก็รักเรามาก เวลาเจอกัน เขาก็มักจะถามว่าอยากได้อะไรรึเปล่า แต่เราก็จะปฏิเสธทุกครั้ง เพราะเกรงใจ กับแม่ก็เหมือนกัน เขาก็มักจะถามว่าอยากกินไรไหม หิวรึเปล่า เดี๋ยวแม่ไปซื้อข้าวให้กินนะ แม่ใจดีกับเรามาก คงเพราะเขาอยากทดแทนตอนที่เขาไม่ได้อยู่กับเรา
ทุกๆวันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราก็มีความสุขดีจนกระทั่ง เราอยู่ในช่วงวัยรุ่น และในช่วงวัยรุ่น มันเป็นช่วงต่อต้านผู้ใหญ่ เพราะฮอโมนมันก็เริ่มก่อตัวขึ้น หงุดหงิดง่ายขึ้น อารมณ์เหมือนคนไบโพล่าตลอด ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก แค่ทำตัวมีความสุขเข้าไว้ดีกว่า
ตัวเราเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนลี่ สนิทกับทุกคนง่าย เพื่อนมักจะเยอะ แต่เพื่อนสนิทก็แทบไม่มีเลย ภายนอกของเราดูมีความสุขตลอด แต่ภายในของเราไม่เลย เราเจอเรื่องหลายเรื่องที่มันเข้ามาคลุมเคลือตัวเราไว้ จนบางทีก็รู้สึกอึดอัด อยากปลดปล่อยบ้าง อยากนอนนานๆฮีลตัวเอง เรามักจะเป็นฝ่ายที่โดนทิ้งตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเพื่อน ครอบครัวหรือต่างๆ เรามักจะถูกพูดถึงเป็นคนสุดท้าย เหนื่อยใจตลอดเลย5555
ย่าเราเป็นครู ย่าก็ต้องสอนเด็ก ช่วงนี้ย่ารับทำอาหารเย็นให้เด็ก ด้วยความที่มันเป็นตอนเย็น เด็กกินข้าวไปเลย หลังจากกลับบ้านเสร็จจึงนอนได้เลย เวลาย่าทำกับข้าว ย่าจะทำจานสวยๆ กับข้าวที่หน้าดีๆให้เด็กนักเรียนกิน แต่เรา เรามักจะได้กับข้าวที่มันเย็นชืด และข้าวก้นหม้อตลอด รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย เราถึงบ้านก่อน กลับมาเหนื่อยๆก็อยากกินข้าว แต่เด็กนร.ทีมาหลังเราเกือบ2ชม. ได้กินก่อน 5555 ขำขันจริงๆ
เราตั้งหน้าตั้งตารอรายการทีวีที่กำลังฉาย แต่ก็ต้องปิด เพราะเด็กนร.มันดูด้วย แล้วรายการนั้น มันก็ไม่มีรีรันกับย้อนหลัง เราว่าเราจะไม่น้อยใจแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ กับอาก็เหมือนกัน เขาเริ่มบังคับให้เราทำนู่นนี่ อย่างเรานั่งทำการบ้านที่กำลังเครียดๆเพราะต้องใช้ความคิดเยอะ ก็มาใช้เราทำงาน แล้วเราก็เครียดหนักกว่าเดิม เพราะมันไม่ใช่งานเดี่ยวอีก
วันนี้ ตอนที่กินข้าวอยู่ เราเหยาะซอสมะเขือไม่ออก เลยเหยาะแรงขึ้น แต่ก็ไม่ออก อาเราเดินเข้ามาแล้วบอกว่า นี่ไปไกลๆตีนกูเลยนะ เห็นไหมว่าปูเป้เขารอซอสอยู่ แล้วเขาก็เอาซอสมะเขือของเราไป ย่าก็พูดแทรกขึ้นมาอีกว่า นี่จะอะไรนักหนาวะ เด็กเขารอกินข้าวอยู่นะ
ในหลายๆครั้ง เราก็รู้สึกน้อยใจ ที่ครอบครัวของเราแทบไม่เห็นเราในสายตาเลย เวลาคนในบ้านอยู่พร้อมหน้ากัน น้องสาวก็มักจะเป็นคนทำให้ทุกคนอารมณ์ดีอยู่ตลอด เราที่นั่งมอง ก็รู้สึกว่า ต่างกับเราลิบลับ อยู่กับเรา พวกเขาไม่เห็นยิ้มบ้างเลย มีแต่ไม่มองหน้ากัน กับพ่อและแม่ เราก็ไม่ค่อยสนิท ไม่กล้าทักไปปรึกษาหรือบอกอะไร ส่วนเพื่อน เราก็ไม่กล้าปรีกษาเพราะกลัวว่าเพื่อนจะรำคาญหรือไม่สนใจ เรารู้สึกโดดเดี่ยวแล้วน้อยใจจริงๆ พวกเขาจะยังรักเราเหมือนเดิมหรือเปล่า ทำไมการกระทำของเขา มันดูเหมือนไม่แยแสเราเลย
เราอยากได้ความเห็นหลายๆทาง หรือเป็นที่ปรึกษาให้เราหน่อยนะคะ เราไม่อยากคิดคนเดียวอีกแล้ว