ขอความคิดเห็นค่ะ. พอดีเราไปรับลูกกลับจากโรงเรียนแทนพ่อเขา. ปกติพ่อรับ-ส่งค่ะ. แล้วไปเจอเพื่อนร่วมห้องของลูกคนนึงซึ่งเขาคางแตก ตอนนั้น ผปค.ของเด็กคนนั้นก็อยู่(ย่าเขา)กำลังคุยกับครูประจำชั้น ว่าหลานเขาคางแตกต่องเย็บนะ. อะไรประมาณนี้เท่าที่เรายืนฟังอยู่. แล้วครูประจำชั้นก็ยื่นเอกสารรับเด็กกลับบ้านมาให้เซ็น. แล้วเขาก็บอกกับ ผปค.ของเด็กคนนั้นว่า ลูกเรากับเด็กที่คางแตกอ่ะ ชอบเล่นกันแรง. เราก็เลยถามลูกว่า. หนูเล่นแรงจริงรึป่าว. ลูกเราตอบว่า คับ. เราก็เลยบอกกับลูกว่า แล้วขอโทษเพื่อนรึยัง. ลูกเราบอกว่า ขอโทษตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว เราก็โอเค แล้วก็เดินไปหยิบกระเป๋าลูกมา แล้วเราก็ยืนดูเด็กที่คางแตกแปบนึง เราก็เลยกล่าวคำว่า “ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ”ขอโทษนะที่นี้คือ เราขอโทษแทนลูกเราที่ชอบเล่นแรงๆกับเด็กที่คางแตก. แต่ ผปค.กับครูประจำชั้นไม่ได้หันมาสนใจเรา. เราเลยพาลูกกลับบ้าน พอกลับมาถึงบ้าน เราจะถามลูกทุกวัน ว่าวันนี้โดนครูตีมั้ย โดนเพื่อนแกล้งมั้ย ลูกบอกว่าโดนเพื่อนที่คางแตกรัวหมัดใส่ ลูกเราบอกว่าหนูเจ็บมากๆเลยแม่ หนูเลยทำเขาคืน
เราก็ถามว่าทำยังไง. ลูกบอกว่าหนูเหยียบหลังเขา เราก็เลยจบเรื่องนี้ไป. สักพักไลน์กลุ่ม รร.ดัง. แม่น้องคนที่คางแตกโวยวาย. เรื่องลูกเขาค้างแตก. สักพักครูประจำชั้นทักส่วนตัวมาหาเราบอกให้โทรหาแม่น้องคนที่คางแตกหน่อย. เราถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น. เหตุการณ์เป็นยังไง. ครูบอก. ไม่ทราบ. ไม่เห็น. นั่งกินข้าวอยู่ข้างล่าง. เด็กอยู่บนตึกกัน. ส่วนครูอีกคนอยู่หน้าห้อง. สรุปคือไม่มีใครเห็น. แต่เด็กที่คางแตกบอกกับแม่เขาว่าลูกเราเป็นคนทำ. เราก็เลยโทรไปขอโทษแม่น้องที่คางแตก. วันถัดมาเราก็เลยทักไลน์ไปถามไถ่อาการน้องที่คางแตกว่าเป็นยังไงบ้าง. คุณแม่น้องบอกว่าอยากให้ช่วยค่ารักษาพยาบาลที่เขาสำรองจ่ายไป ยอด5xxxกว่าบาท. เราก็ยังไม่ได้รับปากอะไรไป เพราะเราไม่มีข้อมูลอะไร. เป็นครั้งแรกที่ลูกทำรุนแรงขนาดนี้. วัดถัดมาคุณแม่ของน้องที่คางแตก ส่งบิลค่าใช้จ่ายมาให้เราดู. เราก็เลยโทรกลับไปแม่น้องที่คางแตกว่า. คุณแม่สามารถเบิกค่ารักษาคืนได้หมดเลยทุกบาท. บิลค่าใช้จ่ายส่วนไหนเบิกไม่ได้ยินที่จะจ่ายช่วย เราบอกไปแบบนี้. สักพักเราเอะใจเรื่องบิลที่แม่น้องเขาส่งมา. มาดูหัวบิลแล้วมันบอกว่า. ทางรพ.จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับทางประกันภัยเอง. ซึ่งหมายความว่า. คุณแม่น้องที่คางแตกไม่ได้สำรองจ่ายจริงอย่างที่เขาบอก. เราก็แอบปรี๊ดนิดนึง. แล้วคุณแม่น้องก็ทักมาอีกว่า. อยากให้เราช่วยค่ารักษาครึ่งนึงของบิลนี้ยอด5xxx. เราก็เลยบอกว่า คุณแม่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยสักบาท. แล้วคุณแม่น้องที่คางแตกก็บอกว่าเราปัดความรับผิดชอบ. คุณแม่น้องที่คางแตกบอกว่า ครูประจำชั้นแสดงความรับผิดชอบแล้วโดยการพาน้องที่คางแตกไปล้างแผลทุกวัน. แบบนี้ต้องทำยังไง. ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ค่ะ.
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ.
อีกอย่างเราท้องอ่อนค่ะ. เครียดกับเรื่องนี้มากค่ะ
ลูกเราทำเพื่อนร่วมห้องคางแตก
เราก็ถามว่าทำยังไง. ลูกบอกว่าหนูเหยียบหลังเขา เราก็เลยจบเรื่องนี้ไป. สักพักไลน์กลุ่ม รร.ดัง. แม่น้องคนที่คางแตกโวยวาย. เรื่องลูกเขาค้างแตก. สักพักครูประจำชั้นทักส่วนตัวมาหาเราบอกให้โทรหาแม่น้องคนที่คางแตกหน่อย. เราถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น. เหตุการณ์เป็นยังไง. ครูบอก. ไม่ทราบ. ไม่เห็น. นั่งกินข้าวอยู่ข้างล่าง. เด็กอยู่บนตึกกัน. ส่วนครูอีกคนอยู่หน้าห้อง. สรุปคือไม่มีใครเห็น. แต่เด็กที่คางแตกบอกกับแม่เขาว่าลูกเราเป็นคนทำ. เราก็เลยโทรไปขอโทษแม่น้องที่คางแตก. วันถัดมาเราก็เลยทักไลน์ไปถามไถ่อาการน้องที่คางแตกว่าเป็นยังไงบ้าง. คุณแม่น้องบอกว่าอยากให้ช่วยค่ารักษาพยาบาลที่เขาสำรองจ่ายไป ยอด5xxxกว่าบาท. เราก็ยังไม่ได้รับปากอะไรไป เพราะเราไม่มีข้อมูลอะไร. เป็นครั้งแรกที่ลูกทำรุนแรงขนาดนี้. วัดถัดมาคุณแม่ของน้องที่คางแตก ส่งบิลค่าใช้จ่ายมาให้เราดู. เราก็เลยโทรกลับไปแม่น้องที่คางแตกว่า. คุณแม่สามารถเบิกค่ารักษาคืนได้หมดเลยทุกบาท. บิลค่าใช้จ่ายส่วนไหนเบิกไม่ได้ยินที่จะจ่ายช่วย เราบอกไปแบบนี้. สักพักเราเอะใจเรื่องบิลที่แม่น้องเขาส่งมา. มาดูหัวบิลแล้วมันบอกว่า. ทางรพ.จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับทางประกันภัยเอง. ซึ่งหมายความว่า. คุณแม่น้องที่คางแตกไม่ได้สำรองจ่ายจริงอย่างที่เขาบอก. เราก็แอบปรี๊ดนิดนึง. แล้วคุณแม่น้องก็ทักมาอีกว่า. อยากให้เราช่วยค่ารักษาครึ่งนึงของบิลนี้ยอด5xxx. เราก็เลยบอกว่า คุณแม่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยสักบาท. แล้วคุณแม่น้องที่คางแตกก็บอกว่าเราปัดความรับผิดชอบ. คุณแม่น้องที่คางแตกบอกว่า ครูประจำชั้นแสดงความรับผิดชอบแล้วโดยการพาน้องที่คางแตกไปล้างแผลทุกวัน. แบบนี้ต้องทำยังไง. ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ค่ะ.
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ.
อีกอย่างเราท้องอ่อนค่ะ. เครียดกับเรื่องนี้มากค่ะ