" ทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาสสำหรับ การออมหุ้น ( DCA ) จริง หรือ ??? "

กระทู้นี้แชร์เพื่อเป็นตัวอย่าง แนวทาง และเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการศึกษาการลงทุน สำหรับนักลงทุนแนว DCA และเป็นกำลังใจให้นักลงทุนมือใหม่ๆที่เริ่มสนใจการลงทุนหุ้น และเพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อการจุดประกายให้นักลงทุนหน้าใหม่ จะได้เกิดแง่คิดในการลงทุนเพิ่มขึ้น และมีมุมมองในการออมเงิน ออมหุ้น เพื่อให้ได้อิสระภาพทางการเงินของทุกๆท่านในอนาคตครับ 
 
        แนวทางนี้อาจจะเหมาะสำหรับท่านที่สนใจในการลงทุนแนว DCA หรือผู้ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์การลงทุนหุ้นมาก่อน โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ๆนะครับ ... สำหรับเจ้าของกระทู้มิได้มุ่งหวังเพื่อการอวดภูมิ หรืออวดความเก่ง หรือความไม่เก่งแต่อย่างใด ...เป็นเพียงการแบ่งปันประสบการณ์การลงทุนอีกแนวหนึ่งที่น่าสนใจ น่าศึกษา และก็ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากประจำกับธนาคารทั่วๆไปครับ



         กระทู้นี้ผมอยากแชร์ประสบการณ์การออมหุ้น และลงทุนหุ้นช่วงที่หุ้นซึมยาว หรือหุ้นมีแนวโน้มที่ไม่ดี หรือช่วงวิกฤติ โดยเฉพาะช่วงที่เกิด วิกฤติการเงิน วิกฤติการเมือง หรือเกิดโรคระบาด...และนักลงทุนมองทิศทางหุ้นที่มืดมน ไม่รู้ว่าเมื่อไรวิกฤติจะผ่านไป ...แต่ก็ต้องผ่านวิกฤติได้แน่

นักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะไม่กล้าลงทุน เก็บเงินสดไว้ดีกว่า เพราะเกิดความเสี่ยง...ซื้อแล้วลง ๆๆๆ / หรือมักจะพูดว่าอย่าเอามือไปรับมีดที่ตกจากที่สูง? หรืออย่าวิ่งตัดหน้ารถสิบล้อที่กำลังวิ่งมา เพื่อไปเก็บเศษเงินบนถนน เป็นต้น? ...นักลงทุนส่วนใหญ่จึงรอให้ทุกอย่างค่อยๆคลี่คลาย แล้วจึงค่อยเข้ามาลงทุน...หุ้นก็ได้เริ่มปรับสูงขึ้นไปบ้างแล้ว   สำหรับบางคนที่ลังเลใจว่าหุ้นขึ้นจริงหรือแค่ปรับฐาน  เพื่อจะลงต่อมั้ย? ...ก็จะยังไม่กล้าเข้ามารับหุ้น รอจนหุ้นเป็นขาขึ้นจริงจึงกล้าเข้ามาลงทุน ก็ต้องมารับหุ้นที่ขึ้นมาแพงแล้ว....???

จากประสบการณ์ที่ได้ผ่านวิกฤติซับไพร์มมา ..นับว่าโชคดีที่ได้ตัดสินใจเข้าลงทุนในช่วงวิกฤติ...ช่วงนั้นซับไพร์มยังไม่ฟื้น บรรดาโบรกเกอร์มองว่าอีก 2 ปีหุ้นน่าจะขึ้น ขณะนั้น SET อยู่แถว 900 ++ จุด ผมก็คิดว่าถ้าอีก 2 ปีหุ้นถึงจะขึ้น ช่วงนี้ถ้าซื้อก็ได้ราคาถูก ถือรอไป 2 ปีก็ได้กำไร ช่วงนี้ก็รับเงินปันผลไปพลางๆ แนวเก็บไข่ห่านมาประทังชีวิต ดีกว่าเงิบเงินไว้ในธนาคาร ...ก็เลยตัดสินใจ DCA หุ้นทันที และเพิ่มเงินลงทุนในพอร์ตที่ซื้อขานเองด้วย พอดีช่วงนั้นได้รับเงินก้อนมาก้อนหนึ่งจากบริษัทฯ ก็เลยเอามาลงทุนหุ้นทั้งหมด อีกไม่นาน 7-8 เดือนต่อมา หุ้นไทยก็เริ่มปรับขึ้น มาแถวๆ 1,000 จุด พอร์ตก็เริ่มมีกำไร และก็ได้ทยอย ออมหุ้นไปเรื่อยๆ ผลก็ได้กำไรมากพอสมควร

ผลตอบแทนเฉลี่ย 16 ปี โดยประมาณนะครับ



หุ้นที่ซื้อลงทุนในช่วงแรกก็จะเลือกจากหุ้นใน SET 50 ที่มีพื้นฐานดีเป็นหลัก ในปี 2005 ในพอร์ตดังนี้
(ช่วงนั้นได้กระจายลงทุนหลายโบรกเกอร์เพราะคิดว่าจะได้รับข้อมูลบทวิเคราะห์หลายๆแหล่ง แต่ปัจจุบัน เหลือหลักๆแค่ 2 โบรกที่มีค่าคอมถูกๆ )




ในปีต่อมา 2006 พอร์ตหุ้ันคงเหลลือปลายปีดังนี้




พอร์ตคงเหลือในปี 2007 ก็ได้เริ่มออมหุ้นอีกแนวหนึ่ง





พอร์ตคงเหลือในปี 2008 พอร์ตเริ่มติดลบมาก ประมาณ - 51%



พอร์ตคงเหลือในปี 2009 ราคาหุ้นในพอร์ตก็ยังติดลบมากเหมือนเดิม - 50%



พอร์ตคงเหลือในปี 2010 พอร์ตเริ่มกลับมามีกำไร +80.68%



พอร์ตคงเหลือในปี 2011



สำหรับผลกำไรที่ผมนำมาคำนวณก็ใช้ข้อมูลจากหุ้นที่ได้ขายออกไปจริง ๖ฑำฟส (Real Profit & Loss) ไม่ได้ใช้ผลตอบแทนจากพอร์ตคงเหลือ และกำไรจากการขายในแต่ละปี เพราะหุ้นในพอร์ตที่ถือ ปีนี้ยังมีกำไรก็ยังไม่ได้ขาย ปีหน้ากำไรอาจจะลดลง หรือขาดทุนได้ จึงได้ใช้ข้อมูลผลตอบแทนจากหุ้นที่ได้ขายไปแล้วในแต่ละปีมมาคำนวณผลตอบแทน ...สำหรับปีนี้ ใช้ข้อมูลที่ขายจริงบวกกับพอร์ตที่ขาดทุนอยู่ ณ. วันที่ 30 กันยสยน 2563 ครับ

ทำไมราคาหุ้นในพอร์ตถึงมีราคาทุนติดลบ หรือไม่มีหุ้นแล้ว แต่มีราคาทุนคิดลบอยู่ ???
เพราะในช่วงแรกที่ได้ทำรายการซื้อขายหุ้น ได้ใช้การเพิ่มจำนวนหุ้น และเพิ่มราคาทุนที่ซื้อสะสมไป และเมื่อขายออก ก็ใช้วิธีลบหุ้นที่ขายออกและลดต้นทุนหุ้นในพอร์ตเลย ดังนั้นหุ้นบางตัวราคาทุนอาจลดลงมาก หรือติดลบ(ทุนไม่มี) ตอนหลังถึงได้เปลี่ยนวิธีลงบัญชีโดยคุมแต่ละรายการที่ซื้อที่ขายออกไปเป็นรายการๆ ไม่ใช้วิธิไปหักจำนวนหุ้นที่ขายออก และลดต้นทุนหุ้นที่เหลือ ดังตัวอย่าง





### ข้อมูลบางรายการอาจมีการผิดพลาดบ้างต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ เพราะเป็นข้อมูลเก่าบางปีก็ขาดๆหายๆ ไม่ได้เก็บไว้เป็นรายปี ###

จากตัวอย่างที่นำมาแชร์จะเห็นได้ว่า หากเรากล้าที่จะเลือกหุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาถูกๆในช่วงวิกฤติ ซื่งเป็นหุ้นที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เพราะวิกฤติ ทำให้ร่คาหุ้นลดลงชั่วคราว อีก2-3 ปี ราคาหุ้นจะฟื้นกลับมาได้ จึงเป็นโอกาสในยามวิกฤติที่สามารถสร้างผลตอบแทนงามๆได้ แค่เป็นเงินเย็นที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ในช่วง 2-3 ปี หรือเงินออมที่เก็บไว้ นำมาออมหุ้นที่ราคาลดแลกแจกแถม ทยอยออมไปเรื่อยๆดังตัวอย่างวิกฤติซับไพร์มที่ผมได้ลงทุนมา ..ก็ลองพิจารณาดูครับ

สำหรับผมแม้พอร์ตรวมจะติดลบ  - 39%  (ณ 30 กันยสยน 2563) แต่ก็เป็นการติดลบชั่วคราว เมื่อธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ผลขาดทุนก็น่าจะลดลง และหวังว่าจะมีกำไรตามสมควร หลักๆก็คงรับเงินปันผลประทังไปพลางๆก่อน ตามแนวทางหุ้นห่านทองคำ เก็บไข่ห่านเอาไปขายพลางๆก่อน  แต่พอร์ต DCA มั่นใจว่าน่าจะให้ผลตอบแทนได้สูงอีกครั้งหนึ่งครับ



พอร์ต DCA ในปัจจุบันติดลบอยู่ -157,196.66 บาท แต่คิดว่าอีกไม่นานเมื่อ COVIT 19 ค่อยๆคลี่คลายลง พอร์ต DCA ก็น่าจะค่อยๆมีกำไรกลับมาได้ครับ  ระยะยาว 2-3 ปีค่อยมาดูกันใหม่?....จะเป็นหมู่ หรือ จ่า ????




และผมได้โพสต์กระทู้ใหม่ๆของผมไปเก็บไว้ที่  FB ของผม ด้วยครับ สำหรับท่านที่สนใจอ่านย้อนหลัง ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ครับ  ผมเพิ่งจะเปิด FB ขึ้นมาครับ อิ อิ
https://www.facebook.com/Wild-Rabbit-111470537297419/?modal=suggested_action&notif_id=1600828772968727&notif_t=page_user_activity&ref=notif
     
กระทู้ DCA  Q3 Sep 30, 2020 ล่าสุด
https://pantip.com/topic/40240823/comment13-1